คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 8 ภูตแห่งอัญมณี
บทที่
8
ภูตแห่งอัญมณี
เช้าวันถัดมา
เลล่าตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียน ชุดนักเรียนของเลล่าเป็นเสื้อสีขาวกระโปรงสีดำ
สูทด้านนอกเป็นสีขาวขลิบดำ
ชุดนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ที่สูทจะมีสีขอบแตกต่างกันโดยหอราตรีเป็นสีดำ
หออรุณเป็นสีทอง หอปฐพีเป็นสีน้ำตาล หอวารีเป็นสีฟ้า หออัคนีเป็นสีแดง
หอวายุเป็นสีเขียว
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ ปีหนึ่งของหอราตรีและหออรุณก็เดินไปที่เรือนสมุรไพรทันที
ที่เรือนกระจกมีพืชมากมายทั้งที่พวกเขารู้จักและไม่รู้จัก เมื่อทั้งสิบสี่คนมากันครบทั้งหมดด้านหนึ่งของเรือนกระจกก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างเล็ก
หน้าตาท่าทางใจดี แต่ผิวของเขาเป็นสีเขียวและบางที่ยังมีราสีเขียวติดอยู่ด้วย ! เสื้อผ้าของเขาเองก็ทำจากใบไม้อีกด้วย
บางใบยังมีรอยคล้ายถูกหนอนเจาะกินอีกต่างหาก ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึ้ง ๆ
ทันใดนั้นชายร่างเล็กก็เอ่ยแนะนำตัวเอง
“ สวัสดีเด็กปีหนึ่งของหออรุณและหอราตรี
ฉันคือศาตราจารย์กรีนวู๊ด เป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรขั้นพื้นฐานน่ะนะ ” ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดเอ่ยขึ้นด้วยเสียงร่าเริงพร้อมยิ้มให้นักเรียนทุกคนอย่างเป็นมิตร
“ สวัสดีครับ/ค่ะ ศาสตราจารย์กรีนวู๊ด ” ทั้งสิบสี่เสียงดังขึ้นพร้อมกัน บางคนคนยังคงมองศาสตราจารย์กรีนวู๊ดอย่างสนอกสนใจและค่อนข้างสงสัยว่าเหตุใดทำไมผิวของอาจารย์จึงเป็นสีเขียวได้ขนาดนี้
“เอ่อ...คือ...ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดครับ
ผมมีข้อสงสัยนิดหน่อยน่ะครับ ”
หลุยส์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆ
กลัวๆ
“อ้อ...คุณหลุยส์
มีอะไรรึ ถามมาได้เลย ”
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงและรอยยิ้มที่สดใส
“เอ่อ...คือ...คือว่า....” หลุยส์ยังคงอ้ำอึ้ง
“โอ้
หนุ่มน้อย เธอกำลังทำให้พวกเราเสียเวลานะ ”
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดว่าหลุยส์อย่างไม่จริงจังนัก พร้อมกับรอยยิ้มอย่างร่าเริงเช่นเคย
“ ขอโทษครับ
ศาสตราจารย์ คือผมอยากจะถามว่าทำไมผิวของอาจารย์ เอ่อ...
ทำไมถึงเป็นสีเขียวแบบนั้นล่ะครับ ”
รอยยิ้มของศาสตราจารย์กรีนวู๊ดค่อยๆหายไป
หลุยส์รีบเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับก้มหน้าด้วยความกลัวและสำนึกผิด
คนอื่นๆก็รีบก้มหน้าด้วยความกลัวว่าศาสตราจารย์กรีนวู๊ดคงต้องโมโหมากแน่ๆ
ที่ได้ยินคำถามเสียมารยาทเช่นนั้น
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของศาสตราจารย์กรีนวู๊ดอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับเพิ่งได้ฟังมุกตลกที่ฮาสุดๆ จนถึงขนาดว่าน้ำตาเล็ดกันเลยทีเดียว
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดยังคงหัวเราะจนกระทั่งเขาเริ่มเหนื่อยก่อนเอ่ยขอโทษหลุยส์ราวกับเสียมารยาทต่อหลุยส์อย่างมาก
ทั้งๆที่จริงแล้วเขาควรจะโกรธหลุยส์มากกว่า
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โอ๊ยยย เหนื่อย ฮ่ะๆๆๆ เฮ้ออออ ขอโทษทีคุณหลุยส์อาจารย์ไม่ได้ยินคำถามนี้มานานมากแล้ว
” ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดปาดน้ำตาที่หางตาเล็กน้อยก่อนตอบคำถามกับหลุยส์
“ คุณหลุยส์
ภูตต้นไม้อย่างพวกเราก็เหมือนต้นไม้
เลือดของเราต้องการการสังเคราะห์แสงเช่นเดียวกับใบไม้ นั่นเป็นสาเหตุของผิวกายสีเขียว
อันที่จริงถ้าคุณหลุยส์อยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ถามกับคุณเฟอนัลโด้ก็ได้นะ ” ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดตอบคำถามหลุยส์
พร้อมกับจ้องไปที่เฟอนัลโด้ที่อ้าปากหาวอย่างไม่คิดจะเก็บอาการ
ในขณะนั้นเองศาสตราจารย์ก็เหลือบไปเห็นเธอคนนั้น อ่า
พลังของภูตที่แผ่กระจายออกมาจาง ๆ นั่น ทำไมเราคุ้นเคยกับพลังเหล่านี้จัง
เหมือนเคยเจอมาก่อน ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดคิดในใจพร้อมกับมองไปที่เลล่า
“ สาวน้อยคนนั้น
ไม่ทราบว่าเธอมีชื่อว่าอะไรหรือ ? ”
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดถามชื่อกับเลล่า
“ เลล่า
เลล่า ไอซอร์ท จากสโนว์แลนด์ค่ะ ”
เลล่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและก็เหมือนเดิม
ใบหน้าที่นิ่งสนิทไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น
ต่างจากศาสตราจารย์กรีนวู๊ดที่ยิ้มกว้างอย่างรู้สึกยินดี เขารู้สึกยินดีจริงๆ
ที่ในที่สุดเขาก็ได้พบ หลังจากรอคอยมานานแสนนาน
“ โอ้
ในที่สุดสาวน้อยจากสโนว์แลนด์ก็มาที่นี่ อ่านั่นคงเป็นฝาแฝดเธอ คิร่า สินะ
ดีใจจริงๆ ในที่สุดก็ได้เจอกัน ”
เลล่ากับคิร่ามองหน้ากันนิดหน่อย
แต่ก่อนที่จะได้ทันถามอะไร ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดก็เริ่มแนะนำบทเรียน
“ เอาล่ะ
ก่อนที่เราจะเริ่มเรียนกัน ผมจะขอพูดแนะนำเกี่ยวกับบทเรียนคร่าว ๆ
ที่เราจะได้เรียนกันตลอดทั้งเทอมนี้ โดยเริ่มจากประวัติของสมุนไพร
วิธีสังเกตและจำแนกชนิด การจดจำรูปร่างและสรรพคุณ
รวมไปถึงการนำไปใช้ประโยชน์อีกด้วย เอาล่ะ
ใครพอจะได้บ้างว่าสมุนไพรมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ? ” ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดมองไปรอบ ๆ
ก่อนที่เฟอนัลโด้จะยกมือขึ้น ศาสตราจารย์ก็ผายมือเป็นการอนุญาตให้เขาตอบ
“ สมุนไพร
คือ ของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับมวลมนุษย์
โดยเรารู้จักสมุนไพรในครั้งแรกเมื่อหลาพันปีที่แล้ว
มนุษย์เรารู้จักสมุนไพรในด้านการบำบัดรักษา
โดยในตอนแรกสมุนไพรที่ได้รับการรู้จักคือต้นกระบองเพชร
โดยนำมาใช้เป็นยาฆ่าเชื้อและรักษาบาดแผล ครับ ” เฟอนัลตอบ
ก่อนปิดปากหาวอีกครั้ง เด็กปีหนึ่งที่เหลือยกเว้นเลล่ามองเขาอย่างอึ้ง ๆ ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดมองเฟอนัลโด้ด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไป
จะว่าชื่นชมก็ไม่ใช่ หมั่นไส้ก็ไม่เชิง เขาขำตัวเองเล็กน้อยก่อนพูดว่า
“ ตอบได้ถูกต้องคุณเฟอนัลโด้
เอาล่ะ วันนี้ผมจะให้พวกคุณเดินจดรายชื่อสมุนไพรที่มีบนโต๊ะนี้ มีประมาณห้าสิบชนิด
ให้ทุกคนจดชื่อให้หมดและแบ่งไปทำรายงานคนละสามชนิดโดยให้เขียนรูปร่างลักษณะและวิธีจดจำรวมถึงสรรพคุณด้วย
ตกลงกันเองว่าใครจะทำเรื่องอะไร อาทิตย์หน้านำรายงานมาส่งด้วย เริ่มงานได้ ” เมื่อศาสตราจารย์กรีนวู๊ดพูดจบทุกคนก็เริ่มกันทำงานที่ตนเองได้รับมอบหมาย คิร่าและคาโรลิน่าก็เดินมาสมทบกับกลุ่มของเลล่า คิร่ากระซิบกระซาบกับเลล่าอย่างข้องใจ
“ พี่เลล่ารู้สึกแปลกๆ
กับคำพูดของศาสตราจารย์หรือเปล่าคะ ? ”
เลล่ามองหน้าน้องสาวตัวเองเล็กน้อยก่อนสนใจสมุนไพรในมือตนเองพร้อมกับตอบคำถามน้องสาวตนเอง
“
พี่เชื่อว่าโอกาสของการกำเนิดฝาแฝดบนโลกนี้มีไม่มากนัก นั่นหมายถึงพวกเราเป็นของแปลกสำหรับพวกเขา
ซึ่งไม่แปลกใจที่ศาสตราจารย์จะตื่นเต้นกับการพบพวกเรา
เขาอาจเพิ่งเคยเห็นฝาแฝดก็ได้ ”
เลล่าพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
ราวกับคำถามของน้องสาวเป็นคำถามเกี่ยวกับสภาพอากาศ
คิร่าฟังคำตอบของพี่สาวตนเองก็ขมวดคิ้ว เธอเชื่อว่ามีเหตุผลอื่นมากกว่านั้น หรือเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้
เธอจึงเลิกคิดเกี่ยวกับคำพูดแปลกๆของศาสตราจารย์เริ่มลงมือทำงานตามที่ศาสตราจารย์สั่งทันที
และเธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าตอนนี้พวกเธอสองคนกำลังถูกจับตามองอยู่
แต่ไม่ใช่กับเลล่า เธอรู้สึกตัวทันทีที่รับรู้ว่ามีคนกำลังจ้องพวกเธออยู่ เธอจึงเงยหน้าขึ้นแต่ไม่พบใครที่กำลังมองเธออยู่และความรู้สึกที่ถูกจับจ้องก็หายไปแล้วด้วย
เลล่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนที่จะก้มลงไปทำงานของเธอต่อไป
กระดิ่งเลิกชั่วโมงดังขึ้น
ทุกคนต่างเงยหน้าจากสิ่งที่ตนเองทำอยู่
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดกล่าวเลิกห้องเรียนก่อนหายตัวจากไปทิ้งไว้แต่ควันสีเขียว
นักเรียนคนอื่น ๆ
จึงพากันเดินออกจากเรือนกระจกและรีบเดินจ้ำไปที่โรงอาหารด้วยความหิวโหย
เลล่ายังคงเดินดูต้นไม้ที่อยู่ในเรือนกระจกอยู่คนเดียว
เธอยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่แล้วตอนนี้คนในโรงอาหารคงเต็มไปหมด
เธอไม่ชอบที่ที่วุ่นวาย ผู้คนเยอะแยะก็น่าสยองพอๆกัน ขณะที่เธอเดินสำรวจรอบ ๆ
เรือนกระจกนั้น ร่างของศาสตราจารย์กรีนวู๊ดก็ปรากฏด้านหลังของเธอ
ทันทีที่เขาปรากฏก็เป็นเวลาเดียวกับที่เลล่านำมีดสั้นจ่อที่คอหอยเขาแล้ว !
“ คุณกำลังจะทำให้ผมบาดเจ็บนะคุณเลล่า
” ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดด้วยความร่าเริง
เขาไม่ได้กลัวเด็กตรงหน้าเลยซักนิด แม้ว่าเธอจะกำลังเอามีดจ่อคอเขาอยู่
เลล่าเก็บมีดพร้อมเอ่ยคำขอโทษกับศาสตราจารย์
“ ขออภัยค่ะศาสตราจารย์
ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ ”
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดหัวเราะเล็กน้อย
“ โอ้
ผมไม่โกรธคุณเลยคุณเลล่า ผมเข้าใจว่าคุณมีสัญชาตญาณในการป้องกันตนเองดีมาก
ว่าแต่คุณทำไมยังอยู่ที่นี่ล่ะ ”
ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดเอ่ยถามเลล่า
“ ดิฉันยังไม่หิวค่ะ
และต้องการดูสมุนไพรพวกนี้เพิ่มเติม ศาสตราจารย์คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยคะ ? ” ศาสตราจารย์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
ก่อนตอบคำถามของเธอ
“ มิได้เลยคุณเลล่า
คุณสามารถดูได้ทุกอย่างในเรือนกระจกแห่งนี้ และเมื่อคุณปรารถนาสิ่งใด แค่คุณเอื้อนเอ่ยออกมาผมจะดั้นด้นค้นหาจนได้สิ่งที่คุณต้องการ
” เลล่าขมวดคิ้ว
คำพูดของศาสตราจารย์เริ่มแปลกไป คำถามของคิร่ากลับเข้ามาให้หัวของเธออีกครั้ง
ใช่แล้วในครั้งนั้นเธอคิดว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติในคำพูดของศาสตราจารย์ แต่ในครั้งนี้มันไม่ใช่
มีบางอย่างในคำพูดพวกนั้น
“ คุณหมายความว่าอย่างไรคะศาสตราจารย์
? ” แต่ศาสตราจารย์กรีนวู๊ดก็หายไปแล้ว...
เลล่ามองไปรอบ
ๆ เรือนกระจกแต่มันก็ว่างเปล่า ร่างของศาสตราจารย์กรีนวู๊ดหายไปแล้ว เธอตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจกับสิ่งเหล่านี้และเดินออกจากเรือนกระจกไปเพื่อไปที่โรงอาหาร
สายตาคู่หนึ่งมองตามเธอเดินลัดสนามไป พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความยินดีบนใบหน้า...
เมื่อมาถึงโรงอาหาร ผู้คนเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว
เธอจึงเดินไปตักอาหารทานและนั่งทานเงียบ ๆ ความสงบนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นาน
ความวุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้นรอบข้างเธอ
ปีหนึ่งของหอราตรีรวมถึงคิร่าและคาโลริน่าที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน
จู่ๆทุกคนก็โผล่มาและนั่งรอบๆเธอพร้อมกับคุยกันเสียงดังข้ามหัวเธอไปมา
เลล่าถึงกับกุมขมับด้วยความรำคาญ อ่า ความสงบหายไปแล้ว เธอคิดในใจก่อนทานอาหารของเธอต่อด้วยความหงุดหงิด
ความหงุดหงิดยังคงก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อทุกคนยังคงตะโกนพูดคุยกันอย่างเสียงดัง ความอดทนของเลล่ากำลังจะหมดลง
ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย และแล้ว...
“ พวกนายช่วยเงียบเสียงลงหน่อยได้มั้ย
? ” น้ำเสียงนิ่งๆ เอ่ยขึ้นมา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเสียงของใคร
ทุกคนหันมาหาเธอเป็นทางเดียวกัน ก่อนที่เฟอนัลโด้จะหัวเราะและพูดว่า
“ ฉันนึกว่าเธอเป็นใบ้ไปแล้วซะอีก
เห็นนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ”
“ นั่นสิครับ ตั้งแต่ทำงานอยู่ในเรือนกระจกแล้ว
ผมยังไม่ได้ยินเสียงของคุณเลล่าเลยนะครับ ”
หลุยส์พูดเสริม
“ ตอนเดินออกมาจากเรือนกระจกก็ไม่เห็นพี่เลล่าแล้ว
ตอนแรกฉันนึกว่าพี่มาถึงโรงอาหารแล้วซะอีก มองหาจนทั่วก็ไม่เจอ ” คิร่าเอ่ยขึ้นมาอีกคน
เลล่ามองเพื่อนทุกคนด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย และทานข้าวต่อไปอย่างสงบ
นิโคลัสถึงกับถอนหายใจ ยัยนี่ !
ทำไมถึงนิ่งได้ขนาดนี้นะ
สงสัยคราวหน้าต้องยั่วให้หนัก !!!!
เมื่อทานข้าวเสร็จเรียบร้อยเลล่าก็เดินไปที่หอสมุด
และแน่นอนพวกนั้นก็ยกโขยงตามมากันเป็นพรวน
เลล่ากรอกตาด้วยความเบื่อหน่ายแล้วก็เดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
เมื่อถึงหอสมุดเธอก็เดินหาหนังสือที่เธอต้องการ เธอเดินไปรอบๆ
มองหาไปตามชั้นหนังสือต่าง ๆ จนมาถึงโซนบนสุดของหอสมุด
และนั่นล่ะหนังสือที่เธอตามหา ‘
ตำนานแห่งภูติ ’ เธอเอื้อมมือเพื่อหยิบหนังสือแต่มันอยู่สูงเกินไป
ทำให้เธอไม่สามารถหยิบได้ เลล่าพยายามเอื้อมตัวให้ถึง
แล้วจู่ๆก็มีมือปริศนาโผล่มาหยิบหนังสือเล่มนั้นออกไป
เลล่าหันหลังกลับมามองหน้าคนที่หยิบหนังสือทันที เฟอนัลโด้นั่นเอง
เขากำลังเปิดหนังสือดูอย่างผ่านๆ แล้วก็ปิดลงก่อนส่งให้เลล่า
“ เธอสนใจเรื่องเกี่ยวกับนิทานปรัมปราพวกนี้ด้วยหรอ
? ” เฟอนัลโด้ถาม เลล่าย่นคิ้วเล็กน้อย
ก่อนตอบไปว่า
“ ฉันแค่อยากรู้อะไรบางอย่าง
” เลล่าเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นทันทีโดยไม่ได้สนใจเฟอนัลโด้ที่กำลังขมวดคิ้วอย่างงุนงง
เฟอนัลโด้หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยถามเลล่าอีกครั้ง
“ อะไรล่ะ
? เธอกำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่ ? ”
เลล่าเงยหน้ามองเฟอนัลโด้นิดหน่อย
ก่อนพูดว่า
“ ภูติอัญมณี
”
“ หืมม
อะไรที่ทำให้เธอสนใจเรื่องภูติอัญมณีขึ้นมาล่ะ ? ” เลล่าเงยหน้ามองเฟอนัลโด้อีกครั้งด้วยความรำคาญพลางคิดในใจว่านายนี่ยุ่งจริงๆเลย
เธอไม่ได้ตอบอะไรก่อนก้มหน้าลงไปอ่านหนังสืออีกครั้ง
ก่อนที่จะได้ยินเสียงเฟอนัลโด้พูดมาว่า
“ ภูติอัญมณี
เป็นภูติที่มีอยู่เพียงสิบสองตนตามอัญมณีประจำราศีเกิดเท่านั้น
และจะมีเพียงแค่สิบสองตนเท่านั้น บางตำราก็ว่ามีสิบสามตน ซึ่งต่างจากภูติประเภทอื่นๆ
จะถือกำเนิดใหม่กันรุ่นต่อรุ่น
หมายถึงว่าเมื่อรุ่นเก่าตายไปถึงจะมีรุ่นใหม่กำเนิดขึ้นมาทดแทน
ว่ากันว่าภูติอัญมณีมีพลังพิเศษบางอย่าง
เมื่อถูกรวมเข้าด้วยกันจะเป็นยาวิเศษรักษาโรคได้ทุกชนิด
สามารถทำลายอาคมหรือเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งได้ รวมไปถึงสามารถชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย ” เลล่าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับปิดหนังสือลง
เธอมองหน้าเฟอนัลโด้ก่อนเอ่ยถามว่า
“ นายรู้หรือเปล่าว่าชื่อของพวกเธอมีอะไรบ้าง
? ” เฟอนัลโด้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบว่า
“ ไม่มีเขียนไว้ในตำรา
แต่ว่ากันว่าชื่อของพวกเขาตั้งตามชื่ออัญมณีทั้งหมด ก็น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ ” เลล่าถอนหายใจนิดหน่อย ไม่เห็นจะได้ความอะไรเลย
ก่อนส่งหนังสือให้เฟอนัลโด้ซึ่งหมายถึงให้เก็บกลับที่เดิมแล้วเธอก็เดินออกไปเพื่อที่จะเข้าชั้นเรียน
ทิ้งเฟอนัลโด้ที่กำลังยืนงงอยู่กับหนังสือเอาไว้คนเดียว
ที่ชั้นเรียนอักษรเวทย์ตอนบ่ายนั้นเป็นอะไรที่ทำให้เลล่าง่วงได้อย่างมาก
ตาทั้งสองข้างพร้อมใจกันหนักอึ้ง เธอหันมองรอบๆห้องก็เห็นทุกคนยังคงตั้งอกตั้งใจกับการเรียนเป็นอย่างดี
ผิดกับเธอที่หาวแล้วหาวอีก และแล้วความง่วงก็เอาชนะเธอได้
เธอฟุบลงบนโต๊ะทันทีแล้วเธอก็ฝัน... ในฝันเลล่ายืนอยู่ข้างน้ำตก
น้ำตกเดิมที่เธอเคยฝันว่าได้พบกับภูติอัญมณีที่ชื่อแซฟไฟร์
เลล่าตัดสินใจเดินเข้าในถ้ำนั้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่ได้มีเพียงแค่แซฟไฟร์ที่ยืนรอเธออยู่ มีผู้หญิงอีกสามคนยืนอยู่ใกล้ๆกับแซฟไฟร์
สองในสามคนนั้นมีรู้ร่างคล้ายกันต่างกันที่สีผมของพวกเธอ
คนหนึ่งผมดำและอีกคนผมสีขาว ผู้หญิงคนที่สามมีดวงตาและสีผมเป็นสีชมพู เท่าที่จำได้จากความฝันเดิมผู้หญิงทั้งสามคนคงเป็นไวท์เพิร์ล
แบล๊คเพิร์ล และรูเบลไลท์ ตามที่แซฟไฟร์บ่นถึง
เลล่ามองทั้งสี่คนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
จนกระทั่งหนึ่งในสี่ทนไม่ได้กับความเงียบที่ก่อตัวขึ้นในถ้ำก็ตัดสินใจพูดขึ้น
รูเบลไลท์นั่นเอง
“ เธอไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ?
เราเป็นภูติอัญมณีในตำนานเชียวนะ ให้ตายเถอะ ! ” รูเบลไลท์บ่นอุบอิบตามท้ายอีกนิดหน่อย
ไวท์เพิร์ลรีบเข้าไปหารูเบลไลท์ให้เธอใจเย็นลง ขณะที่แบล๊คเพิร์ลยืนยิ้มอย่างถูกใจ
ส่วนแซฟไฟร์...ยืนกุมขมับด้วยความเหนื่อยใจ
“ พวกเธอก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละน่า
จะใส่ใจไปทำไม ” เลล่าตอบก่อนนั่งลงบนก้อนหินที่เรียบสนิทก้อนหนึ่ง
รูเบลไลท์ถึงกับตาลุกวาว แต่ก่อนที่เธอจะทันพูดอะไร แบล๊คเพิร์ลก็พูดขึ้นมาก่อน
“ เราไม่ใช่แค่ความฝันแน่นอนเลล่า
เรามีตัวตนอยู่จริง แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่เราต้องการให้เห็น ” เลล่ายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ เธอมีอะไรพิสูจน์ว่าเธอมีตัวตนอยู่จริง
? นอกจากมาปรากฏตัวในฝันของฉันเท่านั้น ”
แบล๊คเพิร์ลยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า
“ พวกเราจะรอเธออยู่ที่ห้องนอนของเธอ
แล้วเจอกัน ” เมื่อจบประโยคเลล่าก็ตื่นขึ้นทันที
เธอหันมองบนกระดานและพบว่ามันยังเป็นคำเดิมที่อาจารย์สอน
นักเรียนทุกคนนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมไม่มีผิดไปจากก่อนที่เธอจะหลับไปแม้แต่นิดเดียว
หัวคิ้วของเลล่ามุ่นลงอย่างใช้ความคิด แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรเสียงของศาสตราจารย์สเตฟานี่ก็ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทของเธอซะก่อน
“ คุณเลล่าคะ
มีอะไรน่าสนใจกว่าอักษรเวทย์ที่ดิฉันกำลังสอนอยู่บนกระดานงั้นเหรอคะ ? ” เลล่าเงยหน้ามองกระดานทันที
ตัวหนังสือพวกนี้เธออ่านได้ตั้งแต่หกขวบ
นั่นเป็นสาเหตุที่วิชาเรียนนี้น่าเบื่อสำหรับเธอ
แต่การเป็นที่เพ่งเล็งของเหล่าศาสตราจารย์ไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอแน่ เลล่าจึงกล่าวปฏิเสธและทำท่าตั้งอกตั้งใจเรียนทันที
นั่นทำให้ศาสตราจารย์ สเตฟานี่ดูจะพอใจมากขึ้น และหันกลับไปสอนต่อทันที
นิโคลัสที่นั่งข้างเธอหันมาเลิกคิ้วล้อเลียนเธอนิดหน่อยก่อนที่จะหันกลับไปตั้งเรียนอีกครั้ง
ทันทีที่กระดิ่งจบข้ามดังขึ้น
เสียงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก็ดังขึ้นจากเลล่าทันที
และเป็นอีกครั้งที่ศาสตราจารย์สเตฟานี่หันมามองแต่เธอไม่ได้ว่าอะไร
และทุกคนก็เริ่มทยอยเดินออกไปจากห้องเรียน เลล่าจึงรีบเดินออกมาทันทีเช่นกัน
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของศาสตราจารย์สเตฟานี่ที่แสนเนี๊ยบคนนั้น
เดินออกจากห้องเรียนได้ไม่เท่าไหร่นิโคลัสก็เดินมาตบบ่าเธอเบา ๆ
พร้อมกับยิ้มล้อเลียนแล้วเดินจากไป เฟอนัลโด้กับหลุยส์ก็เดินเข้ามาสมทบ
รวมถึงคิร่าและคาโลริน่าด้วย
“ เชื่อเธอเลย
เหม่อในคาบของศาสตราจารย์สุดเนี๊ยบสเตฟานี่ ใจกล้าไม่เบานะเนี่ย ” เฟอนัลโด้พูดกลั้วขำ
“ โชคดีนะครับเนี่ยที่ศาสตราจารย์แกไม่เอาเรื่อง
ไม่งั้นได้ทำรายงานเป็นร้อยหน้าแน่ ๆ ”
หลุยส์เอ่ยพร้อมกับทำหน้าสยอง
“ พี่เลล่าเป็นอะไรรึเปล่าคะ?
ทำไมอยู่ๆถึงนั่งเหม่อได้ ”
คิร่าเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพี่สาวตนเอง
เลล่าส่ายหัวปฏิเสธ
“ เธอก็รู้ว่าพี่อ่านตัวอักษรพวกนั้นออกทั้งหมดแล้ว
มันเลยค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับพี่น่ะ ”
เลล่าตอบ
คาโรลิน่ากับหลุยส์อ้าปากค้างอย่างอึ้ง ๆ ตัวอักษรเวทย์พวกนี้มีตั้งหลายพันตัว
แล้วเมื่อนำมาผสมคำจะทำให้เกิดคำมากมาย
นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กๆอย่างพวกเธอจะทำได้ โดยปกติต้องเรียนรู้อยู่นานเป็นสิบปีเลยทีเดียวกว่าจะเข้าใจพวกมันทั้งหมด
แต่เลล่ากับบอกว่าอ่านพวกมันออกทั้งหมดเนี่ยนะ !
“ เก่งกว่าที่คิดนะเนี่ย
ฉันนึกว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่อ่านพวกนี้ออกทั้งหมดในรุ่นซะอีก ” เฟอนัลโด้พูดยิ้ม ๆ
ทำให้คาโรลิน่ากับหลุยส์อึ้งรอบที่สอง สองคนนี้ยังเป็นคนอยู่มั้ยเนี่ย ?! แล้วทุกคนก็พากันกลับไปที่หอของตนเอง
เมื่อถึงหอเลล่าเดินตรงดิ่งขึ้นห้องทันที
ไม่สนใจคำชวนไปกินข้าวของเหล่าเพื่อนๆ มีบางอย่างที่ต้องพิสูจน์ เธอคิด เมื่อถึงประตูหน้าห้องของเธอ
ประตูก็เปิดออกจากด้านใน เลล่ายืนนิ่งไปซักพักแล้วตรงเข้าไปในห้อง เมื่อเธอยืนกลางห้องประตูก็ถูกปิดลงด้วยฝีมือใครบางคน
คนๆนั้นที่มีผมสีดำ แบล๊คเพิร์ลนั่นเอง
และแล้วเรื่องนี้ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันเมื่อร่างของไวท์เพิร์ลและรูเบลไลท์ปรากฏขึ้นที่ปลายเตียงของเธอและแซฟไฟร์นั่งหวีผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ
แบล๊คเพิร์ลส่งยิ้มหวานให้เธอก่อนเอ่ยว่า
“ เจอกันแล้วนะเลล่า และแน่นอนว่าตอนนี้เธอไม่ได้ฝัน ! ”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แฮร่ ไม่ได้ลงนานเลย ขอโทษนะคะ ยุ่งอยู่กับธีสิสเลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาอัพเดต
เหมือนเดิมนะคะ มีอะไรติชิมได้เลย มีคำผิดแจ้งด้วยน๊า :)
ความคิดเห็น