คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : คริสต์ นิกายโปรเตสแตนด์
..........นิกายนี้มีกำเนิดมาจากความคิดเห็นที่แตกแยกกันในเรื่องความเชื่อและคริสตชน โดยเรียกพวกที่ไม่ใช่คาทอลิค หรือออร์ธอด็อกซ์ว่า"โปรเตสแตนต์" (Protestant) ซึ่งแปลว่า "ประท้วง" อาจารย์เสรี พงศ์พิศ (2531 : 71-74) ได้กล่าวถึงนิกายนี้ว่า เป็นกุล่มที่แยกตัว ออกมาจากพระศาสนจักร คาทอลิคประมาณศตวรรษที่ 14-15 โดยเริ่มจากกลุ่มใหญ่ที่มี การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อนิกายเล็กๆ ในภายหลัง กลุ่มที่เป็นตัวเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อนิกายเล็กๆ ในภายหลัง กลุ่มที่เป็น ตัวเคลื่อนไหวนี้มี 3 กลุ่ม คือ นิกายลูเธอร์รัน (Lutheran) กลุ่มคริสตรจักรฟื้นฟู (Reformed Christianity) และ นิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England)
เหตุแห่งความแตกแยกของคริสต์ศาสนา สาเหตุที่ทำให้เกิดแตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆ และแยกตัวออกจากศาสนาจักรโรมันคาทอลิคนั้นสรุปได้เป็น 3 ประเด็น คือ ..........1.สืบเนื่องมาจากการประพฤติของนักบวชในสมัยนั้นที่ไม่เป็นไปตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลและนิยมที่จะตีความหลักคำสอนไป ..........2.ความเจริญในทางวิชาการมีมากขึ้น ประกอบกับมีการสร้างเครื่องพิมพ์และตั้งโรงพิมพ์ขึ้นมากมาย ทำให้มีการเผยแพร่ตำราต่างๆอย่างกว้างขวาง การสื่อสารต่างๆ จึงเป็นไปอย่างรวดเร็วพระคัมภีร์ไบเบิลได้ถูกแปลถ่ายทอด เป็นภาษาพื้นเมืองต่างๆ แม้แต่ชาวบ้านก็สามารถอ่านได ทำให้เกิดการเผยแพร่ความรู้ทางศาสนา ซึ่งแต่ก่อนมานั้นนักบวชทำหน้าที่ เป็นสื่อระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ทำให้มีความสำคัญมากต่อเมื่อมีคนสามารถอ่านคัมภีร์ได้แล้ว ความสำคัญของนักบวชลดน้อยลง ความรู้ความเข้าใจในศาสนาของประชาชนกลับมีมากขึ้น จนนักบวชไม่สามารถปิดบังความรู้นั้นไดต่อไปอีกทั้งคนทั่วไปยังสามารถ วิพากษ์วิจารณ์ตีความสำสอนในคัมภีร์ไบเบิลได้ ..........3.ความรู้สึกเป็นชาตินิยม (nationalism) มีมากขึ้นในสมัยนี้ แต่ละแคว้นต่างรวมตัวคนในชาติเดียวกัน ปลุกใจให้เกิดความ | ||
...........ด้วยเหตุที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ จึงเกิดเป็นกลุ่มฟื้นฟูศาสนากลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่มคือ ..........1.นิกายลูเธอรัน (Lutheran) | ||
............ผู้นำคนสำคัญ คือ มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1483-1546 เกิดที่แซกซอนนี (Saxony) ประเทศเยอรมัน ได้รับการศึกษาสูงจนจบปริญญาเอกและได้ศึกษาเทวศาสตร์ จากสถาบันต่างๆ จากนั้นได้เข้าสู่ชีวิตนักบวชและแสวงบุญทีกรุงโรม ทำหใเห็นสภาพต่างๆ ในศาสนจักร ต่อมาท่านได้ตีความพระคัมภีร์ไบเบิล และวิพากษ์วิจารณ์ปรัชญาศาสนาของยุคกลาง ความคิดเลยต่อเนื่องมา วิจารณ์พระศาสนจักรซึ่งในขณะนั้นมีการขายในบุญกันมาก ความคิดของมาร์ติน ลูเธอร์ได้รับการสนับสนุน พระศาสนจักรซึ่งในขณะนั้นมีการขายใบบุญกันมาก ความคิดของมาร์ติน ลูเธอร์ได้รับการสนับสนุนจากมหาชน เยอรมันเป็นจำนวนมาก แล้วแพร่หลายออกไปทั่วยุโรป ทำให้พระสันตะปาปาไม่พอพระทัย มาร์ติน ลูเธอร์ |
| |
...........รับหมายขับออกจากการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร (excommunication) ในปี ค.ศ. 1521 ตรงจุดน้ำด้นำไปสู่การแตกแยกเป็นนิกายใหม่ในเวลาต่อมา ชีวิตของลูเธอร์ในระยะนี้ต้องหลบลี้ตลอดเวลา ........... แต่ก็ทำให้ท่านมีเวลาแปลพันธสัญญาใหม่เป็นภาษาเยอรมัน และได้เขียนเกี่ยวกับพิธีกรรมรวมทั้งศีลสิทธิ์เป็นภาษาเยอรมัน เพื่อให้ชาวบ้านและคนทั่วไปสามารถเข้าใจหลักคำสอนและพิธีกรรม ซึ่งแต่เดิมมาเขียนเป็นภาษาละติน จึงยากแก่การสื่อความหมาย ให้เข้าถึงได้ จึงรู้ได้เฉพาะปัญญาชน นักบวชและนักศาสนาเท่านั้น ...........ผลงานของลูเธอร์นี้ได้สร้างคุณประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่รู้หนังสือ ละตินได้มีโอกาสเข้าใจแก่นแท้ของศาสนาได้ด้วยตนเอง ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของลูเธอที่ต้องให้บุคคลสามารถรับผิดชอบ ในความเชื่อของตน โดยไม่ต้องอาศัยบุคคลที่ 3 เช่น พระหรือนักบวช กฎเกณฑ์ต่างๆ ในศาสนาเป็นเพียงสิ่งเปลือกนอก ที่ไม่สำคัญเท่ากับการที่บุคคลนั้นได้เผชิญหน้าต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วยตนเอง นิกายนี้จึงได ้ตัดประเพณี พิธีกรรมตลอดจน ศีลศักดิ์สิทธิ์บางเรื่องออกไปเหลือแต่ศีลล้างบาปและศีลมหาสนิท และสนับสนุนให้บุคคล เอาใจใส่ต่อพระคัมภีร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระวจนะ ของพระเจ้า ที่ทำให้มนุษย์เข้าถึงความรอดส่วนบุคคลภายในโบสถ์ของโปรเตสแตนต์ ์จึงไม่มีรูปเคารพและศิลปกรรมที่ตกแต่งดังเช่น โบสถ์คาทอลิคบนแท่นบูชามีเพียงพระคัมภีร์เท่านั้นที่เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนี้ เป็นเพียงเปลือกนอกที่มาจากตัณหาของมนุษย์ และทำให้เราเกิดความยึดถือยึดติดไหม่สามารถเข้าถึงพระเจ้า ได้เพียงเปลือกนอกที่มาจากตัณหาของมนุษย์ และทำให้เราเกิดความยึดถือยึดติดไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้ .......... ........... การปกครองทางศาสนาของนิกายน้ำได้แบ่งออกเป็นหมู่ (congregation) ซึ่งประกอบไปด้วยคริสตชนกลุ่มหนึ่งผู้อภิบาล (Pastor) หลายๆ หมู่รวมกันเป็นไซโนด (Synode) หลายไซโนดรวมเป็นกลุ่มไซโนด (General Synlde) มีบิชอป (Bishop) เป็นผู้นำ นิกายนี้สมาชิกผู้นับถือส่วนมากอยู่ในประเทศเยอรมัน สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย | ||
..........2.กลุ่มคริสตจักรฟื้นฟู (Reformed Christianity) ..........ผู้นำคนสำคัญที่มีความเคลื่อนไหวมากไดแก่ สวิงลี (Ulrich Zwingli) และคาลวิน (John Calvin) ...........2.1อูลริช สวิงลี (Ulrich Zwingli) เกิดที่สวิสดเซอร์แลนด์ มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1848-1531 ได้รับแนวความคิดจากลูเธอร์ และปรัชญามนุษยนิยม (Humanism) อูลริชไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าพิธีล้างบาป และพิธีลมหาสนิท เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเพียงคงามเชื่อภายนอกเท่านั้น หาใช่ความเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง เพราะพิธีล้างบาปก็คือการปฏิญาณตน และพิธีศีลมหาสนิท หรือมิสซาก็คือการระลึกถึงวันเลี้ยงมื้อสุดท้าย ของพระเยซูเท่านั้น พิธีเหล่านี้ ไม่ใช่พิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ในตัวของตัวเองดังที่เชื่อกันในสมัยนั้น จนทำให้คนส่วนมากละเลยที่จะศึกษาพระวจนะจากพระคัมภีร์และยึดติดที่ตัวพิะกรรมมากกว่าจะ ปฏิบัติเข้าถึงทาง แห่งความรอดด้วยตนเอง เขาได้ปรับพิธีกรรมให้เรียบง่าย และเน้นที่แก่นแท้ของคำสอน เช่น งานเลี้ยงมื้อสุดท้าย | ||
..........แทนที่จะเน้นว่าขนมปังและเลือดคือพระกายและพระโลหิตแต่จะเน้นที่คำสอนของพระเยซูที่ว่า "จงทำสิ่งนี้ เพื่อระลึกถึงฉัน" งานเลี้ยงอาหารค่ำจึงสำคัญในประเด็นที่เป็นพิธีเพื่อระลึกถึงพระเยซู และความตายที่พระเยซูได้ยอมให้เกิดขึ้นเพื่อการไถ่บาปให้แก่มนุษยชาติ ถ้ามองกันตามรูปแบบของพุทธศาสนาก็คือ ความตายองพระเยซูเป็นการสอนให้มนุษย์ไดรู้จักความหมายของการให้ที่แท้จริง อันเป็นวิถีทางหนึ่งของการถอนความยึดถือในตัวตน .......... ..........แนวคิดของสวิงสีแพร่หลายในสวิสเซอร์แลด์ และได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่น ทำให้แคว้นต่างๆ ในภูมิภาคแถบนี้ สามารถรวมตัวกันเป็นสหพันธ์โดยมีนิกายเป็นตัวเชื่อม | ||
..........2.2นิกายคาลวิน (Calvinism) ผู้ริเริ่มและบุกเบิกนิกายนี้ คือ จอห์น คาลวิน (John Calvin) หรือคาลแวง เป็นชาวฝรั่งเศส ได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีส ต่อมาไดสนใจแนวคิดทางศาสนาของลูเธอร์และสวิงลี จึงได้รับคำสอนเหล่านั้นมาปรับปรุง และเริ่มสอนที่ฝรั่งเศลและสวิสคำสอนเของเขาแพร่หลายเข้าไปถึงประเทศอังกฤษ ซึ่งเรียกว่า เปรสไบทีเรียน (Presbyterian) | ||
..........คาลวินมีอิทธิพลมากในหรุงเจนีวา เขาถูกเชิญไปที่นั่นหลายครั้งจนกระทั่งได้อาศัย อยู่ที่เจนีวาจนสิ้นใจในปี ค.ศ. 1564 ผลงานที่สำคัญค้อ หนังสือศาสนาที่ต่อมาได้กลายเป็น หลักเทวศาสตร์ ของ โปรเตสแตนต์ ชื่อ "สถาบันทางศาสนาคริสต์"(The Institutes of the Christian Religion) แต่เดิมเขียนเป็นภาษาละตินแต่ถูกแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสในเวลาต่อมา และถูกพิมพ์ถึง 4 ครั้ง .......... ในช่วงที่คาลวิน มีชีวิตอยู่ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราสามารถเข้าใจศรัทธาของชาวคริสต์ คำสอนของ นักบุญออกัสติน (St. Augustin) อีกทั้งทำให้เราเข้าใจอำนาจของพระเจ้า เข้าใจในเรื่องบาปกำเนิด และชะตาที่ถูกลิขิตโดยพระเจ้า นอกจากนี้คาลวินได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย เจนีวา และทำให้กรุงเจนีวา เป็นศูนย์นัดพบของชาวโปรเตสแตนต์ทั่วยุโรป เราอาจกล่าวได้ว่า แนวคิดของคาลวินมีอิทธิพลต่อกลุ่มฟื้นฟู คริสตศาสนามาก เช่น พวกเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) หรือแองกลิคัน (Anglicanism) พวกเพรสไบทีเรียน (presbyterian) พวกแบติสต์ (Baptist) และโปรเตสแตนต์กลุ่มอื่นๆ เป็นต้น | ||
..........3.นิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) | ||
...........หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "แองกลิคัน" (Anglicanism) มีกำเนิดในประเทศอังกฤษ โดยมีสาเหตุมาจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ต้องการให้พระสันตะปาปาทำพิธีหย่าให้ แต่พระสันตะปาปาไม่ยอม จึงไม่พอพระทัยประกาศตั้งนิกายใหม่ที่เรียกว่า เชิร์ช ออฟ อิง แลนด์ (Church of England) ไม่ขึ้นต่อกรุงโรม และทรงแต่งตั้งโธมัส แคลนเมอร์ (Thomas Cronmer) เป็นอาร์คบิชอป (Archbishop) แห่งแคนเทอเบอรี่ (Canterbury) ในปี ค.ศ. 1533 ........... นอกจากนี้หลักคำสอนของลุเธอร์และคาลวิน ได้รับความนิยมอย่างมากในอังกฤษ และต้องการตัดส่วนเปลือกของศาสนาออกไปให้เหลือแต่แก่นแท้ของศาสนาล้วนๆ เช่น การตัดพิธีกรรมบางอย่างที่เกิดจำเป็น การอนุญาติให้ทุกคนอ่างพระคัมภีร์ได้ ........... อย่างไรก็ตามแม้ว่าคริสตจักรอังกฤาได้แยกตัวออกจากกรุงโรมอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่พิธีกรรมความเชื่อการบริหารงานต่างๆ ยังคงคล้ายกับคาทอลิคกรุงโรม | ||
นิกายต่างๆ ในโปรเตสแตนต์ ...........กลุ่มฟื้นฟุศาสนาตามที่กล่าวมาในตอนต้นนี้ทั้ง 3 กลุ่ม ได้ทำให้เกิดนิกายเล็กๆ ต่อมาอีกมากมายซึ่งล้วนแต่รับโครงสร้างของ โปรเตสแตนต์ในที่นี้จะกล่าวถึงบางกลุ่มและบางนิกายเท่าน้น คือ ...........1.นิกายเพรสไบทีเรียน (Presbyterian) เป็นกลุ่มที่ต้องการจัดระบบการปกครองของพระเจ้าให้เป็นระเบียบแบบแผน และให้คงที่ตามหลักของลูเธอร์โดยมีบิชอปเป็นประธาน ความเชื่อขิงนิกายนี้มุ่งเน้นศรัทธา เพราะถือว่าพระของพระเจ้าสามารถ ปลดเปลื้องทุกข์ของมนุษย์ได้ ไม่ใช่พระ พระเป็นเพียงผู้ทำพิธีกรรมเท่านั้น นิกายนี้มีผู้นับถือทั่วโลก คนไทยส่วนมากรู้จักนิกายนี้ดีโดยเฉพาะ ...........2.นิกายเมธอดิสต์ (methodism) เกิดขึ้นโดยจอห์น เวสลีย์ (John Wesley : ค.ศ. 1703-1791) เป็นชาวอังกฤษที่มี จุดประสงค์ต้องการให้ผู้นับถือพระเจ้ามีอิสระภาพมากขึ้น สามารถปฏิบัติศาสนาไปตามหลักของเหตุผลให้เหมาะแก่ชีวิตของตน และเหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องการรวมพวกโปรเตสแตนต์ที่แตกแยกไปเป็นนิกายต่างๆ ให้อยู่ในแบบเดียวกัน สมาชิกของนิกาย นี้มีทั่วโลกแต่ส่วนมากอยู่ในยุโรปและอเมริกา ...........3.นิกายเซเวนเดย์ แอดเวนติสต์ (Seven Day Adventists) เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของกลุ่มแอดแวนติสต์ นิกายนี้เน้นวันสุดท้ายของโลก และการเสด็จมาของพระคริสต์ในวันพิพากษาโลกเพื่อทำลายล้างคนชั่วและทำให้โลกนี้บริสุทธิ์อีกครั้ง สมาชิกผู้นับถือมีทั่วโลกโดยฉพาะในประเทศไทยนั้นนิกายน้ได้ส่งศาสนฑูตเข้ามาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1918 ศาสนทูตหลายท่าน มีส่วนสร้างความเจริญให้แก่ประเทศไทย เช่น ตั้งโรงเรียน ตั้งสุขศาลา และโรงพยาบาล โรงพยาบาลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือโรงพยาบาลมิชชันที่สะพานขาว เมื่อเงินพยาบาลเจริญก้าวหน้ามากถึงต้องขยายโรงพยาบาลและเปิดโรงเรียนพยาบาล เพื่อให้ความรู้ทางด้านผดุงครรภ์แก่ นักเรียพยาบาลเจริญรุดหน้าตราบเท่าทุกวันนี้ ...........4.นิกายเควกเกอร์ (Quaker) หรือสมาคมมิตรภาพ (Society of Friends) เป็นนิกายที่เกิดในอังกฤษโดย ยอร์ช ฟอกซ์ (George Fox : 1624-1691) แต่แพร่หลายในอเมริกาโดยวิลเลี่ยม เพน (William Penn : 1644-1718) โดยเฉพาะในรัฐ เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) เป็นดินแดนแห่งแรกที่เพนได้มาตั้งรกรากและทำการเผยแพร่ศาสนา นิกายนี้ต้องการรื้อฟื้น ศาสนาคริสต์แบบดั้งเดิม จึงเนประสบการณ์ตรงในการเข้าถึงพระเจ้าโดยใช้แสงสว่างที่เกิดขึ้นภายใน (inner light) เพราะพระวจนะ ของพระเจ้ามีชีวิตไม่ใช่เพียงแค่ตัวอักษรที่ปรากฏในพระคัมภีร์ ผู้เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่จะได้รับการคัดเลือกจากพระองค์ให้ได้ รับพระวจนะจากพระองค์โดยตรง มนุษย์ทุกคนควรปฏิบัติต่อกันเป็นอย่างดีควรให้บริการและช่วยเหลือมนุษย์และสังคมในทุกๆ ด้าน รวมทั้งต่อต้านสงครามทุกรูปแบบ ปฏิเสธการที่ทาสและทำทารุณกรรมแก่เพื่อนมนุษย์ นิกายนี้ไม่เน้นเรื่องพิธีกรรมหรือศีลศักดิ์ศิทธิ์ที่เน้นสัยลักษณ์ทางวัตถุ เพราะจะทำให้จิตใจของมนุษย์หันเหออกจากสมาธิตามธรรมชาติ การสวดมนต์อย่างเงียบๆ จะช่วยให้มนุษย์ได้รับแสงสว่างภายในได้ดี ...........5.นิกายพยานพระยะโฮวา (Jehovah's Witnesses) นิกายนี้เกิดจากการรวมกลุ่มของพวกโปรเตสแตนต์ ที่ต้องการปฏิรูปคำสอนให้เป็นไปในแบบเดิม โดยเฉพาะแบบอบ่างในการนมัสการพระเจ้า คือ พระยะโฮวา ทั้งนี้เพราะพวกโปรแตสแตนต์ ส่วนมากได้แตกกลุ่มออกไปเป็นหลายพวกเพราะความสับสนในคำสอน และความไม่ชัดแจ้งของหลักคำสอน ชาร์ล รัสเซลล์ (Charles Russell) ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ได้ริเริ่มตั้งนิกายนี้ขึ้นมาโดยเริ่มแรกมีการรวมกลุ่มกันที่มลรัฐเพนซิลเวเนีย และขยายตัวออกไปทั่ว มีผู้สนใจกันมาโดยเฉพาะชนชั้นกรรมกรและคนชั้นกลาง ถึงกับมีการตั้งสมาคมเผยแผ่ลัทธิที่เรียกว่า "หอสังเกตการณ์" (Watch Tower) และมีการพิมพ์หนังสือออกเผยแพร่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ...........6.นิกายมอร์มอน (Mormonism) หรือศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย (The Church of Jesus Christ of Latter-Day Saints) ผู้ก่อตั้งคือ โจเซฟ สมิธ (Joseph Smith) ผู้เติบโตท่ามกลางบรรยากาศทางศาสนา แบบกลุ่มฟื้นฟูชีวิต (Revivalists) ในนิวยอร์ค (New York) หลักคำสอนของศาสนาเหมือนคำสอนทั่วๆ ไปของศาสนาคริสต์ เพียงแต่เพิ่มความเชื่อในคัมภีร์มอร์มอน (Book of Mornon) ซึ่งกันว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาจากมอร์มอน และเชื่อกันว่า คัมภีร์นี้เป็นพระวจนะของพระเจ้าเดิมจารึกในภาษาโบราณ แต่แปลความหมายโดยโจเซฟ สมิธ ออกพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1830 เนื้อหาบางส่วน ในคัมภีร์ ได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์อเมริกาที่มีผู้อพยพในยุคแรกๆ เป็นกลุ่มชนที่มาจากปาเลสไตน์ เชื่อกันว่าเป็นบรรพบุรุษ ของพวกอเมริกันอันเดียน ความเป็นเชื่อตรงจุดนี้อาจแตกต่างจากนักประวัติศาสตร์ทั่วๆ ไป สมิธิได้รับการยกย่องจากพวกมอร์มอน ให้เป็นประกาศยุคใหม่ของนิกาย และสานุศิษย์ได้ช่วยกันสร้างวิหารขึ้นมาเป็นครั้งแรกในนิวยอร์ค ........... |
----------------------------------------------------------------------------------
Credite :: http://www.dra.go.th/dra_new/religion_Christ/christ_2.asp#Pro3
ความคิดเห็น