คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เป้าหมายต่อไป
Chapters 3
ณ โบสถ์เก่าๆ โทรมๆ แถวชานเมือง คงจะเป็นเพราะผู้คนพากันไปใช้โบสถ์ใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ทำให้โบสถ์แห่งนี้ดูเงียบไปถนัดตา และนี่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุด ที่จะทำเรื่องที่ไม่ควรจะทำ เรื่องที่ไม่ควรมีใครรู้....
“โอรีโอ้” เสียงชายชราผู้หนึ่งกล่าวเรียกชายผู้เป็นทั้งหลานและลูกน้องมือขวาของตนที่นั่งอยู่หน้าโบสถ์ ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ชายผู้นั้นรีบหันมาด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะขานรับ
“คุณลุง...ยังไม่ถึงเวลาส่งของเลยนะครับ” เขารีบลุกขึ้นมาพยุงผู้เป็นนายไปนั่งด้วยความเกรงใจ
“ทำอะไรอยู่ล่ะโอรีโอ้” ชายชราเอ่ยถาม
“กำลัง สวดมนต์วิงวอนให้พระเจ้าให้อภัยในบาปของเราครับ”ชายหนุ่มผมตั้งกล่าวน้ำเสียงจริงจัง แต่กลับนุ่มนวลกว่าปกติ ก่อนที่ผู้เป็นลุงของเขาจะคว้าเอาปืนคู่ใจออกมาแล้วยื่นมันให้กับเขา
“จะต้องขอให้พระองค์อภัยให้เราซักกี่ครั้งกันโอรีโอ้ ในเมื่อเรายังคงสร้างบาปไม่หยุดหย่อน พระองค์อาจจะให้อภัยเราเมื่อเราเลิกที่จะกะทำบาปใดๆแล้ว แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา”
“งั้นก็คงไม่ประโยชน์ที่จะ....” เขากล่าวตอบ แต่ทว่า กลับถูกขัดด้วยเสียงประตูโบสถ์อีกครั้งหนึ่ง และคนที่เปิดมันออกก็คือบาทหลวงคนหนึ่ง
"สวัสดีครับ คุณพ่อ" โอรีโอ้เอ่ยทัก บาทหลวงผู้เดินตรงมีที่ชายทั้งสองที่นั่งหันหลังอยู่อย่างช้า ๆก่อนจะถามกลับ
"ทำอะไรอยู่เหรอลูก”
“กำลัง รอเวลาน่ะครับคุณพ่อ” โอรีโอ้ตอบ ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง เขารีบหันกลับหลังไปมอง... ทว่าไม่ทันเสียแล้ว
“เวลาตายน่ะเหรอ” ชายปริศนาในคราบบาทหลวงตอบ ในมือของเขาถือมีดสั้น จ่อไว้ที่คอหอยของ ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งเปอริโคโล
“คุณลุง... กะ...แกเป็นใคร"
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ หรือถ้าแกอยากให้ฉันตอบ ตาแก่นี่...ก็ต้องตาย”
“แกต้องการอะไร”
“ฉันต้องการสินค้าทั้งหมด ที่พวกแกจะส่งในวันนี้” นักบุญจำแลงตอบอย่างผู้มีชัย ในขณะที่โอรีโอ้ แอบเหลือบตาส่งซิกให้ผู้เป็นตัวประกัน อย่างแนบเนียน
“มันซ่อนอยู่ใต้เก้าอี้น่ะ ข้างหลังนาย” ชายผู้นั้น ชำเลืองตามองไปยังที่ที่โอรีโอ้บอก และเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง โอรีโอ้ก็คว้าปืนออกมาและยิงไปที่ใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ในขณะเดียวกันกับที่ชายชราล็อคมีดที่จอคอตัวเองเอาไว้อย่างทะมัดทะแมง
“แกเป็นคนของใคร” โอรีโอ้ จ่อปืนไปยังร่างที่อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ร่างนั้นสั่นจ้องมาที่เขาตาเขม็งและสั่นไหวเบาๆ ก่อนจะแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น โดยที่โอรีโอ้ยังไม่ได้รับคำตอบ
“ลองหารอยสักดูสิ” ชายชราที่นั่งสบายใจ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกล่าวเรียบๆ โอรีโอ้จัดการถลกแขนเสื้อของชายคนนั้น แล้วเขาก็เจอมันจริงๆ ต้นแขนขวาของชายปริศนา มีรอยสัก เลข 13 ตัวใหญ่และลวดลายแปลกตา
“ไอ้พวกแก๊ง สิบสาม นี่มันคิดจะประกาศสงครามกับเราจริงๆ ใช่ไหม ส่งลูกกระจ๊อกมาตายฟรีๆ แบบนี้ พวกมันป่าเถื่อนจริงๆ”
“สงคราม..... โอรีโอ้ฉันเองก็อายุมากแล้ว ฉันไม่อยากจะ....” ผู้เป็นลุง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ทำให้ผู้เป็นหลานรีบพูดแทรก
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมไม่มีวันยอม ให้แฟมิลี่ของเรา ถูกใครย่ำยีได้เด็ดขาด”
“...” “ถ้าเธอเป็นลูกชายฉันก็คงจะดีสินะ” ชายผู้เป็นหัวหน้าแก๊งกล่าวเสียงเรียบ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเท่านั้น คงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะ”
“มีคนมารับรึเปล่าครับ”
“ป่านนี้คงจะมาแล้วล่ะ เย็นนี้ฝากด้วยนะ โอรีโอ้”
“ครับ” โอรีโอ้ตอบรับ เขามองดูผู้เป็นทั้งหัวหน้า เป็นลุง และเป็นผู้ที่เปรียบดั่งพ่อบังเกิดเกล้า เดินออกจากโบสถ์ร้าง อย่างช้าๆ นั่นยิ่งทำให้เขามุ่งมั่น ที่จะจัดการกับศัตรูหมายเลจหนึ่ง แก๊งเตรดิซี่...
“ส่งไอ้พวกมือใหม่ไป ไม่เห็นเข้าท่า อย่างมากก็แค่ทำให้มันเสียเวลา 2-3 วิ ไม่ได้ระคายเคืองอะไรมันเล้ย” ชายผู้มีหนวดเคราราวกับหมาป่า กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ในห้องส่วนตัวของหัวหน้าแก๊ง เตรดิซี่ และตอนนี้เขาก็อยู่กับชายผู้นั้นเพียงลำพัง
“ระคายเคืองแน่ล่ะ โดยเฉพาะไอ้แก่นั่น มันคงรู้ตัวว่าแก๊งมันจะได้เวลาดับแล้ว” แอนโตเนีย แคสโอเน หัวหน้าแก๊ง เตรดิซี่ ที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายเป็นที่หนึ่ง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ในมือควงแก้วไวน์ไปมาอย่างสบายอารมณ์
“ให้ฉันไปจัดการก็สิ้นเรื่อง จะได้จบๆ กันไป”
“อย่าดูถูกฝีมือ พวกมันนัก วูฟ โดยเฉพาะไอ้โอรีโอ้นั่น ถ้าเราจัดการมันได้ แก๊งเปอริโคโร่ ก็กลายเป็นฝูงหมาบ้าฝูงหนึ่งเท่านั้น”
“งั้นฉันจองเลย คนนี้ ห้ามใครหน้าไหนมายุ่ง” วูฟเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสใจ น้ำเสียงและแววตาบางบอกสัญชาติญาณสัตว์ป่า เขาเป็นคนเดียวที่สามารถพูดจาสนิทสนมกับ หัวหน้าแก๊ง 13 ได้ ด้วยความที่ทั้งสอง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก
“ถ้าแกทำได้ ก็ตามสบาย ฉันไม่ขัดข้อง แต่ที่ฉันอยากจะจัดการจริงๆ คือ ลา เคียเว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
“แล้วนายจะทำยังไง”
“เราคงต้องเป็นพันธมิตรกับ สคาวี่” แอนโตเนียกล่าว พางจิบไวน์เบาๆ
“คิดว่าคาคารอฟ จะยอมเรอะ” วูฟเอ่ยถาม เขาเองก็พอจะรู้จักกับ แก๊งสคาวี่อยู่บ้าง
“แกไม่สังเกตรึไง ว่าที่ผ่านมา ฉันไม่ค่อยจะไปสร้างศัตรูกับพวกสคาวี่ แก๊งฝีมือจัดจ้าน ที่น่าคบฟา แล้วค่อยขยำทิ้ง ฮ่าๆ ๆๆๆ” แอนโตเนียหัวตอบ ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ตามใจนายแล้วกัน ท่านหัวหน้า แอนโตเนีย ฮ่า ๆ ๆๆๆๆ” วูฟ สมทบ ทั้งสองหัวเราะประสานเสียงกัน ก่อนจะชนแก้วไวน์ฉลองแผนการใหม่
ความคิดเห็น