คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Death Destiny
เสียงร้องของเหล่านกฮูกที่ดังมาจากยอดและคาคบไม้ตามที่ต่างๆ สลับกับเสียงแมลงราตรีที่พากันส่งเสียงออกมาจากที่แฝงกายเป็นระยะนั้นๆ บันดาลให้ความวิเวกวังเวงของป่าทวีคูณมากขึ้น และในท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัวนั้น ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังเดินจูงมือกัน ฝ่าความอึมครึมแห่งป่านั้นมาด้วยอาการรีบเร่ง
“ ไหวมั้ย
เคซี่
” ฝ่ายชายซึ่งเป็นผู้เดินนำหันมาถามผู้ตามด้วยความห่วงใย
“ จะหยุดพักกันก่อนดีมั้ย
? “
“ ไม่เป็นไรฉันยังไหว
ไปต่อกันเถอะ
” หญิงสาวตอบฝืนๆ พลางพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ถึงกระนั้นฝ่ายชายก็ยังสังเกตเห็นความเหน็ดเหนื่อย ที่ถูกซ่อนเร้นอยู่นั้นเข้าจนได้ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ แน่ใจเหรอ
ฉันว่าเธอควรจะพักเสียหน่อยนะ
”
“ แต่ถ้าเรามัวแต่ชักช้ากันอยู่ พวกทหารต้องตามมาทันแน่ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น
”
“ มืดขนาดนี้คงตามกันลำบาก โดยเฉพาะเจ้าพวกทหารรับใช้นั่น ท่าทางสำรวยไม่ต่างจากเจ้านายแบบนั้น เราแน่ใจได้เลยว่ามันไม่กล้าบุกเข้ามาในป่าลึกเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้หรอก “
“ แต่เขาว่ากันว่าเคาน์ราล์ฟเป็นคนใจคออำมหิตมาก ให้อย่างไรพวกนั้นก็ต้องกลัวความโกรธของนายตัวมากกว่าสรรพอันตรายจากป่านี้
” หญิงสาวแย้งอย่างที่จะอดหวาดหวั่นมิได้
“ ฉันรู้
เจ้านั่นไม่ปล่อยฉันไว้แน่ๆ
ที่ฉันบังอาจพาเจ้าสาวของมันหนีมาแบบนี้
”
“ แต่ฉันเองก็เต็มใจนะอาเธอร์
ดังนั้นหากเขาจะเอาผิดเธอ ก็ต้องเอาผิดฉันด้วย
”
“ เคซี่
” ชายหนุ่มผู้มีนามว่าอาเธอร์เอ่ยพลางสบตามองหญิงสาว ซึ่งตนพาหนีงานแต่งงานมาด้วยนั้น ด้วยความสงสารจับใจ แล้วก็พาให้นึกไปถึงชะตากรรมอันโหดร้ายที่หญิงสาวได้รับจากพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงมาโดยตลอด พร้อมกับนึกสาบแช่งความโหดร้ายและไร้น้ำใจ ที่สองสามีภรรยาปฏิบัติต่อหญิงสาว โดยเฉพาะเหตุการณ์ในครั้งที่เคซี่ปฏิเสธการสู่ขอของราฟาเอล ท่านเคาน์แห่งลอดิสผู้ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยธนสารและสมบัติ อันถูกโฉลกกับสายตาละโมบของทั้งสองสามีภรรยาเข้าอย่างพอดิบพอดี ซึ่งเพียงแค่อำนาจจากทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ที่เอามากำนัลกันในวันหมั้นหมายนั้น ก็ถึงกับทำให้สองสามีภรรยา ช่วยกันใช้กำลังตบตีทำร้ายหญิงสาวอย่างไร้มนุษยธรรม จนงานหมั้นที่ผ่านมานั้น ดูไม่ต่างอะไรกับการค้าขายมนุษย์ตามโรงทาสก็ไม่ปาน ซึ่งสิ่งต่างๆที่ชายหนุ่มได้รับรู้และเห็นมานั้น ทำให้อาเธอร์มิอาจยอมให้งานแต่งงานในวันนี้สำเร็จไปด้วยดีได้ เพราะเขาแน่ใจว่าหากเป็นเช่นนั้น สาวน้อยผู้เป็นที่รักของเขา ซึ่งได้มอบหัวใจตอบแทนมาให้นั้น จะต้องมีสภาพไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน
หากในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดวุ่นวายใจอยู่นั้นเอง กิราสตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากมิติอสูรอันเป็นที่อยู่ พร้อมกับบินเข้ามาใกล้คนทั้งสองอย่างเงียบเชียบ ที่ทางเบื้องหลังของฝ่ายชาย ซึ่งกำลังใจลอยจนไม่ทันได้ระวังตัว ซึ่งเจ้าอสูรแมงป่องบินอันมีนิสัยดุร้ายตัวนั้น เมื่อได้เห็นมีสิ่งมีชีวิตที่คาดว่าจะเป็นเหยื่อได้มาอยู่ต่อหน้า มันก็รีบบินเข้าจู่โจมอย่างประสงค์ร้ายทันที หากก่อนที่เหล็กไนอันมีพิษร้ายแรงที่ปลายหางนั้นจะทันได้กล้ำกรายชายหนุ่ม ฝ่ายหญิงก็พลันเหลือบมาเห็นมหาภัยนั้นได้เสียก่อน
“ หลบ
!! “ หญิงสาวตะโกนพร้อมกับผลักชายหนุ่มออกไปจากรัศมีการจู่โจมของเจ้าอสูรร้ายต่างภพ แต่การกระทำเช่นนั้นก็ได้ทำให้ตัวเธอกลับกลายเป็นเป้าจู่โจมของมันแทน โดยที่มิอาจจะหลบเลี่ยงหรือหลีกหนีได้ทัน
“ โอ๊ย! “ หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงคมของปลายหางมรณะ ซึ่งได้ฝังเหล็กไนเข้าที่หัวไหล่ของเธอจนมิด ก่อนที่ความร้อนและอาการเจ็บปวดทรมานจากพิษร้าย ซึ่งได้วิ่งเข้าสู่ร่างกายของเธอผ่านทางปลายหางที่คมกริบนั้น จะสำแดงเดชออกมาอย่างรวดเร็ว
“ อาเธอร์
” หญิงสาวพยายามขานชื่อคนรักออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งๆที่ริมฝีปากของเธอได้ชาจนแข็งค้างไปเสียแล้ว จากนั้นร่างอันบอบบางนั้น ก็หมดสิ้นความรู้สึกและล้มลงกับพื้น ราวกับลูกกวางที่ถูกธนูสังหารของนายพรานเข้าที่จุดตาย ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้น ก็ชักดาบประจำตัวที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา และปรี่เข้าหาเจ้ากิราดตัวร้ายที่ยังคงฝังเหล็กไนค้างอยู่บนร่างของหญิงสาวอันเป็นที่รักนั้นด้วยความโกรธแค้น
“ แก
! อย่าอยู่เลย
!! “ ชายหนุ่มตะโกนด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด พร้อมกับเหวี่ยงดาบฟันเข้าใส่ร่างของเจ้าแมงป่องบินจนขาดเป็นสองท่อนไปในทันที ก่อนจะคุกเข่าลงช้อนร่างอันไร้วิญญาณของหญิงคนรักขึ้นมากอดไว้แนบอก พร้อมกับน้ำตาบุรุษที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
ขณะเดียวกัน ณ เบื้องหลังของชายหนุ่ม ได้ปรากฏร่างของบุรุษอีกผู้หนึ่งขึ้นอย่างเงียบเชียบ บุรุษผู้นั้นอยู่ในชุดผ้าคลุมสีแดงเข้ม อันดูคล้ายนักบวชหรือจอมเวทย์โบราณ พร้อมกับเคียวสีเงินในมือ ซึ่งอาเธอร์ไม่อาจที่จะรับรู้ถึงการมาของบุรุษผู้นั้นได้เลย เนื่องจากอีกฝ่ายคือยมทูต
! ซึ่งมิได้มีธุระกับชายหนุ่ม หากมีเป้าหมายอยู่ที่ฝ่ายหญิง ซึ่งเปลวไฟแห่งชีวิตได้มอดดับลงแล้ว
..
ณ แดนยมโลกชั้นบนสุดอันเป็นที่พิพากษาคดีความ ประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ของห้องพิจารณาคดีได้เปิดออก พร้อมกับร่างในชุดคลุมแดงของยมทูตหนุ่มคนเดิม ซึ่งได้ก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้ายินดี
“ มีอะไรน่ายินดีนักหรือขอรับท่านธันเดอร์
” ยามเฝ้าประตูซึ่งคงสนิทพอที่จะรู้อัธยาศัยของอีกฝ่าย ซึ่งมียศสูงกว่าว่าเป็นคนที่พอจะพูดคุยเล่นด้วยได้นั้น เอ่ยถามขึ้นอย่างนอบน้อม
“ ก็จะไม่ให้ข้ายินดีได้อย่างไร ในเมื่อข้อเสนอใหม่ของข้าได้รับการอนุมัติจากท่านประมุขแล้ว ”
“ ข้อเสนอที่จะพัฒนาโครงการฝึกวิญญาณเพศหญิงที่มีคุณสมบัติให้เป็นยมทูตหญิงน่ะหรือขอรับ “
“ ใช่
และในตอนนี้เราก็ได้ยมทูตสาวคนใหม่มาคอยรับวิญญาณคนดี คู่กับเบรนด้าซึ่งคอยรับวิญญาณคนชั่วอยู่ก่อนแล้วอีกหนึ่งนาง ”
“ โอ้! ถ้าเช่นนั้นยมโลกคงสดใสขึ้นอีกเป็นกองเลยสินะขอรับ เพียงแต่เท่าที่ข้าฟังดูการฝึกผู้หญิงให้เป็นยมทูตนี่ก็เป็นมติที่เสนอไปในคราวที่แล้วไม่ใช่หรือขอรับ แล้วก็เป็นความคิดขององค์ประมุขเองด้วย ข้าจึงยังมองไม่เห็นเลยว่าอะไรคือข้อเสนอใหม่ที่ท่านว่า
”
ธันเดอร์หัวเราะเสียงต่ำ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยความรู้สึกชื่นชม
“ ก็เพราะวิญญาณที่จะมาเป็นยมทูตสาวคนต่อไปนี้ ไม่ใช่พวกก้ำกึ่งที่แยกดีชั่วไม่ออกอย่างเคยน่ะซิ
แต่เป็นวิญญาณคนดีพอสมควร
”
“ ฮ้า
ทำงั้นได้ไงขอรับ
” ยามเฝ้าประตูเอ่ยเสียงดังด้วยความลืมตัว
“ ทำได้สิ
ก็องค์ประมุขได้ส่งหนังสือขออนุญาตไปยังดินแดนสุขาวดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้เป็นพิเศษด้วย
ถึงแม้จะให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เถอะ
แต่นั่นก็เกินพอแล้วสำหรับข้า
” สองประโยคสุดท้ายที่กล่าวออกมานั้น คล้ายจะรำพึงกับตนเองด้วยความอิ่มใจมากกว่า
“ แหม
ข้าน้อยเองก็ชักอยากเห็นหน้ายมทูตสาวคนใหม่ของเราคนนี้เสียแล้วสิขอรับ
” ยามเฝ้าประตูเปรยขึ้นลอยๆอย่างอดไม่ได้ ฝ่ายธันเดอร์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ปรายตาชำเลืองมองผ่านบานประตูที่คงเปิดอ้าอยู่ ณ เบื้องหลังนั้นไปในทันที ก่อนจะอมยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
” นั่นไงเธอมานั่นแล้ว คงจะรับการให้โอวาทเสร็จพอดี เฮ้อ
ข้าล่ะเหนื่อยแทนนางจริงๆ
เหนื่อยมากไหมเคซี่
? ” ประโยคสุดท้ายนั้นยมทูตหนุ่มหันไปกล่าวกับผู้ที่กำลังตามมาสมทบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ เจ้าค่ะ
” เสียงตอบอย่างเป็นพิธีการดังแว่วตามมา
“ ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า ขอให้เจรจากับฉันอย่างเพื่อนกัน
จงอย่าคิดกับฉันอย่างผู้ปกครอง แต่จงคิดกับฉันเช่นพี่เลี้ยงจำไม่ได้หรือ
” ธันเดอร์เอ่ยถามอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ
“ เจ้าค่ะ
เอ๊ย
เอ่อ
ค่ะ
”
“ ช่างเถิดยังไม่ชินก็ไม่เป็นไร
มาเถอะตามมา
ฉันจะพาไปสอนธรรมเนียมและหน้าที่การทำงานต่างๆให้รู้เอาไว้
”
“ ค่ะ
”
ครั้นแล้วยมทูตสาวฝึกหัดก็เดินตามพี่เลี้ยงหนุ่มไปอย่างว่าง่าย ฝ่ายยามเฝ้าประตูเมื่อเห็นทั้งคู่ลับตาไปแล้ว ก็เอ่ยกับตนเองอย่างคันปาก
“ มิน่า
สวยอย่างนี้ท่านธันเดอร์ถึงได้ยินดีนักยินดีหนา โอ้โห
แถมยังได้เป็นพี่เลี้ยงด้วย
โอ๊ยน่าอิจฉาจริงๆ
”
“ นั่นสินะ
น่าอิจฉาจริงๆ
” ถ้อยเสียงห้วนๆของสตรีอีกผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นสะบัดๆ พร้อมกับเจ้าของเสียงซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีโลหิต ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอีกฝ่ายแทบหัวใจวาย
“ วะ
ว้าก
! เบระ
เบรนด้า
!! “
“ เรียกฉันว่าท่านเบรนด้า
!! “ ผู้มาใหม่สั่งห้วนๆเสียงดังทำนองจิกหัวใช้ พร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ด้วยสายตาและแววตาที่ทั้งร้อนแรงและพลุ่งพล่าน อันสื่อถึงจิตใจที่เป็นอกุศลและเปี่ยมด้วยอัตตามิจฉาทิฐิ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยเสียงอันแข็งกระด้าง
“ ตกใจมากนักหรือไงกัน
? “
ครั้นอีกฝ่ายไม่ตอบ ด้วยเพราะเกรงกลัวต่ออารมณ์ของอีกฝ่าย ซึ่งแตกต่างจากธันเดอร์ราวฟ้ากับดินโดยสิ้นเชิง ยมทูตสาวเกราะแดงจึงเพ่งมองตามไปยัง ทิศทางที่ธันเดอร์กับเคซี่เพิ่งจะเดินลับตาไปด้วยประกายตาแข็งกร้าว อย่างไม่คิดที่จะใส่ใจผู้ด้อยศักดิ์กว่าที่อยู่ใกล้ๆอีกต่อไป พลางเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ มีคนกล่าวกันเอาไว้ว่าความรักนั้นทำให้คนตาบอด จนทำได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งการฝืนธรรมชาติ แต่ไม่นึกเลยว่า
คำกล่าวนี้จะใช้กับยมทูตระดับสูงบางคนได้
” เบรนด้าทิ้งท้ายประโยคแรกนั้นด้วยเสียง หึ
! ในลำคอ ซึ่งแสดงออกทั้งความรู้สึกดูถูกและเหยียดหยามอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยความริษยา
“ แต่ถึงจะตกมาจากสวรรค์แล้ว มันก็ยังได้พบแต่สิ่งดีงาม เพราะได้รับแต่วิญญาณคนดี ทำไมน้า ชะตากรรมจึงช่างอยุติธรรมกับข้าเสียจริงๆ คิดๆแล้วยิ่งทำให้ข้ารู้สึกเกลียดชังจนอยากจะทำลายใครบางคน ให้มันได้พบกับความพินาศย่อยยับไปเสียจริงๆ ” หลังจากกล่าวคำอาฆาตตามหลังยมทูตทั้งสองไปแล้ว ยมทูตสาวเกราะแดงก็หันไปทางยามเฝ้าประตูซึ่งกำลังยืนอกสั่นขวัญแขวนอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับถลึงตาใส่ตามวิสัยคนพาล
“ เรื่องที่เจ้าได้ยินเมื่อกี้นี้
อยากจะบอกใครก็เชิญนะ
เพื่อว่าเจ้าจะได้รู้จักข้าดีขึ้นยังไงล่ะ
”
ยมทูตสาวเกราะแดงเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงคุกคามพร้อมกับหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะอันตรธานหายตัวจากไปทันที ทำให้ยามเฝ้าประตูต้องทรุดตัวลงนั่งพิงประตูอย่างหมดแรง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความกลัวที่จับขั้วหัวใจ
“ โอย
หัวใจจะวาย
เกือบตายอีกรอบแล้วสิเรา
เฮ่อ
ยมทูตสาวเก่ากับใหม่นี่
ช่างห่างกันราวฟ้ากับดิน
”
ความคิดเห็น