ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sakara , the whirlpool of life

    ลำดับตอนที่ #10 : มนุสสเทโวหรือว่าอะไร...?

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 52


                

    มนุสสเทโวหรือว่าอะไร...?

     

    ถึงอีกฝ่ายจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทานตะก็ยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดนั้นเลยก็ว่าได้  ฝ่ายตัมโพเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเฉย ก็ยิ่งเกิดความอยากรู้มากขึ้นตามสัญชาตญาณสุนัข

                    เฮ้อ….ถึงถามเจ้าไปตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไรฮึ ! แต่บังเอิญข้าก็เป็นพวกดื้อด้านเสียด้วยสิ…! โดยเฉพาะเวลาที่ข้าอยากจะรู้อะไรขึ้นมาแล้วล่ะก็ ข้าก็จะต้องรู้ให้ได้…..! ” จิ้งจอกหนุ่มเอ่ยพลางเดินวนไปวนมา เพื่อคิดหาวิธีการอันจะนำมาซึ่งคำตอบที่ตนต้องการ ครั้นแล้วตัมโพก็ยิ้มกริ่มออกมาอย่างผู้ที่มองเห็นทางออก  ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทานตะอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ว่า

                    ตอนนี้ข้านึกออกแล้วล่ะว่า ใครจะช่วยข้าได้เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้ามา ” ว่าแล้วจิ้งจอกหนุ่มก็เดินปรี่ออกไปจากบ้านของตนทันที

    ...........................

                    ผ่านไปไม่กี่นาทีประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง โดยที่ทานตะยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิม ท่าทางของชายหนุ่มบ่งชัดว่า ยังไม่สนใจจะรับรู้ในสิ่งต่างๆรอบตัวทั้งสิ้น  แต่ตัมโพก็ไม่ใส่ใจ จิ้งจอกหนุ่มหันไปทางผู้ซึ่งถูกพามาด้วย และกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า

                    เชิญท่านผู้เฒ่าขอรับ……”

                    จากนั้นจิ้งจอกหิมพานต์อีกตนหนึ่ง ซึ่งมีสีขนที่ซีดจางกว่าตัมโพ กับทั้งมีขนคิ้วและหนวดสีขาวโพลนอันบ่งบอกถึงอายุที่อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย ก็เดินตามผู้อ่อนวัยกว่าเข้ามาในกระท่อมช้าๆ ครั้นแล้วจิ้งจอกชรานั้นก็ยืนสำรวจทานตะด้วยสายตาและจมูกอย่างพินิจพิจารณาอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยกับผู้เยาว์วัยกว่าว่า

                    ท่าทางเขากำลังจมทุกข์นะ….”

                    ขอรับ….ตอนนี้เขาคงไม่รับรู้อะไรรอบตัวทั้งนั้น ว่าแต่ท่านผู้เฒ่าเห็นเป็นยังไงขอรับ

                    เขาก็เป็นมนุษย์….” สิงคาลเฒ่าเอ่ยพลางเดินเข้าไปดมกลิ่นใกล้ๆ โดยที่ทานตะยังคงนั่งซึมไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้แม้สักนิดเดียว

                    มนุษย์ที่ตกใจจนสติหลุดลอยไป จนไม่เหลือสัญชาติญาณระวังภัยให้ตนเองเลยแม้สักนิดเดียว น่าเสียดาย...ทั้งที่ดูจากดวงตาแล้วบอกได้ว่าเป็นคนที่มีกำลังใจและสติมั่นคงกว่าใครแท้ๆ แต่ก็นั้นแหละนะ ต่อให้มีสติและปัญญาเข้มแข็งเพียงใด  ถ้ามาเจอเข้ากับสิ่งที่ไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะเจอ  แล้วสามารถรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้ไหว โดยที่สติไม่กระเจิดกระเจิงหรือแตกไปเสียก่อนก็คงเป็นยอดคนแล้ว….”

                    แล้วกลิ่นล่ะขอรับท่านผู้เฒ่า...? กลิ่นกายเขาเป็นเช่นใด…? ” ตัมโพเอ่ยถามขึ้นอย่างทนรอต่อไปไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็มองอย่างเอ็นดูและเข้าใจก่อนจะเอ่ยตอบมาว่า

                    ก็เป็นกลิ่นกายของผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ อย่างที่ข้าไม่เคยได้เห็นได้สัมผัสมานานแล้ว  กลิ่นกายของมนุสสเทโว...มนุษย์ที่มีกลิ่นกายหอมเกือบทัดเทียมเทพ น่าเสียดายที่ภาวะจิตใจอันเศร้าหมองทำให้ความสะอาดแห่งปราณและพลังชีวิตน้อยลง มิเช่นนั้นข้าคงได้สัมผัสกลิ่นที่ละเอียดยิ่งกว่านี้….”

                    ถ้าเช่นนั้น…..”

                    ถูกแล้วตัมโพ ชายหนุ่มผู้นี้คือมนุสสเทโวที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังนั่นแหละ แต่น่าแปลก….”

                    แปลกอะไรขอรับ….” สิงคาลหนุ่มเอียงคอถามพลางสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกาย ตามท่าทีสนใจใคร่รู้ของสุนัข

                    แปลกที่ว่านี่ก็เข้ากลียุคมาได้ตั้งห้าสิบกว่าปีแล้ว แต่ทำไมถึงยังมีมนุสสเทโวที่อายุน้อยเช่นนี้อยู่ในไตรโลกได้อีกน่ะซิ…”

                    เอ๋…!? หมายความว่ายังไงหรือขอรับ….!? ” จิ้งจอกหนุ่มโพล่งถามเสียงดังอย่างลืมตัวทันที  แต่ผู้เฒ่าสิงคาลก็ตอบคำถามอีกฝ่ายโดยไม่ถือสาว่า

                    ข้าน่ะเกิดในสมัยปลายยุคทวาบรในช่วงเวลานั้นแหละที่ข้าได้เคยสัมผัสมนุษย์ลักษณะเช่นชายหนุ่มผู้นี้  ซึ่งแม้ในตอนนั้นข้าจะยังเยาว์วัยนัก แต่ความบริสุทธิ์แห่งกระแสไอตัวและกลิ่นกายของมนุษย์ประเภทนั้นข้ายังจำได้ดีว่าเป็นเช่นที่ข้ากำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้แหละ แต่มันก็น่าแปลกจริงๆ เพราะเขาว่ากันว่ามนุษย์ลักษณะนี้จะสูญสิ้นจากไตรโลกทันทีที่สิ้นสุดทวาบรยุค  แต่ทำไมในกลียุคนี่ จึงได้มีมนุสสเทโวที่เยาว์วัยเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้….? ”

                    ทำไมมนุษย์แบบที่ว่าถึงต้องหมดไปจาก ๓ โลกทันทีที่เข้าสู่กลียุคด้วยล่ะขอรับ…? ”

                    มนุสสเทโวเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจและพลังปราณอันบริสุทธิ์ทัดเทียมเทพ กระแสกาย กลิ่น และไอตัวของพวกเขาจึงใกล้เคียงกับเทพ แต่พวกเขาจะดำรงอยู่ในมนุสสยภูมิได้ในช่วงเวลาที่พลังฝ่ายธรรมะยังไม่ปราชัยต่อพลังฝ่ายอธรรมเท่านั้น ดังนั้นเมื่อถึงกลียุคอันเป็นกาลที่ความชั่วร้ายทรงอำนาจมากกว่าความดีงาม  มนุสสเทโวจึงสูญสิ้นไปจากทั้งไตรโลก...

                    เมื่อท่านผู้เฒ่ากล่าวมาถึงตรงนี้ ตัมโพก็นึกได้ถึงอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกอีกฝ่ายตั้งแต่ที่แรก สิงคาลหนุ่มจึงเล่าให้อีกฝ่ายฟังทันทีที่ได้โอกาส

                    ท่านผู้เฒ่าคือความจริงตอนที่ข้าไปตามท่านมาดูชายผู้นี้ ข้านั้นกระหายที่จะรู้เพียงอย่างเดียวว่าเขาคือตัวอะไร ใช่มนุษย์อย่างที่ท่านเคยเจอมั้ยเท่านั้น  จึงยังมิได้เล่าให้ผู้เฒ่าฟังว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยได้กลิ่นอสรพิษคล้ายนาคราชออกจากกายของมนุษย์ผู้นี้ด้วยขอรับ แต่ตอนนี้ไม่อาจหาร่องรอยของกลิ่นนั่นได้แล้ว

                    ไม่แปลกเพราะมนุสสเทโวเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเทพ ดังนั้นการจะสมสู่กับนาคราชซึ่งเป็นเทพระดับต้นๆก็ไม่แปลกอะไร เพราะในสมัยโบราณก็มีออกบ่อยๆที่มนุษย์ประเภทนี้ไปสมสู่กับเทพ คนธรรพ์ นาค หรือแม้แต่ยักษ์หรืออสูรฝ่ายที่มีใจเป็นสัมมาทิฐิ  ซึ่งไม่ว่าจะสมสู่กับเผ่าพันธุ์ใดไป  ลูกหลานที่เกิดมาก็จะเป็นมนุษย์ แต่จะมีคุณลักษณะหรือพลังพิเศษของเผ่าพันธุ์ทางฝ่ายพ่อหรือแม่ที่มิใช่มนุษย์ปะปน ดังนั้นเหตุที่ชายผู้นี้มีกลิ่นนาคราชก็หมายความว่า เขามีสายเลือดของพญานาค...แต่ถ้าดูจากรูปร่างแล้ววงศ์ของเขาน่าจะเคยผสมกับคนธรรพ์มาด้วยนะ…”

    ผู้เฒ่าสิงคาลตอบพลางพิจารณาทานตะต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก แต่คำพูดต่อไปของตัมโพก็ทำให้สิงคาลเฒ่าสะดุ้งขึ้นสุดตัวจนได้

                    ตอนนั้นข้ากำลังรีบกลัวว่าเขาจะลุกหนีไปอย่างคนไม่มีสติ เลยไม่ได้บอกท่านผู้เฒ่าด้วยว่าเจ้าผีเสื้อน้ำมันบอกไว้ก่อนตายว่า มนุษย์ผู้นี้มีอะไรสักอย่างที่มันเรียกว่าธาตุแห่งความมืดด้วยขอรับ…”

                    อะไรนะ….!? ธาตุแห่งความมืดรึ..!!! ” ผู้เฒ่าสิงคาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังพร้อมกับสีหน้าที่ตกใจและไม่เชื่อหูตนเอง ก่อนจะทันมาซักถามผู้อ่อนวัยกว่าด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันทีว่า

                    เล่าให้ข้าฟังโดยละเอียดเดี๋ยวนี้…!! ตัมโพ...!!! ว่าตอนที่เจ้าพบเขาครั้งแรกนั้นเขาแสดงอะไรแปลกๆให้เจ้าเห็นบ้าง….!?”

                    ท่าทางของผู้เฒ่าสิงคาลที่เปลี่ยนไปในบัดดลทำให้ตัมโพรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เนื่องจากตนเองก็รู้สึกผิดที่ไปเชิญอีกฝ่ายมาโดยปกปิดความจริงดังกล่าวไว้ จิ้งจอกหนุ่มจึงอ้อมแอ้มตอบไปโดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายว่า

                    ตอนแรกก็ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาแหละขอรับ ข้าจึงไม่คิดใส่ใจจะช่วยด้วยซ้ำ จนเจ้าผีเสื้อน้ำมันบอกว่าไม่ได้เจอมนุษย์ที่มีร่างกายที่บริสุทธิ์เช่นนี้มานานแล้ว  ข้าเลยนึกถึงคำพูดของท่านผู้เฒ่าได้ ก็เลยเริ่มสนใจเขา แต่ก็ยังมีอคติในใจอยู่เลยเสนอเงื่อนไขไปว่า  ถ้าเขาทำให้ข้ารู้สึกชอบหรือรักได้อย่างที่องค์เทวีต้นตะเคียนพูด ข้าจึงจะช่วยเขาเขาก็เลยถูกเจ้าผีเสื้อน้ำนั่นทำร้ายปางตาย จนข้าเองก็คิดว่าเขาคงตายแล้วแน่ๆ  แต่จู่ๆเขาก็เปลี่ยนไป เขามีกลิ่นอสรพิษออกจากตัว มีนัยน์ตาที่ส่องแสงสีขาวนวลดูน่ากลัว  แต่ก็ยังไม่เท่ากับคมเขี้ยวและกรงเล็บที่พลันงอกยาวใหญ่เกินปกตินั่นได้  เขาใช้กรงเล็บฉีกแขนเจ้าผีเสื้อน้ำออกแล้วก็ฆ่ามันด้วยคลื่นพลังประหลาดที่มีบางสิ่งคล้ายภาพมายาเป็นรูปใบหน้าหรือกระโหลกมนุษย์จำนวนมากมายหลอมรวมอยู่ภายใน ซึ่งก่อนตายเจ้าผีเสื้อน้ำมันก็บอกว่าเป็นเวทย์มรณะของสาวกภูเตศวร แล้วมันก็พูดเหมือนรู้จักชื่อเขาด้วยนะขอรับ  เพราะมันพูดว่าไม่ผิดแน่แกคือแต่มันยังไม่ทันได้เอ่ยชื่อนั้นก็ดันขาดใจตายไปเสียก่อนน่ะขอรับ….”

                    คำบอกเล่าของตัมโพทำให้สีหน้าของผู้เฒ่าสิงคาลแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด สิงคาลเฒ่ารำพึงกับตัวเองอย่างแผ่วเบาด้วยเสียงปานกระซิบว่า

     หรือว่าความน่ากลัวที่ไม่มีวันตายตามตำนานเมื่อหลายพันปีก่อนจะกลับมาแล้ว…? ”

                    ปฏิกิริยาของท่านผู้เฒ่าทำให้ตัมโพรู้สึกใจคอไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก จิ้งจอกหนุ่มรีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายที่ทำท่าจะหมดแรงทรุดลงกับพื้น แล้วพาไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้ และบีบนวดให้อย่างเป็นห่วง ฝ่ายท่านผู้เฒ่าซึ่งตกอยู่ในสภาพเดียวกับทานตะไปชั่วขณะระยะหนึ่ง เมื่อตั้งสติได้ก็เอ่ยกับผู้อ่อนวัยกว่าเบาๆโดยเจตนาจะให้ได้ยินกันเพียงสองคน ราวกับกลัวว่าทานตะจะได้ยินคำพูดของตนว่า

                    พาข้าไปที่เกิดเหตุที่สุสานหินนั่น….!..”

                    ท่านผู้เฒ่า….”

                    พาข้าไปข้าต้องการไปดูให้รู้แน่เพื่อข้าจะแน่ใจได้ว่าข้าเข้าใจผิดไปเองหรือเป็นเรื่องจริง….!”

                    สีหน้าและคำพูดที่เคร่งเครียดของอีกฝ่ายทำให้ตัมโพต้องยอมตาม จิ้งจอกหนุ่มพยุงผู้ชรากว่าขึ้นแล้วช่วยจูงพาออกจากกระท่อมไป โดยไม่ทันได้หันมาบอกทานตะให้รออยู่ที่นี่ก่อนดังเช่นในครั้งที่แล้ว เสียงประตูกระท่อมปิดและเสียงฝีเท้าก้าวเดินที่ห่างออกไปเรื่อยๆจนเหลือแต่ความเงียบอีกครั้ง เหตุการณ์ในกระท่อมดูคล้ายจะย้อนรอยเช่นเดิม หากคราวนี้หลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ร่างขาวนวลซึ่งมีผิวละเอียดดุจนางอัปสรที่นั่งนิ่งอยู่บนแคร่ไม้ดุจตุ๊กตาซึ่งไร้จิตใจนั้นก็ค่อยๆลุกยืนขึ้นช้าๆ ก่อนจะออกเดินไปเปิดประตูและก้าวเดินออกจากกระท่อมไปเงียบๆ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×