คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รับน้อง
ภูเขากับทะเลหมอก
เสียงหวูดรถไฟจากชานชาลาที่สถานีหัวลำโพงดังเป็นสัญญาณเตือน เอมมิกายกมือไหว้บิดามารดาทั้งน้ำตาก่อนจะหันหลังกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่ถึงกระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองข้างหลังพร้อมทั้งน้ำตา มือเรียวโบกมือลาบิดามารดาอย่างอาลัย
รถไฟขบวนนี้มีจัดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เสียงนักศึกษาเก่าและใหม่ดังออกมาจากโบกี้ที่หนึ่งถึงเก้าซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้จัดการเตรียมไว้ให้ เป็นที่ทราบกันดีของชาวเชียงใหม่ว่าภายหลังจากประกาศผลสอบวัดความรู้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนั้นทางมหาวิทยาเชียงใหม่จะมีการจัดประเพณีรับน้องตั้งแต่ที่กรุงเทพ ซึ่งนั้นก็คือประเพณีรับน้องรถไฟนั่นเอง
เอมมิกาเด็กสาวบ้านไกล ใครล่ะจะคิดว่าที่เธอทักบ่นว่าอยากจะมาเที่ยวเชียงใหม่บ่อยๆนั้นจะทำให้เธอเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่ห่างไกลบ้านถึงเจ็ดร้อยกิโลเมตรแบบนี้ ด้วยเหตุผลที่ให้กับป๊าและแม่ว่า
“หมอกอยากหาประสบการณ์ค่ะ”
ทั้งๆที่พูดเช่นนี้แต่เมื่อผลสอบประกาศออกมาหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปพักใหญ่ ยามนี้สายลมแรงปะทะมายังหน้านวล ดวงตาดำขลับอดไม่ได้ที่จะมีน้ำใสๆคลอออกมา ความรู้สึกของคนไกลบ้านประดาเข้ามาหากแต่ยังโชคดีที่บรรดารุ่นพี่ทั้งหลายมีกิจกรรมนันทนาการที่ทำให้ร่างบางคลายความกังวลได้บ้าง
“สวัสดีครับน้องๆทุกคน ยินดีต้องรับสู่คณะของเรานะครับ เดี๋ยวพี่จะแนะนำตัวทีล่ะคนเลยก็แล้วกันพี่ชื่อภูนะครับ”ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มชวนมองเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส จากนั้นบรรดารุ่นปีปีสองทั้งหลายก็พากันแนะนำตัว
“เอาล่ะครับ พี่ๆทุกคนแนะนำตัวเองหมดแล้วต่อไปก็ตาน้องๆนะ อ้อๆบอกด้วยนะว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง เริ่มจากข้างหลังก่อนก็แล้วกัน”พูดจบเสียงเจื้อยแจ้วจากทางด้านหลังที่แสดงถึงความกระตือรือร้น แม้ว่าบางคนจะมีเหนียมอายไปบ้างเพราะยังไม่คุ้นกับเพื่อนใหม่ก็ตาม ไม่นานนักเหล่านักศึกษาใหม่ก็ทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย กิจกรรมสนุกสนานบนรถไฟมีตลอดการเดินทางสิบเก้าชั่วโมง
สถานีรถไฟเชียงใหม่คราครั้งไปด้วยรุ่นพี่มากมายในแต่ล่ะคณะ เมื่อรถไฟมาจอดก็จะได้ยินเสียงบูมดังขึ้นเพื่อต้อนรับน้องใหม่ท่อนแขนกลมกลึงอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ จากนั้นพวกมาลัยดอกมะลิที่ร้อยเรียงดอกเป็นพวงยาวๆก็ถูกคล้องที่คออย่างไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางมากเท่าใดแต่การต้อนรับอย่างอบอุ่นก็ทำให้น้องๆรู้สึกมีเรี่ยวแรงที่จะประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิต่อไป
ศาลาสีขาวตัดกับหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องสีแดงแลดูสวยเด่นท่ามกลางสวนสัก เบื้องหน้าเป็นศาลพระภูมิที่เต็มไปด้วยพวงมาลัยดอกมะลิและดอกดาวเรืองอีกทั้งตุ๊กตารูปช้างที่ทำจากไม้ ตัวศาลาธรรมนั้นพิธีกรในงานเล่าว่าหากไม่มีเหตุการณ์สำคัญก็จะไม่มีการเปิดให้เข้า ดังนั้นครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกของปีการศึกษาที่เปิดให้เข้าชมความงามของศาลาธรรมแห่งนี้
เกือบสิบเอ็ดนาฬิกาภายหลังจากการร่วมพิธีภายในศาลาและการชมการตีกลองสะบัดชัยซึ่งเป็นศิลปะล้านนาเปลือกตาหนักของเอมมิกาก็เริ่มปิดหากแต่ก็ต้องฝืนรอฟังรุ่นพี่เสียก่อน
“เอาล่ะครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่หอแต่ถ้าน้องคนไหนต้องการจะซื้อใช้ที่จำเป็นเวลาห้าโมงเย็นให้มายืนรอพร้อมกันที่หน้าหอนะครับ แล้วเดี๋ยวพวกพี่ๆจะแวะไปรับทีละหอ”เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นประธานชั้นปีสองเอ่ยก่อนที่จะตะโกนบอกเพื่อนให้แบ่งกันไปส่งน้องปีหนึ่งตามหอพัก
เอมมิกาโชคดีที่มีเพื่อนที่นั่งมาในรถไฟอยู่หอพักเดียวกันหลายคน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พักห้องเดียวกันแต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันนัก ร่างเล็กเดียวแยกออกมาตามทางเดินพลางทอดตามองหมายเลขห้อง
“302 ห้องนี้แหละ”
ภายในหอพักประกอบด้วยเตียงนอนสองเตียง เตียงหนึ่งเป็นเตียงสองชั้นส่วนอีกเตียงเป็นเตียงเดี่ยวหากแต่แต่ชั้นล่างและเตียงเดี่ยวนั้นมีผ้าปูที่นอนมาปูไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกแปลกตากับบ้านหลังใหม่แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนจึงทำให้เด็กสาวบ้านไกลแทบไม่มีแรงที่จะหยุดคิด มือเรียววางกระเป๋าใบโตไว้ใต้โต๊ะเขียนหนังสือตัวที่ยังว่างก่อนจะหยิบผ้าปูที่นอนและหมอนใบน้อยขึ้นมาจากนั้นร่างบางปีนบันไดขึ้นไปยังเตียงนอนชั้นที่สองก่อนจะปัดฝุ่นออกเล็กน้อยคล้ายไม่ใส่ใจแล้วล้มตัวลงนอนอย่าอ่อนแรง
กริ๊ง!กริ๊ง!กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นสัญญาณปลุกเอมมิกาลุกขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะตรงไปยังห้องอาบน้ำรวมเบื่อชำระล้างร่างกายที่หมักหมมมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะลงไปรอที่ใต้หอก่อนถึงเวลานัดประมาณห้านาทีซึ่งขณะนั้นมีเพื่อนๆมารอกันอยู่ก่อนแล้ว สักพักก็มีรถสี่ล้อแดงสี่คันมาจอดหน้าคณะก่อนที่สาวๆที่ยืนรออยู่จะรีบขึ้นรถเพื่อไปรับเพื่อนๆที่อยู่ถัดไปโดยไว
บรรดารุ่นพี่พาน้องปีหนึ่งไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยแบ่งให้แยกย้ายกันไปซื้อเป็นกลุ่มโดยจะมีพี่ๆไปดูแลกลุ่มล่ะสองคน กลุ่มหมอกนั้นมี ส้มลิ้ม กอล์ฟ แอม ตี๋ ผัดไทส่วนพี่ที่มาเป็นพี่เลี้ยงก็มีพี่ภูและพี่ก้อย
หมอกเลือกซื้อของอย่างเพลิดเพลินเรื่องการซื้อของนั้นจะว่าไปก็เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว ร่างเล็กหยิบของมาพิจาณาโดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง
“พี่ช่วยนะครับ”เสียงทุ้มเอ่ยทำเอาเอมมิกาต้องเหลียวหลังกลับไปมองอย่างตกใจก่อนที่จะตอบอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ภู เดี๋ยวหมอกเข็นเองดีกว่า”
“เอาน่า!! พี่ช่วยเอง”ว่าแล้วชายหนุ่มก็ไม่ฟังเสียงเดินเข็นรถเลยไปจนหญิงสาวต้องรีบเดินตามพลางนึกในใจ
‘ช่วยเข็นอะไรทำไมเดินเร็วจัง ดูสิยังเลือกของไม่เสร็จเลย’
อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเดินตรงไปข้างหน้าก่อนจะไปลดความเร็วลงปล่อยให้คนที่เดินตามหลังเลือกของ
“พี่ภู เราเดินแตกกลุ่มแล้วนะ”เสียงหวานค่อนข้างร้อนรน ที่กลัวมากกว่าคือการหลงทางเพราะเพิ่งมาถึงจังหวัดนี้เป็นวันแรกจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่รวมขึ้นการขึ้นรถราเท่าใดนัก
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่หลงหรอกพี่มีเบอร์ไอ้ก้อยอยู่เดี๋ยวพอเราซื้อเสร็จยังไงก็ค่อยโทรเรียก”คนตัวโตพูดหน้าทะเล้น
“กลัวหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ กลัวหลงแล้วกลับหอไม่ได้เดี๋ยวต้องมานั่งร้องไห้อยู่ในห้างอายเขาแย่เลย”หญิงสาวตอบเสียงอ่อยทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับนึกขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเดินแตกกลุ่มเล่าก็เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายจงใจแตกให้ห่างออกมา โชคดีที่ไอ้แบงค์เพื่อนรักยังพอรู้ใจจัดกลุ่มให้ได้ดูแลน้องกลุ่มนี้ไม่อย่างนั้นโอกาสอยู่ด้วยกันแบบนี้คงน้อยนิด
“น้องหมอกมาจากโคราชหรอ”ชายหนุ่มเปิดการสนทนาทำลายความเงียบ
“ค่ะ พี่ภูอย่างเรียกน้องเลยนะ ฟังแล้วมันขนลุกน่าดู”เอมมิกาตอบพลางเลือกที่รองรีดผ้าโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าชายหนุ่มที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“แล้วมาไกลๆแบบนี้แฟนหมอกเขาไม่ว่าหรอครับ”นั่นไง คำถามโดนใจพูดออกไปแล้วหากคนฟังยังทำหน้าเฉยๆ
“ถ้ามีก็ดีสิคะ มีแต่เพื่อนกันหมดนั่นแหละ ที่โคราชเขาไม่ค่อยมีใครกล้ามาจีบหมอกหรอก ถ้าพี่ภูรู้จักหมอกมากกว่านี้นะจะรู้ว่าหมอกอยู่ห่างไกลคำว่าผู้หญิงมากเลย”คำตอบเล่นเอาคนตัวโตหัวใจกลับพองโต ร่างเล็กยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นจากกระเป๋าของชายหนุ่ม ภูเขามองเลขหมายที่โทรเข้ามาพลางบอกคนตรงหน้า
“ไอ้ก้อยน่ะ สงสัยจะโทรมาตาม”พูดจบก็กดปุ่มรับ เอมมิกาได้ยินแต่เพียงเสียงตอบตกลงเท่านั้นก่อนที่โทรศัพท์จะวางไป
“พวกนั้นบอกว่าอีกสิบนาทีเจอกันข้างล่าง หมอกซื้อเสร็จรึยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ภู เราเดินไปให้เขาคิดเงินกันเลยดีกว่าเน๊อะ”
“ก็ดีเหมือนกัน เย็นๆแบบนี้ยิ่งต้องเข้าคิวนานอยู่ด้วย”ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเข็นรถตรงไปยังช่องชำระเงิน
“หมอกมีเบอร์โทรศัพท์รึเปล่า เผื่อมีอะไรพี่จะได้โทรไปบอก”เสียงทุ้มถามขณะเข็นรถไปตามทางลง
“องค์การยังเข้าไม่ถึงค่ะพี่ภู ฮ่าฮ่าฮ่า หมอกพูดเล่น เอาเบอร์พี่ภูด้วยนะเผื่อหมอกหลงจะได้โทรไปถาม”
“ได้ๆ”ภูเขารับคำพลางกดหมายเลขของอีกฝ่ายโทรออกไป
“เรียบร้อย นั่นเบอร์พี่นะ”
“ค่ะ นั่นไงพวกพี่ก้อยกับพี่ตั้มรีบไปรวมกลุ่มเถอะพี่ภู”เสียงใสพูดขึ้นพลางชี้ไปยังที่หมายขณะที่คนข้างๆได้แต่ยืนโทษเวลาที่หมุนไปเร็วกว่าใจนึก
กว่าจะกลับถึงหอพักเอมมิกาก็แทบจะหมดแรงเพราะกว่าจะเลือกของเสร็จพี่ๆก็พาไปทานข้าวกันต่อ มิหนำซ้ำคนที่นั่งข้างๆก็คอยตักโน่นตักนี่ใส่ให้จนหญิงสาวต้องจัดการเก็บกวาดเข้าท้องให้หมดเพราะความเกรงใจ
ก๊อกๆ ร่างบางเคาะประตูเพราะคาดว่ามีคนอยู่ในห้องอยู่แล้ว
“สวัสดี”เสียงใสเอ่ยขึ้นทักทายหญิงสาวจึงยิ้มตอบให้
“เราชื่อขวัญนะ เรียนวิดยา”
“เราโบ๊ต เรียนหมอจ๊ะ”
“เราหมอก เรียนอีค่อน”สามสาวแนะนำตัวกันเองก่อนจะคุยถึงเรื่องกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดให้ทำกันในวันนี้ จากนั้นสองสาวจึงขอตัวไปอาบน้ำทิ้งไว้ให้เพื่อนใหม่อยู่ในห้องตามลำพัง
‘ตายล่ะลืมโทรไปหาป๊ากับแม่’เมื่อนึกขึ้นได้มือเรียวจึงรีบคว้าโทรศัพท์กลับบ้านทันที ก่อนจะอาบน้ำเข้านอนอย่าง
น่าแปลก!! เมื่อหัวถึงหมอนทั้งที่ง่วงแทบเป็นแทบตายคนตัวเล็กกลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น นึกถึงหน้าคนตัวสูงที่คอยบริการเธออย่างเต็มที่ จนส้มเพื่อนที่นั่งข้างๆอดไม่ได้ที่จะแอบล้อ
‘จะมีสักกี่คนกันที่ทำให้ผู้หญิงบึกบึนอย่างเราหวั่นไหวได้ขนาดนี้’ดวงหน้านวลนึกกับตัวเองก่อนจะเหลือบไปมองเตียงข้างๆและใต้ชั้นล่างพบว่าทั้งขวัญและโบ๊ตนอนไปหมดแล้ว
“นอนสักทีเถอะน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเดินสำรวจให้ทั่วมอเลย”ว่าแล้วเอมมิกาก็หลับตาพลางนับแกะไปทีละตัวทีละตัวจนเข้าสู่ห้วงนิทรา
~~~~~~เรื่องนี้เป้นเรื่องแรกที่หันมาเขียนแนวรักหวานแหวว มิหนำซ้ำยังเป็นเรื่องสั้นเสียด้วย - -" เอาเป็นว่ามีอะไรติกันมาได้นะจ๊ะ~~~~~~
โดย...ส.ศิรภัทร
ความคิดเห็น