ตอนที่ 5 : - 05 : umbrella | yoosang x seungcheol 。
UMBRELLA | YOOSANG x SEUNGCHEOL
AU / pg – 15 / romantic
ฝนตกหนัก ... หนักมาก ... หนักมากมากเลย
บัดซบชีวิตที่สุด ..
เกลียดฤดูฝนเป็นบ้าให้ตายสิ่ !!!
ใบหน้าหล่อคมแต่ด้วยดวงตาที่กลมโตบวกกับขนตาแพหนายาวนั้นกลับทำให้เจ้าของกลายเป็นคนที่ดูน่ารักไปอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าจะพยายามทำตัวให้แมนก็ตามกำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีเทาครึ้ม มาพร้อมกับหยดน้ำฝนเม็ดใหญ่ที่ค่อยๆตกที่ละเล็กละน้อยจนนานเข้าก็กลายเป็นตกหนักจนผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบริเวณนั้นถึงกับต้องรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนในร้านค้าต่างๆจนหลายๆร้านนั้นก็ได้บริการสินค้าต่างๆให้ลูกค้าที่เข้ามาหลบฝนในนั้นมากมาย
นับว่าเป็นการใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสเสียจริงๆ ...
“ เอาไงดีวะเนี่ย ... ตกหนักขนาดนี้จะกลับบ้านยังไง ? ”
เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายยกมือขึ้นเพื่อยีกลุ่มผมหนาสีตัวดำสนิทนั้นพร้อมเบ้หน้าไม่พอใจกับสภาพอากาศในเวลานี้พลางขยับเนคไทที่ถูกผูกเรียบร้อยให้คลายออก
ดวงตากลมมองไปยังคู่รักสองสามคู่ที่ตอนนี้กำลังกางร่มเดินด้วยกัน บ้างก็พกร่มมาคนละคนแล้วกางเดินขนาบข้างกัน บ้างก็เดินหลบฝนอยู่ในร่มคันเดียวกัน ความคิดเริ่มบรรเจิดขึ้นมากลางคัน มือเล็กแต่หนาเริ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้ที่สะพายพาดมาด้านหน้าเพื่อค้นหาร่มสีกรมท่าที่ตนมักจะพกไว้อยู่ตลอด ล้วงไปล้วงมาจนทั่วกระเป๋าก็ถึงได้รู้ว่า ...
“ ชิบหายแล้ว ลืมเอาร่มใส่กระเป๋า ! ... ทำไงดีวะเนี่ยโอ้ยยยยย ก็อยากให้ใครซักคนผ่านมารับที่นี้บ้างนะแต่แม่ง ... โว้ยยยยยยยย ”
แทบจะลงไปทรุดนั่งยองลงตรงหน้าประตูร้านเกมออนไลน์ จะเข้าไปเล่นเกมต่อก็ทำไม่ได้แล้วเพราะเจ้าของร้านขับไล่เขาให้ออกไปจากร้านเนื่องจากถึงเวลาที่ร้านจะต้องปิดตามเวลาแล้ว แอบคาดโทษกับตัวเองในใจว่าไม่น่าติดลมเล่นเกมทำเควสนานเกินไปเสียจริงๆ ซ้ำร้ายเพราะเมื่อวานฝนตกหนักกว่าวันนี้จนขนาดที่ว่าเปียกไปทั้งตัวแม้จะกางร่มคันใหญ่ก็ตาม เลยต้องตากร่มไว้ที่หน้าประตูห้องให้มันแห้งสนิท แต่แล้วเช้าวันนี้ก็ดันลืมหยิบเอามาใส่กระเป๋าสะพาย ขนาดว่าฟังพยากรณ์อากาศวันนี้แล้วด้วยซ้ำไป ... ก็ยังลืมได้อีก
ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปซบกับท่อนแขนแข็งแรงของตนเพื่อรอเวลาฝนซาแม้ว่ามันจะอีกนานก็ตามที บางทีการที่สงบสติอารมณ์ระหว่างที่รอฝนซาก็อาจจะทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นและพร้อมที่จะคิดวิธีกลับบ้านดีๆได้
“ เฮ้ ! หลับไปแล้วมั้งนั่น ? ” ... ก็เกือบหลับแล้วจริงๆ
แต่เพราะใบหูที่ไม่ได้หลับไปกับสติยังคงได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าหล่อติดจะน่ารักเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครกันที่เป็นคนก่อกวนอารมณ์ที่ขุ่นมัวให้ขุ่นมัวเข้าไปอีก ก่อนจะเบ้หน้าใส่เจ้าของเสียงรบกวนประสาทของเขาทันที
“ หยุดกวนประสาทผมซักวันนึงไม่ได้รึไง พี่ยูซาง ? ”
ทุกคนชอบเข้าใจอยู่เสมอว่าร่างสูงโปร่งกว่าเขาไปหลายเซนติเมตรตรงหน้านี้เป็นพี่ชายของเขา แต่แท้จริงแล้ว ชิมยูซาง ไม่ได้เป็นอะไรกับ ชเวซึงชอล คนนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าแม่ของพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมก็ตามแต่พวกเขาทั้งคู่ก็ไมได้ถูกกันเหมือนที่แม่ของพวกเขาถูกกันนักหรอก เพราะเหตุการณ์บางอย่างเมื่อนานมาแล้ว
ชิมยูซางอายุมากกว่าชเวซึงชอลไปหนึ่งปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในเกาหลี ความจริงแล้วคนตัวเล็กกว่าอุตส่าห์ดีใจยกใหญ่แล้วว่าจะไมได้เจอคนตรงหน้าไปอีกประมาณหกปีเพราะร่างสูงจะต้องไปนอนพักในหอของมหาวิทยาลัย เขาจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกับอีกฝ่ายให้เมื่อยปาก แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลกใส่เขา เมื่อได้ยินจากคุณนายชิมว่าลูกชายของตนจะกลับมานอนที่บ้าน ส่วนเรื่องหอพักนั้นเขาเช่าหอทิ้งไว้แล้วกลับมานอนที่บ้านโดยที่ไมได้บอกสาเหตุให้คุณแม่ท่านได้ทราบแม้แต่น้อย
และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กกว่าสงสัยว่า ทำไมเจ้าตัวไม่หนีๆไปนอนที่หอพักซะ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ อีกอย่างอุตส่าห์จะได้หนีหน้าเขาไปตั้งหกปีก็ควรจะหนีไปนอนที่หอพักถาวรไปเลย
... แล้วนี่จะกลับมาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาอีกทำไมกัน ? ...
“ พี่ก็ไมได้กวนเราซักหน่อยซึงชอล ก็แค่เห็นเราทำท่าเหมือนจะหลับ พอพี่เจอเข้าก็เลยปลุก เราควรจะขอบคุณพี่นะซึงชอล ” ร่างสูงที่ยืนกางร่มสีฟ้าสดใสอยู่กลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักยกยิ้มหล่อประดับใบหน้าหล่อเหลา ไหวไหล่ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจใบหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้จ้องหน้าตนเขม็ง
“ ไม่ขอบคุณ ผมไม่ได้ขอให้พี่มาปลุกผม ก็แล้วถ้าไม่ได้กวนผม พี่ก็รีบๆเดินกลับบ้านไปเลยไป เหม็นขี้หน้าชะมัด ”
สะบัดใบหน้าใส่อีกฝ่ายพร้อมเกยคางมองไปทางอื่นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะขยับเขยื้อนตัวออกจากหน้าร้านเกมออนไลน์ที่เขาใช้หลบฝนอยู่เลยแม้แต่น้อย แถมไม่พอยังมากางร่มทำท่าทางสบายใจเฉิบใส่อีกต่างหาก
... โว้ยยยยยยย อย่าให้ได้พกร่มมาบ้างนะ พ่อจะกางเดินเข้าบ้านออกบ้านเข้าห้องน้ำเข้าห้องเรียน กางมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงประชดใส่หน้าแม่ง ! ...
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ นั่งตรงนี้ทำไม ? ”
“ ฝนตกหนัก ไม่เห็นรึไง ? ” คนตัวเล็กกว่าเหลือบตามองคนตัวโตพร้อมชี้ไปข้างนอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าฝนตกหนัก ใครที่ไหนจะบ้าวิ่งตากฝนไป มีหวังเป็นหวัดพอดี ยิ่งเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดีง่ายๆด้วย
“ ก็เห็น ... พี่เลยมารับนี่ไง ” ยูซางเอ่ยตอบคนตัวเล็กกว่า ว่าแล้วก็เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังนั่งยองเขยิบหนีไปหนึ่งก้าว
“ ใครใช้ให้มารับ ? ผมไม่ได้ขอ แล้วจะเข้ามาทำไมเนี่ย กลับบ้านไปเลยไปปปปปปป ”
ลุกขึ้นพรวดเท้าสะเอวไล่อีกฝ่ายไปด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้เขาจะโวยวายอยากให้ใครมารับ แต่ในหังสมองไมได้คิดถึงว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนมารับเขาซักนิดเดียว
“ ก็ได้ยินใครบางคนแถวนี้โวยวายเสียงดังว่าอยากให้มีใครมารับ ก็เลยมารับตามคำขอไง ผิดยังไงครับ ? ” ยูซางยักคิ้วเป็นเชิงกวนประสาทซึงชอลก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเริ่มจะงอแงใส่หน้าตนแล้ว
“ โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ไม่ต้องมายุ่งกับผมเลย ไปไหนก็ไปปปปป ผมกลับเอาได้ ... เห้ย ! ” ซึงชอลกระทืบเท้าไปมาแสดงท่าทางไม่พอใจใส่คนอายุมากกว่า ราวกับว่าตนเองนั้นอายุเพียงแค่สามสี่ขวบเท่านั้น
ยกมือขึ้นหวังจะยื่นไปผลักอีกฝ่ายให้ออกไปห่างๆตัว แต่แล้วเหมือนว่าจะผลักพลาดหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ จากที่จะเป็นฝ่ายผลักเอง กลับกลายเป็นว่ามือที่กำลังจะยกผลักถูกมือหนาดึงมือเอาไว้เสียแน่นแล้วกระตุกให้ร่างเล็กกว่าเข้าไปใกล้มากขึ้น มือหนาข้างที่ดึงมือเล็กนั้นผละออกพร้อมพยายามโอบรอบเอวที่ไม่ได้คอดกิ่วเว้าเหมือนผู้หญิง แต่ติดจะบางกว่าผู้ชายทั่วไปเอาไว้อย่างเต็มมือพลางดึงเขาให้เข้ามาอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน ใบหน้าหล่อยกยิ้มที่มุมปากราวกับว่าพอใจที่คนตัวเล็กกว่าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดกลายๆของตน แม้ว่าดวงตากลมจะจ้องเขม็งมายังตนด้วยความไม่พอใจเต็มเปี่ยมก็ตามที
“ จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงล่ะ เราก็รู้อยู่แก่ใจนะซึงชอลอ่า ... ”
“ รู้อะไร ? ”
“ รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นที่พี่ทำไป ... พี่จริงจังจริงๆ ”
ยูซางเอ่ยอย่างยิ้มๆ มือหนาที่ตระกองกอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นไปอีก จนพื้นที่ภายใต้ร่มคันสีฟ้าสดใสนั้นแทบจะมีพื้นที่กว้างพอให้คนอีกสองคนเข้ามาเพราะร่างสูงกอดเอวบางเอาไว้แนบแน่นเสียจนใบหน้าหล่อติดจะน่ารักของเจ้าของเอวบางนั้นเริ่มมีริ้วแดงระเรื่อประดับบนใบหน้านั้น คนตัวบางกว่าเริ่มกัดริมฝีปากเรียวนิ่มนั้นจนมือหนาข้างที่จับด้ามร่มนั้นต้องยกคันร่มให้สูงขึ้นอีกนิดเพื่อที่ให้ระดับมือนั้นอยู่ขนานกับระดับริมฝีปากนิ่มนั้นก่อนจะค่อยๆคลึงริมฝีปากนั้นให้คลายออกจากกรอบฟันที่ขบเม้มริมฝีปากจนเป็นรอยช้ำ
“ กัดปากอีกแล้วนะ ชเวซึงชอล ”
“ ก็แล้วจะทำไมล่ะ ? เป็นห่วงมันรึไง ? ” ซึงชอลเงยหน้าเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะคนตัวโตกว่า
“ ใช่ ... เป็นห่วงมันมาก ... แล้วก็หวงมันมากด้วย ”
” ... ”
“ หวงมากจนไม่อยากให้ใครสัมผัสมัน ... นอกจากพี่คนเดียว ”
ร่างสูงยิ้มให้คนตัวเล็กกว่าที่เริ่มส่งสายตาค้อนใส่อย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะชกหน้าเขาทันทีหลังส่งสายตาค้อนเสร็จ หรือจะเตะผ่าหมากเขาจนจุก เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมด เขาก็พูดออกไปด้วยความสัตย์จริงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเมื่อนานมาแล้วจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกของชิมยูซางคนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“ งั้นเหรอ ? ”
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรและก็รู้ด้วยว่าจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังคิดกับเขาเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน แต่จะยอมโอนอ่อนง่ายๆมันก็ไม่ใช่ชเวซึงชอลเสียน่ะสิ่ มันต้องมีให้ทรมานจิตทรมานใจกันเสียบ้าง พอให้กรุบกริบหัวใจสักหน่อย
“ หืม ? ” ร่างสูงเลิกคิ้วเชิงถามอีกฝ่ายว่า ... หมายถึงอะไรที่พูดว่างั้นเหรอออกมา ?
“ ถ้าอย่างนั้น ... ”
ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปจับกรอบใบหน้าหล่อคมคายนั้นเต็มสองมือก่อนจะประทับริมฝีปากนิ่มนั้นลงบนริมฝีปากอุ่นหนานั้นเบาๆ ไม่มีการลุกล้ำใดๆทั้งสิ้น มีเพียงการประทับริมฝีปากเบาๆเพียงเท่านั้น มือหนาที่ยังคงจับด้ามร่มนั้นเริ่มกระชับจับด้ามให้แน่นมากขึ้น ดวงตาเรียวเบิกโตด้วยความตกใจก่อนจะค่อยๆหลุบตาลงรับสัมผัสนุ่มนวลที่คนตัวบางตรงหน้าเต็มใจมอบให้ ริมฝีปากนุ่มหยุ่นราวกับเยลลี่ยังลงประทับอยู่บนปากจนเสมือนว่าแทบจะละลายอยู่บนปากอย่างอ้อยอิ่งเสียอย่างนั้น บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบสงัดราวกับถูกหยุดมันไว้ ไม่ได้ยินเสียงใดๆแม้กระทั่งเสียงเม็ดฝนที่ยังคงตกกระหน่ำเช่นนั้น ริมฝีปากนุ่มนั้นค่อยๆผละออกพร้อมกับใบหน้าหล่อน่ารักที่ยังคงมีริ้วแดงระเรื่อประดับอยู่ ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกอยากจะดึงมากอดเสียให้แน่นจนแทบรวมร่างเข้าไปเสียจริงๆ
เพราะเขารู้ว่า ... เชวซึงชอลเป็นคนปากไม่ตรงกับใจยังไงล่ะ J
“ ... ก็ดูแลมันให้ดีๆก็แล้วกัน พี่ยูซาง ”
ร่างเล็กรีบผละออกจากวงแขนแกร่งนั้นแล้ววิ่งตากฝนออกไปตามเส้นทางที่จะต้องกลับบ้านทันที ร่างสูงยกยิ้มให้กับตัวเองในความกล้าแล้วก็บ้าบิ่นของคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะออกตัวถือร่มสีฟ้าสดใสคันสวยวิ่งตามคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยกกระเป๋านักเรียนขึ้นบังหัววิ่งแจ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเสียแล้ว
“ แล้วไม่เข้ามาอยู่ในร่มด้วยกันเหรอซึงชอล !? ”
“ อยู่ไปคนเดียวเหอะ ไอ่พี่บ้า !! ”
... จะว่าไปแล้ว บางทีฤดูฝนมันก็อาจจะดีอย่างนี้นี่เองสิ่นะ ...
END.
- 160505 -
สวัสดีตอนที่ห้าค่ะ
อย่าตกใจว่าทำไมเราอัพฟิคไว
อย่างที่บอกมันคือฟิครีอัพของเก่ามาลงใหม่ จัดหน้าให้ดูดีขึ้นเฉยๆแง
หลายคนคงไม่คุ้นคู่นี้เท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่ตามมาตั้งแต่เพลดิสบอยจะรู้นะคะว่าพี่ยูซางคือใครอิสอิส
มันคือฟิคชั่ววูบที่เมื่อก่อนเราอยากเห็นพี่ช่อนเคะกับเขาดูบ้างงี้เลยแต่งออกมา
ใครไม่ชอบไม่ว่ากันนะคะแง อย่าด่าเราแรงด้วยโน้ะะะ เราเซนซิทีฟนาจา
ภาษาอาจจะกากกิ๊กก๊อกไปหน่อยเพราะไม่ได้แก้คำพูดทั้งหมด แต่แค่เพิ่มลดคำนิดหน่อยแฮ่
เอาเป็นว่าขอขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านด้วยน้า อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก(ที่แปะไว้หน้าหลัก) #pnn17fic
หรือว่าจะเมนชั่นมาคุยก็ได้น้า ; w ;
เจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เป็นฟิคที่อ่านที่ไร ก็คิดว่าตะไมพช่อนน่ารักหยั่งงี้ ;;___;;
เกลียดฤดูฝนที่ทำให้เจอใครบางคน แต่ก็ชอบฤดูฝนที่ทำให้เจอใครบางคน ฮื่ออออ
เจ้าเด็กติดเกมส์ที่ไม่มีร่ม กับคุณพี่นศพ.ปีหนึ่งคนดีย์ อยากบอกกับเจ้ว่าแต่แบบมุ้งมิ้งบ่อยๆจิน่ายักมั่กกก ;-;
จะรอฟิคเรื่องต่อไปนะกั๊บฮื่อว