ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Kagerou] ขบวนการปราบเด็กเกรียน [All Hibiya]

    ลำดับตอนที่ #3 : [ตอนพิเศษ] ครอบครัวที่สมบูรณ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 460
      6
      6 พ.ค. 58

    ตอนแถม(ดราม่า)พิเศษ

    คำเตือน : ตอนนี้มีการเปลี่ยนอารมณ์แบบสุดขั้ว โปรดเตรียมรับความดราม่าที่จะตามมาด้วย

     

    ณ บ้านที่ชุมนุมของ Mekakushi Dan (ก็ที่เดิมอยู่ดีน่ะแหล่ะ แล้วผมจะพูดทำมะเขืออะไรเนี่ย)

    หน้าร้อนปีนี้ยังคงร้อนขึ้นทุกวันๆ ไม่ว่าญี่ปุ่นหรือประเทศไหนๆในแถบนี้ก็มีอุณหภูมิที่สูงเพียงพอสำหรับการทอดไข่หน้ากระโปรงรถได้แล้ว

    แน่นอนอากาศแบบนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับพวกวัยรุ่นติดบ้าน หรือก็คือ NEET โดยเฉพาะนีทที่ที่บ้านแอร์เสียบ่อยบางคน

    “โอ๊ยย~~ร้อนน~~~หน้าร้อนปีนี้มันจะร้อนไปไหนเนี่ยย~~~” นีทบางคนที่ว่านอนบ่นอยู่บนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งไว้ในสวนข้างบ้าน

    “ชินคุงครับ ถ้าร้อนทำไมไม่เข้าไปในบ้านล่ะครับ??” น้ำเสียงที่ไม่รู้ว่ากำลังเป็นห่วงหรือเยาะเย้ยดังขึ้นมาจากด้านข้างๆ

    “ไม่เอาอะ ข้างในไม่มีแอร์นี่ อากาศในบ้านต้องเหมือนเตาไมโครเวฟแหงๆ นี่ฉันอุตส่าห์หนีแอร์เสียมาจากที่บ้าน แต่พอฉันมาถึง แอร์ที่นี่ดันระเบิดต่อหน้าซะงั้น”

    “นั่นมันก็เพราะโคโนฮะคิดว่ารีโมตแอร์เป็นช๊อคโกแล๊ตนี่ครับ แถมเจ้าคุโรฮะแทนที่จะห้ามดันแต่ชู้ตรีโมตแอร์อัดกับตัวเครื่องจนแอร์ระเบิดตู้มเลยล่ะครับ ดีนะที่ไม่มีใครตาย”

     

    ชินทาโร่ และ คาโนะ กำลังบ่นกันไปๆมาๆเรื่องอากาศร้อนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดทั้งคู่ตรงกลางระหว่างพวกเขามีร่มชายหาดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า2เมตร ปักไว้กับพื้น แน่นอนว่าการมานอนแผ่ในสวนข้างบ้านตอนหน้าร้อนอย่างนี้นั้นไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจนัก แสงแดดอ่อนๆยามสิบเอ็ดโมง ค่อยๆทอแสงอย่างอ่อนโยนมากระทบกับผิวหนังชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นไก่เสียบไม้บนเตาบาร์บีคิว เหมือนจะได้ยินเสียง ฉ่าๆ ออกมาจากไขมันใต้ผิวหนังด้วย

     

    “หิวง่ะ”   “อีกแล้วรึแก ไอ้กระเพาะมารเอ้ย”

    ณ เก้าอี้อีกสองตัวถัดไป โคโนฮะ และ คุโรฮะ ก็กำลังบ่นในอีกเรื่องนึงที่น่าจะหมายถึงเรื่อง กระเพาะของโคโนฮะ รึไม่ก็ หลุมอาหารที่สูบกับข้าวหมดตู้เย็น

    “พวกนายเถียงกันนี่ไม่ร้อนกันบ้างเหรอเนี่ย~~~เฮ้อ~~~

    ชินทาโร่ดูดหลอดดังฟืดด...เป็นสัญญาณบอกว่า หมดแล้ว

    “อ๊า หมดแล้วอะ เฮ้ยย เมดขอโค๊กเพิ่มอีกกระป๋องนึงดิ๊!!!!

    “ค..คร้าบ รอแปปนะครับ ม..มาแล้วคร้าบบ~~~

    เสียงเล็กๆที่ดังออกมาจากข้างในตอบกลับเสียงของชินทาโร่อย่างตื่นๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ร่างที่วิ่งออกมาก็คือ...เด็กสาวในชุดเมด เธอเป็นสาวน้อยส่วนสูงพอๆกับเด็กประถม ผมสีน้ำตาลยาวสลวย ผิวพรรณขาวเนียนไร้ที่ติ ดวงตากลมฉายแววสดใส แถมยังออกอาการเขินอายนิดๆด้วย เป็นผู้หญิงที่ดูสะดุดตาไม่น้อย แค่เดินออกมาก็สามารถดึงสายตาของทุกคนตรงนั้นไว้ได้หมด

    “ค..โค๊กได้แล้วครับนายท่าน ล..เลิกมองผมซักที อ..อายนะ”

    “แหมขอบใจนะ~~” ชินทาโร่รับโค๊กมา แล้วลูบหัวเมดตัวน้อยอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็กระชากมืออกมาพร้อมๆกับเรือนผมสีน้ำตาลของเธอที่หลุดตามมาเป็นพวง

    “อ๊า~~เอาคืนมานะ” เมดสาวที่ตอนนี้ถูกกระชากผมออกไปกระโดดเหยงๆร้องจะเอาผมของตัวเองคืนมา เมดตัวน้อยตอนนี้มีผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน  และเมื่อลองพิจารณาดูดีๆจึงจะรู้ว่า...เมดคนนี้คือเด็กผู้ชาย

    “แหม แกนี่แต่งหญิงขึ้นนะเนี่ยไอ้เกรียน”

    “ฮือ~~หุบปากนะลุง”

    “น่ารักจังเลยน้าา~~คุณเมดตัวน้อยเนี่ย~~มีการอยากได้ผมคืนซะด้วย~~

    “บอกให้หยุดพูดไงไอ้เถิกนี่!!!

    “ฮิบิยะคุง นี่อยู่ในเวลางานห้ามพูดไม่สุภาพนะครับ”

     

    เด็กหนุ่มในชุดเขียวที่เดินตามหลังออกมา ปรามฮิบิยะในชุดเมดที่ทำท่าเหมือนกำลังจะกระโดดกัดคอคาโนะ

    “หรือว่าคุณอยากจะโดนลงโทษแบบคราวก่อ---

    “แง้~~~~~ไม่เอาาาาาคร้าบบบ ขอโทษครับคุณเซโตะะะะ อย่าทำผมนะคร้าบบบ นายท่านชินทาโร่ นายท่านคาโนะ ได้โปรด อย่าลงโทษผมเลยน้าา ฮือ~~~

    ฮิบิยะในชุดเมดคุกเข่าลงไปกอดขาชินทาโร่แล้วปล่อยโฮออกมาดังลั่น

    “ได้สิ ฮ่าๆๆ เจ้านายผู้มีเมตตาจะปรานีเมดตัวน้อยที่น่าสงสารให้เองง มารับใช้เจ้านายของเจ้าซะสิ มาช่วยคลายความร้อนให้ข้าที”

    “ชินคุงครับ ถ้าคุณยังรุกล้ำเข้าไปใกล้ฮิบิยะคุงหรือใครคนอื่นก็ตามอีก คุณจะโดนเป็นสองเท่าของที่โดนไปคราวก่อนนะครับ”

    มังกรไฟสีเขียวที่จำแลงกายลงมาในร่างกบยักษ์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ทั้งเจ้านายทั้งเมดต่างทรุดลงไปกองกับพื้นทั้งน้ำตา ทั้งสองเข้ากอดกันด้วยความกลัวในสัตว์ปีศาจตรงหน้า

    “ซ..เซโตะใจเย็นก่อน คือฉันไม่ได้----

    “แง้~~~ม่ายยยยนะ ถ้าโดนไอ้นั่นอีกรอบผมคงไม่ได้ลุกจากเตียงอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ฮือ ได้โปรด ไว้ชีวิตผมด้วยยยยยยยย”

    “อุฮุๆๆผมล้อเล่นน่ะครับทั้งสองคน”

    [ไม่เห็นจะเหมือนล้อเล่นซักนิดด!!!!] คำพูดกับการกระทำที่ขัดแย้งกันสุดของเซโตะทำให้คนทั้งสองนึกบ่นอยู่ในใจ

    [ฮือ~~~~แล้วทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ยยย~~~]

    ฮิบิยะคร่ำครวญถึงเหตุการณ์ที่เป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้

    (เกือบอะนะ ถ้าไม่นับการแอบเข้าห้องชินทาโร่ครั้งนั้น ที่เป็นจุดหักเหของชีวิตนั่นแหล่ะ)

     

     

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้

    ฮิบิยะ เด็กเกรียนตัวปัญหาอันดับ1ของกลุ่มซ่อนดวงตา มีนิสัยชอบเล่นซนแกล้งคนนู้นคนนี้ไปทั่ว เขาคิดว่าตนเองอยู่เหนือใครๆ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ แต่เขากลับถูกเหล่ารุ่นพี่(ผู้ชายเป็นทัพหน้า ผู้หญิงเป็นแบ๊กอัพ=w=)แกล้งตลบหลังจนทำเอาเด็กน้อยจะต้องจำบทเรียนนี้ไปจนวันตาย หลังจากที่เขานอนระทม(รึไม่ก็นอนระบม)อยู่กับเตียงเป็นเวลากว่าห้าวันหลังการต่อสู้กับมังกรไฟ เขาก็ยอมมาคุกเข่าขอโทษพวกรุ่นพี่ที่เขาเคยแกล้งเอาไว้ แต่คาโนะกลับไม่ยอมง่ายๆ โดยยื่นข้อเสนอให้กับฮิบิยะว่า จะต้องยอมมาเป็นเมดให้ทุกคนในบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ (เป็นการต่อรองสุดความสามารถของฮิบิยะ จากเวลาเดิมคือ 8เดือน) โดยห้ามขัดขืนคำสั่งใดๆมิเช่นนั้นจะต้องถูกเหล่าเจ้านายลงโทษ (เนื่องจากเหตุผลอันน่าสะเทือนใจบางประการทำให้เด็กน้อยคนนี้กลัวคำว่า ลงโทษ มากกว่าสิ่งอื่นใด) ฮิบิยะที่โดนมัดมือชก (ในหลายๆความหมาย)จึงยอมตกลงเป็นเมดของพวกรุ่นพี่ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาได้ติดกับดักของ พวกรุ่นพี่ผู้ชั่วร้ายไปเรียบร้อยแล้ว ชะตากรรมของเมดตัวน้อยผู้น่าสงสารที่ตกอยู่ในเงื้อมือของเหล่าจอมมารผู้ชั่วร้ายและสมาพันธ์ปีศาจสีม่วงจะเป็นอย่างไร

    คงจะรู้ได้จากการที่ทันทีที่สามารถแอบอัดเสียงการตอบตกลงของฮิบิยะไว้ได้ จอมมารชุดแดงก็เผยเงื่อนไขลับอันแรกออกมาทันที...

     

     

     

    “ชินทาโร่ ไอ้คนโหดร้าย ไอ้ลุงเจ้าเล่ห์ ไอ้ชุดบ้านี่มันอยู่ในเงื่อนไขด้วยรึไงฮะ!!

    เด็กน้อยบ่นกับคนโตกว่าที่นั่งหน้าชื่นมื่นอยู่บนเก้าอี้ชายหาดใต้ร่มกันแดดขนาดยักษ์ โดยทั้งเขาทั้งคาโนะเอาแต่สั่งเครื่องดื่มไม่หยุด ทำให้ฮิบิยะวิ่งไปวิ่งมาเข้าออกบ้านจนหัวหมุนไปหมด ชุดที่ฮิบิยะกำลังบ่นอยู่แถมอยากจะฉีกทิ้งอยู่รอมร่อนี้เป็นชุดที่เหมือนจะดัดแปลงมาจากชุดของมารี ชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนบานฟูฟ่องติดระบายลูกไม้สีขาวทำให้ดูหวานแหวว แถมยังเย็บชิ้นผ้ารูปหัวใจสีชมพูดวงใหญ่ไว้ตรงหน้าอกด้วย กระโปรงช่วงล่างถูกแก้ให้สั้นขึ้นมาจนถึงขาอ่อน นอกจากนั้นยังมีวิกผมยาวสลวยสีน้ำตาล รองเท้าถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าผู้หญิงของโมโมะ พร้อมกับถุงน่องที่ใส่ยาวมาถึงเหนือเข่า ฮิบิยะแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเพราะมัวแต่พะวงอยู่กับการปิดกระโปรงด้านหน้าแต่กระโปรงด้านหลังดันกระดกขึ้นมาแทน ซึ่งพวกมารร้าย(อันประกอบไปด้วย ชิน คาโนะ โคโนะ และ คุโระ) ต่างมองภาพตรงหน้าด้วยความเพลิดเพลินผสมกับความสนุกสนาน ส่วนเซโตะนั้นเป็นผู้ควบคุมการทำงานของฮิบิยะตลอดสองอาทิตย์ไม่ให้เขาทำผิดข้อตกลง

     

    “แหม~~เมดก็ต้องใส่เครื่องแบบสิ ไม่งั้นจะเป็นเมดได้ไง” ชินทาโร่เหล่ขึ้นไปมองฮิบิยะอย่างยียวน ถึงจะกำลังนอนเอนอยู่แต่เขาก็อยู่ต่ำกว่าฮิบิยะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “ไม่ใช่แค่อยากจะให้ฉันทำงานชดใช้รึไง??

    ที่ฮิบิยะอารมณ์เสียนไม่ใช่แค่เรื่องไอ้ชุดนี่เท่านั้นแต่เป็นเพราะเงื่อนไขลับที่สองที่คุโรฮะเสนอ(บังคับ)มาทำให้เขาต้องเลือกพร๊อพประกอบอย่างน้อยสองชิ้น ซึ่งสิ่งที่เขาเลือกมานั้นก็คือผ้าคาดหัวลูกไม้ติดหูแมวสีน้ำตาลอ่อนที่มีขนนุ่มๆฟูๆ กับหางแมวสีน้ำตาลอีกหนึ่งอัน เหตุผลที่เป็นสองอันนี้ เพราะว่ามันปลอดภัยที่สุด เพราะของนอกจากนั้นมีสายรั้งถุงน่อง กับกางเกงในผู้หญิงของชินทาโร่ กุญแจมือ กับโซ่ตรวนของคาโนะ และปลอกคอ กับสายจูงของคุโรฮะ เขาจึงเลือกพร๊อพสองอย่างที่เป็นของโคโนฮะมาใส่แทน แต่ก็ยังทำให้ฮิบิยะทำงานแบบเขินแทบเป็นแทบตาย

     

    “โธ่ คิดแบบเด็กจริงๆนะครับฮิบิยะคุง” คาโนะแทรกบทสนทนาขึ้นมากลางคันอย่างไร้มารยาท

    “เมดน่ะไม่ใช่แค่ต้องทำงานบริการนะ แต่ต้องปรนนิบัติเจ้านายอย่างเต็มที่ทั้งตัวและหัวใจเลยต่างหาก”

    “หาา!!!

    “เพราะฉะนั้น เอ้าพัดโบกให้เจ้านายทีนะ” คาโนะยื่นพัดให้ฮิบิยะที่ของขึ้นจนหน้าแดงแปร๊ด

    “อย่ามาพูดบ้าๆน๊าาาาาาา~~!!!!

    “----ฮิบิยะคุงครับ----” เสียงเตือนของเซโตะดังมากระทบเขาอีกครั้งทำให้เขาต้องยอมอดทนทำงานต่อ

     

    “ฮิบิคุงผมหิวววว”

    “เฮ้ย ไอ้เตี้ยเอาน้ำแข็งมาทีดิ๊ เร็วสิว้อยยย!!

    “ค..คร้าบบ”

    ฮิบิยะวิ่งแจ้นเข้าไปในบ้านตามคำสั่งของโคโนฮะและคุโรฮะ สลับกับชินทาโร่และคาโนะ

    “นี่พวกแกจะนอนชิลกันไปถึงไหนฮะ คิดว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทริมทะเลรึยังไงหา!!!!!” คิโดะเดินออกมาบ่นพวกผู้ชายสี่คนที่นอนผึ่งเรียงเป็นปลาตากแห้งอยู่นอกบ้านขณะที่ตัวเธอกับพวกผู้หญิงและเซโตะช่วยกันซ่อมแอร์

    “สภาพชิลกันน่าดูเลยนะคะ พวกนายท่านเนี่ย” คราวนี้เอเนะกับโมโมะเดินออกมาสมทบกับคิโดะด้วย

     

    สภาพพวกชินทาโร่ตอนนี้ก็ชิลกันจริงๆน่ะแหล่ะทั้งสี่คนนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ชายหาดใต้ร่มกันแดดขนาดยักษ์ ชินทาโร่สวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตติดกระดุมหลวมๆ คาโนะสวมกางเกงว่ายน้ำขาสั้นกับเสื้อไม่ติดกระดุม โคโนฮะใส่กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกว้างมากกก ที่เขาใส่ตามปกติแต่ไม่ใส่เสื้อตัวใน ส่วนคุโรฮะใส่กางเกงยีนส์ขาลีบไม่สวมเส้อพร้อมกับสวมหมวกฟางและกันกันแดด ทั้งสี่คนกำลังดูดน้ำและกินขนมกันอย่างอิ่มหนำสำราญ เหมือนตรงนี้เป็นชายทะเลจริงๆ

     

    “แหม คิโดะ ร้อนๆอย่างนี้พวกผมก็ต้องขอผ่อนคลายบ้างสิ~~

    “ไอ้คาโนะแกก็หัดช่วยงานบ้างสิจะให้ฉันกับเซโตะทำอยู่สองคนรึไงล่ะหา!!!

    “ไอ้เตี้ยน้ำแข็งได้ยังงง”   “คร้าบๆ มาแล้วคร้าบ”

    “มานี่เลยไอ้เถิก” “โอ๊ยคิโดะอย่าดึงหู เจ็บๆ”

    “ไอ้เตี้ยเอาน้ำแข็งถูหลังชั้นให้ที”

    “หา!!!

    “ทำเฟ้ยย!!!

     

    บรรยากาศรีสอร์ทเมคาคุชิดัน ยังคงดำเนินไปด้วยความครึกครึ้นโดยคาโนะถูกลากเข้าไปช่วยซ่อมแอร์ ส่วนฮิบิยะนั่งน้ำตาซึมจากการโดนคุโระเขกหัว ขณะที่เอาน้ำแข็งถูหลังให้คุโรฮะอยู่นั่นเอง...

    หมับ...

    “แว้กก!!!” ฮิบิยะที่กำลังจะลุกไปเปลี่ยนน้ำแข็งก็ถูกชินทาโร่ดึงหางไว้จนล้มหน้าทิ่ม

    “ทำบ้าอะไรนะลุง”

    “แหมก็เห็นแล้วมันอดดึงเล่นไม่ได้นี่นา” ชินทาโร่ทำไม่รู้ไม่ชี้ทำให้ฮิบิยะยิ่งโกรธขึ้นไปอีก

     

    แชะๆๆๆ

    เสียงชัตเตอร์รัวๆดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ฮิบิยะรีบหันไปดูทันที

    “ค..คาโนะ หยุดนะ อย่าถ่ายนะ” ฮิบิยะเอามือปัดป้องคาโนะที่มาพร้อมกับกล้องดิจิทัลที่รัวชัตเตอร์ใส่เขาไม่หยุด

    “ช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้ต้องถ่ายเก็บไว้นะครับฮิบิยะคุง~ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกฮิบิยะจังสินะ ฮ่าๆๆๆ”

    “เฮ้ยแกน่ะรีบๆมารับใช้ชั้นต่อได้แล้ว” คุโรฮะที่นอนราบกับเสื่อด้านล่างกระตุกกระโปรงของฮิบิยะเพื่อเรียกเขามาทำงานต่อ แต่เพราะแรงกระตุกมหาศาลของคุโรฮะ ทำให้กระโปรงด้านหลังถูกกระชากลงอย่างแรง ผลก็คือ...

     

    แคว่กกกก...

     

    “อ..อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ”

    “พรืดดด คิกๆๆ”

    “น่าสมเพชชะมัดเลยนะแก“

    ”ฮิบิยะคุง โชว์กางเกงในทำไมอะครับ??

     

    (เกือบ)ทุกคนตรงนั้นแสดงท่าทางขบขันที่กระโปรงด้านหลังของฮิบิยะฉีกขาดจนเปิดเห็นกางเกงใน ฮิบิยะยืนนิ่งไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว เขานิ่งแข็งไปโดยสมบูรณ์

     

    “ฮึก..ฮืออ” เสียงสะอื้นเบาๆดังลอดออกมาจากปากของเด็กน้อย

    “อ..เอ๋!?

    “อุ๊บ..ฮิบิยะคุง เอ่อ..

    “ฮิบิยะคุงเป็นไรอะ??

    “เฮ้ย ไอ้เตี้ย อย่าบอกนะว่า...

    “ง..แง้~~~~~~~~ไอ้พวกคนใจร้ายยยยยย” ฮิบิยะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับแหกปากร้องไห้ดังลั่น ทำเอาทั้งสี่คนได้แต่นั่งอึ้ง

     

    “ด..เดี๋ยวสินาย ฮิบิยะ!!

    ชินทาโร่ทำท่าจะวิ่งตามไปเป็นคนแรกแต่เขากลับถูกดึงข้อมือเอาไว้ก่อน

     

    โป๊ก โป๊ก โป๊ก โป๊ก

     

    ชินทาโร่ คาโนะ และ คุโรฮะ โดนเซโตะเขกหัวไปคนละทีทำเอามึนจนยืนแทบไม่อยู่

    “พวกคุณคิดว่ากำลังเล่นอะไรกันน่ะครับ ทำไมถึงไปทำให้ฮิบิยะคุงร้องไห้ถึงขนาดนั้นกันครับ”

    “ค..คือ ฉัน..

    “ผม เอ่อ.. แบบว่านึกสนุกไปหน่อยก็เลย..

    “ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยอะฮะ??

    “ฉ..ฉัน ไม่ได้ตั้งใจนะ”

    ทั้งสี่คนตอบกันตะกุกตะกัก ทำให้เซโตะยิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก

    “ถึงจะอยู่ระหว่างการลงโทษก็จริง แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกคุณก็คือการให้บทเรียนกับเขาไม่ใช่รึไงครับ แล้วแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน ที่ผมให้ความร่วมมือกับพวกคุณเนี่ย ไม่ใช่เพื่อมาทำเรื่องแบบนี้นะครับ แบบนี้แล้วพวกคุณจะยังเรียกตัวเองว่ารุ่นพี่ที่น่าเคารพได้อีกเหรอครับ!!!!!!!!

     

    ทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครตอบคำถามของเซโตะได้แม้แต่คนเดียว

    “คิดดูนะครับถ้ารุ่นน้องร้องไห้แบบนี้ ควรต้องทำยังไง รุ่นพี่ที่ดีควรจะทำยังไงเวลารุ่นน้องเศร้าใจกันครับ

     

    “ฉัน..ขอโทษนะ”

    “ผมนี่ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย”

    “เอ่อ ตกลงนี่มันเรื่องไรอะฮะ??

    “เอ่อ ฉัน จะรับผิดชอบในส่วนของฉันละกัน”

     

    “ทุกคนพูดเองนะครับ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้เห็นด้วยครับว่าพวกคุณทำตัวเป็นร่นพี่ที่น่าเคารพหรือยัง”

    เซโตะเดินกลับเข้าไปในบ้านปล่อยให้ทั้งสี่คนยืนอยู่ในสวน ทั้งหมดสุมหัวประชุมอะไรกันอยู่สักครู่ก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันออกไป

     

     

     

    [ทำไมกัน ทั้งๆที่ สำนึกผิดแล้วแท้ๆ ทั้งๆที่ยอมทำตามแล้วแท้ๆ แต่ทุกคน..ไม่มีใครรักผมจริงๆเลยซักคน ไม่มีเลยคนที่จะปกป้องผมในเวลาที่ผมรู้สึกเศร้า ผม...]

     

    [ผม...อยู่ตัวคนเดียว]

     

    เด็กน้อยวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงสะอื้น เขาวิ่งไปอย่างไไร้จุดหมาย น้ำตาแห่งความเศร้าและอับอายไหลอาบใบหน้าน้อยๆจนเปียกปอน แววตาไม่หลงเหลือประกายแสงใดๆอย่างที่เคยเป็น สิ่งที่ฉายอยู่ในแววตาของเขามีแต่ ความว่างเปล่า ความโดดเดี่ยว ความเศร้าที่บาดลึกลงไปในจิตใจของเด็กน้อยทำให้เขาแทบอยากจะหายออกไปจากโลกตรงหน้า...อยากหายไป

     

    เขาวิ่งมาจนถึงลานร้างแห่งหนึ่ง พื้นที่ที่ถูกล้อมรั้วเอาไว้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร หญ้าและวัชพืชที่ขึ้นรกร้างเหลืองกรอบเพราะความร้อน มันถูกย้อมไปเป็นสีส้มพร้อมๆกับสีของท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง ฮิบิยะมุดลอดรั้วหนามเข้าไปเพราะแรงดึงดูดบางอย่าง เขาเดินไปจนเห็นเข้ากับ...ต้นไม้ใหญ่

    เขานั่งลงที่โคนต้นไม้นั้น  ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดทำให้เขานั่งเอนพิงต้นไม้นั้นราวกับจะให้มันช่วยเยียวยาจิตใจ สายลมอ่อนๆพัดมากระทบกาบใบหน้าช่วยพัดพาน้ำตาให้แห้งเหือดไป ฮิบิยะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยจากการนั่งปลดปล่อยอารมณ์อยู่ที่ตรงนี้ เขาหลับตาลงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ของเขาให้กลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง หวนนึกถึงความทรงจำบางอย่าง...ความทรงจำอันแสนสุขของเขา

     

    ‘นี่ รอด้วยสิ’

    เสียงน้อยๆดังขึ้นมาจากที่ห่างออกไปเล็กน้อยทำให้ฮิบิยะลืมตาขึ้นมาดูด้วยความสงสัย

    ‘นี่นายอย่าชักช้าสิ นี่ ดูสิ ที่นี่สุดยอดไปเลยไม่ใช่หรือไง?’

    เสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นเด็กหญิง น้ำเสียงนั้นฟังดูตื่นเต้นไม่น้อย

    ‘นี่ เข้ามาในที่แบบนี้จะดีเหรอ เดี๋ยวก็โดนดุหรอก’

    ‘จะกลัวอะไรละ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซักหน่อย เอาล่ะตัดสินใจแล้ว ที่นี่จะเป็น ฐานลับ ของฉันล่ะ’

    ‘หา ฐานลับ ฐานลับอะไร??’

    ก็ที่ของเราไง เอาไว้ทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ เป็นบ้านของเราไง

    ‘บ้าน...ที่นี่เนี่ยนะ

    ‘แล้วไงล่ะยะ เธอหาดีกว่านี้ได้ไหมล่ะ’

    ‘ก..ก็ แบบว่า

    ‘นายน่ะไม่ต้องออกความเห็นเลย ชั้นเป็นหัวหน้า สิทธิขาดอยู่ที่ชั้น เข้าใจไหมย่ะ

    อะไรอะ พูดเองเออเองนี่

     

    เด็กน้อยทั้งสองเถียงกันไปมาห่างจากฮิบิยะเล็กน้อย ฮิบิยะมองเด็กสองคนนั้นด้วยความคุ้นเคย

    [เด็กคนนั้น...] ฮิบิยะเพ่งไปที่เด็กหญิงคนนั้น เด็กหญิงคนนั้นมองจากภายนอกอายุน่าจะประมาณเด็กประถมต้น ผมสีดำมัดทวินเทลดูคุ้นตา เสื้อสีดำตัดกับกระโปรงเอี้ยมสีชมพูหวานไม่เข้ากับท่าทางแก่นซนของเธอเลย ดูแล้วเธอคงเป็นพวกที่ชอบกดขี่คนอื่นไม่น้อยเลย เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กหญิง ผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน สวมเสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ถึงจะดูหัวเสียกับการกระทำของเพื่อนหญิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ดูเหมือนจะยอมเธอคนนั้นทุกอย่าง เด็กทั้งสองคนนี้ทำให้เขานึกถึงภาพที่เขาคุ้นเคย ความคุ้นเคยที่เขาจำมันได้

    [เด็กพวกนั้น...ฮิโยริ กับ...ผมงั้นเหรอ..]

    เด็กทั้งสองที่เขาคุ้นตา นั่นคือ ฮิโยริ เพื่อนสมัยเด็ก กับ ตัวเขาเอง

    [งั้นที่นี่ ก็คือ...ฐานลับนั่นเองเหรอ..]

    ที่ฮิบิยะวิ่งแบบไร้จุดหมายมาจนถึงที่นี่ ความรู้สึกที่ดึงดูดมาที่นี่ มันคือ ความคุ้นเคย และความทรงจำที่มีต่อที่นี่นั่นเอง

    ใช่แล้ว ที่นี่คือฐานลับที่ฮิบิยะและฮิโยริเคยมาเล่นด้วยกันบ่อยๆในสมัยเด็กนั่นเอง

    [ทำไม...ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ]

    อ้า เย็นซะแล้วหล่ะ 

    ‘กลับกันเหอะ’

     

    “อ๊ะ!! อย่าเพิ่งไป”

    ก่อนที่ฮิบิยะขะได้ทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เด็กทั้งสองก็มุดรั้วกลับหายไปเสียแล้ว

    “นั่นมัน..ของเด็กพวกนั้นฮิบิยะเดินไปตรงจุดที่มีของบางอย่างตกอยู่ นั่นคือ...ตุ๊กตาผ้ารูปเด็กผู้หญิง ตุ๊กตาฮิโยริ”

     

    “ฮึก...ฮืออ~~ ฮิโยริ ผม..เหงาจัง”

    ฮิบิยะสะอื้นไห้พลางหยิบตุ๊กตามากอดแนบอก

     

    “ใครก็ได้...มาหาผมที”

     

    “ใครก็ได้...ช่วยบอกผมที ว่าไม่เป็นไร”

     

    “ใครก็ได้...ช่วยกอดผม แล้วปลอบผมที”

     

    “ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”

     

    “ไม่มีเลย ไม่มีใครเลย ที่จะมาช่วยเหลือคนอย่างผม”

     

    “ไม่แม้แต่ครอบครัว แม้แต่เธอ เธอก็ยังเย็นชาใส่ผม”

     

    “แม้แต่...พวกนั้น พวกคนที่ผมคิดว่าเป็นครอบครัว”

     

    “พวกเขาไม่...ไม่แม้แต่จะสนใจผมซักนิด”

    “ในสายตาพวกเขา...ผมก็เป็นแค่ เด็กน่ารำคาญ

     

    “ไอ้ตัวปัญหา ไอ้เด็กบ้า ไอ้คนไร้ประโยชน์”

     

    “อย่างผมน่ะ ไปตายซะที่ไหนก็ได้ก็คงดี...

     

    “ไม่มีเลย ผมไม่มีประโยชน์กับใครเลย ไม่มีใครเป็นห่วงผมหรอก”

     

    “เพราะผมเอง ผมทำกับเขาไว้เอง พวกเขาไม่มีวัน...ยกโทษให้กับผมหรอก”

     

    “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะกลับไป กลับไปบอกกับพวกเขาว่า...

     

    “ผมขอโทษ ผมไม่น่าทำอะไรอย่างนั้น ผม...ได้โปรดอย่า”

     

    “อย่าทิ้งผมไปเลยนะ”

     

    “ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”

     

    เด็กน้อยคุกเข่าอยู่กับพื้นกอดตุ๊กตาแนบอก เขาพร่ำขอโทษกับตุ๊กตาครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาอาบไปทั่วใบหน้าของเด็กชาย

    แต่ก็ไม่มีใครมา ไม่มีเลยสักคนเดียว เขายังคงได้แต่ร้องไห้เพียงลำพัง ทั้งหมด...มันเพราะตัวเขาเอง เขาทำให้ทุกคนเกลียดเขาด้วยตัวเอง

     

    นาย...เหงางั้นเหรอ?’

    เสียงเล็กๆดังออกมาจากตุ๊กตาในอ้อมกอด

     

    “ใช่แล้ว ผมเหงามากเลยล่ะ”

     

    อยากกลับไปงั้นเหรอ?

     

    “อยากกลับไป........แต่กลับไม่ได้แล้ว ผมคงโดนเกลียดไปแล้ว

     

    อยาก...จะให้มีคนมารักนายงั้นเหรอ?

     

    “อยาก อยากถูกรัก อยากให้มีคนบอกว่ารักกับผมเอง”

     

    ‘งั้นก็มากับฉันซะสิ นายจะมีเพื่อน นายจะไม่เหงาอีกต่อไป ฉันจะเป็นคนรักนายเอง

     

    “เธอ..จะรักฉันเหรอ เธอ...คือใครงั้นเหรอ

     

    ตามฉันมาสิ ฮิบิยะ จงเชื่อใจฉัน เชื่อในมือของฉัน ฉันคือคนที่นายเฝ้าตามหา คนที่นายเคยเชื่อใจ คนที่นายเฝ้าหวังว่าวันนึง...เฝ้าหวังว่าฉันจะมารักนาย

    ฉันจะทำ ฉันจะทำให้ความรักของนายเป็นจริง ได้โปรด...มากับฉันนะ...ฮิบิยะ

     

    ตุ๊กตาลอยออกจากอ้อมกอดของฮิบิยะขึ้นไปในอากาศ มันลอยออกไป ออกห่างจากเขาไปเรื่อยๆ ออกไปจากลานกว้างแห่งนั้น

    “เดี๋ยวก่อน กลับมาา----

    ฮิบิยะวิ่งตามตุ๊กตาไปอย่างสุดชีวิต เขาวิ่งผ่านลานกว้าง ทางเดิน ซอกซอย บ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน สะพาน แม่น้ำ ผ่านซอกซอยจนมาถึงถนนใหญ่

    มากับฉันนะ ฮิบิยะ นายจะไม่มีวันเหงา ฉันจะอยู่ข้างนาย ตลอดไป ตลอดไป ไม่ว่านายจะสุขหรือเศร้า ฉันจะอยู่กับนายในวันที่นายเหงา ฉันจะคอยปลอบในวันวันที่นายร้องไห้ ฉันจะขอเป็นคนที่ซับน้ำตาให้นาย จงมีความสุขซะเถอะนะ พ่อเทวดาตัวน้อยของฉัน สุดที่รักของฉัน

     

    “รอผมก่อนนะ ได้โปรด ผมจะไปหาเธอ ผมจะไปหาทุกคน เพราะพวกเธอคือ ความรักของผม

    ฮิบิยะวิ่งข้ามตัดผ่านถนนใหญ่ เขาสนใจแต่เพียงคนที่เขารักเท่านั้น แต่เขาไม่รู้เลย เขาไม่รู้ถึงสิ่งอื่นใดเลย จนเสี้ยววินาทีที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากเบื้องหลังของเขา

    เสี้ยววินาทีเดียวกันที่เขาได้สติ เสี้ยววินาทีเดียวกันที่รถบรรทุกคันใหญ่วิ่งมา แสงเบื้องหน้าสว่างวาบไปหมด เหมือนเขาถูกตัดขาดออกจากโลกโดยสมบูรณ์ เขาไม่อาจขยับตัว ไม่อาจหนี ไม่อาจร้องขอสิ่งใดอีก

    จงมาหาฉัน มาอยู่กับฉัน ตลอดไปเถอะนะ สุดที่รัก

     

    [มันจบแล้วสินะ]

    [ไม่มีวันได้เจออีกแล้ว]

    [ผมขอโทษ]

    [ได้โปรยกโทษให้กับความโง่เขลาของผมด้วย]

    [ผมจะหาไปหาคุณ]

    [เพราะคุณคือสุดที่รักของผม ครอบครัวหนึ่งเดียวของผม!!!!]

     

    -----เอี๊ยดดดด---- ........ ตู้มมมม-----

     

    สิ้นเสียงกรีดร้อง สิ้นเสียงการกระแทก สิ้นเสียงการแตกสลาย เด็กน้อยหมดสติอยู่กับพื้น ร่างกายบอบช้ำเกินทน น้ำตาไม่มีอีกแล้ว ร่างกายเย็นเฉียบ แต่ในใจร้อนรุ่ม

    [คุณไม่ได้มา เหมือนทุกที ที่ผมไม่มีผู้ใดมาช่วย งั้นสินะ]

     

    แต่ว่า...

     

    [ทำไมกัน ทำไม ผมยัง ยังมีสติอยู่

    ผมน่าจะ...ตายไปแล้วนี่นา]

     

    “ทำไม...” ฮิบิยะค่อยๆใช้มือยันร่างกายที่บอบช้ำขึ้นมาเขาหันไปยังที่ๆควรจะมีร่างของเขาอยู่...

    ถ้าตรงนั้น ไม่มีใครมานอนแทน

    ถ้าตรงนั้น ไม่มีเลือดที่ไม่ใช่ของเขานองอยู่

    ถ้าตรงนั้น ไม่ได้มีร่างเด็กหนุ่มในชุดสีดำแทนที่จะเป็นชุดเมด   เขาคงตายไปแล้วจริงๆ

    “ค..คาโนะ!!

    .............” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น

    “ไม่จริงน่า นาย..ช่วยฉันทำไม คนอย่างนาย...ไม่น่าจะมาช่วยฉันนี่นา แล้วทำไม ทำไมนายถึงช่วยฉันกันหล่ะ ตอบมาสิคาโนะ!!!!!!!

    .............

    “ตอบฉผมมาสิ บอกมาสิว่านายแค่แกล้งผมเล่น ไม่เอาน่า นายตายแล้วจริงๆเหรอ เรื่องอย่างนั้นน่ะ ผมยอมรับไม่ได้หรอกก!!!!!!!

    ก็ผมน่ะ...รักนายแล้วนี่นา!!!

    ฮิบิยะกอดร่างของคาโนะไว้แน่น น้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่อาบไปทั่วร่างของเขาและคาโนะ

    ”ไม่ใช่แค่นาย ผมน่ะรักทั้งชินทาโร่ โคโนฮะ คุโรฮะ ผมน่ะรักทุกคนในบ้านนั้นนะ อุตส่าห์มีครอบครัวที่น่าอยู่ขนาดนั้นแล้วแท้ๆ”

     

    “ผมน่ะ...รักชินทาโร่แม้เขาจะเป็นพวกขี้เกียจ รักคาโนะทั้งๆที่ชอบมาแกล้ง รักโคโนฮะที่หิวตลอดเวลา รักคุโระฮะที่ถึงจะหยาบคายแต่ก็ยังต้องการผม

    รักเซโตะที่ถึงเวลาโกรธจะน่ากลัวแต่ก็เป็นคนใจดี...

     

    “คิโดะที่เข้มงวดแต่ก็อบอุ่น มารีที่ถึงจะซุ่มซ่ามแต่ก็อ่อนโยน โมโมะที่ทะเลาะกันประจำแต่ก็ยังเอ็นดูผม เอเนะที่ไฮเปอร์แต่ก็เฮฮา  อายาโนะที่ถึงจะโง่แต่ก็รักทุกคน ฮิโยะจังที่เย็นชาสุดๆแต่สุดท้ายก็อยู่ข้างผม ผมน่ะรักครอบครับที่มีอยู่ตอนนี้มากเลยนะ

     

    “แล้วจู่ๆจะมาจากผมไปอย่างนี้ ไม่เอาหรอกนะ ถ้าจะให้ครอบครับมาตายเพราะผม ผมที่เอาแต่สร้างปัญหา ผมที่เอาแต่แกล้งทุกคน ไม่น่าเลย นายไมาน่ามาช่วยผมเลย.. แล้วทำไมกัน

     

    “ฮิ..บิ..ยะคุง..ผมรักคุณนะ

    ทำไมถึงยังรักผมอยู่อีก!!!!

     

    นายไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นา เขายังรักนายอยู่นี่

     

    “เขา..ทำไมกันล่ะ”

     

    ‘นายสำคัญสำหรับเขายังไงล่ะ เขารักนาย พวกเขาทุกคนรักนาย และรักนายเสมอมา นายไม่เคยรู้ ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขารักนายมากแค่ไหน’

     

    ตุ๊กตาที่เปื้อนไปด้วยเลือดของคาโนะมันยังคงลอยอยู่ ลอยต่อไป ห่างออกไปที่อีกฟากของถนน

     

    “ด..เดี๋ยวสิ เธอ เธฮอย่าเพิ่ง--” ฮิบิยะใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีแบกคาโนะขึ้นหลังแล้ววิ่งไล่ตามตุ๊กตานั่นไป จากถนนใหญ่สู่ทางเท้าเข้าตรอกแคบ ผ่านซอกซอยมาจนถึง

     

    บ้าน...ที่เขาหนีมา

     

    “ที่นี่ บ้านของกลุ่มซ่อนดวงตานี่ อ๊ะ ..มีใครอยู่ไหม ใครก็ได้ช่วยที ช่วยคาโนะที

     

    ..................” ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

     

    “ฮือ~~~~~ใครก็ได้”

     

    ฮิบิยะ สัญญากับฉันได้ไหม ว่านายจะยอมเปิดใจ นายจะไม่ทำอย่างที่ผ่านมา เธอจะยอมรักของพวกฉันได้ไหม

    “แน่นอน ถ้าพวกเขากลับมา ถ้าคาโนะกลับมา ผมสัญญา ผมจะยอมรับความรักของทุกคน ตราบเท่าที่เขายังรักผม”

    ดี สัญญาแล้วนะ ฮิบิยะ ที่รักของพวกเราร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา นั่นคือ..ฮิโยริที่กำลังถือตุ๊กตา

    “ฮ..ฮิโยะจัง!!

    “ว่าไงยะ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลยนะนาย อย่าทำตัวน่าสมเพชให้มันมากนักจะได้ไหมหา หน้าแบบนี้น่ะ...ไม่เข้ากับนายเลยสักนิด”

    “ช่ายค่ะ ฮิบิยะคุงต้องคงคาแรคเตอร์เด็กซนที่น่ารักสดใสไว้สิคะถึงจะดี”

    “ถ้าทำแบบนั้นแต่แรก นายท่านคงจะเอ็นดูตายแน่ๆเลยค่ะ”

    “คนเยอะอย่างนี้ยังเหงาได้อีกเหรอ ขี้เหงาขั้นหนักเลยนะเราเนี่ย”

    “ฮิบิยะคุงน่ะเป็นที่รักของทุกคนจะตายไปอย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ”

    “อย่าทำให้เป็นห่วงสินายนี่ ทุกคนเค้าเดือดร้อนที่นายหายไปนะ”

    ไม่ใช่แค่ฮิโยริ แต่ทั้งมารี เอเนะ โมโมะ อายาโนะ แล้วก็คิโดะ ต่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นต่อหน้าของฮิบิยะ

     

    “ทุกคน ท..ทำไม??

    ซ่อนสายตา ของคุณหัวหน้าไงล่ะ” โมโมะยืดอกอธิบายฮิบิยะที่นั่งหน้าเหวออ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า

    “หา..?!

    “อื้ม คุณหัวหน้าใช้พลังซ่อนพวกเราเอาไว้แล้วตามนายไปที่ลานนั่น จากนั้นก็ให้ฮิโยริไปเอาตุ๊กตาในห้องนายมาแล้วก็เชิดล่อนายมาที่นี่ไงล่ะ”

    “ล..แล้วคาโนะ” ชั่วพริบตาคิโดะก็มาปรากฎอยู่ด้านหลังของฮิบิยะ แล้วก็เหยียมเข้าที่หัวของคาโนะ

    “ไอ้คาโนะ แกจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน วันนี้ยังนอนไม่พออีกรึไง”

    “โธ่ คิโดะอะ ไม่สนุกเลยขอแกล้งอีกหน่อยไม่ได้เหรอ โอกาสดีๆแบบนี้หายากน้าา~~~”  “ว..ว๊ากกกก”

    “ถ้าแกไม่ลุกล่ะก็ คราวนี้แกได้ตายจริงแน่”

    “คร้าบๆ”

    จู่ๆคโนะที่นอนเลือดอาบก็ลุกขึ้นมาจ้อทำเอาฮิบิยะร้องเสียงหลง

    “ค..คาโนะ ก็นายโดนรถบรรทุกชนไม่ใช่รึไง แล้วไหงนาย..” ฮิบิยะพูดตะกุกตะกักเมื่อจู่ๆรอยเลือดก็จางหายไปจากร่างของคาโนะ แม้แต่เสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดคาโนะของเขาเองก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิม

    “ที่จริงมารีใช้พลัง หยุดสายตา ช่วยหยุดรถไว้ให้น่ะ แล้วก็ช่วยหยุดคนรอบๆให้ด้วย ส่วนที่นายเห็นว่าหมอนั่นนอนจมกองเลือดนั่นน่ะก็แค่ หลอกสายตา ของไอ้บ้านี่เท่านั้นแหล่ะ”

    “ฮะๆๆผมน่ะแค่ไปนอนตรงนั้นเฉยๆ แต่ฮิบิยะคุงน่ะเชื่อหัวปักหัวปำเลยนะ แถมยังร้องไห้จ้าตรงนั้นเลยอีกต่างหาก แแล้วยังกอดผมแล้วก็..

    “ว๊ากกกก!!!!หยุดนะๆ อย่าพูดออกมานะ”

    “ก็ผมน่ะ...รักนายแล้วนี่นา!!!

    “อ๊ากกกก” ฮิบิยะกรัดร้องออกมาอย่างสิ้นหวังเมื่อได้ยินถ้อยคำอันสุดแสนน่าอายที่เขาลั่นเอาไว้เมื่อครู่

    “วรั๊ยยย น่ารักจังเลยอ่ะ นี่เอเนะจังทำไมเราไม่ได้อัดเอาไว้กันนะ”

    “ก็ตอนนั้นน่ะคุณมารีเลือดกำเดาพุ่งแลเวก็สลบไปแล้วนี่คะ ตอนแรกนึกว่าเหนื่อยเพราะใช้พลังเยอะ แต่จริงๆแล้วคุณมารีฟินจนสลบไปเลยต่างหากล่ะ พวกฉันก็เลยพะวงอยู่แต่จะหามมารีกลับบ้านยังไงน่ะค่ะ”

    “ว..ว่าแต่ ทุกคนทำไมถึงช่วยผมกันล่ะครับ.. ทั้งๆที่ผมเป็นตัวสร้างปัญหาแท้ๆ”

    ......................................

    “เอาเถอะจ๊ะ สาวๆอย่างเราน่ะพักไว้เท่านี้ดีกว่านะ ปล่อยให้พวกพระเอกเขาจัดการกันต่อเถอะนะ”

    “หา?! พระเอก??

    สิ้นเสียงของอายาโนะก็มีเด็กหนุ่มในชุดสูทสีขาวสี่คนเดินออกมาจากบ้าน คาโนะจึงเดินเข้าไปสมทบเป็นคนที่ห้า ทันทีที่เขาเดินเข้ากลุ่มชุทของเขาก็กลายเป็นสูทขาวเหมือนคนอื่นทันที ก่อนหน้านี้เขาคงใช้พลังให้ยังเห็นเป็นชุดเดิมอยู่

     

    “พ..พวกนาย ทำบ้าอะไรกันเนี่ย!!

    ทั้งห้าไม่ตอบ พวกเขาเข้ามาล้อมฮิบิยะเอาไว้

    “นี่เป็นหลักฐานแสดงความรักของพวกเราที่มีต่อนายยังไงล่ะ ฮิบิยะคุงผู้น่ารัก~~” ชินทาโร่พูดจบเขาก็เข้าสวมกอดฮิบิยะทันที เขาแนบร่างเล็กไว้ในอ้อมกอด

    “น..นาย ชินทาโร่”

    “ชั้นขอโทษนะ ชั้นเป็นรุ่นพี่ที่แย่มากเลย นายคงจะเกลียดฉันสินะ”

    “ผ..ผมไม่ได้เกลียดนายนะ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ชินทาโร่..ไม่โกรธผมหรอกหรอ”

    “จะโกรธได้ยังไงล่ะ ฉันโกรธแกไม่ลงหรอกนะ ก็ฉันน่ะ..ชอบนายนี่นา”

    “ง..แง้~~~~~ พี่ชายคร้าบบบบ”

    “ห..เห พี่ชาย”

    “ฮือ~~~ก็ใช่นะสิ ผมน่ะอยากให้ชินทาโร่เป็นพี่ชายมาตลอดเลยนะ”

    ฮิบิยะกอดชินทาโร่ไว้แน่นราวกับกลัวเขาจะหลุดลอยไป

    “อ๋อ ชอบความสัมพันธ์แบบพี่น้องนี่เอง”

    “ไม่ใช่เฟ้ยยยย!!!!!

    “นี่ชินคุงจะกอดไปถึงไหนอะ ตาผมมั่งสิ”

    ชินทาโร่ทำหน้าบูดแต่ก็ยอมผละออกมาจากฮิบิยะแต่โดยดี คาโนะทำท่าจะเข้าไปกอดแต่ฮิบิยะกลับถอยหนีซะงั้น

    “ไม่ต้องเข้ามาเลยนะ ไอ้คนหลอกลวง แกหลอกให้ชั้นอุ้มนายมาตั้งนานนี่นา”

    “แหมก็มันสนุกอะ ก็เลยขอให้อุ้มต่อซักหน่อย น่านะ ผมขอโทษ ให้ผมกอดฮิบิยะคุงนะ”

    “ม่ายเอา ฮึ...” ฮิบิยะงอนแก้มป่อง แถมยังหน้าแดงนิดๆด้วย ดูยังไงก็ไม่เหมือนโกรธเลย เหมือนอายมากกว่า

    “แหม งอนน่ารักจังน้าา~~~” คาโนะลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนทำให้ฮิบิยะอารมณ์เย็นลงเล็กน้อย

    “ยังไงผมก็เป็นพี่ชายของคุณได้แล้วสิน---

    “แกน่ะเป็นคุณลุงไปซะเถอะ หัวเถิกดีนี่”

    “แหม ใจร้ายจังอะ”

    คาโนะบ่นพึมพำที่ต้องเป็นคุณลุงเพราะหัวเถิก

    “แง้~~~ ฮิบิยะคุงงงงง” ทันทีที่มีช่องว่างโคโนฮะก็กระโดดลงไปกอดฮิบิยะกับพื้นทันที

    “ค..โคโน ฮ..ฮะ ผ..ผมหายใจไม่ออก อ่อกก ใจ...เยนนน”

    “แง้~~~ฮิบิยะคุงอะ เป็นอะไรก็ไม่บอกผมเลย ผมไม่รู้เรื่องอะไรซักนิดอะ แล้วทำไมฮิบิยะคุงต้องหนีผมด้วยอะ แง้~~~~ ผมไม่ชอบให้ฮิบิยะคุงงอนเลยอะ ฮือ~~

    “ค..โคโนฮะ ข..ขอโทษ ใจเย็นๆก่อนนน..คร่อกก”  โคโนฮะกอดรัดฮิบิยะไว้แล้วงอแงใส่ฮิบิยะไม่หยุด ทำเอาคนตัวเล็กสลบคาอ้อมกอดเลยทีเดียว

    “เฮ้ยแก ไอ้เตี้ยมันจะตายแล้ว แกจะฆ่ามันรึไง” คุโรฮะลากฮิบิยะออกมาจากอ้อมกอดของโคโนฮะที่ยังคงงอแงอยู่

    “ค..คุโระ” คุโรฮะดึงฮิบิยะขึ้นมานั่งไว้บนตัก เขาลูบผมสีน้ำตาลของฮิบิยะอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ฮิบิยะจึงเรียกชื่อเขาด้วยความแปลกใจ

    “นี่แกน่ะ โกรธฉันไหม?” ใบหน้าของคุโรฮะหมองลงเมื่อเขาถามเรื่องนี้ออกมา

    “ไม่หรอก”

    “ฉัน..ขอโทษด้วย...

    “อืม ก็ได้”

    “นี่ ถามอะไรหน่อยสิ”

    “อะไรเหรอ”

    “แกไม่เกลียดฉันเหรอ ฉันรุนแรงกับแกนี่นา”

    “แต่คุโระ ทำไปแค่เพราะคุโระไม่อยากเสียผมให้ใครใช่มั๊ยล่ะ” ฮิบิยะเงยหน้าขึ้นมามองคนโตกว่า เขาส่งสายตาเหมือนต้องการคำตอบขึ้นไป

    “อื้ม ก็ใช่ ฉันอยากได้แกไว้คนเดียว อยากให้แกมีฉันแค่คนเดียว เพราะฉันไม่ต้องการใครอีกนอกจากแก”

    “ไม่ได้นะ ทุกคนเป็นครอบครัวก็ต้องรักกันสิ”

    “อื้ม ถ้าแกขอ ก็จะให้..”

     

    “ยินดีด้วยนะครับ ฮิบิยะคุง ในที่สุดก็ยอมรับครอบครัวนี้แล้วนะครับ” เซโตะที่ยืนดูอยู่ห่างๆยิ้มให้ฮิบิยะอย่างอ่อนโยน

    “ครั้งนี้ผมก็รับหน้าที่ยืนดูเหมือนเดิมเลยนะครับ พวกพี่ๆเขาคงได้รับบทเรียนแล้วล่ะครับ พวกเขาก็แค่ลืมไปว่า ถึงคุณจะซ่ายังไง คุณก็เป็นแค่เด็น้อยอายุสิบเอ็ดขวบคนนึงเท่านั้น พวกพี่ๆอย่างพวกผมควรจะให้ความเอ็นดูมากกว่านี้นะครับ”

    “ครับ ขอบคุณนะครับทุกคน ขอบคุณนะครับคุณเซโตะ” ฮิบิยะยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำเอาทั้งเซโตะและทุกคนตรงนั้นใจเต้นตึกตัก

    [[[[[[[[[[[   น่ารักชะมัดเลยยยยยยยย!!!!!!!!!!!   ]]]]]]]]]]]

    ทั้งสิบเอ็ดคนตรงนั้นต่างหน้าแดงแล้วพากันเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง มีแต่ตัวต้นเหตุเท่านั้นที่ยังนั่งทำหน้างงๆอยู่

    เซโตะได้สติกลับมาเป็นคนแรก เขารีบหันหน้ากลับมาหาฮิบิยะ

    “ฮ..ฮิบิยะคุงครับ ผมตัดสินใจแล้วล่ะครับ ฮิบิยะคุงสนใจจะมาเป็น..ลูกของผมกับชินทาโร่ไหมครับ??

    “ห..หา!!!” ฮิบิยะอ้าปากค้างเพราะคำที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของเซโตะ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ทั้งชินทาโร่ คุโรฮะ โคโนฮะ หรือใครก็ตามต่างก็อึ้งกิมกี่กันไปตามๆกัน

    “ฮิบิยะคุงครับ ผมติดใจกับเรื่องของเราเมื่อวันก่อนมากๆเลยล่ะครับ (เรื่องเมื่อวันก่อน ก็คือเรื่องตอนโดนจับขึงเมื่อคราวนั้นล่ะครับ) ยังไงผมก็อยากได้คุณมาเลี้ยงครับ นะครับ ได้โปรด”

    “อ..เอ่อ ผ..ผม” ฮิบิยะใบ้รับประทานจากแรงช็อคที่ไม่ทันตั้งตัว

    “ม..ไม่ไหวหรอกครับ ให้ชินทาโร่มาเป็นแม่เนี่ย ไม่เอาอะครับ เป็นพี่ชายนั่นแหล่ะครับ คุณเซโตะก็เหมือนเป็นทั้งคุณพี่ชายและคุณพี่เขยของผมอยู่แล้วนี่ครับ”

    “โธ่เสียดายจัง แต่ก็เอาเถอะ จะบังคับคุณก็ไม่ได้หรอกเนอะ เสียใจด้วยนะครับชินทาโร่คุงเราคงยังมีลูกกันไม่ได้นะครับ” เซโตะหันไปให้กำลังใจชินทาโร่ที่ตอนนี้...

     

    O[]O       <<<< และนี่คือคือใบหน้าของชินทาโร่

     

    =////=      <<<< ส่วนนี่คือใบหน้าของฮิบิยะ

     

    =__=”     <<<< นี่คือใบหน้าของคนอื่นๆ(ที่ไม่ใช่เซโตะ)

    “ถ้างั้นพวกฉันเป็นอะไรของฮิบิยะคุงกันล่ะจ๊ะ” อายาโนะยื่นหน้าเข้ามาถามฮิบิยะที่หน้าแดงแปร๊ดอยู่

    “พ..พูดถึงเรื่องในครอบครัวนี่คุโระกับโคโนะเหมือนป๊ะป๋ากะหม่าม้า ชินทาโร่เป็นพี่ชายมีพี่เขยคือคุณเซโตะ แล้วอายะกับเอเนะก็เป็นพี่สาว..

    ฮิบิยะแจกแจงแฟมิลี่ทรีของกลุ่มซ่อนดวงตาออกมาให้ทุกคนตรงนั้นฟัง

    “ล..แล้วฉันล่ะ อย่าลืมฉันสิ จะลืมพี่สาวแสนสวยคนนี้ไปได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ” โมโมะวิ่งพรวดเข้ามาหาฮิบิยะเพื่อทวงสิทธิการเป็นพี่สาวของตน

    “เธอน่ะ เป็นป้าไปเลยดีแล้ว..

    “ฮือ~~~ใจร้ายอะ ทำกับพี่สาวได้ลงคอ..” โมโมะเลยนั่งซึมกะทือกับคำพูดแทงใจดำไม่เปลี่ยนของฮิบิยะ

    “อืมม...ส่วนมารีเหมือน..เพื่อนเล่น แล้วถ้าคาโนะเป็นคุณลุง คิโดะก็คงเป็นคุณน้าที่คอยบ่นลุงที่ไม่ได้เรื่องแถมไร้ประโยชน์ล่ะมั้ง”

    “เค้าว่าเด็กไม่โกหกหล่ะไอ้คาโนะ” คิโดะส่งสายตาเย็นชาไปทางคาโนะที่หัวเราะแหะๆ

    “กรณีของฮิบิยะคุงนี่ถือเป็นข้อยกเว้นนะครับคิโดะ ไม่รู้ว่าเขาขี้โกหกหรือแค่ซึนเดเระกันแน่เนอะ~~” คาโนะแถแบบโบ้ยไปให้ฮิบิยะทันทีทำให้คิโดะส่งสายตาเย็นชาหนักขึ้นไปอีก

    “เอ๋~~แล้วตกลงคนรักจริงๆของฮิบิยะคุงเป็นใครกันล่ะจ๊ะ” อายาโนะคงยังชอนไชเรื่องรักๆของฮิบิยะอย่างตั้งอกตั้งใจ

    “ก..ก็ เป็นความลับน่ะ” ฮิบิยะเบือนหน้าหนีอย่างอายๆกับคำถามของอายาโนะ

    “เห ใครน่ะ บอกหน่อยน่า นะๆๆ” อายาโนะและพวกสาวๆข้างหลังส่งสายตาเป็นประกายวิ๊งๆเพื่อขอคำตอบ(เค้นข้อมูล)จากฮิบิยะ

    “ก..ก็ได้ๆ ยื่นหูมา”ฮิบิยะกระซิบเข้าที่ข้างหูของอายาโนะ ทันทีที่ได้ยินคำตอบอายะ มารี เอเนะ และ โมโมะ ก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    “กรี๊ดสุดยอดเลยค่า เอเนะว่าแล้วต้องเป็นอย่างนี้”

    “แต่งฟิค!! อย่างนี้ต้องแต่งฟิค”

    “ฟิคไม่พอหรอกจ๊ะโมโมะ อย่างนี้มันต้องแต่งโด ฮุๆๆๆๆ”

    “แอร๊~~~~มารีฟินเจ้าค่าาา”

    “ง่า ทุกคนบอกฮิโยริด้วยสิคะ ใครอะๆ”

    “ฮิโยะจังคือว่าจริงๆแล้ว............” โมโมะกระซิบที่ข้างหูของฮิโยริ ฮิโยริแสยะยิ้มอย่างพอใจก่อนจะดินมาทางฮิบิยะ คนอื่นๆข้างหลังยกนิ้วให้กำลังใจกันใหญ่

    “นี่ ฮิบิยะ นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ ฉันเป็นอะไรของนายเหรอ”

    “เอ๋ ฮิโยะจังน่ะเหรอ ก็ ก็ ก็...เป็นว่าที่คุณแฟนผมไง

     

    “““““เฮ้ยยยยยยยย!!!!!!!!!”””” หนุ่มๆทั้งห้าร้องเสียงหลง แต่สาวๆยังคงหัวเราะคิกคักเหมือนเดิม

     

    “ก..แก ไหนบอกว่ารักฉันไง...

    “น..นึกว่าคุณจะยอมของผมแล้วซะอีก...

    “ฮึ่มมก่อนจะได้เป็นแฟน แกคงจะได้เป็นเมียฉันก่อนแล้วมั้ง...

    “ฮิบิยะคุง ใจร้าย ทั้งผมได้ลงคอ...

    “ฮิบิยะคุงครับ คราวนี้ผมคงจะต้องจัดหนักกว่าคราวก่อนซะแล้วล่ะครับ เอาให้ไม่ต้องลุกจากเตียงไปตลอดชีวิตเลยละกัน...

     

    “ด..เดี๋ยวก่อน พวกนายย..” ฮิบิยะจับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากทั้งห้าได้จึงเริ่มกลัวและลนลานขึ้นมา

    “มานี่เลยแก!!” คุโรฮะจับตัวฮิบิยะที่อยู่บนตักไว้แล้วลากเขาเข้าไปในบ้าน ชินทาโร่ คาโนะ โคโนฮะ และ เซโตะจึงเดินตามเข้าไปด้วย

    “ด..เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ผมพูดเล่น จริงๆนะ เชื่อผมเซ่ ขอโทษครับ ขอโทษคร้าบ ยกโทษให้ผมด้วย อย่าทำผมเลยนะได้โปรด แง้~~~

     

      “““““ หุบปาก แล้วรอรับการลงทัณฑ์ซะ!!!!!!!!!!!! ”””””

     

    “แง้~~~~!!!!!! ไม่จริง ไม่นะ ไม่เอานะ ม่ายยยยยยยยยยย ช่วยผมด้วยยยยยย----

     

    --ปึง-- ประตูปิดลงเมื่อสิ้นเสียงร้องขอชีวิตของเด็กน้อย

     

    “อ๊ายๆๆๆคุณมารีสำเร็จแล้วค่า”

    “แอร๊ย~~ รีบไปดูเร็วๆ นี่มันไม่ใช่แค่ 3Pหรือ4P แต่นี่มัน 7P เชียวนะ มันต้องสุดยอดแน่ๆ!!!” มารีพาเอเนะวิ่งนำโด่งไป ณ ข้างจุดเกิดเหตุทันที

    อายาโนะเองก็วิ่งผ้าพันคอปลิวตามไปติดๆ

     

    “ด..เดี๋ยวสิ นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะ” คิโดะที่ทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้คว้าแขนฮิโยริและโมโมะที่กำลังจะวิ่งไปเอาไว้

    “คือ คุณหัวหน้าคะ จริงๆแล้วคนที่ฮิบิยะคุงชอบไม่ใช่ฮิโยะจังหรอกค่า~~

    “แต่เรารู้ว่าถ้าฉันถามหมอนั่น  ถึงหมอนั่นจะชอบ..อุ๊บ เป็นความลับนี่นา แต่ยังไงหมอนั่นจะต้องอายแล้วตอบว่าชอบฉันแน่นอนค่ะคุณคิโดะ”

    “ฉะนั้น ก็เลยวางแผนให้พวกนั้น หึง จนเกิดเป็นสถานการณ์อย่างตอนนี้ยังไงล่ะค๊าาาา~~~แอร๊ยย เราเองก็ขอตัวไปติดตามก่อนนะค๊าา~~

    แล้วโมโมะกับฮิโยริก็วิ่งกระดี๊กระด๊าตามพวกที่นำหน้าไป

     

    “ร..เราควรจะทำไงดีเนี่ย”

    คิโดะยืนอ้ำอึ้งเพียงลำพังไม่รู้จะทำยังไงดี แต่ด้วยสำนึกของความเป็นหัวหน้าถ้าสมาชิกกลุ่มเดือดร้อน เธอก็ต้องเข้าช่วย เธอจึงตัดสินใจที่จะเลือกความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ

    “อ..อ๊าา~~ขอโทษครับพี่ชิน จ..จะไม่ทำอีกแล้วครับ ย..ยอมแล้วแล้วคาโนะ น..แน่นไปแล้วนะครับ อี๊~~โคโนะอย่านะตรงนั้นมัน อู๊ยย คุโระมันเจ็บนะ ค..คุณเซโตะแบบนั้นมัน อ๊าาาาา~~~~~~~

    แล้วเสียงโหยหวนของฮิบิยะที่ดังออกมาจากในบ้านก็ทำให้หัวหน้าคิโดะตัดสินใจทันที

    “นี่!!!! พวกเธอ รอเดี๋ยวสิ พาฉันไปด้วยยยยย!!!!!

    และแล้วคุณหัวหน้าชุดม่วงก็ไล่ตามกองทัพสาวๆเลือดม่วงไปในฐานะของผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน...

    .

    .

    .

    .

    .

    และนี่ก็คือเรื่องราวของ “ขบวนการณ์ปราบเด็กเกรียน” นั่นเองงง!!!!!!

     

     

    อวสาน

    ตอนแรกอุตส่าห์จะไม่เรทแล้วนะเนี่ย สุดท้ายก็เอาซักนิดจนได้ ตอนนี้แต่งขึ้นมาได้รั่วที่สุดตั้งแต่แต่งมาเลยล่ะฮะ เปิดมานี่มุ้งมิ้งมากกกกก.........แป๊ปๆ ฮิบิยะโคตรดราม่าอะ T_T พลิกอารมณ์กันสุดๆเลยทีเดียวนะฮะ (คนอ่านอาจจะไม่ชอบก็ได้นะ ฮือ~~TwT) ตอนท้ายเลยขอปรับอารมณ์ซักนิ๊ดดดนึง ประเด็นคือ สุดท้ายคิโดะก็ไม่รอด ตามสมาพันธ์สาววายไปอีกคน 55 ส่วนเรื่องฮิบิยะ “รักใครอยู่” อันนี้ก็ต้องเดากันเองล่ะนะฮะ
    (แต่ดูท่ามารีจะฟินน่าดู)

    ยังไงก็ฝากนักเขียนนามว่า Xenon ไว้ในใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะฮะ ^w^ ผมจะมุ่งมั่นพัฒนางานเขียนของผมให้ดีขึ้นในครั้งต่อๆไปนะฮะ ขอบพระคุณที่ติดตามฮะ

     

    [[[...เจอกันในผลงานครั้งหน้านะฮะ...]]] 

     

    ปล.ช่วยโหวตเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยนะฮะ =w=
    (โหวตหลายเรื่องได้ไม่มีปัญหา แต่ผมจะทำให้ทีละเรื่องนะฮะ)
    1 ฟิค Assassination Classroom
    -ในเรื่องมี2คู่ คารุมะxนางิสะ และ มาเอฮาระxอิโซไก
    -เผื่อมีใครอวยหัวแดงเคะ หรือ อาซาโนะxคารุมะ บอกได้นะครับ อาจจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

    2 ฟิค Aldnoah.zero
    -เป็นคู่ อินาโฮะxสเลน นะฮะ
    3 ฟิค Owari no Seraph
    -โปรดเลือกคู่หนึ่งในนี้นะฮะ  (มันคือคู่ที่ผมมีปัญญาแต่ง TvT)
    [มิกะยู] [ยูมิกะ] [กุเร็นยู] [ชิโฮxยู] [ยูxโยอิจิ] [ชิโฮxโยอิจิ] 
    4 ฟิค Sword art Online
    -คู่ ยูจิโอxคิริโตะ (จะมีใครอวยกับผมไหมนี่ 55)
    5 ฟิค Kagerou Daze
    -สำหรับคนอยากได้อีก ระบุคู่ที่ท่านต้องการ หรือ จะเป็นแบบ All ............. (แบบเรื่องนี้เป็น All Hibiya)
    6 ฟิค Vocaloid (ขนาดโวคาลอยด์ ผมยังอวยได้อีกเนอะ =A=)
    -คู่ ไคโตะxเลน


    เลือกหมายเลขที่ท่านต้องการกี่เลขก็ได้นะฮะ ^^ (ฟิคเซราฟกับคาเงโร่ระบุคู่ให้ด้วยน้าา~~)
    ใครมีคู่อื่นที่อยากได้ลองบอกๆดูได้นะฮะ จะลองๆดูถ้าได้จะทำให้ฮะ OwO

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×