คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอน 1
Chapter 1
ณ. โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบของชั้นม.6 พวกนักเรียนม.6 หลายคนก็ต่างพูดถึงเรื่องไปเที่ยวและการเรียนต่อ
“นี่....สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันต่อเถอะ”
“เอาสิ จะไปไหนล่ะ”
“แล้วเธอล่ะจะไปไหน.......เมล์.....ยัยเมล์!...”
“จะจ๋า.....จ๊ะ”
ฉันสะดุ้งลุกกลางวงจากภวังค์อันฝันเฟื่องของฉัน
“เอ๊ะ..ท่าทางจะเป็นเอามากนะเนี่ย เธออยากจะไปเที่ยวไหนต่อ”
“เออ.....อืม.....ที่ไหนก็ได้ แล้วแต่พวกเธอ”
“อืมๆโอเค”
พอฉันตอบคำถามจากเพื่อ
“อา...อืมมีอะไรเหรอ”เพื่อนของฉันชื่อเชอร์รี่เรียกฉันหลังจากมานั่งที่โต๊ะในร้านที่ลงมติว่าจะมากัน
“เป็นอะไรรึเปล่า ปิดเทอมทีไรชอบเหม่อทุกที คือ....ฉันอยากให้เธอช่วยอะไรหน่อยน่ะ”
“อะไรล่ะค่ะคุณเชอร์รี่”
“ฉันอยากให้เธอไปเกาหลีกับฉันน่ะ”
“อ๋อ....อยากให้ไปกะ.............หาไปเกาหลี”
“ก็ฉันไม่มีเพื่อนไปนี่หน่า”
“แล้วทำไมต้องมาชวนฉันล่ะ พี่สาวกับเพื่อนคนอื่นล่ะ ทำไมไม่ชวน”
“ก็พี่เบอร์รี่ไม่ว่าอ่ะต้องไปดูงานที่ปารีส ส่วนเพื่อนคนอื่นไม่ได้เรียนภาษาเกาหลีเหมือนฉันกับเธอนี่ แถมเธอพูดเก่งกว่าฉันตั้งเยอะนี่จริงไหม”
“ตะแต่ว่า....ฉันไม่มีตังค์นะ”
“แหม ไม่เป็นไรหรอกเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้เธอเอง ตกลงเธอไปกับฉันนะ โอเค ขอบใจมากเพื่อนรัก”
“แต่ว่า.....เชอร์รี่ ฉัน .”สายไปซะแล้ว ฉันยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยก็ตัดไปคุยกับคนอื่นซะแล้ว นเสร็จฉันก็นั่งลงแล้วถอนหายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในระหว่างนี้ฉันจะเล่าเรื่องราวประวัติของฉันให้ฟังนะ ฉันชื่อรถเมล์ หรือว่าเมล์ที่เพื่อนฉันตะโกนเนี่ยแหละ
อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง แต่ก็มีบ้างที่เงินหมุนแทบไม่ทันเลยแหละ ถึงพ่อจะเป็นถึงหัวหน้าแผนกในบริษัท แต่ก็เป็นแค่บริษัทเล็กๆ แถมน้องชายก็กินตังค์เป็นของว่างเลยทีเดียวแหละ ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่ค่อนข้างจะเข้มงวดทีเดียวแหละ แต่จะใจอ่อนก็เฉพาะเห็นเงินนี่ แหละหรือไม่ก็ของฟรี และในปิเทอมนี้ฉันก็ต้องไปทำงานกับพี่ชายที่ร้านอาหาร ในช่วงแรกฉันทำงานเป็นเด็กล้างจานแต่ทำไปมา จานในร้านชักเริ่มขาดแคลน เพราะความซุ่มซ่ามของฉันนี่แหละเกือบจะโดนออกจากงานแล้ว แต่พี่ฉันขอร้องให้ฉันทำงานต่อ เจ้าของร้านก็เลยหันไปเป็นพนักงานต้อนรับ และก็ร้องเพลงในร้าน ก็ได้เงินใช่ได้ เสียงฉันก็ไม่ได้เพราะอะไรหรอก แค่ร้องตรงตามโน้ตก็แค่เท่านั้นเอง แต่ที่ฉันชอบที่สุดก็คือการเต้นต่างหาก บางครั้งเวลาที่ฉันเบื่อๆฉันก็ชอบไปยืนดูโรงเรียนสอนเต้นแล้วก็จำมาซ้อมบ่อยๆ ถ้าฉันไปขอแม่มาเรียนล่ะก็โดนแม่ว่าตายแน่ๆเลย เมื่อไหร่ชีวิตของฉันจะเหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาสักทีนะ
..
“นี่เมล์......ยัยรถเมล์”
เฮ้อ....ตกลงฉันต้องไปเกาหลีจริงๆเหรอเนี่ย แล้วฉันจะทำไงดีล่ะ แม่ฉันยิ่งไม่ถูกกับเกาหลีอยู่ด้วยถ้าบอกว่าฉันขอไปเกาหลีต้องเละแน่เลย โธ่! เชอร์รี่รู้ไหมว่าเธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า ฮือ~~~
กำลังแปลกใจอยู่ใช่ไหมล่ะ ว่าทำไมเชอร์รี่ถึงบอกว่าฉันพูดเกาหลีเก่ง ไม่ใช่เกาหลีเท่านั้นนะ ญี่ปุ่นก็ด้วย แถมจีนกับอังกฤษที่เรียนกับโรงเรียน เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เชอร์รี่ชวนฉันไปเรียนภาษาเกาหลี แล้วมันมีภาษาญี่ปุ่นก็เลยควบ 2 ภาษาซะเลย แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยัยเชอร์รี่ก็ก็ออกหมด ส่วนแม่ฉันน่ะเหรอ ไม่มีห้ามสักคำตั้งแต่ได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายตังค์เท่านั้นแหละ อะไรก็ได้ทั้งนั้น และที่สำคัญฉันบอกกะแม่ว่าฉันเรียนญี่ปุ่นอย่างเดียว ทำไมน่ะเหรอ ก็อยากที่บอกแหละ แม่ฉันไม่ถูกกับเกาหลีนี่............
เช้าวันต่อมา
“อ้าว ยัยเมล์วันนี้ปิดเทอมไม่ใช่เหรอ อะไรเข้าฝันฮะตื่นซะเช้าเชียว”พี่บัสพี่ชายของฉันเดินลงมาพร้อมกับความตกใจเล็กน้อย
“อย่ามากวนแต่เช้าน่า ไม่ดีรึไงฉันที่ตื่นเช้า”พี่บัสเดินมายีผมฉันเดินลงไปข้างล่าง ที่จริงแล้วฉันนอนไม่หลับต่างหาก ก็เพราะเรื่องเมื่อวานที่เชอร์รี่ชวนฉันไปเกาหลีฉันไม่รู้ว่าบอกแม่ยังไงดี ฉันนอนคิดทั้งคืนจนไม่หลับไม่นอนเลย ผิดกับเพื่อนฉันเชอร์รี่ อะไรที่เป็นเกาหลีนะพี่แกเก็บรายละเอียดสุดๆ แต่งตัวข้างนอกทีอย่างกับหลุดมาจากแม๊กกาซีนของเกาหลีญี่ปุ่น ไม่เว้นนักร้องโดยเฉพาะดงบังชินกินี่เป็นอะไรที่คุณเธอบ้ามากๆ ส่วนฉันน่ะเหรอเกี่ยวกับดงบังชินกิฉันรู้หมดทุกอย่างก็เพราะว่าเชอร์รี่กรอกหูหมดทุกอย่าง ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมยัยเชอร์รี่ถึงชอบนักนะ
และตอนนี้ฉันก็นั่งโต๊ะกินข้าวประจันหน้ากับแม่ แท๊กน้องชายที่พึ่งโดนแม่ไล่ลงมา พี่บัส และพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์
“แม่จ๋า”
“มีอะไร”โอ้ ~ ท่าทางแม่ฉันจะอารมณ์ไม่ดีแฮะ สงสัยจะค้างจากน้องชาย เอาล่ะตัดสินใจแล้วนี่
“เออ...........แม่ คือว่าเชอร์รี่ ชวนไปเที่ยวที่......”
“อะไรนะ หนูเชอร์รี่ชวนเหรอ หนูเชอร์รี่นี่เป็นเด็กดีจริงเลย ไปที่ไหนล่ะลูก”โห นี่ล่ะแม่ฉันได้ยินว่าเชอร์รี่ชวนทีล่ะก็เปลื่ยนเสียงเชียว
“ที่..กะกาญจนบุรีสัก 2-3วันอ่ะแม่”
“ไปเลยลูกแม่อนุญาต นี่แล้วขอบคุณหนูเชอร์รี่ด้วยล่ะ”โธ่! แม่นี่กะไล่รึเปล่าเนี่ย
“พี่สาวคนรวยคนนั้นน่ะเหรอพี่ ขอให้ฉันไปอีกคนดิ”น้องชายฉันพูดขึ้นมาหลังจากเงียบจากการโดนแม่ลากมาจากห้อง
“เงียบไปเลยแท๊กอย่างโดนอีกไหม กินข้าวไป”
“ครับแม่”ไม่ทันขาดคำโดนไปอีกดอกแล้วเหอะๆ
“ตกลงจะ 2-3วันใช่ไหม จะได้บอกเจ้ให้”พี่บัสหยุดกินแล้วมาถามฉัน
“อืม”
“ระวังตัวนะลูก อย่างไปซุ่มซ่ามให้อายเค้าล่ะ”ส่วนพ่อก็สงเสียงจากหลังหนังสือพิมพ์ที่ท่าทางปวดหัวมา
“ไม่หรอกน่าพ่อ ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
ในที่สุดการขอไปเที่ยวก็จบจนได้ เฮ้อ~ถ้าแม่รู้ความจริงล่ะก็ ฉันซวยแน่
2-3 วันต่อมา
ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กับเชอร์รี่ แล้วตอนนี้ก็ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้วด้วย ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ฉันไปต่างประเทศ ตอนนี้ใจก็ตุ้มๆต่อมเรื่อยๆแล้วอ่ะ
“นี่เมล์ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว เราไปรอตรงโน้นดีกว่า”
“โอเค”พอฉันจะเดินตามไปยัยรี่ก็หยุดเดินทันที
“เอ้ย เดี๋ยวก่อน เมล์ฉันลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ร้านกาแฟเมื่อกี้อ่ะ เดี๋ยวฉันมานะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันไปเอาให้เอง”
“ก็ได้จ๊ะ มาเร็วๆนะ”
“จ๊ะ”แล้วฉันก็วิ่งไปที่ร้านกาแฟทันที ยัยรี่นี่ไม่น่าลืมเลย รู้ไหมว่านั่นมันคือชีวิตของฉันกับเธอที่จะได้ไปเที่ยวกันเลยนะ (แป่ว!~ สงสัยจะติดนิสัยแม่ซะแล้วสิ)
พอฉันเดินเข้าไปในร้านฉันก็รีบตรงเข้าไปโต๊ะที่นั่งเมื่อกี้ทันที
“อ้า~~~ดีจังที่ยังไม่มีคนเอาไปไหน สงสัยสวรรค์คงอยากให้เราไปเที่ยวแน่ๆเลย ขอบคุณคับ”ฉันยกมือไหว้เหนือหัวแล้วหันกลับแล้ววิ่งทันทีแต่.....................
“โครม”เสียงรถเมล์ชนกับใครบางคนถึงขั้นรุนแรงเลยทีเดียว จนลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น ฮือ~~ มีอะไรอีกล่ะฉันจะไปเที่ยวนะ ฉันลุกขึ้นมานั่งเห็นคนที่ชนกับฉันลงมานั่งเหมือนกันกับฉันสงสัยจะแรงเหมือนกันแฮะ เป็นผู้ชายสูงซะด้วย ทำท่าลุกลี้ลุกลนรีบเก็บหมวกที่ตก แต่ตานี่แต่งตัวปิดมิดชิดมากเลย มีความลับอะไรรึเปล่านะ
“นี่เธอ เดินระวังหน่อยได้ไหม”ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นมาแล้วพูดกับฉันเสียงดัง แต่..เอ๊ะ!เมื่อกี้เค้าพูดกับฉันเป็นภาษาเกาหลีนี่ ได้เวลาแสดงฝีปากของตัวเองแล้วจ้า หุๆ
“ขอโทษด้วยค่ะ แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องพูดเสียงดังกับฉันนี่คะ”ฉันตอบไปเป็นภาษาเกาหลี ดูเค้าจะตกใจเล็กน้อยที่ฉันพูดภาษาเกาหลี
“ดีแล้วที่เธอพูดภาษาเกาหลี รู้ไหมที่เธอชนฉันเมื่อกี้มันเกือบจะทำให้ฉัน......เสียหายรู้ไหม”
“อะไรนะ เสียหาย มันจะเสียหายอะไร ฉันขอโทษเมื่อกี้แล้วไม่ได้ยินรึไง เป็นนักท่องเที่ยวอย่าคิดว่ายิ่งใหญ่มากเลย ยังไงก็ระวังคำพูดซะมั่ง”
“นี่เธอ...”นายผู้ชายปากเสียคนนั้นทำท่าจะชกฉัน
“ทำไม เอาเลยสิ จะได้รู้ไปเลยว่าผู้ชายเกาหลีชอบทำร้ายผู้หญิงเอาเลยสิ”ฉันจ้องหน้านายปากเสียจนทะลุเข้าไปหลังแว่นที่นายนั่นใส่
“ยุนโฮ นายจะทำอะไรน่ะ”อยู่ดีก็มีคนวิ่งมากอดดึงหมอนั่นจากฉัน ชิ่อยุนโฮเหรอคุ้นๆจัง
“นี่นาย เดี๋ยวก็เกิดเรื่องใหญ่หรอก”คนที่วิ่งมาข้างหลังเหมือนผู้หญิงแต่แต่งตัวเป็นผู้ชายแฮะ แต่งตัวมิดชิด ใส่แว่นเหมือนกันแต่ดูโครงหน้าเหมือนผู้หญิงเปะเลย หน้าใสมากด้วยสงสัยจะเป็นแฟนของตานั่น
“แต่ว่าฉัน................”
“ยุนโฮ พวกเราตามหานายตั้งนาน”แล้วก็มีอีก 3 คนวิ่งตามมา แถมใส่ชุดปิดหน้าปิดตาเหมือนกันอีก เฮ้ย! น่ากลัวจัง พวกมันมีกันตั้ง 5 คน ถอยดีกว่ามั้ง
“ก็ดูผู้หญิงคนนี้สิ วิ่งมาชนฉันแถมยังว่าฉํนอีกอ่ะ”
“นี่นายจะบ้ารึไงฮะฉํนขอโทษนายแล้วนะจะมาว่าฉันได้ไง แถมเมื่อนายก็จะชกฉันด้วย”
“ปากดีนักนะ”นายนั่นทำท่าจะชกฉันอีกครั้ง
“เอ้ย พอได้แล้ว เราไปกันเถอะใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”ผู้ชายอีกคนหนึ่งรีบเข้ามาขวางไว้ คนนี้ดูเตี้ยกว่านายยุนนั่นหน่อยนึง หันมายิ้มให้ฉัน
“ใช่ๆฉันว่าเราไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันงานหรอก”ผู้ชายอีกคนพูด คนนี้สูงที่สุดเลย กินอะไรมานะ แบ่งความสูงให้ฉันหน่อยเหอะ
“ไปก็ได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“ฉันไม่รับฝากยะ แบร่ เชอะ”แล้วพวกนั้นก็เดินไป มีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ไม่พูดอะไรเลย เค้ามองแล้วก็เดินมาหาฉัน
“ทำไม จะแก้แค้นแทนเพื่อนนายรึไง ฉันสู้นะ”ฉันตั้งรับเตรียมสู้เต็มที่ แต่หมอนั่นกลับก้มลงไปเก็บกระเป๋าตังค์ของยัยเชอร์รี่เอามาให้ฉัน
“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า ฉันต้องขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ ยังไงก็ยกโทษให้ด้วยล่ะกัน”คำพูดและการกระทำของหมอนี่ทำให้ฉันหยุดชะงัก ทำไมผิดกับนายนั่นเลยอ่ะ
“ฉันไปแล้วนะ บาย”แล้วเค้าก็เดินไป แถมหันมาเปิดแว่นมาขยิบตาให้ฉันอีก โอ๊ย~อยากให้ฉันใจละลายอยู่ตรงนี้รึไงฮะ ใจดีแถมยังเป็นสุภาพบุรุษอีก นี่แหละเทพบุตรของฉัน อ้า~~
“นี่......เมล์...ยัยเมล์....เมล์!”
“จะจ๊ะ..”เชอร์รี่เดินมาเรียกฉัน ที่กำลังตกอยูในภวังค์ของเทพบุตรแสนดี
“มองอะไรอยู่เหรอ”
“เปล่าซะหน่อย”
“นี่ได้กระเป๋าตังค์แล้วทำไมไม่รีบมาล่ะ”
“ก็....นี่ไงฉันกำลังจะไป”
“งั้นเร็วเถอะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”
“โอเคจ๊ะ เรารีบไปกันเถอะ”แล้วฉันกับเชอร์รี่ก็วิ่งขึ้นเครื่องทันที
อีกด้านหนึ่งในเครื่องบินไฟล์ทไปญี่ปุ่น
“เฮ้อ~~อารมณ์เสีย”
“ยุนโฮ แค่ผู้หญิงนายยอมๆไปก็ได้นี่”แจจุงสมาชิกที่ความเป็นแม่ที่สุดพยายามทำให้ยุนโฮอารมณ์เย็นลง
“แต่ว่ายัยนั่น มายั่วโมโหฉันก่อนนี่”
“ยุนโฮ ยอมๆไปเถอะน่า เรื่องแค่นี้เอง”จุนซูหนุ่มยิ้มหวานประจำวงโผล่หน้ามาจากข้างหลัง
“ฉันยอมไม่ได้หรอกน่า ฉันยังไม่ตอบแทนเลย”
“พี่คิดว่าจะได้เจอเธอเหรอ เธอเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แถมท่าทางไม่ใช่คนชาติเดียวกับเราด้วย”น้องเล็กในส่งเสียงมาแจมด้วยความฉลาดของเค้า
“แต่ฉันว่าไม่แน่เราก็อาจจะได้เจอกัน”เสียงทุ้มของยูชอนหนุ่มลูกครึ่ง ดังมาจากแถวหน้า
“ยูชอน นายพูดอะไรอ่ะ”
“ก็ตอนที่ฉันเก็บกระเป๋าตังค์ในผู้หญิงคนนั้น ฉันเห็นในตั๋วเครื่องบินบอกไปเกาหลีน่ะสิ ได้เจออีกก็ดีนะ”
“เบอร์โทรศัพท์สาวๆของพี่เยอะไม่พอรึไง แบ่งมาให้ฉันก็ได้นะ”
“จริงเหรอ ฮะๆ คอยดูเถอะฉันจะต้องชนะเธอให้ได้ คอยดู”
“จะทำอะไรก็ระวังหน่อยล่ะกัน ไม่ใช่ว่า เอาชนะแล้วดันไปหลงรักเค้าหรอกนะ”จุนซูจิ้มข้างแก้มยุนโฮ
“ไม่หรอกน่า ยัยนั่นต่างหาก และที่สำคัญพ่อมีแม่แล้วด้วย จริงไหมแจจุง”ยุนโฮกอดคอแจจุงพร้อมส่งยิ้มหวานให้
“จริงๆนะ”แจจุงตอบเล่น
“นี่ภาคต่อDangerous Love รึเปล่าเนี่ย”ยูชอนหันมาแซวเล่น
“ยูชอนนายไม่ต้องอิจฉา นายก็มีฉันแล้วนี่ไง”จุนซูทำตาหวานใส่ยูชอน(ท่าทางจะขนลุกนะนั่น)
“พอเถอะอยากเป็นข่าวกันรึไง”ชางมินชะโงกหน้ามาทำเสียงดุ
“น้องชาย เดี๋ยวฉันเป็นคู่ให้ชั่วคราวก็ได้ ไม่ต้องอิจฉาหรอก”เซียกดหัวชางมินลงไปนั่งที่เดิมแล้วปฏิบัติการแกล้งทันที
“อ้าก~~ไม่นะ”
“555+”ทุกคนในวง
อะไรกันเนี่ยที่แท้กลุ่มผู้ชายที่รถเมล์เจอก็คือวงดงบังชินกิที่โด่งดังเหรอเนี้ย แถมไปมีเรื่องก็ยูโนว์ยุนโฮหัวหน้าวงอีก ตายแน่ๆ หาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว เรื่องจะเป็นไงต่อก็คอยติดตามกันนะจ๊ะ
_____________________________________________________________________
ความคิดเห็น