คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน2
Chapter 2
เย้ๆ ในทีสุดฉันก็มาถึงประเทศเกาหลีแล้ว ตอนอยู่บนเครื่องบินเมื่อยมากเลยนั่งอยู่ประมาณ3-4ชม. ที่สำคัญฉันคิดถึงหนุ่มสุภาพบุรุษคนนั้นตลอดเลย ฮิๆ โอ้ย~~ฉันคิดคิดอะไรเนี่ย ตอนนี้อากาศกำลังหนาวเลยแหละดีนะที่ฉันเอาเสื้อหนาวมาเยอะไม่งั้นฉันตายแน่ๆ แล้วตอนนี้ฉันก็เดินลากกระเป๋ามากับเชอร์รี่ โอ้~~ ตื่นเต้นจัง
“เดี๋ยวก่อน”เชอร์รี่อยู่ดีๆก็หยุดเดิน ทำให้ฉันเดินชนเข้าไปจังๆ
“โอ๊ย~~หยุดไม่บอกเลย มีอะไรเหรอ”
“ยังไงตอนนี้เราก็มาเกาหลีแล้ว เราก็ต้องตามแฟชั่นที่นี่ด้วย”
“อืม เธอก็แต่งแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อยฉันหมายถึง......เธอต่างหาก”
“ฉันเนี่ยนะ เฮอะไม่ต้องหรอกอย่างงี้ก็ดีแล้ว”
“ไม่ได้ไม่ได้ มากับคุณหนูเชอร์รี่ทั้งที เกิดเป็นผู้หญิงแท้ๆแต่งตัวให้มันสวยๆไว้สิ”
“แต่ว่าฉัน....”
“ไม่ต้องเลยมากับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ฮือ~~ไม่นะ”แล้วเชอร์รี่ก็ลากฉันไปที่ห้างทันที ส่วนกระเป๋าก็ฝากไกด์ส่วนตัวกลับโรงแรมไป
ณ.ห้างแห่งหนึ่งในโซล
เชอร์รี่ลากฉันมาในร้านทำผม ยังไม่ทันตั้งตัวก็จับนั่งเก้าอี้และสั่งให้หลับตาแล้วจับแปลงโฉมเป็นสาวเกาหลีทันที ได้ยินเสียงตัดผมฉับๆแล้วฉันจะร้องไห้อ่ะ
พอผ่านไปสามชั่วโมง
“เสร็จแล้วจ้า เมล์ ลืมตาได้”เชอร์รี่บอกฉันให้ลืมตาขึ้น หลังจากชั่วโมงที่ยาวนานของการแปลงโฉม พอฉันลืมตาขึ้นมา ฉันก็ต้องตกใจว่าคนที่อยู่ที่กระจกตรงหน้านั่นใช่ฉันจริงเหรอ จากสาวเฉิ่มกลายมาเป็นสาวลุคเกาหลีไปได้ไง ผมของฉันจากที่ปล่อยให้ยาวมากๆตัดให้สั้นลงถึงเลยกลางหลังนิดหน่อย และซอยสไลด์ให้ดูสวย สไลด์ผมข้างหน้าเป็นผมหน้าม้า
“เชอร์รี่ นะนี่ฉันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ พึ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอแปลกโฉมแล้วจะสวยขนาดนี้ เหมือนคนเกาหลีเปี๊ยบเลย เอ้า อย่ามัวชักช้ารีบไปซื้อเสื้อผ้ากันต่อดีกว่า ไปกันเถอะ”
“เชอร์รี่ เดี๋ยวก่อนสิ”ฉันรีบวิ่งตามเชอร์รี่ไปทันที
พอเดินออกมาก็มีแต่คนมองฉัน มองกันทำไมนะฉันเปลี่ยนไปขนาดนั้นเชียวเหรอ จนเดินมาถึงร้านเสื้อผ้าที่เข้าตาเชอร์รี่ก็เลยลากฉันเข้าไปในร้านทันที เข้าไม่ถึง 20นาทีก็ได้ชุดมาเพียบพร้อมกับชุดใหม่ของฉัน ฉันใส่ชุดแซ็กสีดำแขนตุ๊กตามีโบว์สีเทาประดับอยู่กลางอก ใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวข้างในสีขาว กระโปรงยาวประมาณเหนือเข่าคืบนึง ใส่ถุงน่องสีดำ รองเท้าบูทสีน้ำตาลอ่อนๆ สีเขากับเสื้อคลุมสีเดียวกัน ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยว่าชุดของผู้หญิงเกาหลีจะน่ารักอย่างงี้ ฉันชักติดใจแล้วสิ
“เมล์ ชุดที่ฉันเลือกให้สวยไหม”
“อืม น่ารักมากเลย”
แล้วเชอร์รี่ก็เอื้อมมือจะมาถอดสร้อยรูปกุญแจที่คอของฉัน
“ไม่ได้นะ ฉันจะไม่ถอดสร้อยนี้”
“ทำไมล่ะ มันดูไม่เข้าเลยนะ”
“แต่ว่ามันสำคัญกับฉันนะ แม่ฉันให้ฉันมาตั้งแต่เด็ก บอกว่าให้เก็บไว้กับตัว”
“งั้นเหรอ อืม....ก็ได้ไม่ถอดก็ไม่ถอด”
“จ๊ะ งั้นเราไปกันเถอะ”
“จ๊ะ แต่เดี๋ยว”แล้วเชอร์รี่ก็หยุดชะงักอีกครั้งโดยที่ไม่บอกฉันอีกแล้วเลยชนเข้าไปซะแรง ไม่เข้าใจยัยนี่ไม่รู้สึกเจ็บบ้างรึไงนะ
“ในเมื่อฉันเป็นลุคเธอให้เป็นสาวเกาหลีแล้ว ตอนนี้เราก็อยู่เกาหลีด้วย เราก็ต้องใช้ชื่อเกาหลีสิ ชื่อที่ครูตั้งให้ไง เธอชื่อ จางยูมิ แล้วฉันก็ ชินโซรี Okไหม”
“ก็ได้ เอาให้เต็มที่เลยเพื่อน”
“งั้นเราไปกันเถอะยูมิ”ไม่ทันไรเชอร์รี่ก็พูดกับฉันเป็นภาษาเกาหลี สงสัยความตั้งใจสูงนะเนี่ย
“จ๊ะๆโซรี”แล้วเราเดินช๊อปต่อจนถึงเย็น
วันต่อมา
ฉันกับเชอร์รี่เอ๊ะ!ไม่สิโซรีกับฉันยูมิก็มาเดินกันที่ย่านเมียงดง แล้วตอนนี้คนที่ตื่นเต้นคึกคักเป็นพิเศษก็คือโซรี ก็ตอนนี้เธอกำลังกริ๊ดกับโปสเตอร์กับของต่างๆเกี่ยวกับดงบังชินกิ แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องคอยเดินรับคำชมต่างๆนาๆที่โซริชมดงบังอยู่อย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร ก็พี่แกเล่นกริ๊ดกร๊าดไม่อายคนอื่นเค้าเลย ฉันคิดถูกไหมเนี่ยที่มากับยัยเนี่ย
“นี่ ยูมิดูยุนโฮรูปนี้สิน่ารักจังเลย”
“จ๊ะๆน่ารัก”ฉันก็เออออตามไปด้วย แต่เอ๊ะ! ยุนโฮชื่อเหมือนนายปากเสียคนนั้นเลย อืม แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง คนเกาหลีมีตั้ง 4ล้านกว่าคนชื่อซ้ำคงไม่แปลกหรอกน่า
“ยูมิ ยูมิ ดูนี่สิดูแจจุงสิภาพนี้เหมือนผู้หญิงสุดๆเลยว่าไหม”โซริส่งภาพให้ฉันดู เอ๊ะ!แต่คนนี้ก็คล้ายๆแฟนของตานั่นเหมือนกันนะ อือ...ไม่ใช่หรอก
“นี่ ดูภาพรวมนี่ดิเท่ทุกคนเลยอ่ะ โดยเฉพาะยูชอนเนี่ยนะดูสุภาพบุรุษสุดๆเลย โอ๊ย~~ใจฉันจะละลาย”พอฉันได้ยินคำว่าสุภาพบุรุษเท่านั้นแหละ ฉันรีบมองเข้าไปในภาพนั้นทันที คนที่ชื่อยูชอนบอกว่าสุภาพบุรุษ มันก็จริงนะ ฉันมองเข้าไปใกล้ๆเรื่อย ๆ สิ่งที่เหมือนกันก็มีหลายอย่างนะ
- พวกนายนั่นมี 5 คน (ในวงนี้ก็มี 5 คน)
- นายนั่นมีชื่อว่ายุนโฮ (ในวงนี้ก็มีคนชื่อยุนโฮ)
- แฟนตานั่นแต่งตัวเป็นผู้ชาย (คนในวงนี่ที่ชื่อแจจุงก็หน้าคล้ายผู้หญิงและก็คล้ายแฟนตานั่นด้วย)
- ในพวกนั้นก็มีคนนึงที่เป็นสุภาพบุรุษเอามากแถมหล่อด้วย (ในวงนี้ก็มีก็มีคนที่ชื่อยูชอนที่โซริเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นสุภาพบุรุษมากๆแถมเป็นลูกครึ่งก็ต้องหล่อ จิงมะ)
- ในพวกนั้นมีคนที่สูงๆมากกว่านายนั่นนิดหน่อย (ในนี้ไม่มีแต่โซริเคยเล่าให้ฟังว่า ที่จริงยุนโฮไม่ได้สูงที่สุดในวงก็เพราะมีน้องเล็กของวง ชางมิน ย่อส่วนลงให้ยุนโฮดูสูงที่สุด)
- มีคนนึงที่หันมายิ้มหั้นตอนมาขว้าง ซึ่งท่าทางว่าเป็นคนยิ้มเก่งมากๆ (ในวงนี้ก็มีคนยิ้มเก่งที่ชื่อว่า จุนซูเหมือนกัน)
และผลสรุปของฉันก็ออกมาแล้วก็คือ ฉันไปมีเรื่องกับ ดงบังชินกิ ฮือ~ ~ ~ ~
“นี่ โซริ ฉันรู้สึกว่าฉันจะเคยเจอดงบังชินกิ”
“อะไรนะ ฉันก็เคยเหมือนกัน”
“จริงเหรอ”
“อืม ก็นี่ไง โปสเตอร์ดงบังชินกิ ฉันเจอทุกครั้งที่ตื่นนอนเลยรู้ไหม หุหุ”
“โซริ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
“อุ้ย ตรงนั้นมีซีดีขายด้วยเราไปตรงนู้นกันดีกว่า”
“ดะเดี๋ยวก่อนสิ เฮ้อ~~”ฉันยังไม่ทันพูดอะไรโซรีก็วิ่งไปที่ร้านซีดีแล้ว เฮ้อ~~ช่างมันเถอะ ถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นละกัน ยังไงฉันก็ไม่เจอพวกนั้นอีกหรอก คนดังขนาดนั้น คงไม่เจอกันง่ายๆ แต่ว่า....ดงบังไปทำอะไรที่เมืองไทยน้า~~ โอ้ย! พอได้แล้วปวดหมอง แล้วฉันก็วิ่งตามโซรีไป
และแล้วเวลาที่แสนสนุกก็หมดลงวันนี้เป็นวันที่จะต้องกลับไปประเทศไทยแล้ว ฮือ~~และที่สำคัญตอนนี้ฉันรู้สึกว่าสาวเกาหลีเต็มตัวเลยล่ะ ยังไม่อยากกลับเลย กำลังหนุกๆอ่ะ และวันนี้ฉันโซรีจับฉันแต่งตัวเกาหลีสั่งลา ฉันใส่เสื้อคอเต่าข้างในแขนยาวมีสีสันเล็กน้อย ใส่เสื้อคอวีกว้างๆสีดำครึ่งตัวใส่ทับอีกชั้นนึง ใส่กางเกงขาสั้นเหนือเข่าคืบนึงเหมือนกับที่ใส่วันแรก ใส่ถุงน่องสีดำข้างในเหมือนเดิม ส่วนรองเท้าก็คือคู่เดิม ใส่เสื้อคลุมยาวถึงขอบกางเกงมีฮุค แถมวันนี้พิเศษเล็กน้อยตอนนี้ผมของฉันเป็นเกลียวมัดแกะต่ำ 2 ข้าง หุๆตอนนี้ฉันก็อยู่ที่สนามบินกำลังเตรียมตัวขึ้น
“ยูมิ เราต้องกลับแล้วสินะ”
“ช่ายๆ”
“เรามาร่ำลาความเป็นสาวเกาหลีกันเถอะ”โซรีหันมาหาฉันแล้วเข้ามากอดฉัน
“ลาก่อนนะยูมิ ฉันต้องกลับเมืองไทยแล้ว ฉันสนุกมากเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน ขอบคุณมากนะโซรี”
“ฉันต้องกลับไปหาเพื่อนสุดที่รักของฉัน รถเมล์ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“คิกๆ จ๊ะ ฉันก็ต้องไปหาเพื่อนสุดที่รักของฉัน เชอร์รี่ เหมือนกัน”
“555+” พวกเราหันมาหัวเราะใส่กัน
“ไปกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว”โซรีจูงมือฉันไป
“จ้า~~”ฉันก็ยิ้มรับแล้วเดินตาม แต่ว่าฉันก็ต้องหยุด
“โซรี สร้อยของฉํน สร้อยของฉันหายไปไหนก็ไม่รู้”
“สร้อยกุญแจของเธอน่ะเหรอ”
“ใช่ๆ เดี๋ยวฉันมานะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่มันใกล้............โธ่!ไม่ทันซะแล้ว หวังว่าเธอจะกลับมาทันนะ”
อีกด้านหนึ่งในวงดงบังชินกิที่กำลังจะลงจากเครื่องบินในประเทศเกาหลี
“รู้สึกนายจะอารมณ์ดีจังเลยนะ”แจจุงถามยุนโฮเพราะว่าผิวปากมาตั้งแต่บนเครื่องบินจนตอนนี้จะลงแล้วยังไม่เลิกผิวเลย
“ก็ทำงานเสร็จกลับมาบ้านก็ต้องสบายใจเป็นธรรมดาจริงไหม”
“พี่สบายใจหรือดีใจที่จะได้เจอผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า”ชางมินกระโดดกอดคอยุนโฮ
“นายจะบ้ารึไง เป็นเด็กก็อยู่ส่วนเด็กดีกว่าน่า”แล้วเค้าก็พลักชางมินออก ชางมินทำหน้ามุ่ยหน่อยๆแล้ววิ่งไปหาจุนซู
“นายคิดว่านายจะได้เจอเหรอ เกาหลีก็ออกจะกว้าง แถมไม่รู้ด้วยว่าเธอคนนั้นกลับบ้านไปแล้วรึยัง”ยูชอนส่งเสียงมาจากด้านหลัง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้อยากเจอยัยนั่นซะหน่อย”
“จริงอ่ะ นายปากแข็งรึเปล่า”จุนซูพูดพลางเอาศอกไปค้ำยุนโฮ
“เปล่าซะหน่อย ฉันเป็นหัวหน้าวงนะ ฉันต้องพูดจริงทำจริงสิ”
“ขอให้จริงละกัน”
แล้วพวกดงบังชินกิก็เดินออกช่องผู้โดยสารขาเข้า ก็มีบรรดาแฟนคลับมาดักอยู่เต็มไปหมด เลยต้องมีบอดิการ์ด คอยกันให้
อีกด้านฝั่งของยูมิ
“ฮือ~~สร้อยฉันไปอยู่ไหนเนี่ย ถ้าหายฉันตายแน่ๆเลย สา~~ธุ ขอให้ฉันหาสร้อยนั้นเจอด้วยเถอะ” และแล้วก็เหมือนสวรรค์บันดาลให้คำขอของฉันเป็นจริง ฉันเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังเล่นสร้อยของฉันอยู่ (แถมอมอีกต่างหาก)
“ฮือๆ~~ขอบคุณสวรรค์มากๆนะค่ะ”แล้วฉันก็รีบวิ่งไปหาเด็กคนนั้ทันที แต่ว่า....
“นี่ ลูกเอาสร้อยที่ไหนมาเล่นเนี่ย หา มันสกปรก ทิ้งไปลูก” และแล้วแม่เด็กคนนั้นก็ทิ้งสร้อยของฉันไปอย่างไม่ใยดี กริ๊ด~~~
“ฮือ~ผู้ใหญ่ใจร้าย”ฉันพูดใส่แม่เด็กคนนั้นแล้ววิ่งไปหาสร้อยทันที
“เอ๊ะ! ฉันทำอะไรผิดเนี่ยเด็กสมันนี้นี่พูดจาไม่ดีเลย อย่างไปฟังนะลูก”หึ!น่าเจ็บใจ
“สร้อยจ้า เธอไปอยู่ไหนออกมาหาฉันหน่อยเร็ว”ฉันรีบวิ่งไปหาทันที ตรงที่ฉันหา มีรถตู้อยู่คันนึงที่เปิดประตูทิ้งไว้
“เอ๊ะ!หรือว่าจะตกอยู่ในนั้นนะ”และแล้วฉันรีบเดินขึ้นไปหาบนรถคันนั้นทันที หวังว่าฉันจะหาได้ทันก่อนเครื่องบินจะออกนะ
ผ่านไป 5 นาที
“ฮือ ~ แย่แล้วฉันต้องตกเครื่องแน่ๆเลย ทำไงดีล่ะ งั้นไอ้ สร้อยช่างล่ะกันขอให้ได้กลับบ้านก่อน แล้วค่อยบอกความจริงกับแม่ ไอ้รถบ้านี่ก็กว้างจังเลยหายังก็หาไม่เจอ” พอฉันตัดสินใจจะออกจากรถก็สายไปแล้ว มีคนกำลังเข้ามาบนรถ ฉันก็เลยรีบมุดเข้าไปใต้เบาะหลังสุด แต่เอ๊ะ!แล้วทำไมฉันต้องหลบด้วยล่ะ ก็แค่ขอออกไปก็สิ้นเรื่อง พอฉันจะมุดออกมาจากใต้เบาะ แต่ฉันก็ต้องหยุดชะงักเข้าไปใต้เบาะอีกครั้ง เพราะคนที่เดินขึ้นมาบนรถ เป็นผู้ชายกันหมดเลย จะทำไงดีล่ะ ถ้าฉันโผล่หน้าออกไปมีหวังโดนจับข่มขืนแล้วจะทำไงล่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็ตกเครื่องแล้วด้วย ทำไมมันโชคร้ายอย่างนี้นะ และก็ฉันล้มตัวลงนอนใต้เบาะสุดท้ายนั้นอย่างหมดหวัง
ผ่านไป 10 นาที
“นี่ ยุนโฮนายคงหมดหวังเจอผู้หญิงคนนั้นแหง่ๆเลยฉันว่า”ยูชอนหันมาทักยุนโฮที่นั่งข้างหน้า
“จะบ้ารึไงฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้อยากเจอยัยนั่นซะหน่อย”
“ฉันอยากรู้จังไอ้คนที่ไม่อยากเจอถ้าเจอแล้วไม่รู้จะเป็นไงนะ”ระหว่างที่จุนซูพูดอยู่ชางมินที่นั่งอยู่ข้างๆก็เห็นอะไรบางอย่างที่เท้า ก็เลยก้มไปเก็บ มันก็คือสร้อยคล้ายๆกุญแจนั่นเอง แต่ว่ามีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า.........
“เฮ้ย! พี่ยุนโฮ”
“มีอะไรชางมิน”
“ฉันว่าพี่คงสมหวังแล้วล่ะ”ชางมินลุกขึ้นมาจากเก็บสร้อย
“ทำไม นายจะแซวฉันอีกคนรึไง ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้อยากเจอผู้หญิงคนนั้น”
“ไม่อยากก็ต้องเจอล่ะ ก็เธออยู่ในรถเรา”
“อ๋อ~~ผู้หญิงอยู่ในรถ...............หา เธออยู่ในรถ อยู่ไหนนายบ้ารึเปล่า”ชางมินชี้ไปที่เบาะหลังยุนโฮก็สวมวิญญาณหมีขาวปีนไปเบาะหลังทันที
“ เฮ้ย!จริงด้วยมาอยู่นี่ได้ไง”ภาพที่ยุนโฮเห็นก็คือ ลูกแมวน้อยนอนหลับอยู่ใต้เบาะ เอ้ย!ยูมินอนหลับอยูใต้เบาะพร้อมกับคราบน้ำตาที่พึ่งร้องไห้ที่ตกเครื่องบินและหาสร้อยไม่เจอ
“เย้~~ฉันดีใจด้วยนะยุนโฮ นี่ไม่ได้เจอธรรมดานะ ถึงขั้นมานอนใต้เบาะรถเราถึงที่เลยเห็นมะ”จุนซูโผล่หน้ามาพูดข้างๆยุนโฮ
“เงียบไปเลยโลมา เดี๋ยวโดนหมีจับกินหรอก”
“อุ้ย~น่ากลัว”
“แต่ว่าเราจะพาผู้หญิงคนนี้ไปที่ไหนล่ะ หลับซะขนาดนี้”แจจุงหันหน้ามาถามทุกคน
“จริงด้วย”ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
แล้วยุนโฮหัวหน้าวงก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ความคิดเห็น