ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราศิลาเวท

    ลำดับตอนที่ #1 : 1.เจ้าชายแห่งคลีเวนอส

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 54



     เจ้าชายแห่งคลีเวนอส

            ความวุ่นวายโกลาหลของขบวนเสด็จดูจะเรียกความหงุดหงิดพระทัยให้กับกษัตริย์แห่งคลีเวนอสได้มากทีเดียว พระองค์ประทับนั่งกระสับกระส่าย สายพระเนตรเหลือบทอดเนตรบานพระทวารอยู่เป็นพักๆก่อนจะทรงถอนพระทัยยาว

    “ยังไม่เสร็จอีกรึ” รับสั่งกับทหารผู้คุมม้าด้วยเสียงอันดัง ทำเอาทหารบริเวณใกล้ไกลขนลุกเกรียวอย่างไม่ต้องนัดแนะ

    “เจ้าชายราเซียสเสด็จ” คล้ายเสียงสวรรค์มาโปรด ทหารหลายนายรอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พระราชโอรสในกษัตริย์แห่งควีเวนอสเสด็จได้ทันเวลาพอดี ไม่เช่นนั้นหากกษัตริย์แห่งคลีเวนอสกริ้วขึ้นมาจริงๆละก็ ลูกก็ลูกเถอะ ใครหน้าไหนก็เข้าพระพักตร์ไม่ติดทั้งนั้น

    ร่างสูงขาวของเจ้าชายราเซียสเคลื่อนผ่านบานพระทวารด้วยความเร็ว ก่อนจะตามมาด้วยทหารอีกสองนายที่พยายามวิ่ง ตามเสด็จอยู่เบื้องพระขนอง

    “ฉลองพระองค์คลุมพระเจ้าคะ” ทหารหนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าชายราเซียส ทรงกระโดดขึ้นประทับบนหลังอาชาทรง “พระนมของพระองค์ให้นำมาถวาย”

    ราเซียสทอดเนตรผ้าคลุมดำผืนยาวในมือทหาร นัยน์เนตรสีน้ำตาลอ่อนไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดหากแต่ทรงเอื้อมพระหัตถ์ลงหยิบนำมาพาดไว้ที่อานม้า ก่อนจะทรงเงยพระพักตร์ตั้งตรงสบนัยน์เนตรผู้เป็นพระบิดาเพียงชั่วอึดใจแล้วโผนทะยานอาชาทรงตัวโปรดออกสู่ถนนเบื้องหน้าโดยไม่ตรัสอะไร

    ลมเย็นปะทะเกศาสีม่วงดำโบกสะบัด เจ้าชายราเซียสยังคงตั้งพระทัยบังคับอาชาทรงโดยไม่สนพระทัยทอดเนตรสิ่งอื่นใด มีเพียงทหารผู้ติดตามไม่กี่นายที่ตามเสด็จเจ้าชายแห่งคลีเวนอสได้ทัน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปได้ไม่นานเท่าใดนักฝีเท้าเริ่มชะลอลงก่อนจะหยุดลงในที่สุด

    ผืนป่าเบื้องพระพักตร์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาไกลออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เจ้าชายราเซียสทอดเนตรไปรอบๆ ทรงลูบแผงคอม้าตัวโปรดไปมาก่อนจะทรงยื่นเชือกให้ทหารนายหนึ่ง

    “ดูท่าขบวนเสด็จจะตามไม่ทันพระเจ้าคะ” เสียงกราบทูลเรียกให้นัยน์เนตรสีน้ำตาลอ่อนเหลือบกลับไปทอดเนตรเส้นทางม้าก่อนกลับไปทอดเนตรผืนป่าเช่นเดิม อย่างไม่สนพระทัยแต่อย่างใด

    “ตรัสบ้างก็ได้นะเจ้าชายราเซียส” เสียงเล็กใสเอ่ยเรียบ นั่งมองร่างสูงของราเซียสก่อนจะเดินเข้าคลอเคลียที่ขา “อย่าทรงกังวลไปเลย”

    พระขนงเลิกขึ้นสูง ประทับนั่งบนส้นเท้า “เจ้าว่าอะไรโรเอม มีอะไรที่ข้าต้องกังวล”

    เจ้าแมวตัวน้อยโบกสะบัดหางไปมา ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นสองเท้าหน้าขึ้นแตะเข่าราเซียส “ก็ไม่เห็นตรัสตั้งแต่เช้า โรเอมก็เลยเป็นห่วง แล้วนี่ทำไมไม่ใส่ผ้าคลุมซะละ โรเอมเห็นพีเนสจัดถวายให้นี่”

    ยังไม่ทันได้ตอบ ทหารนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามาทูลเรื่องขบวนเสด็จเสียก่อน “ขบวนเสด็จจากแคลโนริกใกล้เข้ามาแล้วพระเจ้าคะ”

    “มาช้าสู้ราเซียสของโรเอมก็ไม่ได้” เจ้าแมวน้อยพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง ราเซียสลุกขึ้น พยักพระพักตร์เล็กน้อยเป็นเชิงว่ารู้แล้วก่อนจะทรงเดินนำโดยมีโรเอมเดินตามหลัง

    “ท่านโรเอมก็มาด้วยรึ”

    คนถูกถามตวัดนัยน์ตากลับไปมอง ย่นหัวคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก “ข้าเคยห่างราเซียสด้วยหรอ” ว่าเสร็จก็เชิดหน้าเดินต่อทิ้งให้ทหารยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

    “โรเอม” เสียงเรียกทำให้โรเอมต้องหุบยิ้มกระแอมสองสามที “เลิกเล่นได้แล้ว” คนถูกว่าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองนกมองไม้ต่อไปเรื่อยๆจนราเซียสต้องเรียกอีกรอบ

    “โธ่ ก็โรเอมไม่ชอบ ถามมาได้ยังไงว่าโรเอมก็มาด้วยหรอ โรเอมอยู่กับราเซียสมาตั้งแต่เกิดจน 17 ปีแล้ว มีใครไม่รู้บ้างว่าราเซียสอยู่ไหนโรเอมก็ต้องอยู่นั้น”

    “เจ้านี่ไร้สาระ” ทันทีที่ราเซียสดีดนิ้วทหารผู้ถูกสาปให้เป็นหินรีบกระเสือกกระสนหายใจเพื่อเอาอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด แต่นั้นก็ยังมีเสียงเล็กๆที่ดังต่อว่าราเซียสอยู่เบื้องหลังจนเจ้าชายแห่งคลีเวนอสต้องเอ็ดเสียงดัง “พอได้แล้วนา โรเอม” เจ้าแมวน้อยทำแก้มป่องอย่างแสนงอน หยุดเดินแล้วกระโดดหายไปทิ้งให้ราเซียสส่ายหน้าเบาๆ ถอนหายใจน้อยๆกับอาการแสนงอนของเจ้าแมวน้อยนามว่า โรเอม

    “ราเซียส” เสียงเรียกจากชายหนุ่มรูปงามผู้กระโดดลงจากหลังม้าสีขาวนวล ฟังดูแข็งกระด้างหากแต่มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว “มาถึงนานแล้วหรอ”

    ราเซียสเหลือบมองผู้ถามตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินนำเข้าไปในป่ากว้างเบื้องหน้า จนผู้มาใหม่ต้องร้องถามตามหลัง

    “ไม่รอขบวนเสด็จก่อนหรือ เจ้าชายราเซียส” คำถามทำให้เจ้าชายแห่งคลีเวนอสหยุดเดิน หันใบหน้ามองข้ามไหล่กว้างก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

    “หม่อมฉันไม่ได้มาที่นี้เพื่อรอขบวนเสด็จ และไม่ได้มาที่นี้เพื่อตอบคำถามเจ้าชายแห่งแคลโนริก”

    “ได้ๆ หม่อมฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็แค่ลองถามดู หากจะเริ่มตอนนี้เลยก็ได้ หม่อมฉันไม่มีปัญหา”

    ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าชายแห่งคลีเวนอสมีเพียงแหวนที่ทรงสวมใส่อยู่กลับกลายเป็นคันธนูสายยาวที่แกะสลักลวดลายประจำตระกูลและนั้นก็เป็นคำตอบที่เจ้าชายแห่งแคลโนริกต้องหยิบธนูขึ้นเตรียมพร้อมในพระหัตถ์กว้าง

     

    “เจ้าชายทั้งสองเสด็จเข้าป่าไปแล้วพระเจ้าคะ” ทหารกราบทูลยืนนิ่งอยู่เบื้องพระพักตร์กษัตริย์แห่งคลีเวนอส ที่ตอนนี้เดาพระอารมณ์ของพระองค์ไม่ออกจริงๆ

    เงียบ ทรงเงียบตั้งแต่เสด็จมาถึงมีเพียงพระวรกายที่ดำเนินไปมา และหลายครั้งที่ทอดเนตรเข้าไปในผืนป่าราวกับว่ารอผลการตัดสินอย่างพระทัยจดจ่อ ก่อนจะตัดสินพระทัยเอ่ยขึ้นด้วยสุรเสียงอันดัง

    “ไปเอาม้ามาข้าจะเข้าป่า” ทันทีที่รับสั่ง อาชาทรงก็ถูกนำมาถวายแทบจะทันทีพร้อมกับคำทัดท้านขององครักษ์ผู้รู้พระทัย

    “ไม่ทรงรอข้างนอกละพระเจ้าคะ เสด็จเข้าไปในนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้การแข่งขันเร็วขึ้น”

    “ข้าไม่ชอบการรอคอย ข้ารู้ดีว่าต้องทำยังไง เจ้าก็ไม่ต้องตามข้าเข้าไป ข้าจะเข้าไปคนเดียว” องครักษ์คู่พระทัยจะแย้งหากแต่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่กลับตรัสขึ้นเสียก่อน “ข้าต้องไป” นั้นเป็นคำตรัสสุดท้ายก่อนที่อาชาทรงจะโผนทะยานหายเข้าไปในป่ากว้าง

    “ท่านลาร์ดจะดีหรือปล่อยให้เสด็จไปองค์เดียวเช่นนั้น หากทรง ...” ทหารหยุดพูดก่อนจะสบตากับลาร์ดองครักษ์คู่ใจของ เซเรลเนียส มาร์ คาโฟซัส กษัตริย์แห่งคลีเวนอส

    “ก็สุดแล้วแต่จะเกิด ข้าก็ได้แต่หวังว่า เจ้าชายจะไม่ทำให้เสด็จพ่อของพระองค์ต้องกริ้ว”

    “ข้าว่า คงยากตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วน้อยครั้งนักที่จะทรงเผชิญหน้ากันตรงๆ ถึงจะเป็นพ่อลูกกันก็เถอะ ท่านก็คงรู้ดีกว่าใครอื่น”

    ลาร์ดถอนหายใจ แววตาบ่งบอกถึงความคิดที่ยากจะอธิบาย “ข้าก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องใดขึ้น แต่รู้อะไรมั้ย สิ่งที่ข้าหวังกับสิ่งที่ข้าคิดมันช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน ข้าหวั่นใจยิ่งนัก”

     

     

     

               

     

                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×