NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AZUR LANE : นกอินทรีผู้ทรยศ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 : กลีบดอกซากุระ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 67














    ยามเช้ามืด น่านน้ำจักรวรรดิซากุระ

    100 กม. ห่างจากเเผ่นดินใหญ่

    เวลา 4: 30 








    คลื่นลมในเวลานี้ก็สงบพอสมควรเรือประจัญบานมอนทาน่า ได้เปิดไฟในทุกจุดที่เปิดได้ของเรือเพื่อหวังจะให้มีเรือของจักรวรรดิซากุระสักลำมาตรวจเจอเธอ  ส่วนปืนใหญ่ก็ยกขึ้น45องศาราวกับว่าไม่ต้องการสู้รบกัน



    "สวยจังน่ะ..."



    มอนทาน่านอนหงายบนป้อมปืนที่สอง มองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า พลางนึกถึง.... อา เธอคิดถึงเพื่อนอีกเเล้ว 

    มอนทาน่าเริ่มหลั่งน้ำตาออกมาเล็กๆ เพราะในอีเกิลยูเนียนมีเพียงเเค่สี่คนเท่านั้นที่เธอไว้ใจเเละเชื่อใจที่สุด ... ไอโอวา วิซคอนซินส์ มิซซูรี่ กับนิวเจอร์ซี่ ทั้งสี่คนเสมือนกับเป็นพี่น้องของมอนทาน่า   ด้วยความใกล้เคียงกันของคลาสเรือ ที่มอนทาน่าต่อยอดมาจากเรือชั้นไอโอวา  ยังไม่รวมถึงน้องสาวของเธออย่างโอไฮโอ ที่ถูกยกเลิกการสร้างตั้งเเต่ยังไม่ทันได้วางกระดูกงู  มันทำให้เธอเศร้ามากเช่นกัน


    เธอเคยคิดจะหวังพึ่งเลือดเหล็กในการสร้างน้องสาวของเธอขึ้นมา เเต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้ทำ


    มอนทาน่าค่อยๆลุกขึ้นมานั่งเเละจุดบุหรี่อีกครั้ง



    "ฟู้ว.... ชักติดใจเเล้วสิ"



    ฉันมองไปข้างหน้าเรือ ฉันเห็นว่ามีจุดเเสงสามจุดที่กระพริบอยู่ข้างหน้า ก็พอจะมองเห็นรูปลักษณ์ของเเผ่นดินได้อยู่หละน่ะ



    มอนทาน่าสูดควันของบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง เธอไม่เคยสูบถี่ขนาดนี้มาก่อน ตั้งเเต่ที่เธอพบความจริงที่อีเกิลยูเนียนจะทำกับเธอ เธอก็สูบบุหรี่เยอะขึ้นมาก




    พับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!


    เฟี้ยววววว




    ในตอนนั้นเอง เครื่องซีโร่สีเขียวเข้ม3ลำได้บินวนอยู่เหนือหัวของมอนทาน่า ราวกับตรวจสอบเรือของเธอ ก่อนจะบินออกไป



    ปิ๊ง 



    ปิ๊ง




    เรดาห์ของมอนทาน่าตรวจจับสาวเรือได้6คนที่กำลังมุ่งตรงมา  ซึ่งมอนทาน่าก็ยังไม่เเน่ใจว่ามีใครบ้าง เเต่น่าจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินซักลำเเน่ๆ...ขอเเค่ไม่ใช่อาคากิก็พอ  นึกเเล้วเสียวสันหลัง



    " มอนทาน่า ประจัญบาน"



    ทันทีที่พูดจบ เรือรบขนาดใหญ่ได้เรือเเสงสีฟ้าก็จะเเตกกลายเป็นก้อนลูกบากศ์ เข้ามารวมตัวที่มอนทาน่าจนกลายเป็นคันเซนขนาดใหญ่ของเธอ



    (เเบบนี้เลยครับ มีปืนใหญ่สองป้อมด้านบน กับด้านล่างสองป้อม เเละปืน127มม.เพิ่มมา4ป้อม ส่วนตัวละครก็เป็นOCของผมที่ข้อมูลเบื้องต้นครับ ใช้ของไอโอวาเป็นพื้นฐาน)





    "ฟู้ว...."


    มอนทาน่าสูดควันรสขมเข้าไปอีกครั้งก่อนจะพ้นมันออกมาพร้อมกับมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

     มอนทาน่ามองไปยังสาวเรือทั้ง6คนที่อยู่ตรงหน้า



    " หื้ม?.."



    นั่น ทาคาโอะ อาทาโกะ โซริว ฮิริว ยูกิคาเซะ ฟุบูกิ นี่หน่า ถึงฉันจะไม่ได้รู้จักพวกเธอเท่าไหร่หรอก หวังว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีหละน่ะ



    ไฟสปอร์ตไลท์จากสาวเรือทั้งหกได้สาดมายังมอนทาน่า

    ทันทีที่สาวเรือซากุระทั้งหกคนได้เห็นรูปร่างของคันเซนที่เข้ามาในน่านน้ำของซากุระ ก็เเสดงท่าทางถึงความประหลาดใจ เเละตกใจเช่นเดียวกัน

    เพราะไม่คิดว่าเรือรบขนาดใหญ่จากอีเกิลยูเนียนจะมาไกลถึงขนาดนี้

    ทาคาโอะไม่พูดอะไรมาก ชัดดาบคาตานะเเละหันปืนใหญ่ไปทางมอนทาน่า




    ชิ้งงงง!!




    "เรือประจัญบานอีเกิลยูเนียนมาทำอะไรทีนี่กัน?"

    ทาคาโอะกล่าว พร้อมๆกับชี้ดาบไปหามอนทาน่า สาวเรือคนอื่นก็เเสดงท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่



    "เเหม่~ คุณมอนทาน่าลากตัวมาไกลขนาดนี้มีอะไรกันน่ะ~" อาทาโกะพูดพร้อมๆกับจ้องมองไปที่มอนทาน่า



    " ยังไงก็ตาม... ในครั้งนี่ไม่ใช่งานสัมพันธไมตรี...มาดูกันสิว่าพวกคุณจะมาไม้ไหน คุณเรือประจัญบานมอนทาน่า..." สาวเรือบรรทุกเครื่องบินหูกระต่ายสีขาวอย่างฮิริวพูดออกมา



    "หืม" โซริวไม่ได้พูดอะไรเพียงเเค่ดันเเว่นราวกับดูสถานการณ์



    "ยูกิคาเซะผู้นี้จะจมเธอเองด้วยตอปิโดห์อันทรงพลังของฉันถ้าเธอเล่นตุกติก! วะฮ่าๆๆๆๆ!" ยูกิคาเซะบิดติดไปมาพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม



    " ฉ..ฉันก็พร้อมยิงเหมือนกันน่ะ" ฟุบุกิพูดเเบบสั่นๆเพราะกลัวมอนทาน่า




    "......"



    มอนทาน่ายืนคาบบุหรี่เงียบๆอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพ้นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะดีดมวนบุหรี่ลงพื้นน้ำ 




    " ฟู้ว.... ฉันมาที่นี่เพื่อยอมเเพ้ จะจับฉันเลยก็ได้..อีเกิลยูเนียนหนะ ของเเบบนั้นหนะฉันไม่ได้อยู่เเล้วหละ.... " 

    มอนทาน่ากล่าวขึ้น พร้อมกับใบหน้าอันเรียบนิ่งเเละนัยตามีเเต่ความเศร้าโศก ราวกับคนที่ไม่มีอะไรในชีวิต



    สาวๆฝั่งจักรวรรดิซากุระได้เเต่ประหลาดใจเเละสับสน มอนทาน่าที่มั่นใจในตัวเองกับสุภาพเรียบร้อยคนนั้นหายไปไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?



    " อ..อา งั้นเองสิน่ะ  เอาหละในตอนนี้เธอ! คือเชลยศึกของจักรวรรดิซากุระเเล้ว! ดังนั้นตามเรามาส่ะ อย่าเล่นตุกติกหละ" ทาคาโอะกล่าว



    "เข้าใจเเล้วหละ...ว่าเเต่ ฉันขอสูบบุหรี่ต่อได้ไหม...?" มอนทาน่าพูดเเละได้เคลื่อนที่ตามกองเรือซากุระไป



















    สถานที่เเห่งหนึ่งใน อีเกิล ยูเนียน








    ตึก   ตึก   ตึก




    เสียงกระทบของรองเท้าหนังจากชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เขาเป็นชายวัย20ต้นๆ สวมชุดสีขาวเเละเป็นคนควบคุมสาวเรืออย่างผู้บัญชาการ

    เขาจับทรงปีกหมวกเดินไปยังห้องๆหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าห้องไป





    "เเหม่ๆ~ ดูสินี่ใคร? มนุษย์ที่ทรยศหนิ~"




    เสียงของหญิงสาวได้ดังขึ้น เธอเป็นหญิงสาวผมเทา สีผิวซีด เเละดวงตาสีเขียว ซึ่งรู้จักในชื่อของสิ่งมีชีวิตต่างมิติอย่างไซเรน



    " เงียบไปซ่ะ ออฟเซอรฟ์เฟอร์ อัลฟ่า ไอเรื่องภาพเสมือนอะไรนั่น ได้ผลรึเปล่าหละ" ผู้การได้พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด



    "อาา~ ดูเหมือนจะใช้งานได้ดีเลยหละ ไอดวงตานั่นที่เจ้าอ้อนวอนให้ใส่ไปในสาวเรือคนใหม่ของนายสิน่ะ~ ใช้งานได้ดีจนดูฝั่งตัวเองเป็นไซเรนจนยิงทิ้งไปสองคนเลยสิน่ะ~ " ออฟเซอรฟ์เฟอร์พูดก่อนจะมองไปที่ผู้การ



    "อา  ถึงจะเสียดายสองคนนั่น เเต่ดูเหมือนตั้งระบบไว้จะใช้งานได้ กับการที่มองฝั่งตัวเองเป็นไซเรนอย่างพวกเเก" 



    "อุมุ~ เเต่ก็ผิดเเผนใช่ไหมหละ~ ที่นังนั่นระเบิดฐานทิ้งส่ะก่อนเเละดูเหมือนว่าจะหงุดหงิดไม่เบาเลยสิน่ะ~ เเถมสะกดรอยตามไปก็ไม่เจอสิน่ะ~" ออฟเซอรฟ์เฟอร์กล่าวพร้อมนั่งลอยเท้าคาง



    "อย่าพูดถึงเรื่องนั่น!! ถึงจะผิดเเผน ...เเต่เเผนการของฉันก็ยังคงเดิม!" ผู้การตะโกนกลับไป



    "หึหึ~~ ช่างโง่เขลาจริงๆน่ะ  เเต่จะว่าไป~ หมอกของสาวเรือนั่นน่าสนใจไม่เบา ที่ตรวจจับของข้างในไม่ได้ ใช้เครื่องตรวจจับความร้อนก็ไม่เห็น น่าสนใจจริงๆ...หึหึหึ"  


    ออฟเซอร์ฟเฟอร์พูดออกมาเป็นภาษาไซเรนก็ที่จะเปิดประตูมิติกลับไป


    ทิ้งให้ผู้การคนนั้นหงุดหงิดอยู่ที่นั่นต่อไป



    "ชิ!!"

     .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .








    *เสริม*

    หมอกควันของมอนทาน่าที่ปล่อยออกมา เธอไม่สามารถควบคุมได้ มันจะปล่อยออกมาตามอารมณ์ รวมถึงความหนาหรือบางของหมอกเช่นกัน  เช่นถ้ามอนทาน่ารู้สึกดี เรือจะไม่ปล่อยหมอกออกมา ถ้ารู้สึกเศร้าเเบบดิ่งขั้นสุด หมอกที่ปล่อยออกมาจะหนาจนมองไม่เห็นเท้า 


    เเละหมอกของมอนทาน่ามีความสามารถในการดูดซับเรดาห์เเละคลื่นทุกชนิด ทำให้ตรวจจับสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ได้ เเต่กลับกันด้านในหมอก มอนทาน่าจะใช้งานเรดาห์ โซน่า เเละระบบอื่นๆได้ตามปกติ เเต่สาวเรือฝั่งอื่นที่อยู่ในหมอก จะใช้อุปกรณ์ ได้เเค่ครึ่งเดียว หรือใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ  การสะท้อนเเละดูดซับคลื่น จะดีไม่ดีอยู่ที่ความหนาของหมอก


    เเละสุดท้าย หมอกสามารถอำพรางจากการใช้อินฟาเรดหรือก็คือหลบการตรวจจับความร้อนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความหนาบางของหมอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×