คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตำนานจอมอสูรโครำ
ตำนานจอมอสูรโครำ
ซากของเจ้าผีเสื้อน้ำยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นศิลา เลือดที่ไหลจากซากและรอยที่แขนของมันนองอยู่เป็นกองใหญ่ ผู้เฒ่าสิงคาลสำรวจที่ซากของมันอย่างละเอียด โดยมีตัมโพยืนมองอยู่อย่างไม่เข้าใจ พอผู้เฒ่าสิงคาลลุกยืนขึ้นจิ้งจอกหนุ่มจึงเอ่ยถามทันทีหลังจากรอมานานว่า
“ ท่านผู้เฒ่าจะดูซากของมันไปเพื่ออะไรกันขอรับ ? ”
“ ข้าต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจ
”
“ พิสูจน์อะไรหรือขอรับ
? ”
คำถามอย่างไมรู้ของผู้อ่อนวัยกว่าทำให้ผู้เฒ่าสิงคาลต้องทอดถอนใจพลางสบตาอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆด้วยน้ำเสียงชราภาพว่า
“ ตอนที่เจ้าบอกข้าว่าไปช่วยมนุษย์มาจากผีเสื้อน้ำได้คนหนึ่ง ซึ่งดูเป็นมนุษย์ประหลาดอันแตกต่างจากพวกที่เจ้าเคยเจอมา ข้าขอบอกตามตรงว่าในตอนนั้นข้าก็ยังไม่ได้คิดอะไร นอกจากดีใจว่าเจ้าคงจะได้พบกับมนุษย์ที่มีธรรมะ ซึ่งถือเป็นยาดีที่จะช่วยสลายอคติต่างๆในใจของเจ้าที่มีต่อพวกมนุษย์ได้แล้ว ดังนั้นเมื่อเจ้าขอให้ข้าไปช่วยดูให้ว่ามนุษย์คนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆหรือตัวอะไรกันแน่ ข้าจึงยินดีที่จะทำให้ตามที่เจ้าปรารถนา เพราะคิดว่านอกจากจะได้ช่วยให้เจ้าทิ้งอคติและพยาบาทที่มีต่อเหล่ามนุษย์ได้แล้ว ข้ายังจะได้พบกับวงศ์วานของพระมนูชนิดที่ไม่ได้พบมานานแล้วอีกด้วย ความยินดีในตอนนั้นทำให้ข้าลืมถามถึงรายละเอียดต่างๆไป
”
“ ท่านผู้เฒ่า
ท่านพูดมาถึงขนาดนี้เพราะอยากจะบอกอะไรกับข้ากันแน่
”
“ ตัมโพ
ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า ข้ายินดีที่เจ้าได้พบมนุษย์ดีๆที่ทำให้เจ้าทิ้งอคติได้ แต่ถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้น ข้าอยากให้เจ้ารีบออกห่างจากมนุษย์ผู้นั้นให้เร็วที่สุด
!!! ”
ผู้ชรากว่าเอ่ยอย่างเอ็นดูและอาทร หากคำตอบที่ได้ดูออกว่ายังปกปิดอะไรเอาไว้นั้น ก็ทำให้ตัมโพยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะคำแนะนำใหม่อันขัดแย้งไปจากที่ควรจะเป็น
“ ทำไมล่ะขอรับท่านผู้เฒ่า...? ก็ท่านเคยบอกข้าเองไม่ใช่หรือว่าถ้าเจอมนุษย์ดีๆแล้วก็ให้พยายามอยู่ใกล้ๆเข้าไว้
.? ”
“ แต่คนนี้ไม่ได้..!! ”
“ ทำไมล่ะขอรับ
?” คำปรามของผู้เฒ่าซึ่งแปรไปเป็นเสียงตวาด อันไม่เคยได้ยินมาจากปากของผู้เฒ่าสิงคาลนั้น ทำให้ตัมโพยิ่งไม่เข้าใจขึ้นไปอีก ฝ่ายสิงคาลเฒ่าครั้นได้สติว่าตนเองใช้วาจารุนแรงไป ก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า
“ ข้าขอโทษ ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเจ้า เพราะมนุษย์ที่เจ้าพบเจอมานั้น แม้จะเป็นเชื้อสายของพวกมนุสสเทโวแต่
”
“ แต่อะไรขอรับ
.? ”
“ ตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจ แต่พอได้ดูซากของเจ้าผีเสื้อน้ำที่ตายโดยไม่มีบาดแผลอื่นนอกจากที่ถูกฉีกแขนขาด กับได้กลิ่นธาตุแห่งความมืดและธาตุแห่งความตายจากร่างของมันแล้ว เมื่อนำมาประกอบกับเรื่องที่เจ้าเล่าว่าบาดแผลของมนุษย์ผู้นั้นได้สลายหายไปในพริบตาราวภาพลวง ข้าก็มั่นใจ
มั่นใจว่าเจ้าได้พบกับสิ่งที่ไม่ควรจะได้พบและเข้าใกล้เสียแล้ว
ตัมโพ
.”
“ มนุษย์ผู้นั้นหรือขอรับ เขาเป็นใครกันหรือขอรับ
.? ”
“ มันคือความน่ากลัวที่ครอบงำจิตใจของทั้งมนุษย์ เดรัจฉาน อสูร เทพ หรือแม้แต่มาร ในอดีตหลายพันปีมาแล้ว ความน่ากลัวที่ไม่เคยแพ้ใครแม้กระทั่งความตาย ใช่...มันคือจอมอสูรที่ไม่มีวันยอมแก่หรือยอมตายผู้นั้น มันคือจอมอสูรโครำ
!!! ”
“ โครำคือใคร
? ” ถ้อยเสียงที่เอ่ยถามมาตามสายลมนั้นทำให้สิงคาลเฒ่าถึงกับตะลึงจนหน้าซีด เพราะคำถามนั้นมิได้เอ่ยมาจากปากของสิงคาลหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า หากดังมาจากประตูทางเข้าสุสานและเมื่อมองตามไปทางต้นเสียง ผู้เฒ่าสิงคาลก็แทบจะสิ้นชีวิตไปเสียตรงนั้น เพราะเจ้าของเสียงที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าตนนั้นก็คือทานตะนั่นเอง
“ อ๊ะ ! เจ้า
! นี่เจ้าตามพวกข้ามาด้วยเหรอ
!? ” ตัมโพหันไปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีอันบ่งบอกว่ายังไม่ค่อยจะเชื่อในคำพูดของผู้เฒ่าสิงคาลมากนัก ขณะที่ผู้เฒ่าสิงคาลนั้นแสดงออกซึ่งอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ ข้ากลัวแล้วอย่าทำอะไรพวกข้าเลย พวกข้าไม่เคยทำอะไรให้ท่านไม่พอใจนะ ท่านจอมอสูร
” สิงคาลเฒ่าเอ่ยละล่ำละลักเสียงสั่นรัว ขณะที่ร่างสูงโปร่งของอีกฝ่ายเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ ก็โครำคือใครกันล่ะครับ
? ” เสียงกังวานไพเราะคล้ายเสียงพิณเอ่ยถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง ขณะที่เจ้าของเสียงได้หยุดยืนอยู่กับที่ เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวอย่างน่าสงสารของผู้เฒ่าสิงคาล “ อย่ากลัวเลย
ผมไม่ได้คิดร้ายอะไร
..” ทานตะเอ่ยกับจิ้งจอกเฒ่าอีกครั้งด้วยถ้อยเสียงอันนุ่มนวล ด้วยเจตนาหมายจะให้อีกฝ่ายเข้าใจตน ทว่าแม้ทานตะจะพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจแค่ไหนก็ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง เพราะความกลัวในสิ่งที่เคยได้ยินมาแต่เล็กๆ และเชื่อถือตามนั้นมาโดยตลอดได้ครอบงำจิตใจของผู้เฒ่าสิงคาลเฒ่าเสียจนไม่อาจจะเชื่อถือในตัวทานตะได้อีกแล้ว จิ้งจอกเฒ่าจึงเอาแต่ถอยหนีชายหนุ่มและเอ่ยปากเสียงสั่นว่า
“ อย่าเข้ามานะ
! อย่า
! ”
ฝ่ายตัมโพเมื่อเห็นว่าหากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป ทุกอย่างก็จะมีแต่แย่ลง จิ้งจอกหนุ่มก็ชิงเอ่ยขึ้นกับทานตะสั้นๆว่า “ เจ้าออกไปก่อน
! ” ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ แต่
” ชายหนุ่มพยายามจะให้เหตุผล แต่จิ้งจอกหนุ่มก็เอ่ยตัดบทมาทันทีด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมว่า
“ ออกไปก่อนเถอะน่า
.!”
คราวนี้สายตาและน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจังของตัมโพใช้ได้ผล เพราะทานตะไม่เอ่ยโต้ตอบอะไรกลับมาอีก นอกจากจะยอมหันหลังเดินออกไปแต่โดยดี แต่ตัมโพก็สังเกตได้จากแววตาของอีกฝ่ายว่าบอกถึงความรู้สึกเศร้าและจนใจเพียงใด ซึ่งสิ่งที่เห็นก็ยิ่งทำให้สิงคาลหนุ่มต้องนึกค้านอยู่ในใจตัวเองว่า
“ นี่หรือแววตาของผู้ที่ถูกเรียกว่าจอมอสูร
? ”
เมื่อแน่ใจได้ว่าอีกฝ่ายไปไกลพอสมควรจนผู้อยู่ข้างกายน่าจะคลายความหวาดกลัวลงได้บ้างแล้ว ตัมโพก็เอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้านอยู่ในใจตนทันทีว่า
“ นั่นน่ะเหรอขอรับ จอมอสูรที่ท่านผู้เฒ่าพูดถึง ข้าสงสัยจริงๆว่าจอมอสูรที่น่ากลัวตามตำนานนั่นรู้สึกเมตตาผู้อื่นเป็นด้วยหรือขอรับ
.? ”
“ เจ้ากำลังถูกหลอกด้วยรูปร่างที่เห็นแต่เพียงภายนอก
” ถึงแม้จะคลายความหวาดกลัวลงไปบ้างแล้ว แต่สิงคาลเฒ่าก็ยังเอ่ยตอบด้วยเสียงกระซิบราวกับเกรงว่าผู้ที่ถูกเอ่ยถึงจะได้ยิน
“ แต่ไหนแต่ไรมา ท่านผู้เฒ่าเป็นผู้มีเหตุผลเป็นที่สุดในเผ่า แต่ ณ เวลานี้ข้ารู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าช่างไร้เหตุผลเสียเหลือเกิน ที่กล่าวหาคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน
.”
“ เจ้ารู้จักจอมอสูรโครำดีพอหรือยัง
.? ” ผู้เฒ่าสิงคาลถามกลับมาด้วยทีท่าที่บ่งชัดว่ามิได้ถือโกรธในคำพูดประชดประชันของผู้เยาว์วัยกว่าแม้แต่น้อย ซึ่งตัมโพก็ให้คำตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงว่า
“ ข้ายอมรับว่าข้าไม่รู้ แต่มันเกี่ยวอะไรกับหลักฐานที่ท่านจะใช้กล่าวหาว่ามนุษย์ผู้นั้นคือจอมอสูรโครำอะไรนั้นด้วยล่ะขอรับ
? ”
“ หลักฐานก็คือที่ข้าบอกว่าเจ้ากำลังถูกหลอกด้วยรูปกายภายนอกนั่นแหละ ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก ข้าได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นก่อนๆเล่าให้ฟังว่าโครำจอมอสูรที่แปลกประหลาดมาก เพราะมันมีร่างกายที่ละมุนละม่อมอันตรงกันข้ามกับความร้ายกาจที่มันมีราวฟ้ากับดิน และว่ากันว่าเดิมทีโครำนั้นเป็นมนุษย์ที่เกิดในไตรคายุค อันเป็นยุคที่ธรรมะมีอำนาจเหนืออธรรมอย่างแท้จริง จึงมีมนุสสเทโวอาศัยอยู่ดาษดื่นในโลกมนุษย์ ทว่าอำนาจแห่งอธรรมเพียงน้อยนิดก็ได้เปลี่ยนมนุสสเทโวที่มีพรสวรรค์ผู้หนึ่งให้กลายเป็นจอมอสูรโครำไป
”
“ ถ้าจะให้ข้าเดา
พวกมารคงกะจะใช้โครำนั้นให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายอธรรมของตนเองซึ่ง ณ เวลานั้นมีกำลังอยู่น้อยนิดดังที่ท่านว่า
” ตัมโพออกความเห็นตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งผู้เฒ่าสิงคาลก็ตอบรับว่า
“ ถูกแล้ว
ผู้เฒ่ารุ่นก่อนๆเล่าสืบทอดกันมาว่า พวกมารแกล้งให้เป็นเช่นนั้น ด้วยหวังจะเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายตนเอง แต่สุดท้ายก็ฝืนกฎธรรมชาติและกฎแห่งกรรมไม่ได้ ผลจึงกลับกลายเป็นว่านอกจากโครำจะเป็นภัยต่อฝ่ายธรรมะแล้ว ยังเป็นอันตรายที่ทั้งน่ากลัวและสยดสยองต่อฝ่ายอธรรมเสียเองด้วย
.”
“ แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ท่านผู้เฒ่าคิดว่ามนุษย์ผู้นั้นคือโครำล่ะขอรับ ถ้าเพียงแค่รูปกายภายนอกที่งดงามของเขาล่ะก็ ข้าเองก็มีความเห็นว่ามนุษย์กึ่งเทพทุกคนน่าจะมีรูปกายแบบเดียวกับเขา
.”
“ ใช่
เพราะมีภาวะใกล้เคียงเทพ มนุสสเทโวทุกคนจึงมีร่างกายที่งดงามชวนมอง แต่ความจริงอีกข้อที่เจ้ายังไม่รู้ก็คือว่า ทั้งเวทย์มรณะและเหล่าสาวกภูเตศวรผู้คิดค้นและสืบทอดเคล็ดวิชาที่น่ากลัวนั้น ได้สูญสิ้นไปจากโลกมนุษย์ตั้งแต่ยามสิ้นไตรดายุคเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว ดังนั้นเจ้าตอบข้าได้ไหมล่ะว่า ทำไมมนุษย์ผู้นั้นถึงใช้วิชาของพวกสาวกภูเตศวรซึ่งสาบสูญไปนานเป็นพันๆปีแล้วได้ หากเขาไม่ใช่จอมอสูรโครำซึ่งเชี่ยวชาญศาสตร์นั้นยิ่งกว่าใคร ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่เจ้าเล่าว่าบาดแผลของมนุษย์ผู้นั้นหายไปได้อย่างรวดเร็วราวกับภาพลวงนั่นแหละคือหลักฐานที่สำคัญที่สุด...!!! เพราะคุณลักษณะพิเศษของโครำอันเป็นที่กล่าวขวัญกันมาแต่โบราณว่าน่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ ไม่ว่าใครจะพยายามเข่นฆ่ามันอย่างไร ก็เหมือนไปต่อกรกับเมฆหมอกหรือฝันร้าย เพราะไม่เคยมีใครสร้างบาดแผลให้ติดตรึงอยู่บนร่างของโครำได้เลยแม้สักคนเดียว
”
“ แล้วเหตุใดจอมอสูรโครำนั้นถึงได้เลิกอาละวาดแล้วเงียบหายไปล่ะขอรับ
..? ”
“ ว่ากันว่าหลายพันปีก่อน โครำพบกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมและหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นมันก็เงียบหายไป แต่มันไม่ได้ตายอย่างแน่นอน เพราะคดีกรรมต่างๆที่มันก่อไว้ยังคงค้างรอมันอยู่ที่ยมโลก ดังนั้นหากมันตายจริงให้อย่างไรมันก็ต้องถูกนำตัวไปพิพากษาที่ยมโลก จึงเชื่อกันว่ามันคงหลบไปจำศีลเพื่อฟื้นฟูพลังที่เสียไปในครั้งนั้น เพื่อว่าสักวันมันจะกลับมาสำแดงเดชอีกครั้ง
!!! ”
หลังจากผู้เฒ่าสิงคาลพูดจนจบอีกครั้ง ด้วยวิสัยของผู้ที่เชื่อมั่นในความคิดของตนเองตัมโพจึงเอ่ยถึงความรู้สึกในใจของตนเองให้อีกฝ่ายฟังบ้างว่า
“ ฟังดูก็เป็นตำนานที่น่ากลัวนะท่านผู้เฒ่าแต่
” จิ้งจอกหนุ่มทอดเสียงอ่อนลงและนิ่งไปชั่วครู่อย่างตั้งใจจะให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและความคิดที่แฝงออกมากับคำพูดและกิริยาท่าทางของตน ก่อนจะกล่าวต่อไปสั้นๆด้วยความมั่นใจว่า
“ ข้ารู้สึกชอบมนุษย์ผู้นั้นแล้ว...! ”
“ ตัมโพ
! ”
จิ้งจอกเฒ่าเอ่ยชื่อผู้อ่อนวัยกว่าเสียงดัง ทว่าก่อนที่ผู้เฒ่าสิงคาลจะทันได้กล่าวคำใดๆออกมาได้อีก ตัมโพก็เอ่ยปากขึ้นเสียก่อนด้วยเสียงทุ้มต่ำซึ่งบ่งชัดถึงความเคารพและนอบน้อมว่า
“ เขาเหมือนกับข้าท่านผู้เฒ่า ท่านเองก็รู้ดีว่าตัวข้าเองจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ทั้งสิงคาลหิมพานต์หรือจิ้งจอกธรรมดา และในตอนนี้มนุษย์ผู้นั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงตนเองคือใครหรือเป็นตัวอะไร และความเหมือนที่ว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าชอบเขา และรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเขา ข้าเองก็ได้เลือกทางเดินของตัวเองมาตั้งแต่การตามล่าล้างแค้นไอ้หมอผีชั่วนั่นแล้ว ซึ่งในตอนนั้นท่านเองก็เอ่ยปากห้ามข้าเพราะกลัวว่าข้าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต แต่ข้าก็แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองว่าจะไม่เสียใจในการตัดสินใจของตัวเอง ไม่ว่าผล ณ ปลายทางนั้นจะเป็นเช่นใด ท่านจึงได้ปล่อยให้ข้าทำตามที่ใจคิด ดังนั้น ณ เวลานี้ข้าอยากจะขอให้ท่านปล่อยให้ข้าได้ทำในสิ่งที่ได้ตั้งใจดีแล้วนี้เหมือนกับในครั้งนั้นด้วยเถิด
”
ความคิดเห็น