คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Stranger Guy with the black umbrella (Rewrite ครั้งที่1)
วันที่ 25 ธันวาคม 2006
ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ที่มีแต่เพียงดวงไฟดวงเล็กๆส่องแสงประกายระยิบระยับอยู่ตามท้องถนนบนสถานที่สาธารณะ หิมะที่เริ่มโปรยปรายจนแลดูหนาตามากขึ้น สาวน้อยผมยาวตรง ดวงตากลมโตสีดำคลับที่ดูจะตัดกับใบหน้าขาวดั่งหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาและริมฝีปากที่อูมและอิ่มเอมดั่งกุหลาบแดงที่แรกแย้มในยามรุ่งเช้า เธอยกนิ้วที่เรียวสวยได้รูปขึ้นมาสัมผัสกับเส้นผมเป็นเงาของเธอทัดหูก่อนที่จะสาวเท้าก้าวออกมาจากร้านขายของกิ๊บช็อบเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองชุนวู เธอค่อยๆเปิดซองถุงกระดาษและหยิบการ์ดใบเล็กๆที่เพิ่งจะซื้อมาจากร้านขายของแห่งนี้โดยในการ์ดมีข้อความเขียนว่า “เมอร์รี่คริสต์มาสนะเท็ดดี้ของฉันขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและขอให้เป็นหมีน้อยของฉันตลอดไปนะค่ะ......ฮันคิมเซ” เธอบรรจงเก็บมันลงในถุงกระดาษอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้าเท้าเดินไปตามแนวถนนจนกระทั่งถึงกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง
แกร่ง........
กระพรวนเล็กที่แขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าของร้านดังขึ้น หญิงสาวผมสั้นดัดเป็นลอนดำสนิทวัยกลางคนที่กำลังง่วนอยู่กับสินค้าที่เธอกำลังจัดเตรียมให้กับลูกค้าท่านอื่นที่อยู่เบื้องหน้าอีกสองสามคนต้องเหลือบหันไปมองที่ประตูทางเข้า
สุขสันต์วันคริสต์มาสนะจ้ะคิมเซ......
เช่นกันค่ะ........
วันนี้หนูจะรับอะไรดีล่ะ.....
ก็...เหมือนเดิม ค่ะ.....
“เหมือนเดิม”คำพูดที่ฟังดูคุ้นเคยมาเป็นแรมปีสำหรับเธอและขนมเค้กที่ตั้งอยู่ในถาดตู้โชว์เบื้องหน้า คุณป้าเลื่อนถาดเค้กเข้าหาตัวและตักขนมในส่วนที่เธอได้ตัดแบ่งไว้อย่างเรียบร้อยแล้วใส่กล่องอย่างบรรจงก่อนที่จะเลื่อนมันกลับเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ “สองร้อยห้าสิบสามเหรียญจ้ะ” เธอยื่นกล่องเค้กให้กับคิมเซที่ในมือมีเงินจำนวนสองร้อยห้าสิบสามเหรียญพอดี
ขอบคุณค่ะ....
เธอยกถุงพลาสติกขึ้นมาสำรวจอีกครั้งพลางจ้องมองกล่องเค้กที่อยู่ด้านในทำให้เธอหวนนึกถึง ชายอารมณ์ดีที่เธอกำลังคบหาอยู่ด้วย รอยยิ้มที่อ่อนโยนและดวงตากลมโตที่จ้องมองเธอทุกขณะอย่างไม่ละสายตา... ถ้าวันนั้นไม่เกิดขึ้น ฉันก็คงจะไม่ได้พบคุณ แดซุง... - เธออุทานเบาๆอยู่คนเดียว
“ปีนี้หิมะตกหนักกว่าทุกปีนะจ๊ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคิมเซ” คุณป้าเจ้าของร้านโพล้งปากกล่าวเตือนเธอก่อนที่เธอจะหันกลับมาโค้งตอบ “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณป้าเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” แล้วเธอก็เดินออกจากร้านไป
แย่จัง....หิมะตกหนักจังเลยวันนี้....
ทันใดนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มร่างใหญ่สูงราวสักร้อยแปดสิบสวมเสื้อโค้ดยาวสีดำดูภูมิฐานพร้อมกับยกร่มคันดำขึ้นกางออกมายืนข้างๆเธอ หิมะที่เริ่มตกลงมาจนแลดูหนาตามากขึ้นชายแปลกหน้าจึงค่อยๆพาเธอเดินข้ามถนนจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งท่ามกลางหิมะที่กำลังตกลงมาอย่างช้าๆ
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมโน้มตัวโค้งกล่าวขอบคุณพลางแหงนหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“คุณเอาร่มกลับไปด้วย” สำเนียกเสียงที่ฟังดูหวนจนเธอนึกแปลกใจเงยหน้าขึ้นสบตากับชายผู้นี้
...คิ้วเข้มจัง แต่คนอะไรนะพูดจาหวน... - เธอคิดในใจ
“แล้วคุณล่ะคะ” เธอย้อนถามเขา
“ผมไม่เป็นไร คุณเอาร่มนี้ไป” บทสนทนาจบสั้นอย่างเรียบง่าย เขารีบคว้ามือคิมเซและยัดร่มไว้ในมือของเธอก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยไม่พูดไม่จา
คนอะไร....แปลกจัง....แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยเขาก็คงไม่เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอกนะ...
หิมะยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง คิมเซรีบสาวเท้าก้าวอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะเป็นไข้หวัดไปมากกว่านี้ เธอกำลังนึกถึงน้ำอุ่นที่กำลังรอเธออยู่ที่บ้านและกิจกรรมหลังจากอาบน้ำเสร็จก็นั่งทานซุปข้าวโพดร้อนๆของโปรดของเธออยู่หน้าเตาผิงพร้อมกับซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาสีขาวครีม
กลับมาแล้วค่ะ......
กลับมาแล้วรึ หลาน......
เสียงพล่าสั่นเทา ซึ่งเป็นเสียงที่เป็นไปตามวัยของชายชราภาพอย่าง ฮันคิมลี
“ค่ะ” เธอลากเสียงยาวตอบชายแก่ขณะที่ถอดรองเท้าวางบนหิ้งอย่างเป็นระเบียบ “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะค่ะคุณตา” เธอโอบกอดชายแก่ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงปลายบันไดทางขึ้นชั้นสอง รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยของวัยชราอยู่บ้าง
เมอร์รี่คริสต์มาสนะ คิมเซ
แดซุง....
เธอเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ “ไหนคุณบอกว่าวันนี้คุณมีประชุมไงคะ”
“แล้วถ้าผมบอกว่า ผมไม่ติดประชุม อย่างนี้เขาจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์เหรอครับ” เขายิ้มและโอบอุ้มเธอที่วิ่งโผเขามาโอบกอดเขาไว้อย่างอบอุ่น
“หมีน้อย ทำงานหนักไปแล้วนะค่ะ” เธอกระซิบข้างหูเขาเบาๆ “อย่าหักโหมมากนักซิ”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วง...แต่เพื่ออนาคตของเราสองคนเองนะ” เขาค่อยๆผละเธอออกช้าๆ “ผมอยากให้คุณกับคุณตาสบายตอนที่ผมจะต้องบินไปมาระหว่างโซฮยอนนะ” และแล้วเขาก็พรมจูบที่หน้าผากเธอเบาๆเพื่อแสดงให้เธอได้มั่นใจในรักระหว่างเขาและเธอ
“โอ้ย...หนุ่มสาวสมัยนี้ ทำอะไรไม่อายคนเฒ่าคนแก่เอาเสียเลย” คิมลีร้องพลางส่ายหัวที่หลานสาวตัวน้อยที่กำลังโอบกอดชายที่อยู่เบื้องหน้า สำหรับคนแก่วัยชราญาติคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในขณะนี้ ในสายตาของเขาเธอก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั้นแหละ
“โธ่...คุณตาคะ คิมเซอายุ 25 แล้วนะค่ะ”เธอตอบ “หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะค่ะคุณตา”
“จ้า...” คิมลีขยับแว่นเล็กน้อยพลางมองสอดลอดแว่นตาผ่านอย่างเป็นนัย “ตาไม่อยากคุยด้วยแหละ ไปนอนดีกว่า” และแล้วคิมลีก็เดินหายขึ้นไปบนห้องอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ความเงียบเปลี่ยนเป็นความหวานซึ้งระหว่าง เขาและเธอเพียงลำพัง
“ผมอยากไปเดินเล่นที่สวน”เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ เธอก็รีบตอบอย่างทันควันในขณะที่เธอกำลังเดินไปที่ห้องครัวอย่างไม่หันมาสักนิด “แต่ข้างนอกหิมะยังตกอยู่เลยนะคะ”
“ครับ ก็จริง” เขาตอบ “แต่ว่า...”
“ถ้าอย่างนั้นก็รอให้หิมะหยุดตกก่อนดีไหม” เธอหันกลับมาหาเขาอีกครั้งพลางเลิกคิ้วถาม
“อ้อ ครับ”
กาแฟหรือว่าช็อกโกแล็ตร้อนดีคะ?
เข็มนาฬิกาหมุนไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งสามทุ่มครึ่งแล้ว หิมะเริ่มตกซาลงจนกระทั่งหยุดมีเพียงหิมะที่ขาวโพลนอยู่บนถนนและสนามหญ้าบริเวณหน้าบ้านของเธอ คิมเซเห็นว่าหิมะเริ่มหยุดตกแล้วเธอจึงหยิบโค้ดตัวโปรดของเธอพร้อมกับบอกกับแดซุงที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องครัวว่า “หิมะหยุดตกแล้ว คุณยังอยากที่จะไปเดินที่สวนไหมคะ”
แดซุงพยักหน้าพร้อมกับทิ้งถ้วยกาแฟตั้งไว้บนโต๊ะรับแขกพลางหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนที่จะเป็นคนอาสาปิดประตูบ้านให้กับคิมเซ อากาศด้านนอกเริ่มอุ่นมากขึ้นหลังจากที่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วที่หนาวเพราะหิมะเพิ่งจะเริ่มตก
“วันนี้คุณมีอะไรรึเปล่าคะถึงชวนฉันออกมาที่สวนตอนดึก” เธอเอ่ยถามเขาอย่างสงสัยและเป็นห่วง
“ไม่หรอกคือ ผมแค่อยากจะออกมาเดินเฉยๆน่ะ” แน่นอนความลับย่อมไม่มีอยู่บนโลกใบโลกนี้คิมเซพอจะเดาออกว่าอะไรแต่อย่ากระนั้นเลย เธอจึงแสร้งที่จะซักไซ้ไร้เรียงถามเขาต่อ เพราะเธอคิดว่าวันนี้จะต้องมีอะไรดีดีเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธออย่างแน่นอน
“ค่อยยังชั่วหน่อยนะ หลังจากที่หิมะตกลงมา ไม่อย่างนั้นนะคงหนาวแย่เลย”แดซุงยกมือขึ้นประกบและถูกด้วยกันพลางเป่าลมออกจากปากแรงๆให้เกิดความร้อนที่มือ
“คะ พรุ่งนี้ก็คงจะร้อนมากขึ้น”เธอตอบ “แล้วฤดูหนาวก็จะสิ้นสุดลงพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเข้ามา” เธอหันมายิ้มกับแดซุงที่กำลังจ้องมองเธอขณะที่เดินมาด้วยกัน
เขาเดินมาตามทางเดินจนสุดถนนเขาจับมือเธอและพาเธอเดินข้ามถนนไปยังถนนอีกฟากหนึ่งท่ามกลางความเงียบโดยทั้งสองไม่พูดจาอะไรกันสักนิด จนกระทั่งเขาทั้งสองเดินข้ามรั้วของสวนสาธารณะใกล้ๆบ้านของเธอ พวกเขาคุยกันถึงเรื่องต่างๆนาๆตั้งแต่เรื่องงานจนกระทั่งพวกเขาถึงลานกว้าง ไร้ซึ่งผู้คนทั้งสิ้น
หลับตาก่อนนะครับ....
ทำไมต้องหลับตาล่ะคะ
แกล้งทำเป็นไม่รู้หน่อยได้ไหม...
อ่อ ก็ได้คะ เธอ ยิ้มพร้อมกับหลับตาพริ้มลงอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเองแสงสว่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นทีละดวงอย่างช้าๆ เธอยืนอยู่บนลานกว้างพร้อมกับชายหนุ่มที่กำลังจะมอบบางสิ่งบางอย่างกับเธอโดยมีสักขีพยานเป็นดวงดาวและพระจันทร์รวมไปถึงผู้คนที่แวะเวียนผ่านมาโดยบังเอิญ
“ผมรักคุณนะ” เขากุมมือเธอและเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ฉันนึกว่าคุณจะจำไม่ได้ซะแล้ว.....
“ทำไมล่ะ....ทำไมผมถึงจะจำไม่ได้ อย่าลืมซิว่าวันนี้เป็นวันสำคัญระหว่างเราสองคน” เขาสบตาหวานซึ้งกับเธออย่างไม่ละสายตาและประโยคสุดท้ายที่เธอกำลังจะได้ยินก้องหูเธอก็คือเหตุผลที่ว่า
เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบของเราสองคนไง....
ความคิดเห็น