ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TRI : 1 the war of catu.

    ลำดับตอนที่ #6 : ผู้แสวงหากำไร

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 51


    Chapters 6 : ผู้แสวงหากำไร

     

    ราว111ปีก่อน

              เจ้าจะไปจริงๆรึ โรสเทล่ารีบกล่าวถามสหายอย่างร้อนใจ ในขณะที่สหายผู้นั้นกำลัง เก็บข้าวของเครื่องใช้องค์จอมเทพก็ทรงตรัสบอกแล้วนี่ ว่าเจ้าอยู่ในวังก็ได้ แค่จะทำให้ทุกคนยอมรับ มิเห็นต้องไปลำบากนอกวังเลยนางพูดเสียงแหลม แต่ทว่าสหายผู้นั้น กลับยังคงนิ่งเฉย อย่าไปเลยอลาสซีเวีย

    ไปเถิด โรสเทล่า ไปถวายบังคมลาพระองค์ อลาสซีเวียที่เก็บข้าวของเสร็จแล้ว หันมาพูดกับโรสเทล่าด้วยรอยยิ้มจางๆ นางเดินจากห้องนอนแสนโอ่อ่า โดยมีโรสเทล่าตะโกนไล่หลังไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเลยใช่ไหมนี่

               

                ท้องพระโรงยามนี้เงียบสงัด ราวกับว่าผู้คนกำลังรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ และสิ่งนั้นก็เปิดประตูท้องพระโรงออก สตรีร่างเล็กไว้เกศาสั้นเดินผ่านเหล่าข้าราชบริพารเข้ามาด้วยท่าทีสง่างาม กิริยาสำรวม

    ทูลพระองค์ หม่อมฉัน มาถวายบังคมลาเพคะ เจ้าฟ้าหญิง อลาสซีเวีย ผู้มีศักดิ์เป็นถึงรัชทายาทแห่งราชวงศ์      เรเซียส ทูลต่อองค์จอมเทพผู้ซึ่งเป็น พระเชษฐา พระองค์ทรงประทับอยู่บนพระแท่นศักดิ์สิทธิ์ ต่ำลงมาหนึ่งขั้นเบื้องซ้าย มีพระราชโอรสตัวน้อยอยู่บนตักพระวิมาดา ซึ่งเป็นพระสนมผู้มีรูปโฉมงามสะพรั่ง ประทัปอยู่

    เจ้าแน่ใจแล้วรึ แล้วเจ้าจะไปทำสิ่งใด องค์จอมเทพทรงตรัสถาม ผู้เป็นกนิษฐภคินี

    พระองค์จะเสด็จออกนอกวังทำไมกันเพคะ อยู่ในวังก็สุขสบายอยู่แล้ว เหล่าข้าราชบริพารต่างก็ยอมรับพระองค์ พระสนมตรัสถามสุรเสียงใส เหล่าขุนนางเบื้องหน้า ต่างพากันกล่าวเห็นด้วยเป็นการใหญ่

    เรื่องความสุขสบายมิใช่เรื่องสำคัญ ตัวเราเมื่อครั้งยังเยาว์ก็ใช่ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุดถนอม เราอยากไปศึกษาทุกข์สุขของราษฎร อยู่แต่ในวังมิมีทางเข้าถึงพวกเขาได้เป็นแน่ กุญแจแห่งนภาเองก็มีมลทินเป็นสนิมเกรอะกรัง นั่นหมายความว่าตัวเรายังมิเหมาะสมคู่ควรต่อราชบัลลังก์ เมื่อข้าทำลายมลทินเหล่านั้นได้ เราจะรีบกลับมาโดยทันที นางตอบอย่างห้าวหาญ แต่พวกเขาก็ยังอยากจะรั้งนางไว้ มีเพียงพระสนมที่แสดงสีพระพักตร์ไม่พอพระทัย

    พระองค์จะเสด็จไปซ่องสุมกำลังไพร่พล เพื่อมาชิงราชบัลลังก์มากกว่ากระมังเพคะ ด้วยจิตสำนึกริษยาภายใน ทำให้นางกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ รวมทั้งพระราชโอรสด้วย

    ท่านแม่ ทรงตรัสอะไรน่ะ ท่านอาไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอกครับ พระราชโอรสรีบตรัสต่อพระวิมาดา ทำให้นางรู้สึกอับอาย ท่านอาอย่าโกรธท่านแม่เลยนะครับ ท่านแม่ทำไปเพราะเป็นห่วง...ผม

    ช่างเถิด... แล้วเจ้าคิดจะไปทำสิ่งใดกัน จะไปนานเพียงใด องค์จอมเทพทรงตรัสถาม เพื่อทำลายบรรยากาศตรึงเครียด พระกนิษฐภคินีแย้มพระสรวลจางๆ แล้วทูลตอบ

    หม่อมฉันจะขอไปเยี่ยงพ่อค้าเพคะ การเดินทางออกจากวังเพื่ออยู่อย่างสามัญชนนั้น ถือเป็นการลงทุนขั้นแรก การศึกษาเล่าเรียนวิชาการแพทย์ถือเป็นการลงทุนขั้นที่สอง ส่วนการรักษาประชาชนชั้นผู้น้อยโดยมิคิดค่ารักษาจนสุดความสามารถนั้น เป็นการลงทุนขั้นสุดท้าย และหม่อมฉันเชื่อว่าวันหนึ่งจะได้รับกำไรเป็นความรักและศรัทราจากพวกเขาเพคะ องค์รัชทายาททรงตรัสด้วยแววพระเนตรมุ่งมั่น พร้อมแย้มพระโอษฐ์จางๆ

    เช่นนั้น ก็เป็นการจงใจ ทำเพื่อหวังผลล่ะสิ องค์จอมเทพทรงตรัสถาม พระองค์ทรงรู้คำตอบที่จะได้รับดี เพียงแต่ประสงค์จะได้ยินจากปากของอลาสซีเวียเอง

    แม้การช่วยเหลือประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่หม่อมฉันอยากจะทำอยู่แล้ว แต่จะบอกว่าหม่อมฉันไม่หวังผลเสียเลยก็คงจะเป็นการโป้ปลด หากแต่ความหวังของหม่อมฉันนั้น มิใช่เพียงการได้รับความนับถือจากพวกเขา สิ่งที่หม่อมฉันหวังจะได้กลับมา คือความสุข ความสุขที่ได้เห็นประชาชนของหม่อมฉันยิ้มได้โดยมิต้องอดทนกับความแร้นแค้นและโรคภัยที่มิอาจหลักหนี ดังนั้น หม่อมฉันจะขอเรียกการลงทุนครั้งนี้ว่า ซื้อใจด้วยใจ เพคะเป็นดังที่ทรงคาดไว้ องค์หญิงอลาสซีเวียทูลตอบเช่นนั้นจริงๆ องค์จอมเทพทรงพระสรวลออกมาทั้งๆที่ มิค่อยจะได้ทำบ่อยนัก

     หึหึ... ไปเถิดอลาสซีเวีย ทำตามความปรารถนาของเจ้าเถิด หวังว่าเจ้าจะได้กำไรมากมายดังที่เจ้าคาดหวังไว้นะ ทรงตรัส พวกขุนนางคิดว่าพระองค์จะทรงคัดค้านเสียอีก แต่ก็มิเป็นเช่นนั้น ครานี้พวกเขาได้แต่ทำใจ เพราะนอกจากองค์จอมเทพแล้ว ก็คงไม่มีใครรั้งองค์หญิงผู้นี้ได้อีกแล้ว

    ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันขอถวายบังคมลานะเพคะ บาฮัส ข้าหวังว่าเจ้าจะถวายการอารักขาพระองค์เป็นอย่างดีนะ อีก111 ปีข้างหน้าข้าจะกลับมาพร้อมกำไรเป็นกอบเป็นกำนางทูลลาองค์จอมเทพ และหันไปฝากฝังกับสหายผู้เป็นราชองครักษ์ นางเดินออกไปจากท้องพระโรงอย่างภาคภูมิ

    รักษาพระวรกายด้วยนะขอรับ... รักษาพระวรกายด้วยเสียงขุนนางถวายพระพรไล่หลัง ดังกึกก้องท้องพระโรงศักดิ์สิทธิ์ องค์รัชทายาทกำลังจะออกไปค้ากำไร และทิ้งเบื้องหลังไว้ ให้พวกเขา ค่อยๆลืมเลือน

     

    111 ปีต่อมา

              อืม... 111 ปีแล้วหรือนี่ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ปราชญ์เทพเอ่ยขึ้นท่ามกลางท้องพระโรง เมื่อรำลึกถึงความหลัง ครั้ง 111 ปีก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกคนในเหตุกาณ์ครั้งนั้นก็กำลังคิดถึงมัน

    แล้ว... พระองค์ทรงได้กำไรอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่ปราชญ์เทพทูลถาม อลาสซีเวีย ที่ ณ ตอนนี้ ได้กลายเป็นองค์รัชทายาทแห่งราชอาญาจักรเรเซียสไปเสียแล้ว

    เมื่อครั้งข้าจากวังนี้ไป เป็นวันก่อนงานสมโภชการสถาปนาราชวงศ์เรเซียสหนึ่งวัน และวันนี้ก็เป็นเช่นวันนั้น เพียงแต่เวียนวนบรรจบครบรอบเท่านั้น ขอท่านจงรอดูกำไรของข้าในวันนั้นเถิด อลาสซีเวีย ไม่ใช่สิ... องค์หญิงอลาสซีเวียตรัส เมื่อเอ่ยถึงวันงานสถาปนานั้น ทุกคนในท้องพระโรง ก็พากันสนใจ

    อืม... เช่นนั้น งานวันพรุ่งนี้ ข้าจะประกาศกับเหล่าประชาชนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ว่าเจ้าเป็นรัชทายาท ถือเป็นการตรวจดูกำไรจากการ ซื้อใจด้วยใจ ของเจ้าด้วย องค์จอมเทพทรงตรัส และทอดพระเนตรไปยังเหล่าข้าราชบริพารเบื้องหน้า ที่พากันตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องงานสมโภช อันเป็นตำนานนี้

    พวกเจ้ามิต้องตระหนกไปหรอก ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามพิธีการ ข้าจะแต่งตั้งใครบ้าง ย่อมได้รู้แจ้ง หากพวกเจ้าเป็นกังวลว่าจะมิได้ ก็จงไปฝึกฝนตนเพื่องานประลองในวันพรุ่งเถิด ทรงตรัสขึ้น พวกขุนนางพากันเงียบกริบเวลานี้เหมาะสมแล้ว ที่พวกเจ้าจะได้ฉลองกันให้เต็มที่ แต่อย่าได้หนักไปล่ะ เพราะพรุ่งนี้ยังต้องฉลองครั้งใหญ่อีก เชิญ...

              งานเลี้ยงที่หยุดไปกะทันหัน เริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงบรรเลงเพลงดังขึ้นพร้อมการร่ายรำของเหล่านางรำ เหล่าขุนนางบางคนแทบไม่แก่จิตแก่ใจ จะร่วมสังสรรค์ เมื่อนึกถึงวันงานอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาตั้งตารอมานาน แต่สุดท้ายแล้ว เสียงดนตรีและฤทธิ์เหล้าก็ทำให้พวกเขา คล้อยตามกับงานเลี้ยงนี้จนได้

    ท่านอลาสซีเวีย เสียงจากเบื้องล่างต่ำกว่าหนึ่งขั้น ร้องเรียกให้อลาสซีเวียหันไปมอง นางเดินลงมาหาเขา เพื่อความเหมาะสมในการพูดคุย ทำไมท่าน ไม่ยอมบอกล่ะ ว่าท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท

    ขออภัยด้วย... ข้ามิเคยบอกใคร นอกจากผู้ที่รู้ดีอยู่แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่โกรธ อลาสซีเวียตอบคาสิอัส ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ทว่า ตอนนี้เขากลับยิ้มหวานเลยทีเดียว

    ข้าจะไปโกรธท่านได้ยังไงกัน ข้าดีใจตังหาก ที่ท่านยอมลดชั้นวรรณะ เพื่อรักษาประชาชนที่แร้นแค้นโดยไม่รังเกียจและด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะรักษาข้าจนหายดี นับเป็นเกียรติเลยทีเดียว

    .... เกียรติอะไรกันเล่า ข้าเป็นแพทย์ต่อให้ผู้นั้นเป็นเพียงมนุษย์ข้าก็ต้องรักษา แต่ว่าหลังจากนี้ข้าคงจะไม่ได้กลับไปเป็นแพทย์อีกนานเลยทีเดียว นางตอบ สีหน้าเรียบเฉย ทำให้คาสิอัสนึกถึงคำถามคาใจ เรื่องหนึ่ง

    ท่านอลาสซีเวียครับ... คือ... ที่ท่านบาฮัส บอกว่าท่าน ตายด้าน มันเป็นความจริงเหรอครับคำถามนั้นทำให้ อลาสซีเวียงงงันไปเลยทีเดียว และดูเหมือนบาฮัสจะได้ยินเสียด้วย เขาจึงรีบเดินออกห่างจากตำแหน่งนั้นทันที

    ท่านคาสิอัส ข้าพอจะเข้าใจอยู่ว่าคำว่าตายด้านของท่านหมายถึงในเรื่องใด ตัวข้ามิเคยคิดเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องทุกข์สุขประชาชนและบ้านเมือง เรียกว่าข้ามิสนใจจะดีกว่า

    อย่างนี้นี่เอง ขออภัยนะครับที่ถามอย่างนั้น ถ้างั้น... เอ่อ ก็แสดงว่าถ้ามีคนมาทำให้ท่านสนใจ ท่านก็จะสนใจ เอ่อ...ใช่ไหมครับ คาสิอัสถามอย่างขัดเขิน ใบหน้าแดงระเรื่อ ในใจเขาตั้งความหวังกับคำถามนี้มากทีเดียว เขารู้สึกตื่นเต้น หวังว่าคำตอบจะเป็นไปในทางบวก      

    ก็อาจเป็นได้ อลาสซีเวียตอบ พร้อมรอยยิ้มจางๆอันทรงเสน่ห์ น่าแปลก ที่คำพูดแค่นั้น กลับทำให้คาสิอัส หัวใจพองโตได้อีกหน ตอนนี้เขาหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า แดงมากราวกับสีของมะลิแดง

    ชะอุ๊ยย!!... เจ้าฟ้าชายคาสิอัสเพคะ หม่อมฉันมีนามว่า ขุนพล แม่ทัพโรสเทล่า ดิเอล เรเซียส เพคะโรสเทล่าที่จู่ๆ ก็โผล่มา รีบแนะนำตัวพร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้คาสิอัสเต็มที่ แต่วันนี้นางก็ดูงดงามมากทีเดียว

    เอ่อ...สวัสดีครับ ไม่ต้องพิธีรีตองนักก็ได้ คาสิอัสตอบอย่างขัดเขิน

    จะไปเต้นรำกับหม่อมฉันซักเพลงได้ไหมเพคะ ประกายตาหวานซึ้งยังคงถูกส่งออกไป คาสิอัสหน้าแดงอีกครั้ง เขาไม่เคยถูกชวนเต้นรำมาก่อน แม้แต่ชวนใครเต้นรำก็ยังไม่เคย

    ครับ... คาสิอัสตกลงด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ โรสเทล่าเองก็ระริกระรี้รีบฉุดกระชากลากถูเขาไป

    เขาหล่อสุดๆเลย ว่ามะ โรสเทล่าหันมาขยิบตาให้กับอลาสซีเวียเป็นการลา ทั้งสองรีบตรงไปที่ฟลอร์

                อลาสซีเวียมองดูบรรยากาศงานเลี่ยงเต้นรำอันแสนครึกครื้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย นางฟังเสียงเพลงที่บรรเลงอย่างประณีต  พร้อมทั้งมองดูหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

    เจ้ายังอาลัยอาวรณ์ ต่อชีวิตสามัญชนอีกรึ ปราชญ์เทพ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเสียนานกล่าวขึ้น เมื่อมองเห็นสีหนาเฉยชาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของอลาสซีเวีย

    แต่ก็นับว่าดีต่อเจ้ามากนัก การที่เจ้าได้ออกไปทำตนเยี่ยงสามัญชนนั้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่จะนำไปสู่การปกครองที่ดีเช่นกัน เจ้าพวกขุนนางหนุ่มๆที่นี่มันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ มีความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ เชื่อมั่นในความคิดของตนเองมากเกินไป ตามความอันที่ว่า การจะทำให้ผู้อื่นเชื่อนั้นนับว่ายาก แต่การจะเปลี่ยนความเชื่อของคนเหล่านั้นยากยิ่งกว่า 

    ท่านคิดเช่นนั้นหรือ น่าแปลก ข้าคิดว่า พวกเขาไม่มีความเชื่อเสียเลยด้วยซ้ำ แต่ข้าว่า ความคิดของท่านดูมีเหตุและผลกว่าอลาสซีเวียแย้งหน้านิ่ง ปราชญ์เทพถึงกับผงะไป เขารีบไตร่ตรอง

    อืม... ที่เจ้าว่าก็อาจจะใช่ก็ได้มั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า ปราชญ์เฒ่าหัวเราะอย่างเฮฮาเกินวัย เขาเป็นคนที่ถึงคราวจะเคร่งก็เคร่งจะเฮฮาก็เฮฮา เรียกได้ว่า เป็นผู้รู้สถานการณ์ อลาสซีเวียฟังเสียงหัวเราะนั้น และยิ้มจางๆ ตามแบบฉบับ

    แต่ข้าว่า...การที่เจ้าไปครั้งนี้นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก อย่างน้อยมันก็ทำให้เจ้ายิ้มเก่งขึ้น...ปราชญ์เฒ่ากล่าวอลาสซีเวียเปลี่ยนจากรอยยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทน เสียงฝีพระบาทดังไล่ลงตามขั้นบันได ทำให้ทั้งสองหยุดการสนทนา หันไปมององค์จอมเทพที่พระราชดำเนินลงมาทันที

    ท้องฟ้าสงบ อาจตามมาด้วยพายุร้าย จู่ๆ ก็ทรงตรัสขึ้น ด้วยสีพระพักตร์เรียบ ปราชญ์เทพถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีพระพักตร์นั้น

    พี่น้องเหมือนกันจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

    ... ต่อจากนี้ไป เราคงต้องเตรียมทัพรบกับพวกมาร มันคงไม่หยุดไว้แค่นี้เป็นแน่ ต่อจากเมืองฟอเรสเทน จะเป็นเมืองใด ฝากท่านคิดไตร่ตรองด้วยแล้วกัน ทรงตรัสขึ้น แต่ปราชญ์เฒ่าก็ยังไม่หยุดหัวเราะเสียที จึงทรงพระราชดำเนินกลับไปยังพระแท่นดังเดิม      

    ท่านปราชญ์เทพ....อลาสซีเวียรีบกล่าวเบาๆ เป็นการปราม แต่ก็ไม่ได้ผล

                งานเลี้ยงนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้คนเต้นรำกันอย่างสนุกสนานเฮฮา บ้างก็เมามายตามประสา แต่ทว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เสียงเพลงค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ และเงียบหายไปในที่สุด เงียบหายไปในความมืดมิดของราตรีกาล เพื่อรอคอยเวลาฟ้าสางในวันใหม่

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×