ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดยอดสมกับเป็นตัวประกอบ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 64


    วันนี้เป็นวันที่สดใสอีกเช่นเคย ไปโรงเรียนในยามเช้าสนุกกับชีวิตตัวประกอบ
     


     

    "นี่เธอน่ะ ไหนๆเรื่องของเกบก็จบไปแล้วเรามาเลิกกันดีกว่า"

    "นายไม่ เอ่อ....คือว่า ไม่อยากอยู่แบบนี้ต่อไปอีกหน่อยหรอ...."

    "ฮ่าๆ อยู่แล้วได้เงินก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่เอาเฟ้ยยยย"

    "อย่างงั้นหรอ.."

    "เธอมันเฮงซวย ทำชั้นซวยตลอด ทำคนอื่นเข้าใจผิดไปทั่ว อยากอยู่กับเธอต่อก็บ้าแล้ววว เธอมันตัวซวยเฟ้ยยย"

    "....."

     

    ผมพูดอย่างงั้นกับเธอบนดาดฟ้า

    เบสตี้เงียบไป พร้อมดึงดาบออกมาจากปลอก

     

    "พูดอย่างงั้นแกคงเตรียมใจมาแล้วสินะ ไอ้ขี้ข้าาาาาา"

    "เฮ้ยๆ นี่เธอจะฆ่ากันเลยหรอ ใจเย็นสิเฟ้ย"

    "ต..ต...ตายซะ"

    "เดี๋ยวสิเฮ้ย เบาได้เบา"

     

    ย๊ากกกกกกกกกกกก

     

    มีเสียงกรีดร้องบนอาคารเรียนจนกลายเป็นเรื่องสยองขวัญในเวลาต่อมา

     

    ซิซกลับจากโรงเรียนในยามเย็นเดินกลับหออย่างโดดเดี่ยวอย่างตัวประกอบ ไม่ว่าจะท่าเดิน การถือกระเป๋า การแต่งกาย หรือทรงผม ก็เป็นแบบตัวประกอบทั้งนั้น

     

    ซิซกำลังเดินครุ่นคิดเกี่ยวกับบทตัวประกอบ คิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะได้แสดงพลังลึกลับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อการร้ายบุกโรงเรียน หรือ ถล่มลัทธิปีศาจด้วยตัวคนเดียว แต่ซิซก็นึกได้ว่า

     

    "ทำไมวันนี้มันมืดเร็วจังเลยนะแค่ 5 โมงเย็นแท้ๆ แปลกจัง หรือว่าจะคิดไปเอง?"

     

    มีเสียงบางสิ่งกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วตัดอากาศกำลังจะเจาะกระโหลกของซิซ แต่ซิซก็แค่เพียงเอียงหัวหลบเล็กน้อยมันก็พุ่งลงไปชนกับพื้นข้างหน้าซิซ

     

    "ห๊ะ!? อะไรละนี่"

     

    ซิซหันกลับไปมองข้างหลัง สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขา ทำเอาเขาแถบตัวสั่น แต่เป็นการตัวสั่นด้วยความดีใจ

    ป้อมปราการลอยฟ้าขนาดยักษ์ลอยอยู่บนฟ้า บดบังแสงอาทิตย์จนหมดสิ้น ฝูงห่าธนูนับพันนับหมื่นพุ่งลงมาจากฟ้าราวกับวันที่ฝนตกอย่างหนัก ด้วยการตอบโต้ที่รวดเร็วของเมืองหลวง มีบาเรียขนาดยักษ์หุ่มทั้งเมืองไว้อย่างรวดเร็ว 


     

    เด็กนักเรียนพากันแตกตื่น รีบวิ่งหนีเข้าไปหลบภายในโรงเรียนไม่ก็หออย่างรีบร้อน บาเรียเริ่มสลายไปอย่างช้าๆ เพราะเป็นพลังที่เกิดขึ้นจาก อาร์ติแฟค และเป็นเวทมนตร์ขนาดใหญ่ จึงอยู่ได้ไม่นานนัก


     

    "เจ้าพวกมนุษย์ได้เวลาที่แกจะชดใช้สิ่งที่พวกแกทำกับข้าแล้ว เมื่องนี้จะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในวันรุ่งขึ้น เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย"


     

    "มาถึงก็จะทำลายเมืองเลยงั้นหรอ น่าสนใจจริงๆ"

     

    ซิซพึมพำแล้ววิ่งหนีแบบตัวประกอบ

     

    ไม่นานกองอัศวินก็แห่กันมา จัดแถวเตรียมโจมตีอย่างรวดเร็ว พวกนักเวทก็ได้รับคำสั่งให้ยิงไปที่หอคอยลอยฟ้าอย่างไม่มีการถาม แต่หอคอยกับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน พวกอัศวินและนักเวทจึงถอยออกไปตั้งรับและรอคำสั่งต่อไป

     

    "ไอ้หอยคอยนี้มันอะไรกัน อยู่ๆก็มาลอยอยู่บนเมืองหลวงแถมบอกจะทำลายทิ้งด้วย"

    "คงเป็นพวกลัทธิปีศาจ ที่มีคนในเมืองหลวงทำลายแผนการของมันจึงได้ส่งหอคอยนี้มาทำลายเมืองสินะ"

    "แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะโจมตีมันได้ละ"

    "อืม~ เรื่องนั้นผมว่าเราควรจะเรียกสิ่งนั้น"

    "จะบ้าหรือไง! จะให้เรียกสิ่งนั้นมาแล้วเราจะต้องสละอีกกี่ชีวิต เราควรจะเก็บไว้เป็นไผ่ตายมากกว่า"

    "ข...ขออภัย ครับท่าน!"

     

    ระหว่างที่ผู้บัญชาการและหัวหน้าอัศวินกำลังสนทนากันอยู่มีการเคลื่อนไหวจากหอคอย มีแผ่นหินลอยลงมาเป็นขั้นบันไดขึ้นสู่หอคอยนับร้อยชั้น

     

    "นี้ไงละโอกาสของเราที่จะหยุดเรื่องนี้"

     

    "หัวหน้าอัศวินทั้ง 100 กอง จงฟังข้า เราจะแยกกองขึ้นไปบนหอคอยนั่น  10 กอง อีก 90 กองจะอยู่ที่นี้ค่อยปกป้องเมืองหลวง และจากการส่งคนสอดแนมไปก็พบมอนสเตอร์มากมาย มอนสเตอร์ไม่ใช่ปีศาจมันไม่มีความคิดแต่มันใช้จำนวน พวกมันไม่มีการวิ่งหนีไม่รู้จักชีวิต และอย่าได้ประมาท ถ้าจะปลิดชีพมันก็ควรให้ตายในดาบเดียว ไม่งั้นมันจะกลับมาฆ่าพวกท่าน ด้วยกำลังของพวกเราคงไม่สามารถฆ่าไอ้ตัวที่อยู่สูงขึ้นไปบนนั้นได้ กิลนักผจญภัยจึงได้รวบรวมนักผจญภัยทั้งหลายไปกับพวกท่านด้วย สุดท้ายที่จะพูดคือ ไม่มีชัยชนะใดที่จะได้มาด้วยการไม่เสียสละ ถึงแม้พวกพ้องจะตายก็จะกลายเป็นพลังให้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้า เอาละอัศวินทุกนายได้เวลาแล้ว!!!!!"

     

    โฮ้วววววววววววววววววววว!!!! เสียงอัศวินโห่ร้องฟ้าดินสั่นสะท้าน อัศวินทุกนายพร้อมลุย

     

    "โฮ้ พลังใจเต็มร้อยสินะ ชักจะน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้วววววว"

     

    ซิซพูดขึ้นและเหลือบไปบริเวณลานกว้าง เห็นนักผจญภัยจำนวนมากแต่ก็สะดุดตากับคนๆหนึ่ง ร่างกายผอมบางถือคทาไม้

     

    "หืม นักเวทมาคนเดียวงั้นหรอ หึหึ เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเราแล้วสินะ"

     

     

    °°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°

    "เอ่อคือว่าช่วยรับชั้นเข้าปาร์ตี้หน่อยได้ไหม"

    "คงไม่ได้หรอกเรามีนักเวทแล้วน่ะ โทษที"

    "อืม..."

     

    เด็กสาวผมสีม่วงตาสีฟ้า ทำหน้าเหงาหงอยท่ามกลางผู้คน ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะเข้าปาร์ตี้ และมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ

     

    "เอ่อ คือว่าเธอสนใจเข้าปาร์ตี้กับผมมั้ย?"

     

    เด็กสาวหันกลับมาทำหน้างง แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

     

    "พ..พูดกับชั้นหรือป่าว?"

    "ใช่แล้ว สนใจมั้ย?"

    "ว้าว! สนใจสิ"

     

    เธอกุมมือของเด็กหนุ่มและตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

     

    "ฮ่าๆ เอ่อคือว่าช่วยปล่อยมือผมก่อนได้มั้ย"

    "อ๊ะ ขอโทษ"

    "มีเวลาอีก 10 นาทีก่อนที่เราจะขึ้นไป มีอะไรอีกมั้ย"

    "ขอเวลาเตรียมใจแปปนะ"

     

    สิบนาทีผ่านไปกองอัศวินเริ่มเคลื่อนพล และใช้เวลาอีกสิบนาทีกว่าจะขึ้นไปจนหมด หอคอยอันกว้างใหญ่ข้างในเป็นเขาวงกตจุคนได้มากกว่าพันคนมีทางแยกเป็นสิบๆทาง เมื่อขึ้นจนหมดบันไดที่เป็นทางขึ้นก็ลอยกลับขึ้นมาปิดทางขึ้นไว้ มีการแบ่งนักผจญภัยไปกับอัศวินออกเดินสำรวจทางขึ้นไปชั้นถัดไป

     

    "เธออยู่ใกล้ๆผมเอาไว้นะ ค่อยช่วยดูข้างหลังให้ผมที"

    "เข้าใจแล้ว"

     

    อัศวินและนักผจญภัยแบ่งกองให้เข้ากับจำนวนทางแยกและเริ่มออกสำรวจ หอคอยใหญ่เกินครึ่งของเมืองหลวงสูงกว่าพันเมตรบอกไม่ได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าสำรวจจนหมดแต่ว่าทุกคนที่นี้มีหน้าที่เดียวคือการไปถึงข้างบนสุดให้เร็วที่สุด

     

    กลุ่มที่เด็กหนุ่มอยู่ตอนนี้เดินไปเจอกับมอนสเตอร์ ทุกคนชักดาบออกมาเตรียมต่อสู้

     

    "ทุกคนระวังตัวด้วยเจ้านี่ว่องไวมาก มันมักจะลอบโจมตีจากด้านหลัง"

     

    นักผจญภัยคนหนึ่งตะโกนขึ้น

     

    มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนหมาป่าแต่ตัวใหญ่กว่า ส่งเสียงขู่อย่างเยือกเย็น แล้วพวกมันก็พุ่งโจมตีเข้ามา พุ่งโจมตีแบบตรงๆนั้นเดาทางได้ง่ายทุกคนเลยตั้งรับได้ดี

     

    "ย๊ากกก แบบนี้จะมากี่ตัวก็ยังไหว"

     

    พูดไม่ทันขาดคำมอนสเตอร์หมาป่าก็พุ้งเข้าโจมตีจากด้านหลังของชายคนนั้น

     

    "อ๊ากกกกกกกกก ไอ้เวรเอ้ยจากข้างหลังงั้นหรออ!"

    "ระวังหลังด้วยสิไอ้บ้าเอ้ย"

     

    อีกฟากเด็กหนุ่มและหญิงสาวกำลังทุกล้อมโดยมอนสเตอร์ ทั้งสองหลังชนกัน

     

    "เธอมีเวทแสงหรือเปล่า แฟลช น่ะใช้ได้หรือเปล่า"

    "ใช้ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ว่ามันไม่สว่างมากขนาดที่จะทำให้พวกมันสับสนได้หรอก"

    "เชื่อในตัวเธอเองสิ เธอทำได้อยู่แล้วรอสัญญาณจากผมนะ"

    "ด..ได้สิจะลองดู"

    "......"

    "......"

    "ตอนนี้ละ เอาเลย"

    "ท่านมิเลีย ขอกรุณามอบแสงสว่างนำทางข้าด้วย แฟลชชชชช!!!"

     

    แสงสว่างวาบเล็กๆเกิดขึ้นวินาทีถัดมาก็เกิดระเบิดแสงขนาดยักษ์ทุกคนล้วนแล้วแต่แสบตา หลังจากแสงหายไปพริบตานั้นเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าฟาดฟันมอนสเตอร์ที่กำลังสับสน

     

    "ทำได้ดีเลยนะ"

    "นายก็เหมือนกัน แต่ว่า.....ระเบิดแสงเมื่อกี้นี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้"

    "ไม่หรอกเธอเป็นคนสร้างมันเอง บอกแล้วไงละเชื่อในตัวเองสิ"

     

    อิอิ จังหวะเมื่อกี้โครตเท่ไปเลยระเบิดแสงที่เข้าไปช่วยน่ะแต่ว่าคงไม่มีใครสังเกตว่าเราปล่อยเวทระเบิดแสงเมื่อกี้หรอกถ้ามีคนมาเห็นก็คงเท่ไม่เบา แต่เราก็จะเปิดเผยตัวเองไม่ได้ด้วยเพื่อการเป็นพลังลึกลับนักผจญภัยตัวประกอบ

     

    แต่ว่าเมื่อกี้ก็เหมือนมีคนกำลังจับตามองเราอยู่เลยนะ ช่างมันเถอะ

     

    ทุกคนจัดการกับมอนสเตอร์ได้ มีคนบาดเจ็บเล็กน้อย จึงเริ่มเดินทางต่อไปแต่แล้วทุกคนก็ต้องพบเจอกับทางตันเลยตัดสินใจเดินกลับไปที่เดิม และเหมือนจะสิ้นหวังไปอีกเพราะเกือบทุกกลุ่มที่เดินกลับมาก็ไม่เจอทางขึ้นเช่นกัน เหลืออีกกลุ่มสุดท้ายที่กลับมาช้ากว่า แต่กลุ่มสุดท้ายก็พบทางตันเช่นกัน ต่างกันคือพบประตูบานใหญ่แต่เปิดไม่ได้ ทุกคนก็ลงความเห็นตัดสินใจไปที่ประตูยักษ์

     

    ใช่เวลาไม่นานนักจึงมาถึง ทุกคนก็ได้รวมพลังกันเปิดประตูแต่บานประตูก็ไม่ขยับสักนิด แต่เมื่อสำรวจดูดีๆแล้วก็พบกับอักษรประหลาด นักผจญภัยที่เป็นนักเวทระดับสูงเข้ามาตรวจดูก็แปลได้คร่าวๆว่า "เมื่อสายธารแห่งชีวิตรวมเป็นหนึ่ง จงส่งมันมาแล้วสิ่งนี้จะเปิดออก"

     

    "ข้าว่าสายธารแห่งชีวิตคือ พลังต่างๆที่อยู่ในตัวเรา และการรวมเป็นหนึ่งคือการรวมพลังต่างๆเข้าด้วยกันจึงเป็นพลังเวท และก็ส่งมันเข้าไปในประตูแบบนี้..."

     

    กึก ครืดดดดดดดด

     

    เสียงประตูบานยักษ์เปิดออก ลมที่พัดออกมารู้สึกเย็นเยือกกว่าปกติ ไฟตามกำแพงติดขึ้นเองเริ่มจากประตูไปสุดห้อง กระดูกขนาดยักษ์กองอยู่กลางห้องขนาดใหญ่

     

    "ทุกคนระวังตัวด้วย ชั้นว่าที่นี้อันตรายมากๆ"

     

    นักเวทระดับสูงพูดขึ้น

     

    ทุกคนก้าวเข้าไปในห้อง ประตูบานยักษ์ก็เคลื่อนที่กลับไปจนปิดสนิท 

     

    "ทุกคนนนน!!! ระวังชั้นสัมผัสพลังเวทได้"

     

    พลังเวทสีดำมืดลอยออกมาจากพื้นและเริ่มซึมเข้าไปในกระดูกขนาดยักษ์ และมันก็ขยับต่อกันเป็นโครงร่าง กล้ามเนื้องอกออกมาจากกระดูกและเริ่มผสานกันเป็นรูปร่าง สุดท้ายหนังและขนก็งอกออกมา กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ต่างกันที่สีผิวและเคี้ยวอันแหลมคมที่เลยปากออกมา มันหยิบดาบขนาดยักษ์ขึ้นร้องคำราม

     

    "หืม ดูเหมือนจะเริ่มสนุกกับการเป็นนักผจญภัยแล้วสิ"

     

    ซิซพูดขึ้นและยิ้ม

     

     

     

     

     

    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×