คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ทานตะ
ทานตะ
เสียงนาฬิกาที่ติดอยู่กับฝาผนังหลังหัวนอนดังขึ้นทันทีที่เข็มยาวเคลื่อนไปถึงเลข ๑๒ เจ้านาฬิกาซึ่งมีรูปนกหลากชนิดสิบสองเผ่าพันธุ์ประจำอยู่ ณ จุดบอกเวลาต่างๆทั้งสิบสองตัวเลข ส่งเสียงนกคีรีบูนอันถูกโปรแกรมให้ประจำอยู่เวลาหกโมงเช้าดังเจี้อยแจ้ว อันไม่น่าที่จะใช้ปลุกมนุษย์ได้ หากร่างโปร่งบางผิวละเอียดที่นอนห่มผ้าอยู่เพียงหน้าอกนั้นกลับขยับรู้สึกตัวขึ้น
ชายหนุ่มค่อยๆลืมเนตรอันประดับด้วยแผงขนตางอนสีดำขลับของตนขึ้นช้าๆ ก่อนจะกระพริบตาสามสี่ครั้งเพื่อเรียกปรับสายตาตนเอง โดยปราศจากอาการง่วงเหงา เซื่องซึม เช่นคนเกียจคร้าน เสียงรื่นหูไพเราะของเจ้านกคีรีบูนกลยังดังมาจากฝาผนังด้านเดิมอยู่ ในขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง แล้วเก็บที่นอนของตนด้วยความรวดเร็วและกระฉับกระเฉง ก่อนจะเดินไปสำรวจโต๊ะทำงานด้วยความเคยชินว่า หากวันใดได้ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นโน้ตข้อความถูกวางทิ้งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก็แสดงว่าวันนั้นพี่ชายของตนต้องออกไปธุระเป็นเวลานานแน่ๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาพบแผ่นโน้ตของพี่ชายถูกทิ้งอยู่บนโต๊ะ จึงได้หยิบแผ่นกระดาษเล็กๆนั้นขึ้นมาอ่าน
“ ทานตะ
พี่จะออกเดินทางไม่มีกำหนดอีกสักพักนะ
อยู่บ้านคนเดียวดูแลตัวเองให้ดีล่ะ
ทวิชา
”
“ ลองถ้าบอกว่าเดินทางไม่มีกำหนดล่ะก็
หมายความว่าไม่ต้องรอ “ เจ้าของร่างสูงโปร่งคิดตามจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมานานพอควรจนสามารถคาดคะเนพฤติกรรมของกันและกันได้ ก่อนจะเอ่ยปรารภกับตัวเองเพียงเบาๆว่า
“ คราวนี้พี่ชายเราจะหายไปนานเป็นเดือนๆอีกหรือเปล่านะ
”
ชายหนุ่มเอ่ยกับตนเองเบาๆพลางเสยผมที่ยังไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินไปหน้าห้องน้ำ พลางถอดเสื้อออกเผยให้เห็นร่างที่แม้ภายนอกจะแลดูโปร่งบาง หากโดยแท้จริงแล้ว เรือนกายภายในของเขาก็แทบจะแกร่งไม่แพ้พี่ชาย เพราะแม้แผ่นอกของเขาจะไม่กว้างและหนาเท่าอีกฝ่าย แต่กล้ามเนื้อช่วงหัวไหล่ตลอดต้นแขนที่แลเห็นเป็นปีกอันดูได้ส่วนสัดกับร่างโปร่งนั้น ก็สะท้อนให้เห็นภาพของบุรุษรูปงามที่กวีโบราณกล่าวชมไว้ในวรรณคดีว่า “ งามอย่างคนธรรพ์ ” ได้อย่างชัดเจน
ร่างงามเช่นคนธรรพ์ดังที่กวีไทยโบราณว่าไว้นั้น แลดูอรชรหากแฝงด้วยความแกร่งภายใน อันสังเกตได้จากกล้ามปีกซึ่งทรงพลังอันซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าดังกล่าวได้ดีว่า ทั้งงามและแกร่งเทียบเท่าความงามแห่งบุรุษในอีกลักษณะที่กวีโบราณกล่าวชมไว้ว่า “ งามอย่างราชสีห์ ” ด้วยแม้ช่วงท้องของชายหนุ่มจะแลดูแบนราบ และไม่มีกล้ามเนื้อเป็นหยักลอนชัดเจนอย่างพวกนักกีฬาหรือนักกล้ามทั้งหลาย แต่ก็แลดูสมส่วนกับร่างกายเมื่อเทียบกับแผ่นอกและท่อนขาอันแข็งแกร่งที่แลดูได้สัดส่วนกัน
เสื้อผ้าที่ใช้ใส่นอนเมื่อคืนวานถูกหย่อนลงตระกร้าที่อยู่หน้าห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ ขณะที่บุรุษผู้เป็นเจ้าของชุดนอนดังกล่าวได้เดินย่างกรายเข้าห้องอาบน้ำไป แล้วเสียงฝักบัวสลับกับเสียงฟอกสบู่ก็ดังออกมาจากภายในราวๆ ๒๐ นาที จากนั้นเจ้าของรูปกายที่งามราวกับหลุดออกมาจากนิทานตามวัดเกาะ ก็เดินนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างกายที่ได้รับการเช็ดตัวจนปราศจากหยาดน้ำดีแล้ว
ไม่กี่วินาทีถัดมาชุดยูนิฟอร์มของนักศึกษาถูกสวมใส่เข้ากับร่างผิวละเอียดทะมัดทะแมงนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระเป๋าสะพายสีดำที่วางอยู่ข้างเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ก็ถูกหยิบมาตรวจสอบข้าวของภายในเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากแน่ใจว่าตนเองมิได้ลืมอะไรสำหรับการทัศนศึกษาในวันนี้แล้ว ชายหนุ่มก็ทำการแขวนป้ายชื่อ “ ทานตะ ” อันแลดูสะดุดตาชาวบ้านของตนไว้ที่สายสะพายกระเป๋านั้นทันที
ใช่ว่าทานตะเองจะไม่รู้สึกอะไรกับนามของตนเองเลย เขาเองก็เคยนึกอยู่ในใจมาตั้งแต่รู้ประสาแล้วว่า ชื่อ “ ทานตะ ” ของเขานั้นทั้งอ่านและฟังดูแปลกๆ แต่ก็นับเป็นเรื่องแปลกอีกอย่างที่เขากลับชอบให้คนอื่นๆเรียกชื่อนี้มากกว่าชื่อ “ แทน ” ที่เพื่อนๆหรืออาจารย์มักจะตั้งไว้ใช้เรียกสั้นๆง่ายๆ ซึ่งสิ่งที่แปลกอีกเรื่องที่อยู่ในใจทานตะมานานแล้วก็คือ คนที่นอนไวและมีประสาทหูที่ดีเยี่ยมจนสามารถรับรู้เสียงวิหคจากนาฬิกานกที่ข้างผนังต่างนาฬิกาปลุกได้อย่างเขา กลับหลับสนิทเป็นตายจนเช้าตรู่ ทุกๆครั้งที่ทวิชาผู้เป็นพี่ชายออกเดินทางไปโดยไม่มีกำหนดเช่นนี้
“ สงสัยเราคงถูกพี่ชายเป่ามนต์สะกดมาตลอดเลยล่ะสินะ
” ชายหนุ่มนึกกับตัวเองเล่นๆ พลางส่องกระจกและใช้หวีแต่งทรงผมของตนเองจนเรียบร้อย ก่อนจะสะพายเป้ออกจากห้องไปเงียบๆ
.............................
รถทัวร์คันใหญ่จอดอยู่กลางสนามหญ้าข้างๆตึกเรียน ร่างสูงโปร่งอันปราดเปรียวของทานตะเดินเข้าไปหาอาจารย์ซึ่งถือใบเช็คชื่ออยู่หน้าประตูรถอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว
“ มาถึงก่อนใครเหมือนเคยนะ ” ผู้เป็นอาจารย์ทักทายอย่างมีไมตรี
“ ครับผม ” ชายหนุ่มตอบด้วยโทนเสียงอ่อนน้อม ก่อนที่ผู้เป็นอาจารย์จะตอบกลับมาว่า
“ โอเค เรียบร้อยแล้ว จะไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะ
”
หนุ่มน้อยขนตางอนยกมือไหว้อีกฝ่ายแทนคำตอบ ก่อนจะเดินก้มศีรษะผ่านกายผู้เป็นอาจารย์ขึ้นไปบนรถ และเดินไปนั่งของตนอย่างรวดเร็วและปราศจากสุ้มเสียง
“ ครูว่าเธอน่าจะเกิดสมัยอยุธยา หรือไม่ก็รัตนโกสินทร์ตอนต้นมากกว่านะ
” ผู้เป็นอาจารย์กล่าวกับอีกฝ่ายผ่านทางช่องหน้าต่างรถด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทานตะก็ยิ้มตอบกลับอย่างบริสุทธิ์ใจ และยิ้มดังกล่าวก็เผยให้เห็นแนวฟันสีขาวสะอาดราวฟันน้ำนมที่เรียงกันเป็นระเบียบสวยงามของเขา รวมถึงเขี้ยวคู่บนที่เด่นชัดและสมมาตรกันดุจเทพบุตรแห่งช่างศิลป์แสร้งมาสลักหรือปั้นเอาไว้ในปากของทานตะ...
..................................
ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ชายป่าในอุทยานแห่งหนึ่ง รถบัสคันใหญ่สองคันกำลังจอดเคียงข้างกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถัดจากนั้นไปไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เหล่านักศึกษาหนุ่มสาวราวสามสิบคน กำลังรับประทานอาหารว่างกันอยู่ ก่อนที่จะเข้าสู่โปรแกรมต่อไปของการทัศนศึกษา ซึ่งเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่กำลังไปจัดเตรียมสถานที่ตามแผนงานกันอยู่
ใต้ร่มไม้ใหญ่ของต้นสักอายุราวเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี ร่างสูงโปร่งอันมีผิวขาวละเอียดของทานตะกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่บนพื้นหญ้าสีเขียว โดยปราศจากผืนเสื่อหรือเครื่องปูรองนั่งใดๆ ชายหนุ่มนั่งทอดสายตาชมวิวทิวทัศน์อย่างมิรู้เบื่อตามวิสัยรักธรรมชาติ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้ทานตะสามารถนั่งพักผ่อนกายบนผืนหญ้าที่ยังชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำจากธรรมชาติได้โดยปราศจากความรังเกียจ
“ แทนจ๊ะ
.มานั่งทำอะไรอยู่ที่นี่คนเดียวฮึ
” เสียงใสๆดังมาจากข้างกายไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มหันไปตามเสียงก็พบเพื่อนสาวร่วมสถาบันสองสามคนยืนมองตนอยู่ใกล้ๆ
แทนคำตอบชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากให้อย่างเป็นมิตร หากเป็นรอยยิ้มตามมารยาทสังคมอันใช้สงวนท่าที เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายสำคัญตัวเองหรือเข้าใจอะไรๆผิดไป ฝ่ายสาวๆที่ตั้งท่าจะเดินเข้ามาจนถึงตัวเมื่อเห็นเป้าหมายยังคงแสดงท่าทีคลุมเครืออยู่ ก็พยายามชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศรอบๆตัวทั่วไปเพื่อรักษาท่าทีบ้าง
“ อากาศดีนะ
วิวก็สวย
.” สาวผมยาวผิวขาวในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“ ครับ
” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
“ ทานอะไรบ้างหรือยังล่ะ
” สาวน้อยผมสั้นผู้มีน้ำเสียงและท่าทางแก่นแก้วที่สุดในกลุ่มเอ่ยถาม
“ ยังเลยครับ
”
“ แซนวิชไหม
?” แม่สาวน้อยคนเดิมเอ่ยพลางส่งห่อแซนวิชให้ทันทีที่เห็นโอกาส หากทานตะก็เพียงยิ้มให้ทำนองขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะหลบเลี่ยงเหล่าสาวๆหัวสมัยใหม่ทั้งหลายไปได้ อย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำว่า
“ ผมยังไม่หิวครับ ขอบคุณที่มีน้ำใจก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อนนะครับ ”
สิ้นสุดประโยคปฏิเสธที่แสนจะสุภาพหากรักษาท่าทีดังกล่าว ชายหนุ่มก็ลุกเดินจากไปทันที ปล่อยให้แม่สาวทั้งหลายกรี๊ดกร๊าดใส่กันอยู่เบื้องหลัง
“ ฉันบอกแล้วไหมล่ะ! ว่าไม่ได้ผลหรอก! ” แม่สาวผมสั้นบ่นอุบอิบ
“ อ่านไม่ออกเลยนะนายแทนเนี่ย ” สาวผมยาวคนแรกปรารภ
“ นั่นสิถึงจะเห็นๆว่าเขายิ้มให้เรา แต่เราก็ดูไม่ออกว่าเขาคิดยังไงอยู่ดี ” สาวผมเปียอีกคนในกลุ่มเปรยขึ้นบ้าง
คำพูดทุกประโยคของเหล่าสาวสมัยใหม่ไฟแรงทั้งสาม แล่นเข้าสู่โสตประสาทที่ไวกว่าคนทั่วไปของทานตะได้อย่างง่ายดาย แต่แทนที่เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจเช่นชายหนุ่มอื่นๆทั่วๆไปที่มีสาวๆจำนวนมากมาให้ความสนใจ ทานตะกลับนึกหวนไปถึงคำพูดที่ทวิชาผู้เป็นพี่ชายเคยสอนไว้ตั้งแต่ยามแรกแตกหนุ่มของเขาว่า
“ จำไว้นะทานตะ อะไรที่ได้มายากๆน่ะ เราจะรู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากกว่าของที่ได้มาง่ายๆเสมอ
”
“ พวกเธอไม่คิดอย่างนี้บ้างเลยหรือไงนะ
? ” ชายหนุ่มนึกในใจก่อนจะเดินหาร่มไม้ใหญ่สำหรับนั่งพักชมวิวต่อไป
.................................
ขณะเดียวกัน ณ กลางป่าใหญ่อันเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดมโหฬาร ซึ่งคล้ายกับจงใจจะช่วยกันใช้ร่มใบเบียดบังแสงอาทิตย์ จนแทบมิอาจจะสาดส่องลงมาถึงพื้นดินได้เลย แต่ถึงกระนั้นพื้นป่าก็ยังปกคลุมไปด้วยความเขียวชอุ่มของเหล่าพืชคลุมดิน และพืชล้มลุกป่าที่สามารถยังชีพอยู่ได้ แม้ในสภาพที่อับแสงเช่นนั้น เสียงเหล่าวิหค นก กา และลิง ค่าง บ่าง ชะนี กระรอก กระแต ซึ่งกำลังออกหากินกันเซ็งแซ่กันอยู่ตามยอดไม้และแมกไม้ต่างๆทั่วไป หากเพียงชั่วอึดใจสรรพสำเนียงของสัตว์ป่าที่น่ารักเหล่านั้นก็เงียบหายไปในทันใด ป่าทั้งป่าถูกปกคลุมด้วยความเงียบกริบ ราวกับมีเงาปีศาจมาครอบคลุม อันเป็นธรรมชาติของป่ายามที่มีสัตว์ใหญ่ผู้มีฐานะเป็นเจ้าป่าออกมาสำแดงตน
ณ พุ่มไม้หนาทึบที่ดงใหญ่ดงหนึ่ง ปรากฏเสียงกรอบแกรบของเท้าสี่ข้างที่เหยียบย่ำมาตามทางที่โรยด้วยใบไม้แห้ง เสียงนั้นบ่งบอกว่าผู้มีอำนาจในป่า ซึ่งกำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้นั้น มิใช่เชื้อชาติพยัคฆาผู้มีฝีเท้าอันแผ่วเบาปราศจากเสียง แต่อำนาจที่กดดันจนป่าตกอยู่ในความเงียบสงัดได้นั้นก็บ่งชี้ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็มีอำนาจมากไม่แพ้ชาติพยัคฆ์
เสียงกรอบแกรบดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายพุ่มไม้ดงนั้นก็สั่นไหวและแหวกเปิดออกมาให้เห็นใบหน้าและเรือนร่างบางส่วนของเจ้าของเสียงย่ำเท้านั้น น่าแปลกที่ร่างซึ่งโผล่ออกมาเป็นเพียงร่างของจิ้งจอกแดงที่เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มเท่านั้น แต่นอกจากเจ้าสิงคาลหนุ่มวัยรุ่นที่ขนกำลังออกสีแดงสดเต็มที่ราวรัศมีเพลิงตัวนี้แล้ว ก็ไม่ปรากฏวี่แววของสัตว์ใหญ่ใดๆอีกเลย
ความคิดเห็น