ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen | โดนรถอีแต๋นชนสู่โลกไสยเวท OC

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 : ตีบวกคนไร้ประโยชน์

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 66


    เหตุการณ์งานแข่งขันเชื่อมสัมพันธ์ ยังคงดำเนินไปคล้ายๆท้องเรื่องเดิม

    แต่ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือมี เมตะโพล่ขึ้นมา และในตอนนี้กลุ่มเกียวโตก็กำลังวิ่งไปหายูจิ

    “อืม ตรงมาทั้งอย่างนั้นเลย แต่มีโทโดคุงอยู่นะ”

    “ไม่มีปัญหา หมอนั้นบอกเองว่าให้ทำได้ตามใจ”

    เสียงนั้นมาจาก โมโมะที่กำลังติดต่อบอกสถานที่ของยูจิให้กับโนริโทชิ และในเวลาไม่นานฝั่งเขตเกียวโตทั้งหมดก็เข้าล้อมตัวยูจิ

    ไมเปิดฉากยิงใส่ยูจิในทันที

    “ปั้ง!! ปั้ง!! ปั้ง!!”

    ยูจิวิ่งหลบกระสุนออกมา และวิ่งไปทางมิวะ

    “ชินคาเงะริว”

    “อาณาเขตแบบย่อ”

    “ชักดาบ”

    มิวะชักดาบฟันใส่ยูจิ แต่ยูจิกระโดดพลิกตัวหลบออกมาได้ และในตอนนี้ โนริโทชิ และเมกะมารุ ก็เข้าล้อมตัวยูจิ

    (โดนล้อมแล้ว!!)

    (เจ้าพวกนี้ิ…..คิดจะฆ่าเรารึเปล่านะ…)

    ยูจิคิดขึ้น ในตอนนั้นเราก็เหยียบขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่ไมอยู่ และจับคอเสื้อหิ้วไมหันออกจากตัวยูจิ

    “ทำอะไรน่ะ!!”

    “ฆ่ากันเองมันไม่ดีหรอกนะ”

    แน่นอนว่าไมก็ทำท่าเหมือนจะด่าต่อ แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้น

    “ป้าบ!!”

    ในทันใดนั้นตำแหน่งของ ยูจิกับโนริโทริก็สลับกัน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน โทโดก็โพล่อยู่ข้างหลังโนริโทริก่อนจะต่อยใส่แต่โนริโทชิก็ยังหลบได้

    “เฮ้ย บอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าเกะกะจะฆ่าทิ้ง”

    “ไม่ใช่นะ นายบอกว่าถ้าสั่งจะฆ่าทิ้ง”

    “ก็เหมือนกันนั้นแหละ กลับไปซะ”

    เมกะมารุ “ดูเหมือนจะต้องถอยนะ”

    ไม “เห่ยชะมัด”

    มิวะ (ค่อยยังชั่ว!!)

    สถานการณ์นี้บีบให้ทุกคนต้องถอยออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “ฆ่าให้เรียบร้อยล่ะ”

    “นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับอิทาโดริ”

    “ยังไงซะฉันก็ไม่ใช่ ผุู้ชายซื่อบื้อที่จะออมมือให้เพื่อนรักอยู่แล้วละนะ"

    หลังสิ้นคำพูดทุกคนจำต้องวิ่งออกมา และดำเนินการแข่งขันต่อ

    ในตอนที่ทุกคนวิ่งไปด้วยกัน ไมก็วิ่งมาตีคู่เราและเริ่มพูด

    “ทีหลังอย่ามายกฉันแบบนั้นอีก”

    “ถ้าไม่ให้ยกแบบนั้นแล้วให้ทำยังไง? ถ้าให้ล็อกแขนจะเจ็บนะ”

    “นายนี่มั-”

    ในวินาทีนั้นโมโมะที่บินอยู่บนฟ้าก็โดน บุหรงของเมงุมิซัดร่วง

    “ไม เมกะมารุ ไปช่วยนิชิมิยะ”

    เมกะมารุ “รับทราบ”

    ไม “อืม ถ้าไม่มีคนนั้นก็ลำบากนี่นะ”

    แต่ก่อนที่ ไมจะวิ่งแยกไปก็เหลียวหลังกลับมา

    “เฮ้ย เมตะฉันยังพูดไม่จบนะ เดี๋ยวมาคุยกันทีหลังล่ะ”

    หลังจากนั้นไมก็วิ่งแยกออกไปพร้อมกับเมกะมารุ

    อันนี้คือ โกรธ? งอน? ด้วยความสงสัยเราจึงวิ่งลงไปตีคู่มิวะแล้วพูด

    “นี่มิวะ ฉันว่า ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะ ทำไมไมเค้าโกรธขนาดนั้นละ”

    “เอ..ก็คงไม่ได้โกรธที่ไปขวางหรอก แต่ถ้าจะโกรธไมเค้าคงโกรธที่ไปหิ้วคอเค้าเหมือนแมวละมั้ง”

    มิวะตอบกลับด้วยท่าทีเงอะงะแต่ในตอนนั้น เมงุมิและมากิก็เข้ามาโจมตี

    “คาโมะซัง พวกคุณคิดจะฆ่าอิทาโดริงั้นเหรอครับ”

    จังหวะนี้แหละ!! เมงุมิซัดโนริโทริ มากิซัดมิวะ นี่แหละที่ต้องการ

    “เดี๋ยวฉันแยกไปปัดเป่าคำสาปนะ บายยย”

    สิ้นคำพูดเราก็วิ่งออกมาจากกลุ่ม

    หลังจากวิ่งออกมาสักระยะ เราหยุดวิ่ง

    เอาละ…เป้าหมายของเราคือออกมาเพื่อรอให้มิวะสู้เสร็จ แล้วค่อยเอาดาบไปให้แต่ จะให้อยู่เฉยๆก็คงไม่ได้ปัดเป่าคำสาปสักตัวสองตัวไปพลางๆแล้วกัน

    หลังจากนั้นเราก็เริ่มตั้งสมาธิเพื่อตรวจจับคำสาป เริ่มจำแนกพลังงานคำสาปที่มาจากทิศของนักเรียน กับคำสาปออกจากกัน

    ทางนั้นสินะ….

    หลังจากนั้นเราก็ออกวิ่งไปทิศที่ตรวจจับได้

    หลังวิ่งมาได้สักพักก็เจอวิญญาณคำสาประดับ 2 ตัวหนึ่ง

    ไม่รีรอ เราพุ่งเข้าต่อยมันในทันที คำสาปตัวนั้นถูกปัดเป่าทิ้งอย่างง่ายดาย

    ง..ง่ายอย่างงี้เลย! …นั้นสินะเราสุู้กับนักสาปแช่งมาตลอด ไม่เคยได้สู้กับคำสาปธรรมดาเลย ถ้าเทียบกับนักคุณไสยทั่วไปแล้ว เราเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ

    เอาเถอะ…นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว มิวะน่าจะโดนแย่งดาบ กลายเป็นมิวะคนไร้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว

    หลังจากประเมินสถานการณ์ เราก็วิ่งกลับไปหามิวะ

    ผ่านไปไม่นานราว1-2 นาที

    ตอนนี้เรามาถึงจุดที่มิวะอยู่เรียบร้อย สิ่งที่เราเห็นคือมิวะที่ยืนไร้ประโยชน์อยู่

    “นี่ไม่เป็นไรนะ?”

    “อ๊ะ!! เมตะ มิวะคนไร้ประโยชน์เองคะ”

    เราโยนดาบที่พกมาให้มิวะ มิวะก็รับไว้ด้วยท่าทีงงๆ

    “เอาไปใช้สิ ดาบนี่ของดีนะ”

    “เอ๋…เอ่อ..แล้วเมตะล่ะ”

    “จริงๆแล้ว ฉันนะไม่ต้องใช้อาวุธก็ได้ แต่ถ้าเป็นห่วงเห็นกิ่งของต้นนั้นมั้ยตัดลงมาให้หน่อย”

    มิวะก็ทำท่าทางงงๆก่อนจะ ตัดกิ่งไม้จากต้นที่เราชี้ลงมาให้

    เราหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะทำมือแบบออกให้เหมือนมีดก่อนจะรีดพลังเวท และเหลาใช้เรียบจนเป็นเหมือนกระบอง

    “ประมาณนี้…น่าจะใช้ได้แล้วนะ”

    “เอ๋…เมตะนี่ใช้…”

    “อ๋อ…ฉันใช้อาวุธเป็นทุกประเภทน่ะ”

    “งั้นเองสินะคะ”

    มิวะตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูไร้ประโยชน์

    เราก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เดินออกห่างจากตัวมิวะระยะหนึ่ง และตั้งท่าเอาเท้าขวานำ และใช้ทั้งสองมือประคองกระบองขึ้นมา

    “เอ้า!! เข้ามาสิ”

    “อ..เอ๋..แต่ว่าเราควรจะ-”

    “สภาพนี้จะไปชนะใครได้ เข้ามาสิเดี๋ยวฉันฝึกพิเศษให้”

    เหตุผลที่เราฝึกให้มิวะ เป็นเพราะ เราต้องการพรรคพวกที่แข็งแกร่ง

    สิ่งที่เราเรียนรู้มาคือ เราน่ะไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ถ้าเกิดมีคนที่แข็งแกร่งมายืนเคียงข้าง ก็คืออีกเรื่อง เพราะอย่างนั้นคนที่แข็งแกร่ง คนแรกคือเธอ

    มิวะ คาสุมิ อดีตกัปตันทีมบาสเก็ตบอล ก่อนที่ตอน ม.1จะถูกอาจารย์สุงสุดของสำนักชินคาเงะริว ทาบทามมาเป็นนักคุณไสย

    การที่มิวะไม่เก่งน่ะมันแปลกมาก ทั้งๆทีี่ควรมีเซนส์จากการเล่นกีฬา แถมยังฝึกดาบตั้งแต่ราวๆ 12-13 เป็นเวลานานพอตัว หมายความว่า จริงๆแล้วความสามารถของเจ้าตัวไม่ได้มีแค่นี้หรอก ขนาดคุซาคาเบะยังเก่งพอตัวเลย

    สิ่งที่เราต้องทำคือ ดึงศักยภาพของตัวมิวะออกมาให้ถึงขีดสุด ผ่านการเค้นจากการต่อสู้

    “เอาละนะ…”

    ช่วงเวลาหลังจากนั้นสักพัก

    โทบาริ(ม่าน) ก็ปรากฏขึ้น

    “เอ๊ะ…เอ๋- โทบาริ(ม่าน) ทำไมตอนนี้ล่ะ”

    “….”

    มิวะกระโตกกระตากออกมาอย่างเก็บสีหน้าไม่อยู่

    เอาละ…ตอนนี้แล้วสินะ

    “ดูเหมือนจะมีผู้บุกรุกนะ”

    “ถ-ถ้าอย่างนั้น เราควรไปสมทบกับ อ.อุตะฮิเมะ”

    ในวินาทีนั้น เราก็จับสัมผัสของพลังงานคำสาปปริมาณมหาศาลได้ในทันที

    เราหันหน้าขวับไปทางทิศนั้น จนมิวะตกใจสะดุ้งโหยง

    “ม-มีอะไรงั้นหรอคะ”

    “พลังงานคำสาป…รุนแรงมาก น่าจะระดับพิเศษ”

    “มีคนอื่นๆอยู่ด้วย ไปสมทบช่วยเจ้าพวกนั้นก่อน แล้วค่อยไปหาพวกอาจารย์ ดีกว่า”

    “ตามมา”

    หลังพูดจบเราก็ออกวิ่งไปทางที่ฮานามิอยู่ ส่วนมิวะที่จู่ๆก็โดนบอกก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย

    หลังจากใช้เวลาวิ่งมาสักพัก

    “มิวะ ตอนนี้จากที่ฉันจับสัมผัสได้ ทุกๆคนออกจาก โทบาริ ไปแล้วนะ”

    “งั้นดีเลยค่ะ งั้นเรา-”

    “ไม่เชิงทุกคนหรอก แต่จากที่จับสัมผัสได้ เหมือนตอนนี้ โทโด กับยูจิ กำลังสู้อยู่กับระดับพิเศษ”

    “ม..หมายความว่าเราต้องออก-”

    “ไม่”

    มิวะทำท่าทางเหมือนจะ อยากออกไปสมทบกับคนอื่นๆแต่เราก็พูดดักไว้ก่อน

    “มิวะ เธอในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ นั้นคือเหตุผลที่ต้องไปลองวิชาไง”

    “ฟังนะถ้าถึงแล้ว…”

    ทางด้านของการต่อสู้ ณ ลานกว้าง

    ยูจิและโทโด กำลังปะทะกับฮานามิอย่างดุเดือด

    ในตอนนี้ ฮานามิทำการเรียกดอกไม้ยักษ์และยิงเมล็ดคำสาปออกมา

    โทโดทำการปรบมือสลับตำแหน่ง ฮานามิกับยูจิในทันทีเพื่อช่วยยูจิจากการโจมตี 

    “โทโด!!”

    “ฮึบ!!”

    โทโดปลดพลังเวทตัวเองออกเพื่อทำการป้องกันเมล็ดคำสาป หลังการใช้ความคิด 0.01 วินาที

    “ครั้งต่อไปก็งานจับมือทั่วประเทศเหรอ….”

    “ต้องถ่ายทอดความรู้สึกขอบคุณออกไปให้หมดแล้วสิ!!”

    ในตอนนั้นยูจิก็วิ่งเข้ามาเตะใส่ฮานามิ

    “พลั่ก!!”

    “เฮ้ย!! ยูจิหลบออกข้างหน่อยนะ!!”

    ยูจิ ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีหันมาสบตาเราที่กำลังวิ่งเข้าใส่ฮานามิด้วยความเร็ว ก่อนจะผละตัวออก

    ฮานามิ (ผู้ใช้อาคมอีกคน!!)

    เราขว้างกระบองออกไปใส่ ฮานามิ แน่นอนว่าฮานามิปัดออกได้ในทันที

    “เปรี้ยะ!!”

    ช่วงวินาทีที่ฮานามิกำลังเตรียมโต้กลับ เท้าของเราก็ปะทะเข้าที่หน้าฮานามิ ด้วยท่าลูกเตะมังกรของบรูซ ลี

    “เทคนิค สายฟ้า”

    “ร่างจุติเทพสายฟ้า”

    “ลูกเตะมังกร”

    “เปรี้ยง!!!!”

    ฮานามิกระเด็นตัวปลิวออกไปตามแรงเตะ

    (ร-เร็ว!! ไม่ใช่ปกติแล้ว แถมยัง…ช-ชา!!)

    ฮานามิคิดขึ้น

    ฮึ!! แน่นอนอยู่แล้ว เราผสานไฟฟ้าลงในการโจมตี มีผลเพิ่มความเสียหาย + สร้างสถานะชา ถ้าเป็นคำสาปอาจจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ไฟฟ้าจะช็อตจนขยับไม่ได้ แถมชื่อท่ายังเท่ขนาดนี้

    นอกจากนั้นความเร็วนี้มาจาก อาคม “ร่างจุติเทพสายฟ้า” เป็นอาคมที่เราคิดขึ้นเอง โดยใช้ไฟฟ้าแรงสูงควบคุมเส้นประสาทเพื่อขยับร่างกายโดยตรง เพราะพลังเวทของตัวเราย่อมไม่ทำลายตัวเราเอง สายฟ้าพวกนี้จึงไม่สร้างความเสียหายกับร่างกายใดๆ

    ท่านี้มีต้นแบบมาจากท่าของคิรัวร์ จาก hunter x hunter 

    เนื่องว่า ตัวเราไม่มีปัญญาใช้สายฟ้าควบคุมเส้นประสาทที่มีรายละเอียดสุดๆด้วยตัวเองความคิดตัวเอง เทคนิคนี้จึงมีข้อผูกมัด เทคนิคนี้จะกินพลังเวทเพิ่ม 30% แลกกับอาคมจะส่งไฟฟ้าเส้นไปประสาทให้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น

    การขยับตามปกติคือ คิดแล้วสมอง จึงส่งกระแสไฟฟ้า ไปที่เส้นประสาท เพื่อขยับ

    การขยับของอาคมคือ คิดแล้วอาคม จึงส่งกระแสไฟฟ้า ไปที่เส้นประสาท เพื่อขยับ

    จบการบรรยาย เอาละ…ฮานามิตัวแกตอนนี้ คงจะจับสัมผัสได้ทื่อลงสินะ รู้มั้ยฮานามิว่าตอนนี้ใครอยู่ข้างหลังแก

    ในตอนที่ฮานามิกระเด็นฮานามิพยายามจะตั้งหลัก ทันใดนั้นมิวะก็โพล่อยู่ด้านของฮานามิ ด้วยแววตาที่มีสมาธิถึงขีดสุด และตั้งท่า

    “ชินคาเงะริว”

    “อาณาเขตแบบย่อ”

    “ชักดาบ”

    ถึงแม้ ฮานามิจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว มิวะชักดาบ และฟันไปที่ลำตัวของฮานามิจากด้านหลัง แบบเต็มแรง

    ในวินาทีนั้นพลังเวทที่อยู่ในดาบของมิวะก็ เปล่งประกายเป็นสีดำทมิฬ

    “ประกายทมิฬ x ชักดาบ”

    ดาบของมิวะสะบั้นตัวของฮานามิจนขาดกระเด็น และปลิวออกไป

    “เฮ้ย!!”

    เราอุทานออกมาอย่างตกใจ

    “เฮ้ เมตะนั้นนะนายสอนเหรอ”

    โทโดมายืนข้างๆเรา พร้อมถามออกมาด้วยความสงสัย

    “สอนน่ะสอน แต่ยังไม่ทันพูดถึงประกายทมิฬเลยนะโว้ย!!”

    ดูเหมือนว่ามิวะที่ปลุกตื่นนี่ จะเกินความคาดหมายมากไปหน่อยแฮะ


    ช่วงสาระนิดหน่อย

    ท่าของเมตะในตอนนี้มาจากท่ากันมุลต์ของคิรัวร์

    ส่วนนี่เพื่อใครนึกลูกเตะมังกรของ บรูซ ลี ไม่ออกเพราะเก่าเกิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×