คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : On thursday - พฤหัสบดีที่แสนหวาน (Rewrite 100%)
ในขณะที่ชีวิตประจำวันของเธอในทุกวันก่อนกลับบ้าน เธอจะต้องนำหนังสือที่เรียนวันนี้ออกจากตู้ล็อกเกอร์ส่วนตัวของเธอเพื่อนำกลับไปทำการบ้านที่บ้าน เธอเปิดตู้ล็อกเกอร์เหล็กสีเทาและคว้าหนังสือประวัติศาสตร์อันหนาเตอะออกมาพร้อมกับวิชาภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษาออกมา และเธอก็ปิดตู้พลางเหลือบมองที่นาฬิกาเรือนน้อยที่ข้อมือของเธออีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปที่หน้าโรงเรียน
แย่จัง....ฝนตกอีกแล้ว....
เม็ดฝนค่อยๆโปรยปรายลงมาอีกครั้งในขณะนักเรียนหญิงอีกสองถึงสามคนต่างก็รีบวิ่งกรูกันออกจากโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าถือที่พยายามยกขึ้นเหนือศีรษะเพื่อป้องปัดไม่ให้ร่างกายของพวกเธอเปียกไปมากกว่านี้ แดโยยังคงยืนนิ่งงันสักครู่ก่อนที่จะวิ่งตามกลุ่มนักเรียนกลุ่มสุดท้ายออกไป
และแล้วเธอก็ยืนอยู่ที่ป้ายรถประจำทางที่เดิมเพียงลำพังอีกครั้งซึ่งรถประจำทางที่เพิ่งจะออกจากป้ายไปไม่กี่นาทีก่อนที่เธอจะวิ่งเข้ามายังป้ายนี้ ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว
เฮ้อ....
เธอถอนหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันหลังกลับไปนั่งคุดคู้อยู่ที่ป้ายรถประจำทาง
ตึก ตึก ตึก....
เธอรีบหันควับไปยังต้นเสียงของฝีเท้าที่กำลังวิ่งฝ่าฝนเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันกับเธอ ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเด็กหนุ่มที่เธอได้พูดคุยกับเขาเมื่อวานนี้
อะ.....บังเอิญจัง
ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำฝนและปอยผมที่ค่อยๆตกลงมาอย่างช้าๆ วันนี้เธอได้สบตาและได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ใบหน้าใสและแก้มออกจากแดงระเรื่อซึ่งตัดกับสีผิวของเขาที่ขาวผองเป็นยองใยและริมฝีปากสีชมพูที่เล็กบางได้รูป
คะ.....
แดโยรีบหันกลับมาทันทีที่เทมินเอ่ยทัก
“ทำไมกลับบ้านเย็นจัง” เขายังคงนั่งลงตรงที่เดิมที่ที่เขานั่งเมื่อวานนี้
“อ้อ...ก็ไม่เย็นมากนะคะ เมื่อเทียบเวลากับเมื่อวานนี้” เธอสานคำตอบเขาพลางพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ “เพิ่งจะสี่โมงครึ่งเอง”
“อะ....นั่นซินะ” เขายกมือกุมศีรษะพลางพยักหน้าด้วยอาการที่ขัดเขินพร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กๆที่ริมฝีปากของเขาและลักยิ้มแสนเสน่ห์
ฝนยังคงตกลงหนักขึ้นในขณะที่ทั้งสองต่างคนต่างก็เงียบจะมีก็เพียงแต่เสียงรถที่แล่นผ่านหน้าพวกเขาไป และแล้วรถประจำทางสายประจำของเขาทั้งสองก็แล่นเข้ามาจากโค้งถนนและจอดเทียบที่ป้าย
แดโยลุกขึ้นพลางชายตามองที่เทมินอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นบนรถประจำทางและเขาก็ก้าวตามหลังเธอขึ้นมา แดโยเดินนำเขามาจนสุดทางเดินและนั่งลงที่เบาะตัวสุดท้ายของรถประจำทาง ซึ่งเทมินเองก็เดินตามเธอไปจนสุดทางเดินและยืนอยู่ในสภาพที่เก้กัง
นั่งกับฉันก็ได้...
แดโยออกปากชักชวนเขาซึ่งเขาเองก็ได้แต่ยืนหันลีหันขวางอยู่ก่อนที่จะตอบว่า“ขอบคุณครับ”
ช่วงระยะเวลาอันแสนสั้นกับการนั่งรถประจำทางเพียงแค่ป้ายเดียว แดโยได้แต่นั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่างซึ่งไม่ต่างอะไรกับเทมินที่นั่งอยู่ในความเงียบงันและหันไปอีกทางหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่อดไม่ได้ และแล้วรถประจำทางก็จอดอีกครั้งเมื่อรถแล่นผ่านมาหนึ่งป้าย
ไปก่อนนะ....
แดโยยืนนิ่งหลังจากที่เธอลงจากรถประจำทางในขณะที่เทมินกำลังก้าวเท้าลงจากรถ
อืม....
เขายืนจ้องสบตากับเธออีกครั้งและโค้งเป็นการกล่าวคำอำลาซึ่งเธอก็รีบโค้งตอบเป็นมารยาท
แดโย....แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม....
เขารีบหันควับในขณะที่เธอกำลังจะเดินเลี้ยวเข้าไปในซอย
“ไม่รู้ซิคะ....ถ้าฝนตก เราคงจะได้เจอกันอีก”
.......นั่นซินะ........
*****************************************************************
กลับมาแล้วคะ.............
แดโยตะโกนร้องบอกกับที่บ้านขณะที่เธอถอดรองเท้าเก็บวางบนหิ้งอย่างเป็นระเบียบและหยิบกระเป๋าเดินมาตามทางเดินภายในบ้านก่อนที่จะเดินเลยไปยังห้องครัวที่ประดับประดาไปด้วยไม้โอ๊คอย่างดี เธอทรุดตัวลงนั่งขณะที่แม่ของเธอกำลังทำซุปโปรดให้กับเธอเป็นอาหารอันเลิศรสสำหรับมื้อค่ำในวันนี้
“เอ๊ะ....กลิ่นนี้คุ้นจัง” เธอโพล้งออกมาเบาๆเพราะกลิ่นที่หอมหวนชวนหน้ารับประทานนี้ไม่ใช่ซุปที่พิเศษอะไรมากนัก นอกเสียจาก
ว่าไงตัวเล็ก...........
เสียงสดใสและร่าเริงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน “ไหนมาให้พี่ตีก้นซะดีดี”
“พี่ชาย.....” แดโยสะดุ้งสุดตัวด้วยความดีใจและรีบหันควับไปที่ต้นเสียงนั้นทันที
“ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นไหมเนี่ยเรา” แดซุงอุ้มน้องสาวจอมซนในสายตาของเขาขึ้นและเหวี่ยงไปมาช้าๆ
“พี่ปล่อยหนูได้แล้ว ตอนนี้หนูอายุ 17 แล้วนะพี่” เธอร้องในขณะที่พ่อของเธอเดินตามหลังพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็กๆ “แดซุงวางน้องลงเถอะ”
“โอ้ โห้....สูงขึ้นนิเรา” แดซุงวางแดโยลงพลางยกมือขึ้นเทียบที่ศีรษะของเธอว่าตอนนี้เธอสูงขึ้นจนถึงระดับคอของเขาแล้ว
“โธ่พี่ แดโยอายุ 17 แล้วนะคะ ก็ต้องมีโตกันบ้าง” เธอทำหน้าเบ้ใส่พี่ชายที่กำลังยืนทำหน้าทะเล้นใส่อยู่เบื้องหน้า “ไหนว่าพี่จะกลับเดือนหน้าไง” เธอโพล้งในขณะที่นั่งลงพร้อมที่จะรับประทานอาหารจานโปรดฝีมือของคุณแม่
“ก็เพราะว่าพี่คิดถึงเราไง ก็เลยรีบกลับมา”
อี๋....แหวะ.....เลี่ยน
“ฮ่าๆ.....” เขาหัวเราะก่อนที่จะสานต่อว่า “จริงๆแล้วพี่มีประชุมน่ะ ก็เลยกลับมาคงจะอยู่สักหนึ่งอาทิตย์น่ะ”
“หว่า แย่จังเลย......อย่างนี้เค้าก็คิดถึงพี่แย่เลย” เธอทำหน้าออดอ้อนเขาด้วยความขี้เล่นแดซุงเอื้อมมือไปลูบที่ศีรษะของน้องเบาๆก่อนที่จะตอบว่า “เดี๋ยวเดือนหน้าพี่ก็กลับแล้ว”
“งั้นพี่ต้องโทรหาเค้าทุกวันน้า” เธอยิ้ม
“ได้”
“สัญญาแล้วนะ”
“อืม....พี่สัญญา”
“เอ้า พอได้แล้ว แหมพี่เขาไปทำงานนะ ไม่ได้ไปไหนไกลซะหน่อย” แม่แสนดีของเธอเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ที่พี่น้องต่างพูดจาน่ารักใส่กันจนเกินหน้าเกินตา “กินข้าวได้แล้วนะจ๊ะ ประเดี๋ยวน้ำซุปจะเย็นเสียหมด” เธอกล่าวก่อนที่จะค่อยๆคว้าตะเกียบคีบอาหารเข้าปากและเคี้ยวเบาๆพลางส่งสายตาไปยังซุงแจที่กำลังจ้องมองลูกทั้งสองอย่างเอ็นดู
ในขณะที่พวกเขามีชีวิตอันแสนจะอบอุ่นไปด้วยความรักที่คนในครอบครัวมีให้ เทมินที่เปียกเหมือนกับลูกหมาตกน้ำ เขาจามและไอเบาๆในขณะที่แม่ของเขากำลังทำข้าวต้มกับซุปสาหร่ายจานโปรดให้แก่เทมินและยูมินบุตรสาว เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะเตรียมตัวออกไปทำงานตอนหกโมงเย็นที่ร้านอาหารในเมือง
ฮัดชิ้ว.....
“พี่ไม่สบายนะ” ยูมินโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำเล็กๆกล่าว “เดี๋ยวฉันหยิบยาให้”
“อืม” เขาตอบพร้อมกับหันกลับมาที่กระจกที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง
.......เพื่ออนาคตที่ดีกว่า จะต้องเริ่มจากวันนี้......
เขามักจะยืนบ่นที่หน้ากระจกด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจตัวเองอย่าง “เพื่ออนาคตที่ดีกว่า จะต้องเริ่มจากวันนี้” เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ และเขาก็จะเป็นคนเปลี่ยนแปลงมันเอง
มื้อเย็นที่แสนจะอบอุ่นสำหรับเทมินคือการที่ได้รับประทานอาหารร่วมกันในตอนเย็น นานแล้วที่แม่ของเขาไม่ค่อยมีรอยยิ้มที่สดใส ในขณะที่เขาคีบอาหารไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะไปทำงานให้ทันก่อนหกโมงตรง ยูมินนั่งลงข้างๆเขาพร้อมกับส่งยาให้กับเทมิน
“ลูกไม่สบายเหรอ” เสียงพร่าของหญิงแก่พร้อมกับความห่วงใยเอ่ยถามเขา
“เปล่าครับ” เขากล่าวปฏิเสธทั้งๆที่รู้ว่าแม่ของเขาก็จับได้ทุกครั้ง
“ยังจะมาโกหกอีก”เธอโพล้งออกมา “ไหนมาให้แม่คลำตัวซิลูก”
เธอยืนมือมาสัมผัสที่ศีรษะของเขาก่อนที่จะเอ่ยว่า “ตัวไม่ร้อนนะ รีบกินยาเสียก่อนเถอะ ประเดี๋ยวจะไม่สบายหนัก”
“ครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เขายิ้มก่อนที่จะคว้ายาที่ยูมินให้และกินมันตามด้วยน้ำแก้วสุดท้าย
ผมไปทำงานก่อนนะครับ......
ความคิดเห็น