คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : จิ้งจอกล้างแค้น
จิ้งจอกล้างแค้น
เจ้าจิ้งจอกวัยคะนองเดินเยื้องย่างออกมาจากดงไม้จนเห็นตัวได้ชัด ขนาดตัวของมันไม่ใหญ่อะไรนักด้วยเพิ่งแตกวัยหนุ่ม หากท่าทีการเดินของมันสง่าราวพญาสัตว์ใหญ่ก็ไม่ปาน และในขณะที่เจ้าสิงคาลหนุ่มกำลังจะเดินผ่านร่มเงาของต้นตะเคียนใหญ่ไปนั่นเอง สรรพสำเนียงของอิสตรีก็ขับขานขึ้นจากลำต้นของไม้ใหญ่ประดุจทักทายว่า
“ ตัมโพ
เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด
? ”
สิ้นเสียงไพเราะที่เอ่ยเรียกจิ้งจอกหนุ่มก็ชะงักฝีเท้าและกลับเหลียวกลับไปที่ลำต้นใหญ่ขนาดสองคนโอบไม่รอบนั้นและตอบว่า
“ ข้าได้ข่าวว่าไอ้มนุษย์ใจบาปนั่นมาหากินแถวนี้ ” เสียงแตกๆแบบหนุ่มวัยรุ่นดังออกมาจากปากของเจ้าจิ้งจอกได้อย่างน่าประหลาดที่เดรัจฉานอย่างมันสามารถเอ่ยวาจาทางปากดังสัตว์มนุษย์ได้
“ พยาบาทเป็นนิวรณ์เพลิงร้อนที่เผาได้แม้กระทั่งจิตวิญญาณนะตัมโพ
” เสียงของอิสตรีคนเดิมโต้ตอบมาจากที่เดิม พร้อมๆกับร่างเป็นเงาเลื่อนลางของสตรีผมยาวในชุดไทยโบราณที่ปรากฏกายขึ้นเหลื่อมซ้อนกับต้นไม้ใหญ่อันเป็นที่พำนัก
“ นี่คือกลียุค
เทวี และอีกอย่างตัวข้านั้นมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน
!! และสำนึกของชาติเดรัจฉานก็คือ หากผู้ใดได้สร้างความแค้นไว้ให้ก็จะต้องตอบแทนมันอย่างสาสม โดยไม่มีการปราณีหรือให้อภัย...!!! ”
“ ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด เราปรามเจ้าก็เพียงเพราะเห็นเจ้ามาแต่เจ้ามาแต่เล็กแต่น้อยจึงไม่อยากให้เจ้าต้องมีกรรมโดยไม่จำเป็น แต่หากเราเป็นเจ้าก็คงจะตัดสินใจได้ลำบากเช่นกัน เราเข้าใจ
”
“ ขอบคุณเทวีที่ไม่ขัดขวาง ข้าขอลา...” จบประโยคกล่าวอำลาทำนองตัดบทเจ้าจิ้งจอกพูดได้ ก็ผินหน้ากลับและเยื้องย่างจากในไปทันที พร้อมๆกับร่างเงาอันเลือนลางของสตรีผู้ปรากฏกายออกมาเจรจาค่อยๆลับหายไปในลำต้นตะเคียนใหญ่อีกครั้ง
เสียงประชาสัมพันธ์จากโทรโข่ง ของอาจารย์หัวหน้าคณะดังก้องเพียงพอที่จะให้นักศึกษาที่กำลังแยกย้ายกันทำกิจกรรมตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งจำกัดขอบเขตไว้ตามโปรแกรมได้ยินกันอย่างทั่วถึง ถัดจากเสียงประกาศเรียกซึ่งย้ำทวนถึงสองครั้งก็คือการแจ้งกำหนดการต่อไป
“ หลังจากนี้..ครูปล่อยให้ทุกคนเที่ยวเล่นกันตามใจชอบนะคะ
แต่ทุกคนต้องมารวมกันที่นี่ก่อนห้าโมงเย็นตามที่ตกลงกันไว้นะ
.”
สิ้นเสียงโทรโข่งเหล่านิสิตทั้งชายหญิงก็ส่งเสียงเฮกันลั่นป่าด้วยความถูกใจที่อาจารย์ให้เที่ยวได้อย่างอิสระ มีเพียงทานตะเท่านั้นที่นิ่งเฉยไม่เฮฮาไปกับพรรคพวกด้วยแม้ว่าสีหน้าแววตาและรอยแย้มยิ้มที่มุมปากของเขาจะบอกถึงอาการยินดีก็ตาม ชายหนุ่มเก็บข้าวของใส่เป้สะพายหลังอย่างรวดเร็วหากนิ่มนวลรอบคอบ มิใช่รีบๆจุกๆเข้าไปอย่างคนไม่มีกิริยา จากนั้นก็ตรวจทานรายงานซึ่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนใครเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนำไปส่งอาจารย์เป็นคนแรก
“ มาก่อนใครเพื่อนเลยนะ
กะแล้วเชียว..” อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยด้วยความเอ็นดูขณะรับงานของชายหนุ่มไป
“ ครับผม
” ทานตะตอบรับสั้นๆหากน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนน้อม ก่อนที่ผู้เป็นอาจารย์จะกล่าวสัพยอกว่า
“ ไม่ต้องอ่าน
ก็รู้แล้วล่ะ
ว่าไงคราวนี้จะเอาเอหรือบีบวก
.ฮึ
? ”
“ แล้วแต่อาจารย์เห็นสมควรครับ
” เสียงกังวานสดใสตอบมาอย่างสุภาพและปราศจากการเสแสร้ง ซึ่งทำให้อีกฝ่ายที่เอ็นดูทานตะอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกเมตตามากขึ้นทุกครั้งที่พูดคุยสนทนากัน
แน่นอนว่าในปัจจุบันครูและอาจารย์ทั้งหลายไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกศิษย์เช่นนี้เท่าใดนัก เพราะค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้บรรดานักเรียนยุคใหม่มองครูเป็นเพียงลูกจ้างหรือทางผ่านสู่ความสำเร็จของตนเองเท่านั้น เด็กหนุ่มอย่างทานตะจึงอยู่ในฐานะศิษย์คนโปรดของอาจารย์ทุกๆคน ที่รู้ๆกันดีในสถานศึกษาว่าเป็นลูกศิษย์ในอุดมคติที่หายากยิ่งในประเทศไทยยุคปัจจุบันเหลือเกิน และอาจารย์ทุกๆคนต่างก็เอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “ นอกจากเรียนดีแล้วทั้งพฤติกรรม กิริยา มารยาท ก็ราวกับเกิดมาผิดสมัย
” เพราะขนาดอาจารย์แก่ๆเข้มงวดๆที่พวกลูกศิษย์ชอบแอบล้อลับหลังว่าทั้งเจ้าระเบียบและหัวโบราณก็ยังอดไม่ได้ที่จะชมทานตะว่า “ เรียบร้อยยิ่งกว่านักศึกษาหญิงบางคนซะอีก แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าผ้าขาวพับไว้
”
“ แล้วแต่ครู
.งั้นถ้าครูจะให้เอฟล่ะ
.” อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง ซึ่งทานตะก็ตอบด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ว่า
“ ตามแต่อาจารย์เห็นสมควรครับ
.” ซึ่งคำตอบดังกล่าวของเขา ก็ทำให้ผู้ใหญ่ที่แหย่เล่นด้วยความเอ็นดู ยิ่งชอบอัธยาศัยลูกศิษย์ของตนมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ อืมม์
ส่งงานแล้วจะไปไหนก็ไปเถอะนะ ครูเช็คชื่อเธอไว้ก่อนเลยก็แล้วกัน เพราะทานตะเป็นคนตรงเวลาอยู่แล้วนี่เนอะ
” อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยพลางทำเครื่องหมายที่ใบรายชื่อนิสิต ตรงชื่อของชายหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็รอจนอาจารย์ทำกิจเสร็จ จึงยกมือไหว้เอ่ยขอบคุณแล้วเดินแยกไปตามที่ได้รับอนุญาต
.........................
หน้าปากถ้ำใหญ่กลางป่าลึกซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและชาวบ้านเองก็ไม่กล้าเข้ามาเหยียบย่างหากไม่จำเป็นจริงๆ ปรากฏร่างของเจ้าจิ้งจอกตัมโพยืนจังก้าอยู่อย่างทระนง จิ้งจอกหนุ่มมองจ้องตรงเข้าไปในถ้ำเขม็งพร้อมตะโกนก้องด้วยกระแสเสียงอันบ่งบอกถึงความแค้นว่า
“ ไอ้หมอผีจัญไร ถ้าแกแน่จริงก็ออกมาเจอกัน ไม่อย่างงั้นกูจะบุกเข้าไปเอาชีวิตให้ถึงที่เดี๋ยวนี้แหละ
.!! ”
สิ้นสุรเสียงท้าทายของเจ้าจิ้งจอกเสียงหัวเราะน่าเกลียดของชายชราก็ดังสะท้อนสะท้านก้องอยู่ในถ้ำนั้นแทนคำตอบ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเคลื่อนกายมาอยู่ที่หน้าปากถ้ำอย่างเงียบกริบและรวดเร็วผิดปกติดุจเงาผี
“ จิ้งจอกแดนหิมพานต์ มาทำอะไรในโลกมนุษย์แบบนี้ แต่ช่างเถอะสำหรับกู ถ้าลาภลอยมาหาถึงที่แบบนี้แล้วปล่อยไปก็โง่เต็มประดา เอ็งว่าจะเอาชีวิตกูหรือวะ ไอ้หมาปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่เอ
เอ็งนี่ดูๆไปก็คุ้นๆหน้าชอบกลแฮะ
”
“ คุ้นหน้ารึ
? มันก็สมควรอยู่หรอกที่เจ้าจะรู้สึกเช่นนั้น ในเมื่อแกเคยสังหารพ่อกับแม่ของข้าอย่างเลือดเย็นเมื่อหลายปีก่อน
!! ” ตัมโพให้ความกระจ่างแก่อีกฝ่ายด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมอันบ่งบอกถึงความเคียดแค้นนานปีที่รอวันชำระ
ฝ่ายหมอผีชราเมื่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าไขข้อข้องใจให้แล้ว ก็มิได้แสดงท่าทางให้เห็นว่ารู้สึกเสียใจหรือสำนึกผิดแม้แต่น้อย ด้วยสันดานที่ไม่ใส่ใจในเรื่องบาปกรรมและเต็มไปด้วยทั้งอหิริกะและอโนตัปปะ มันจึงเอ่ยวาจาดูหมิ่นพ่อแม่ของอีกฝ่ายด้วยความลำพองว่า
“ อ่อ...นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
ที่แท้ก็ลูกของไอ้จิ้งจอกหิมพานต์ตาต่ำที่ดันผ่ามาจับคู่อยู่กินกับนังจิ้งจอกโลกมนุษย์ที่ข้าเจอตอนเข้าไปหาขุมทรัพย์เมืองลับแลในแดนหิมพานต์เมื่อหลายปีก่อนนี่เอง ฮีโธ่เอ๊ย...!! ขนาดพ่อเอ็งยังเสร็จกูง่ายๆ แล้วนับประสาอะไรกับไอ้ลูกผสมพันธุ์ทางวัยกระเตาะอย่างเอ็ง เหอะ! แต่ก็ดีเหมือนกันกูจะได้เอาเขี้ยว เอาหนังแล้วก็ลูกกะตาของเอ็งไปทำของวิเศษด้วยซะเลย เอ็งจะได้ไปอยู่กับพ่อของเอ็งไงล่ะดีมั้ย ฮ่าๆๆๆ
!!! ”
“ แกเองต่างหากล่ะที่จะต้องสังเวยให้กับวิญญาณพ่อแม่ข้าด้วยเลือดและความตาย...!!! ”
จิ้งจอกหนุ่มโต้ตอบด้วยอารมณ์ที่โกรธจนแทบระเบิดพร้อมกับกระโจนเข้าใส่หมอผีใจบาปทันที ฝ่ายตาเฒ่าอุบาทว์ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้วเมื่อเห็นศัตรูผู้เป็นจตุบทโผนเข้ามาหา มันก็เหวี่ยงประคำเขี้ยวสัตว์ที่คล้องคอเข้าสกัดอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
ประคำอาถรรพ์ถูกลงมนต์ดำ หมุนควงดังกงจักรราวกับจะพุ่งเข้าบั่นร่างของสิงคาลหนุ่มให้ขาดรอนเป็นสองท่อน แต่ตัมโพก็ไวพอที่จะเบี่ยงตัวหลบในฉับพลันพร้อมทั้งโต้กลับด้วยการใช้หางหวดเข้าใส่ประคำนั้น อย่างมิปรารถนาจะปล่อยให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามได้อีกต่อไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ
พวงหางใหญ่ราวไม้สากตำข้าวฟาดโดนสร้อยคออาถรรพ์นั้นอย่างจังและหนักหน่วงเกิดเป็นเสียงดัง “ ผัวะ” ใหญ่ๆ พร้อมกับเสียงดังเสียงดังเปรื่องปร่างของประคำเขี้ยวสัตว์ที่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ชิ้นส่วนของประคำเหล่านั้นลุกไหม้และตกลงพื้นอย่างไม่เหลือชิ้นดี
เจ้าจิ้งจอกไม่คิดจะปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยหายไป จึงรีบกลับตัวกลางอากาศและพุ่งเข้าใส่ศัตรูของพ่อกับแม่ที่กำลังยืนตะลึงอยู่โดยฉับไว แต่ตาเฒ่าหมอผีเองก็เจนจัดในการต่อสู้อยู่มากด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากับอายุ ทันทีที่ได้สติและเห็นคมเขี้ยวมรณะของอีกฝ่ายเคลื่อนใกล้เข้ามา มันก็รีบเหวี่ยงปลายไม้เท้าคู่มือเข้ารับได้ทันแม้ในระยะเผาขน
“ หึๆๆๆ เห็นเมื่อกี้ใช้หางทำลายประคำของกูได้ นึกว่าเอ็งจะมีลูกเล่นอะไรอีก สุดท้ายหมาก็เป็นหมาวันยังค่ำ...!!! นอกจากกัดแล้วก็แทบจะทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยรึไง เฮอะ
!! ได้เวลาตายของเอ็งแล้วโว้ยไอ้จิ้งจอกขี้เรื้อน
!!! ” ตาเฒ่าอุบาทว์เยาะเย้ยอีกฝ่ายตามสันดานหยาบทันทีที่เห็นตัวเองพลิกสถานการณ์มาได้เปรียบอีกครั้ง ว่าแล้วมันก็ใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในถุงผ้าเล็กๆที่ผูกติดอยู่กับผ้าขาวม้าและหยิบอะไรบางอย่างออกมาหนึ่งกำ แล้วขว้างใส่จิ้งจอกหนุ่มที่ยังงับค้างติดอยู่กับไม้เท้าของตนทันที
สิ่งที่ตาหมอผีหยิบออกมาจนเต็มกำมือแล้วซัดใส่ศัตรูก็คือทรายหยาบๆสีเหลือง ซึ่งยังผลให้ตัมโพรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกสาดด้วยถ่านไฟร้อนๆ ทั่วสรรพางค์กายของจิ้งจอกหนุ่มถึงกับสั่นระริกระรัวไหว นัยน์ตาทั้งคู่ขมิบลงพร้อมกับทิวเขี้ยวในปากที่ขบกันดังกรอดๆ อันบ่งบอกถึงความเจ็บทรมานแสนสาหัสที่ได้รับ แล้วร่างอันปกคลุมด้วยขนฟูราวผ้ากำมะหยี่สีแดงนั้นก็ร่วงลงสู่พื้นดุจนกที่ถูกยิงสอยลงจากท้องฟ้าด้วยลูกธนู พร้อมกับเสียงหัวเราะร่าอย่างมีชัยของตาเฒ่าหมอผีใจบาป
ความคิดเห็น