ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dragon 's Orb ภาคสอง (อสัตถพฤกษ์)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 52


    บทนำ

    ผลคุนิมาส

     

                ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๑

    สายลมอ่อนๆแห่งยามอรุณรุ่ง พัดเอื่อยๆเรียบไปตามพื้นอาราม ยังมวลหมู่ใบไม้ทั้งสดและแห้งที่ร่วงหล่นลงมาเรี่ยรายอยู่ตามพื้นให้ปลิวว่อนกระจายไปทั่ว ราวกับเจตนาจะกลั่นแกล้งเด็กวัดที่กำลังกวาดใบไม้เหล่านั้นง่วนอยู่ รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านยิ่งขึ้น  ขณะเดียวกันนั้นเองภายในกุฏิหลังเก่าๆอันเด็กวัดคนดังกล่าวอาศัยอยู่ร่วมกับพระอาจารย์  ร่างสันทัดในชุดเครื่องแบบทหารของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกำลังก้มลงกราบที่เท้าของท่านสมณะผู้เป็นเจ้าของกุฏิ อย่างนอบน้อมและงดงาม ซึ่งหลังจากกราบพระอาจารย์ของตนครบ ๓ ครั้งตามประเพณีแล้ว  นายทหารผู้นั้นก็พนมมือขึ้นและกล่าวกับท่านสมณะด้วยความสุภาพว่า

                    “ กระผมมากราบขอพรหลวงพ่อขอรับ เพราะอาทิตย์หน้า ผมจะต้องตามเจ้านายไปที่อินเดีย ”

                    “ อาตมาขออนุโมทนาที่โยมจะได้ไปสัมผัสแดนพุทธภูมิ  ขอให้โยมได้พบแต่สิ่งที่ดีๆอันเป็นมงคลแก่ชีวิต ” ท่านสมณะเอ่ยประทานพรด้วยความเมตตา ซึ่งนายทหารผู้เป็นศิษย์ก็รับยกมือที่พนมอยู่ขึ้นจรดตรงหน้าผากแห่งตนเพื่อรับพรด้วยความปิติ

                    “ ขอบคุณมากครับ ” เจ้าร่างในชุดเครื่องแบบนั้น เอ่ยขอบพระคุณด้วยความจริงใจ ก่อนจะเอ่ยถามอาจารย์ของตนว่า “ หลวงพ่อต้องการอะไรที่อินเดียบ้างไหมล่ะครับ ”

                    “ สำหรับอาตมา เพียงแค่โยมนำบุญกลับมาให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตัวเอง และแวะมาเล่าให้ฟังว่าได้ไปพบเห็นอะไรมาบ้าง ก็เพียงพอแล้ว ”

                    “ ถ้าอย่างนั้น ผมจะนำใบโพธิ์พุทธคยากลับมาให้หลวงพ่อนะครับ เพราะเมียผมก็ขอไว้เหมือนกัน ”

                    “ โยมอยากรู้ไหมล่ะว่า ทำไมผู้คนจำนวนมากจึงปรารถนาใบโพธิ์จากพุทธคยา ”

                    “ ถ้าหลวงพ่อจะเล่าให้ฟัง ก็เป็นบุญของผมแหละครับ ”

                    “ นั่นเป็นเพราะต้นโพธิ์ต้นนั้นเขาเป็นสหชาติกับพระพุทธองค์ และเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ภายใต้ร่มเงาของเขา ชาวพุทธเราจึงถือว่าเขาคือต้นไม้แห่งปัญญา... ”

                    “ ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปอธิษฐานขอลูกจากต้นโพธิ์ที่พุทธคยา เผื่อว่าถ้าคราวนี้ผมกับเมียมีบุญพอจะได้ลูกสมใจแล้ว ลูกของผมจะได้เป็นเด็กที่เปี่ยมด้วยปัญญา ” นายทหารผู้นั้นเอ่ยคล้ายกล่าวกับตนเองเบาๆในทันทีที่ท่านสมณะเล่าจบ...

    .........................................

                    ช่วงเวลาสายัณห์ของวันเดียวกัน ณ แดนทิพย์ซึ่งอยู่บนฟากฟ้าสูงขึ้นไป ภายในวังเทพที่มีลักษณะเป็นวิมานแก้ว ๒ หลังเรียงกันอยู่อย่างสมมาตร  ร่างสูงโปร่งบางและขาวนวลเนียนในชุดคลุมยาวสีขาวดุจสำลีของเทพบุตรผู้เป็นเจ้าของวิมานกำลังทอผ้าจากเส้นไหมอยู่ในห้องทำงานของตน จวบจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากภายนอก เทพบุตรเจ้าของห้องผู้มีดวงตาอันหวานละมุนดุจเนตรนางฟ้า และผิวพรรณซึ่งสว่างนวลเนียนจับตายิ่งกว่านางอัปสร ก็หยุดมือจากการทำงานของตนลงชั่วคราว ก่อนจะเอ่ยกับผู้มาเยือนจากภายนอกด้วยกังวานเสียงอันราบเรียบว่า

    “ เข้ามาสิ ”

    ทันทีที่ได้รับอนุญาต แขกผู้มาเยือนโดยวิสาสะนั้น ก็เปิดประตูเข้ามา และพาร่างปราดเปรียวซึ่งมีรูปโฉมอันเป็นที่นิยมของสรรพบุรุษทั้งหลายเดินล่วงเข้าไปหาเทพหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างรวดเร็ว

                     “ หวังว่าเหตุอันนำพาให้ท่านเข้ามาหาข้าถึงที่นี่ในกาลนี้ จะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆนะ หาไม่แล้ว  ท่านคงจะรู้ตัวดีว่าจะโดนอะไรบ้าง หากมารบกวนเวลาทำงานของข้าอย่างไร้เหตุผลอันเหมาะสม...  ” เทพบุตรผู้เป็นเจ้าของห้องกล่าวเรียบๆ หากแฝงไว้ด้วยเจตนาเอาจริง ซึ่งผู้มาเยือนสามารถรับรู้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้นเทพธิดาผู้แต่งกายด้วยพัสตราภรณ์สีปีกแมลงทับประดับดิ้นทอง ซึ่งมีฐานะเป็นอาคันตุกะก็ไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆ  นางเอ่ยตอบด้วยกังวานเสียงปกติที่แสดงออกถึงความร่าเริงและรักสนุกอยู่ตลอดเวลาว่า

                    “ ณ เวลานี้กลียุคก็ได้ก้าวล่วงผ่านไปได้ถึง ๓๑ ปีแล้ว พลังแห่งความชั่วร้ายบนโลกมนุษย์ เริ่มทวีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฝ่ายธรรมะอ่อนด้อยลงไปทุกที ข้าจึงอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อเสริมพลังให้ฝ่ายธรรมะบ้าง  แต่เพื่อการนั้นข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน...ผลคุณิ... ”

                    “ ลองว่ามาสิ...เพราะหากข้าพิจารณาแล้ว เห็นว่าแผนการของท่าน มิได้วิปริตมากมายขนาดละเมิดกฏของเทวสภาหรือกฏแห่งกรรมจนถึงขั้นอุตริ ข้าก็จะช่วยเท่าที่สามารถช่วยได้ ”

    “ เมื่อก่อน องค์อมรินทร์เทวราชผู้เป็นเทพประจำฤกษ์ของข้า ได้เคยร่วมมือกับมนุษย์และเทพองค์อื่นๆรวมถึงอสูรฝ่ายธรรมะ ในการสร้างสุดยอดแห่งพระพุทธปฏิมาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมพลังให้แก่พระพุทธศาสนาและฝ่ายธรรมะ  ดังนั้น ณ เวลานี้ข้าจึงอยากให้ท่านแบ่งพลังของท่านให้กับข้า เพื่อข้าจะนำไปสำหรับใช้ให้กำเนิดทายาทที่เป็นมนุษย์ซึ่งมีธรรมดาของทั้งข้าและท่าน รวมถึงพี่อัศวินอยู่ในตัว... ” เทพธิดาผู้มาเยือนตอบโดยละเอียด ก่อนจะเอ่ยปากถามเทพหนุ่มผู้มีดวงหน้าและผิวพรรณอันอ่อนและนวลเนียนยิ่งนางอัปสรผู้เป็นเจ้าของวิมานในทันทีว่า

                    “ ท่านจะช่วยให้ข้าสมปรารถนาตามนั้นได้หรือไม่  ผลคุนิ...? ”

                    เทพบุตรหนุ่มผู้ถูกขานนามถึงสองคราว่า “ ผลคุนิ ” ปรายตามาทางแขกของตนแทนคำตอบ ก่อนจะหงายฝ่ามือข้างขวาออก แล้วดวงแสงสีทองก็สว่างวาบออกมาจากฝ่ามือข้างนั้น และก่อตัวกันจนกลายเป็นหูกทอผ้าซึ่งทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือที่อ่อนละมุนและนวลเนียนดังกล่าว จากนั้นเทพหนุ่มก็ถ่ายพลังเทพของตัวเองและพลังแห่งธาตุบริสุทธิ์ทั้ง 4 ซึ่งอยู่ในอำนาจควบคุมของตนลงไปในหูกทองคำดังกล่าว แล้วยื่นส่งให้อาคันตุกะสาวของตนเงียบๆ

                    เทพธิดาผู้มาเยือนรับหูกดังกล่าวไปเชยชมใกล้ๆด้วยสายตาอันฉายแววพึงพอใจ ก่อนจะกล่าวกับฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงและสายตาทีเล่นทีจริงอันฉาบด้วยรอยยิ้มว่า

                    “ เด็กที่เกิดมานี้จะเป็นมนุษย์ผู้มีความบริสุทธิ์มากที่สุดคนหนึ่ง เพราะมีกำเนิดอันบริสุทธิ์ซึ่งปราศจากทั้งอสุจิและการสังวาส และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาเป็นลูกของท่านกับข้า ”

                    “ ไร้สาระน่า ” ผลคุนิสวนตอบด้วยหางเสียงอันแสดงถึงความไม่พอใจ ขณะที่เทพธิดาผู้มาเยือนตอบรับด้วยการหัวเราะคิกๆ พร้อมกับอันตรธานกายหายจากไปในบัดดล  เทพบุตรหนุ่มผู้เป็นเจ้าของวิมานจึงปรารภกับตนเองด้วยน้ำเสียงเนือยๆว่า

                    “ หวังว่าข้าคงจะไม่ได้คิดผิดหรือทำอะไรผิดพลาดลงไปหรอกนะ... ”

    ...................................

     

                    ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว  ขณะที่เหล่าผู้คนในแดนมนุสสยภูมิส่วนใหญ่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาลูกเมียอยู่นั้นเอง  ร่างอันเพรียวยาวและใหญ่โตที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นบุปผชาติซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวมรกตของเทพมังกรไม้แห่งทิศตะวันออกตงปู้มู่หลง และร่างอันอ้วนกลมป้อมที่ปกคลุมด้วยเกล็ดและขนสีเขียวน้ำทะเลของเทพมังกรไม้อิสระมู่หลงหวัง  กำลังลอยตัวเคียงกันอยู่กลางหาว  เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันมังกรไม้ที่วิเศษ  ด้วยว่ามีฤกษ์ของเทพมังกรไม้ทั้งสองถือครองอยู่ตลอดทั้งวัน  เทพมังกรไม้ทั้งคู่จึงมายังแดนมนุษย์  เพื่อมอบพลังให้แก่บรรดาทารกโชคดีที่ได้ถือกำเนิดในฤกษ์ของพวกตน  และในขณะที่เทพมังกรไม้ทั้งสองกำลังเสาะหาทายาทของพวกตนต่อไปเรื่อยๆอยู่นั้นเอง  กังวานเสียงร่าเริงแจ่มใสอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของสตรีก็ดังขึ้นจากทิศเบื้องหลังแห่งเทพมังกรไม้ทั้งคู่

                    “ รอข้าด้วย...!!! ตงปู้มู่หลง...!!! มู่หลงหวัง...!!!

                    เทพมังกรไม้ทั้งสองหันขวับมาตามเสียงเรียกทันที และเมื่อพบว่าผู้ที่เอ่ยเรียกชื่อพวกตนเมื่อครู่ก็คือเทพนารีสาวหน้าตาคมขำในชุดพัสตราสีปีกแมลงทับประดับดิ้นทอง เทพมังกรทั้งสองก็ถึงกับอ้าปากค้าง

    “ ท่าน... ” มู่หลงหวังกำลังจะเอ่ยนามของเทพธิดาผู้มาใหม่ ทว่าเทพยดาสาวผู้มีบุคลิกร่าเริงและซุกซนนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อนว่า

    “ ข้าต้องการความร่วมมือจากท่านทั้งสอง... ”

    “ ระ...ร่วมมือเรื่องอะไรหรือท่าน...? ! ” ตงปู้มู่หลงถามกลับอย่างระวังตัว

    “ ก็วันนี้เป็นวันดีที่มีฤกษ์ของท่านทั้งสองอยู่เคียงกัน ข้าจึงปรารถนาจะให้กำเนิดทายาทที่สุดยอดแห่งข้าในดิถีอันเปี่ยมด้วยมงคลที่สุดของวันนี้น่ะสิ ” เทพธิดาชุดเขียวสีปีกแมลงทับเอ่ยตอบเสียงใส ก่อนที่เทพมังกรทั้งสองจะโพล่งออกมาพร้อมกันว่า

    “ หา...!!! ว่าไงนะ...!!! ทะ...ท่านจะขอความร่วมมือพวกเราในการให้กำเนิดทายาทรึ...!!!

    “ ถูกต้อง... ” เทพนารีสาวตอบเสียงหวาน อันส่งผลให้ตงปู้มู่หลงรีบปฏิเสธทันทีว่า

    “ มะ...ไม่ได้หรอก...!!! ระ...เราไม่นิยมการร่วมรักแบบ ๑ หญิง ๒ ชาย...!!!

    “ ขะ...ข้าเองกะ...ก็ไม่ไหวเหมือนกัน และที่สำคัญขืนเรื่องไปถึงเทวสภา ชื่อเสียงของทั้งท่านและพวกข้ามีหวัง...!!! ” มู่หลงหวังตอบละล่ำละลักเช่นกัน ขณะที่เทพธิดาชุดเขียวสีปีกแมลงทับหัวเราะคิกคักพลางตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า

    “ กะแค่คำครหา ก็ทำให้พวกท่านละสิทธิ์ที่จะมีลูกกับข้าเหรอ...? ” และก่อนที่เทพมังกรไม้ทั้งคู่จะทันได้หาเหตุผลใดๆมาป้องกันตัวเอง  เทพยดาสาวก็ปล่อยหัวเราะก๊าก และเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า

    “ ซะเมื่อไหร่กันล่ะ...!!! เด็กที่จะเกิดมาในวันนี้คือลูกของข้ากับผลคุนิต่างหากล่ะ...!!! ฮะๆๆๆ...!!! นี่ข้านึกไม่ถึงเลยนะว่าพวกท่านจะเห็นข้าเป็นผู้มักมากในกามเสียขนาดนั้น...!!!

    “ ก็รึมันไม่จริงล่ะ ” มู่หลงหวังแอบกระซิบกับตัวเอง ขณะที่ตงปู้มู่หลงเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อว่า

     “ นะ...นี่ท่านสามารถทำให้บูรพาผลคุณิยอมมีสัมพันธ์รักกับท่านได้แล้วหรือ...!?

    ผู้ถูกถามหยิบหูกทองคำซึ่งเทพนักขัตตะหนุ่มผู้มีนามฉายาว่า “ ผลคุนิ ” มอบให้มาออกมาจากชายพกและชูให้เทพมังกรไม้ทั้งสองดูแทนคำตอบ ก่อนจะแย้มยิ้มและเอ่ยว่า

    “ แม้จะยังไม่ได้มีอะไรกัน แต่นี่คือทิพยสมบัติซึ่งเกิดจากพลังของเขา ซึ่งหากนำมาซัดรวมกับพลังของข้า เราก็จะสามารถให้กำเนิดทายาทได้โดยบริสุทธิ์วิธี  ดังเช่นที่องค์พิฆเณศวร และอังคารเทพ  รวมถึงหนุมานผู้เลื่องชื่อเคยถือกำเนิดมาแล้วในอดีต ”

    “ หากบุตรของท่านจะเกิดขึ้นมาด้วยกำเนิดที่บริสุทธิ์เช่นนั้นแล้ว ทำไมท่านจะต้องมาขอให้เราทั้งสองช่วยด้วยล่ะ...? ” ตงปู้มู่หลงซักถามทันทีที่ได้รับคำตอบจากเทพยดาผู้เลอโฉมและซุกซนตรงหน้า เนื่องจากทราบดีว่าการให้กำเนิดทายาทด้วยวิธีสุจิดังกล่าว สามารถกระทำได้เพียงลำพัง ดังเช่น คราวที่พระอุมาให้กำเนิดพระพิฆเณศ และคราวที่พระศิวะให้กำเนิดพระอังคาร  ซึ่งเทพยดาผู้ทรงอาภรณ์สีปีกแมลงทับก็แย้มสรวล ก่อนจะตอบด้วยกังวานเสียงหวานว่า

    “ ก็เพราะว่านอกจากเดือนนี้จะเป็นเดือนของผลคุนิแล้ว วันนี้ยังเป็นวันของพวกท่านด้วยน่ะซิ และข้าเองก็ปรารถนาจะให้บุตรของข้าได้เป็นทายาทของท่านทั้งสองด้วย เพราะหากเขาได้พลังแห่งไม้ที่บริสุทธิ์จากพวกท่านไป  เขาย่อมจะทรงไว้ซึ่งสมบัติทั้ง ๕ ประการ คือ รูปสมบัติที่เป็นเลิศอันยากผู้ใดเทียบเทียมได้  พลังแห่งชีวิตที่ยิ่งใหญ่  ฤทธิ์อำนาจของเทพนักขัตตะอย่างข้าและผลคุนิ พลังแห่งมังกรของพวกท่าน และคุณธรรมที่บริสุทธิ์แบบพี่อัศวิน  ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคุณสมบัติที่จะทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญให้กับฝ่ายธรรมะต่อไปได้ ”

    “ เหตุผลของท่านก็ฟังดูมีน้ำหนักดี แต่ท่านแน่ใจนะว่า  สิ่งที่ท่านคิดจะทำมันจะไม่ทำให้พวกเราต้องเทวทัณฑ์จากเทวสภากันหมด...? ” ตงปู้มู่หลงย้อนถามอย่างไม่วางใจ

    “ หึๆๆ พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่า ข้าคือใคร...? ” เทพนารีนิรนามตอบพลางแย้มสรวลอย่างขบขันด้วยกังวานเสียงหยาดเยิ้มพลางเลิกพัสตราส่วนที่ปกปิดต้นแขนเบื้องขวาของตนไว้  เผยให้สัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวสีทองที่หัวไหล่ของตนได้ออกมาอวดรัศมีแสงสีทองนวลสว่าง ดุจเป็นตัวแทนแห่งดาวจันทร์ดวงจริงซึ่งมิได้มาสถิตเป็นประธานบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืดนั้น

    “ ข้าเข้าใจดีอยู่ว่า ท่านมีศักดิ์เป็นถึงหลานของโรหิณี แต่ก็ใช่ว่านั่นจะทำให้ท่านมีอภิสิทธิ์ที่จะสามารถทำอะไรตามใจตนเองไปได้เสียทั้งหมด และเราทั้งสองก็ไม่ยินดีที่จะเอาเกียรติของตัวเองไปเสี่ยงกับเทวทัณฑ์ ” มู่หลงหวังเอ่ยติงขึ้นบ้าง ทว่าเทพยดานิรนามผู้เลอโฉมก็แย้มริมฝีปากอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำกล่าวท้วงติงของอีกฝ่าย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงดุจเดิมว่า

    “ พวกท่านไม่ต้องวิตกเรื่องเทวทัณฑ์หรอก เพราะอย่างไรเสียเทวสภาก็จะต้องรับรู้ถึงเรื่องที่ข้ากำลังจะทำในคืนนี้อยู่แล้ว ด้วยเหตุว่า ๑ ในของวิเศษที่จำเป็นสำหรับพิธีกรรมแห่งชีวิตในค่ำคืนนี้ คือน้ำทิพย์สุธา เพราะข้าคิดว่าแหล่งน้ำต่างๆทั่วมนุสสยภูมิในกลียุคนี่ไม่สะอาดพอสำหรับลูกของข้ากับผลคุณิ ”

    “ น้ำทิพย์สุธา...!!! หมายความว่า...!? ” มู่หลงหวังหลุดปากเสียงดังด้วยความคาดไม่ถึงระคนตกตะลึง ขณะที่เทพธิดานิรนามผู้มีบุคลิกซุกซนแย้มสรวลรับพลางเสยผมที่ยาวสลวยของตนเองเล่น พร้อมกับเอนกายลงนั่งพิงที่ก้อนเมฆใหญ่ซึ่งลอยมาประชิด ณ เบื้องหลังของเธออย่างอารมณ์ดี ก่อนจะให้คำตอบว่า

    “ ถูกแล้ว...ด้วยความจำเป็นดังกล่าว ทำให้ข้าต้องขอแบ่งเศษเสี้ยวแห่งน้ำอมฤตจากองค์อมรินทร์เทวราชผู้เป็นเทพประจำฤกษ์ของข้า และด้วยเหตุที่องค์อมรินทร์เป็นภัสดาของพระนางสุธรรมาผู้เป็นดั่งมารดาของเทวสภา  ดังนั้นพวกท่านจึงไม่จำเป็นต้องหวาดวิตกเรื่องเทวทัณฑ์แต่อย่างใด  เพราะหากสิ่งที่ข้าคิดจะทำเป็นมันเรื่องไม่ดีไม่งามแล้วล่ะก็  องค์อมรินทร์เทวราชคงจะไม่ยินดีที่จะช่วยเหลือเป็นแน่ๆ จริงไหม...? ”

    “ ท่านแน่ใจนะ...? ” เทพมังกรไม้แห่งทิศตะวันออกถามย้ำเสียงเครียด

    “ หึๆๆ หากพวกท่านกลัวเทวทัณฑ์มากนักก็ไม่เป็นไร ข้าลงมือทำเองเพียงผู้เดียวก็ได้  แต่มันคงจะตลกพิลึกน่าดูเลยนะ หากเด็กคนหนึ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงบุตรของเทพนักขัตตะผู้ดูแลกลุ่มดาวมังกรแห่งทิศตะวันออก ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในวันมังกรไม้ที่วิเศษเช่นนี้ แต่กลับไม่ได้รับพลังใดๆจากเทพมังกรไม้สักองค์เลย... ” ว่าพลางเทพนารีสาวผู้ทรงพัสตราสีปีกแมลงทับก็ยืนขึ้นและทำท่าจะเหาะจากไป  แต่ตงปู้มู่หลงก็เอ่ยขึ้นเสียก่อนว่า “ เดี๋ยว...!!!

    “ มีอะไรอีกรึ...? ถ้าไม่อยากร่วมมือก็อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลาจะดีกว่า นี่ก็ใกล้ถึงมัชฌิมยามอันเป็นเวลาที่เหล่าเทพเทวดาผู้สั่งสมบุญไว้จนดีพร้อมที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้จะพากันจุติจากภพเดิมลงมายังมนุสสยภูมินี่แล้วนะ หากข้ามัวแต่มาเสียเวลากับพวกท่านแผนของข้าคงพังหมดพอดี ”

    เทพธิดาผู้เพียบพร้อมทั้งเสน่ห์และปัญญาเอ่ยทำนองเล่นตัว พลางหันกลับมาทอดสายตาสบเนตรกับเทพมังกรไม้ทั้งคู่ด้วยอาการทีเล่นทีจริง  ก่อนที่ตงปู้มู่หลงจะถามเชิงแก้เกี้ยวว่า

    “ ท่านรู้ฤกษ์มังกรไม้ที่ดีที่สุดในวันนี้หรือยัง ”

                    “ ข้าคิดว่ามัชฌิมยามนั้นดีที่สุดสำหรับทุกวัน ” เทพยดาสาวตอบเรียบๆด้วยรอยยิ้มดุจเดิม

                    “ นั่นก็ถูก แต่เวลาที่ดีที่สุดของวันนี้คือฤกษ์ตอน ๔ ทุ่มต้นๆเท่านั้น... ” เทพมังกรไม้แห่งทิศตะวันออกกล่าวเสนอแนะด้วยน้ำเสียงเรียบๆอย่างรักษาท่าที

                    “ เพราะผู้ที่เกิดในยามนั้น นอกจากจะมีพลังแห่งไม้ที่แข็งแกร่ง อันส่งผลให้มีเสน่ห์ เป็นขวัญใจทุกคน และมีจิตใจดีงามอันเปี่ยมด้วยคุณธรรมแล้ว ยังมีคุณสมบัติวิเศษที่จะคอยพิทักษ์คุ้มครองคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย  ” เทพมังกรไม้อิสระเสริม

                    “ ฤกษ์เทพผู้พิทักษ์ล่ะสินะ นั่นอาจทำให้เขาอ่อนแอไปนิดในสายตาข้า แต่เมื่อดูจากการเรียงตัวของธาตุในยามตกฟากที่ว่าแล้ว ก็สรุปได้ว่าถูกใจข้าเป็นอย่างยิ่ง ” เทพนักขัตตะสาวนิรนามกล่าวเสียงใส ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า

                    “ ตอนนี้สิ่งที่พวกเรามีก็คือหูกทองคำของผลคุณิ ส่วนธาตุดินบริสุทธิ์ข้าจะขอเอาจากพระแม่ธรณีพร้อมกับขอน้ำทิพย์สุธาจากองค์อมรินทร์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คืออยากได้บุคคลที่ดีพอทั้งกาย วาจา และใจ สำหรับอุปการะลูกของข้าต่อไป  เพราะพวกท่านคงทราบดีว่าทั้งข้าและพวกท่านไม่อาจจะอยู่เลี้ยงดูเขาบนแดนมนุษย์นี้ไปได้ตลอด 

                    “ เรื่องนั้นไว้เป็นหน้าที่ของเราเอง ท่านตามเรามาก็แล้วกัน เรายังมีเวลาเหลืออยู่อีกเยอะ ” ตงปู้มู่หลงตอบพลางเหาะนำไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเทพนักขัตตะสาวและมู่หลงหวังก็ตามไปติดๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×