คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The promise : สัญญาระหว่างเรา(Rewrite ครั้งที่2)
เสียงลูกนกที่เพิ่งออกจากไข่ได้ไม่กี่วันส่งเสียงเจื้อยแจ้วตั้งแต่รุ่งเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น.....หกนาฬิกาสิบห้านาที...... เสียงนาฬิการ้องเตือนปลุกให้สาวน้อยที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงและดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนที่นาฬิกาจะปลุกเธอเสียอีก เธอเอื้อมมือไปกดนาฬิกาปลุกก่อนที่นกน้อยอีกสองตัวจะมาเกาะที่ขอบหน้าต่างส่งเสียงเหมือนกำลังพูดคุยกันถึงสาวน้อยที่กำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความออดอ้อนอยู่บนเตียง
เธอเหลือบมองไปที่นกน้อยสองตัวที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานพลางยิ้ม ....ตื่นเช้าจังเลยนะนกน้อย..... เธอคิดในใจก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นและค่อยๆลุกออกจากเตียงไปอย่างเชื่องช้าพลันคว้าผ้าเช็ดตัวที่แควนไว้หายเข้าไปในห้องน้ำทันที
แดโยจ๊ะ....ตื่นรึยังลูก.....
“ตื่นแล้วค่ะคุณแม่”
เกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเว้นแต่พี่ชายคนโตที่ไม่ได้อยู่ด้วยเพราะเขาได้ย้ายไปอยู่ที่โชว์ได้สักพักแล้วและอีกไม่นานเขาก็จะกลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัว
หนูไปนะคะ เดี๋ยวจะสาย...
“ให้พ่อไปส่งไหมลูก” ชายวัยกลางคนศีรษะเถิกเล็กน้อยเลื่อนสายตาเลยออกจากหนังสือพิมพ์
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณพ่อ คุณพ่อนั่งทานข้าวสบายๆดีกว่านะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็โตแล้วไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ” เธอเดินอ้อมโต๊ะมาโอบพ่อจากด้านหลังก่อนที่จะหอมแก้มเขาและคว้ากระเป๋านักเรียนออกจากบ้านไป
จริงๆเลยนะ ลูกคนนี้เนี่ย ขี้อ้อนซะจริงๆเลย
“ก็เหมือนคุณนั่นแหละ ชอบอ้อนผมสมัยยังหนุ่มๆ” เขาชายตามองภรรยาที่กำลังล้างจานอย่างขะมักเขม้นอยู่เบื้องหน้า
ใช่เหรอคคะคุณ....
เธอหันควับมาถามเขาซึ่งเขาเองก็อดยิ้มไม่ได้ และแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ผมไปทำงานก่อนนะจ๊ะที่รัก”
ตอนนี้เป็นเวลา 07.15 น. สำหรับเธอนั้นเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาสายสำหรับเธอ เพราะโรงเรียนเข้าเรียนตอนแปดโมงตรงและอีกเหตุผลหนึ่งคือ เธอห่างจากโรงเรียนเพียงแค่หนึ่งป้ายรถเมล์เท่านั้น ซึ่งในขณะเดียวกันเทมินก็กำลังทำอาหารเช้าให้กับแม่ที่ป่วยอยู่รวมไปถึงน้องสาวที่อ่อนกว่าเขาสามปี
“แม่ครับ วันนี้แม่ไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะครับ” เขาขอร้องแม่อยู่หลายครั้งขณะที่เธอก็ยังคงยืนยันว่าจะต้องไปทำงานในวันนี้ให้ได้ เขาค่อยๆตักโจ๊กร้อนๆใส่ชามให้หญิงวัยกลางคนที่ออกจะดูมีอายุก่อนวัยอันควรตั้งแต่สามีของเธอได้จากเธอไปพร้อมกับเศรษฐกิจที่ซบเซา อย่างน้อยเธอก็ยังมีงานทำอย่างงานเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้าที่เธอทำเป็นประจำ อย่างน้อยก็พอประทังชีวิตของเธอไปวันหนึ่งรวมไปถึงลูกๆของเธออีกสองคน
“แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก” เธอเงยหน้าสบตาลูกชายที่กำลังเตรียมอาหารกลางวันไปทานที่โรงเรียน
“แม่คะ วันนี้หนูจะไปสมัครงานนะคะ” เธอกระซิบเบาๆแต่ทันใดนั้น
“ไม่ได้นะ” เทมินตวาด “เธอ....เธอยังเด็ก เธอจะต้องเรียนหนังสือและอีกอย่างฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอทำด้วย” เขาตวาดน้องของเขาที่พยายามหางานทำมาหลายครั้งแล้วแต่ก็กลับถูกขัดขวางโดยพี่ชายที่สุดหวงอย่างเทมิน
“พี่....ฉันรู้ในความเป็นห่วงของพี่นะ แต่พี่ดูซิ.....” เธอลุกขึ้นอย่างหุนหัน และการถกเถียงก็จะมีอยู่อย่างนี้ทุกครั้งซึ่งปรกติพวกเขาจะไม่ทะเลาะกันต่อหน้าแม่ของพวกเขา
“ถ้าไม่เห็นแก่ฉัน เธอก็เห็นแก่แม่หน่อยจะได้ไหม” เขายื่นข้าวกล่องให้กับเธออย่างไม่สบอารมณ์
“เอาเถอะลูก” เธอลากเสียงยาวด้วยความตะขิดตะขวงใจ ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่ในขณะนี้ ปัญหาและภาระต่างๆภายในครอบครัวกลับกลายต้องมาตกอยู่กับลูกๆของเธอ ซึ่งยิ่งทำให้แม่อย่างเธอรู้สึกละอายแก่ใจที่ไม่สามารถดูแลพวกเขาได้
ผมขอโทษนะครับ/หนูขอโทษค่ะ.....
พวกเด็กๆโอบกอดเธอ“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ส่วนเรื่องงานวันนี้ผมขอแม่วันหนึ่งนะครับ อยู่บ้านพักผ่อนสักวัน เพื่อพวกเรา”
ความเงียบบางครั้งอาจจะทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดนั้นดีขึ้นได้ เทมินและยูมินน้องสาวต่างเก็บจานและคว้ากระเป๋านักเรียนออกจากบ้านอย่างรวดเร็วให้ทันเวลาเข้าเรียน
“พี่ขอร้องล่ะยูมิน อยู่ดูแลแม่หน่อยได้ไหม” ทันทีที่เขาลงจากรถเมล์ ทุกเช้าเขาจะต้องเดินไปส่งยูมินที่โรงเรียนก่อนที่เขาจะเดินเลยไปที่โรงเรียนของเขา
“ฉันรู้ดีพี่ ฉันแค่ทำงานช่วงเช้า ส่งหนังสือพิมพ์แถวๆบ้านก็เท่านั้นเอง พี่อย่ากังวลมากไปหน่อยได้ไหม” เธอขมวดคิ้วใส่เขาอย่างเหนื่อยหน่ายจากการที่เขาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเธอมากเกินไป “พี่ ฉันรู้นะว่าพี่เป็นห่วง แต่ฉันเองก็โตพอที่จะคิดและตัดสินใจเองได้” เธอหยุดและยืนเถียงกับพี่ชายอยู่หน้าโรงเรียนซึ่งภายในโรงเรียนต่างก็ยืนมองด้วยความอิจฉาถึงพี่ชายที่แสนดีอย่างคังเทมิน
“แต่ฉันเป็นห่วงเธอ แล้วอีกอย่างเรื่องงานน่ะ มันเป็นหน้าที่ของพี่” เขาอ้างทั้งๆที่ความจริงแล้วภาระต่างๆภายในบ้านนั้น ลำพังเขาเพียงคนเดียวก็แทบจะรับภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมดแทบจะไม่ไหว
“ฉันไม่สนนะ ว่าเรื่องงานเนี่ยมันจะเป็นหน้าที่ของแม่ หรือว่าพี่ ฉันสนแค่ว่าพวกเราน่ะ เมื่อไหร่จะได้อยู่กันอย่างสุขสบาย ฉันขอเป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยรับภาระกับพี่จะได้ไหม ฉันเป็นห่วงพี่นะ ทุกวันนี้ นอกจากพี่จะต้องทำงานที่โรงเรียนแล้วไหนจะเรื่องส่วนตัวของพี่อีกล่ะ ไหนจะเรื่องงานที่พี่ต้องไปทำเกือบจะทั้งอาทิตย์ ฉันไม่อยากให้พี่ทำคนเดียว” เธอหยุดพักหายใจเฮือกใหญ่ด้วยสีหน้าแดงกร่ำด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเริ่มแดงระเรื่อและคลออยู่ที่เบ้าตาของเธอ “ฉันขอแค่ทำงานช่วงเช้าก่อนไปโรงเรียนก็เท่านั้นเอง และฉันก็จะสัญญานะว่าฉันจะกลับจากโรงเรียนดูแลแม่ตามที่พี่ขอร้องฉัน”
“ได้” เขาพยักหน้าอย่างฝืน “แต่เธอต้องสัญญากับพี่นะ ว่าเธอจะต้องกลับไปดูแลแม่ในตอนเย็น”
....ได้ ตกลง ฉันสัญญา.....
และแล้วกริ่งของโรงเรียนก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่านักเรียนทุกคนจะต้องเข้าถึงห้องเรียนตอนแปดโมงก่อนที่อาจารย์ประจำวิชาจะเดินเข้าไปถึงและเริ่มสอนบทเรียนแรกในเช้าตรู่ของวันนี้
ความคิดเห็น