ตอนที่ 4 : - 04 : 바보야 | seungcheol x jihoon ft.doyoon 。
바보야 | SEUNGCHEOL x JIHOON ft. DOYOON
AU / pg – 15 / romantic
... 바보야 생각해봐
너에게 매일매일 전활하고
싱겁게 매일매일 안불 묻고
늦은 밤 항상 널 집 앞에 데려다 준 날
아직도 모르겠니
가끔씩 우연처럼 나타난 건
널 보며 바보처럼 웃었던 건
사랑한다는 말 못해서
널 위해 했었던 일
세상 다 눈치챈 일
너 혼자 몰랐던 일
너만이 모르는 일 ...
내 맘을 모르겠니 ?
เหตุผลงี่เง่าข้อที่หนึ่ง : อีจีฮุนเป็นคนขี้บ่น
“ จีฮุนอ่า ! ”
เป็นรอบที่ร้อยแล้วก็อาจจะเป็นไปได้ที่คนตัวเล็กกว่าอย่าง อีจีฮุน ได้ยินคำๆนี้มาทั้งวันจนหูจะแฉะ เพราะตั้งแต่สี่โมงเย็นจนถึงช่วงถ่ายรายการเซเว่นทีนทีวีแถมยังล่วงเลยมาถึงเวลาดึกประมาณห้าทุ่มคืนกว่า เสียงทุ้มของ ชเวซึงชอล ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเรียกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ อะไรอีกซึงชอล เรียกทั้งวันเมื่อยปากบ้างไหมเนี่ยหา ? ”
“ มาสอนฉันเล่นกีตาร์ทีดิ่ ทำไมมันเล่นยากอย่างนี้วะ ฉันอยากเล่นเป็นไวๆนะ ให้ตายเถอะ ”
คนตัวสูงกว่านั่งบ่นอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้ๆคือบ่นกับเครื่องดนตรีชนิดเครื่องดีดขนาดกลางพอดีกับมือและขนาดตัวอย่างกีตาร์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพลางดีสายขึ้นลงอย่างรุนแรง จนคนมองได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความรำคาญ
“ ฉันสอนไปตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงห้านาทีที่แล้วตั้งยี่สิบกว่ารอบนี่ยังไม่ได้อีกเหรอ ? ”
แม้ว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจดีว่ากว่าจะเล่นเครื่องดนตรีแต่ละชนิดได้คล่องและเก่งนั้นก็ต้องใช้เวลานานเพื่อฝึกฝนและฝึกเล่นจนชินไม้ชินมือ เพราะไม่มีใครคนไหนจะเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เว้นเสียแต่คนๆนั้นจะเป็นนักดนตรีระดับโลกอย่างเช่น บีโธเฟน หรือแม้แต่โมสาร์ทก็ตาม ขนาดนักดนตรีระดับโลก ตอนเด็กๆพวกเขาก็ยังต้องฝึกฝนอย่างหนักอยู่ดี
แต่คนตัวโตตรงหน้านั้น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าจะรีบเล่นให้เป็นไวๆไปเพื่ออะไร สอนไปเกือบทั้งวันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเล่นเป็น แม้ว่าจะให้พี่จีซูที่เชี่ยวชาญและมีฝีมือเรื่องการเล่นกีตาร์ก็แล้ว หรือแม้แต่ตัวเขาสอนเองก็แล้ว สอนไปได้สิบนาทีกำลังจะขึ้นคอร์ดใหม่ เจ้าตัวก็ลืมคอร์ดเก่าไปแล้ว กลับไปสอนคอร์ดเก่าก็ดันลืมคอร์ดใหม่ที่เพิ่งสอนไปก่อนหน้านี้อีก
... ได้หน้าลืมหลังจริงๆ ให้ตายสิ่ ...
“ ก็แล้วใครมันจะไปเล่นได้เก่งไวแบบนายล่ะ จะสอนฉันไหม ? ถ้าไม่สอนฉันจะเอากีตาร์ไปเผาแล้วนะ ! ”
ซึงชอลทำท่าว่าจะลุกขึ้นแล้วหยิบกีตาร์ที่วางนอนราบไว้แนบกับตัวเพื่อจะเดินไปหยิบไฟแช็คที่ห้องพักของสตาฟที่มีไว้สำหรับจุดเทียนเป่าเค้กวันเกิด แต่มือเล็กกลับรีบแย่งกีตาร์เครื่องสวยออกมาจากมือหนาด้วยความรวดเร็วพร้อมกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมส่งสายตาขวางให้อีกฝ่าย
ด้วยความที่รักในเครื่องดนตรีทุกชนิด รวมถึงเพราะจีฮุนเป็นคนประสาทอย่างหนึ่ง ชอบเข้าใจอยู่เสมอว่าเครื่องดนตรีทุกชนิดก็มีหัวใจ จึงทำให้เจ้าตัวมีนิสัยหวงข้าวของที่เป็นเครื่องดนตรีทุกชนิด เฉกเช่นเหตุการณ์ในตอนนี้
“ มีอย่างที่ไหน เล่นไม่เป็นแล้วยังมาพาลข้าวของคนอื่นอีก นิสัยไม่ดี ” ว่าไปอย่างนั้น แต่คนตัวเล็กก็หย่อนตัวนั่งลงกับพื้นห้องพร้อมดีดเช็คสายกีตาร์และที่บางเส้นหย่อนยานเกินไปและบางเส้นก็ตึงเปรี๊ยะเกินไปโดยฝีมือของคนตรงหน้าที่ไปนั่งหมุนลูกบิดเข้าออกเล่นจนเสียสมดุลให้กลับมาสมดุลดังเดิม พร้อมปรับเสียงกีตาร์ให้ตรงกับเครื่องจูนเนอร์ที่หนีบบริเวณต้นคอกีตาร์ระบุไว้
“ โหหห เจ๋งว่ะจีฮุน นายทำได้ไงเนี่ย สอนฉันบ้างสิ่ๆ ” ซึงชอลเอ่ยรัวใส่อีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น แต่ได้คำตอบกลับมาด้วยหางตาที่ตวัดขึ้นมามองอีกฝ่าย
“ ไม่ต้องมาพูดมาก นิสัยเสีย ชอบปรับอะไรไปเรื่อย ฉันต้องเสียเวลามาจูนเครื่องให้เข้าที่อีก มันใช่เรื่องไหมห้ะ ! ”
“ โห่ยย อย่าบ่นไปเลยหน่า คนเราจะเก่งได้มันต้องลองเล่นลองใช้ลองหยิบจับนั่นนี่โน่นดูสิ่ ” ซึงชอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แม้ว่าจะไม่เคยเบื่อเวลาคนตัวเล็กบ่นก็ตาม สำหรับคนตัวโตแล้วได้ฟังอีกคนบ่นมันกลับทำให้ดูตลกเสียด้วยซ้ำ
“ จะไม่บ่นได้ยังไง เล่นกีตาร์โปร่งยังไม่เป็นริจะมาดีดกีตาร์ไฟฟ้าเนี่ยนะ แถมไม่พอ นี่มันกีตาร์ของพี่จีซูนะ ฉันไม่มีปัญญาซื้อคืนให้พี่เขาหรอก แพงจะตาย นี่มัน Fender รุ่น Series Jeff Beck เชียวนะ ยี่ห้อ Fender ! ”
นิ้วเล็กชี้ไปยังส่วนหัวสีน้ำตาลครีมสว่างของกีตาร์ตัวเก่งสีฟ้าเขียวอ่อนมันเงาที่เขียนยี่ห้อไว้เด่นหราว่า FENDER STRATOCASTER® ให้อีกคนเห็น แต่ทว่าคิ้วหนากลับขมวดเป็นปมใหญ่ มองสลับกับใบหน้าน่ารักที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่อีกฝ่ายด้วยความงุนงง เนื่องจากชเวซึงชอลไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องดนตรีเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเครื่องดีดขนาดทุบหัวคนแตกอย่างกีตาร์ตัวนี้
“ แล้วมันยังไงอ่ะ ? แล้ว Fender มันทำไมอ่ะมันแพงมากเลยรึไง ? ”
“ตัวนี้พ่อของพี่จีซูเป็นคนซื้อให้ ค่าขนมนายทั้งปีทั้งชาติก็ซื้อไม่ได้หรอก ! ”
“ ... งั้นจะยอมให้ฉันใช้ตัวนั้นได้ไหมล่ะ ”
นิ้วหนาป้อมชี้ไปยังกีตาร์โปร่งตัวสวยที่วางพิงไว้กับผนังห้องสีเขียว ตัวอักษรยี่ห้อ Crafter ปรากฎอยู่บนหัวของกีตาร์แสดงให้เห็นอยู่ไกล จีฮุนหันหน้าไปตามที่นิ้วหนาชี้ไป ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างพร้อมหันหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดโทษอย่างหนัก มือเล็กเงื้อขึ้นมากำปั้นหมายจะชกไปหาอีกฝ่าย ซึงชอลได้แต่หัวเราะร่วนเมื่อเห็นอากัปกิริยาของจีฮุนเวลาโดนยืมของรักของหวงของเจ้าตัว คนตัวสูงรู้ดีว่ากีตาร์ตัวนั้นเป็นของใคร แต่ก็ยังจะลองดีให้อีกฝ่ายโมโห
... ก็แค่อยากยั่วโมโหคนตัวเล็ก เวลาโมโหแล้วน่ารักดี
“ นายกล้าดียังไงจะมาแตะ Crafter ของฉัน ! นั่นมันรุ่น Series Anniversary เชียวนะ ! ฉันไม่ให้เด็ดขาด เล่นของจีซูฮยองไปเลยไป ” ยื่นกีตาร์เครื่องสวยให้อีกฝ่ายทันทีเพราะกลัวว่าพี่ใหญ่ตัวแสบจะคืบคลานไปเอากีตาร์ตัวโปรดของเขามา
มือหนารับกีตาร์จากคนตัวเล็กมาอยู่ในมือ เพียงสัมผัสอันอบอุ่นที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีที่มือทั้งสองเผลอแตะกัน ก็เรียกริ้วแดงระเรื่อประดับบนใบหน้าน่ารักได้โดยไม่ยาก คนตัวสูงยกยิ้มใหญ่จนคนมองจำต้องรีบหาเรื่องคุยเพื่อแก้สถานการณ์ชวนขวยเขินเช่นนี้
“ ไหนลองดีดคอร์ดซีให้ฉันดูดิ้ ” จีฮุนนั่งกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยแววตาดูจริงจังกับการซ้อมราวกับว่าเขาเป็นเทรนเนอร์ให้พี่ใหญ่ประจำวง นิ้วหนาจับคอร์ดบนคอกีตาร์อย่างเงอะงะพร้อมดีดออกมาจนเสียงหลงและเพี้ยน คิ้วบางกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียคอร์ดที่เพี้ยนไม่เข้าหู
“ อะไรทำไมมันเพี้ยนแบบนี้เนี่ย ! จับคอร์ดอะไรของนายกันซึงชอล ? ”
“ เอ้า ! ก็คอร์ดซีไง แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ? ” ซึงชอลสาธิตให้คนตัวเล็กจอมโวยวายดูอีกครั้งด้วยความมั่นใจในคำตอบของตัวเอง
นิ้วชี้กดลงบนสาย 2 เฟร็ตที่ 1 ต่อด้วยนิ้วก้อยกดลงบนสาย 3 เฟร็ตที่ 3 ต่อนิ้วกลางกดลงบนสาย 4 เฟร็ตที่ 2 และนิ้วนางกดลงบนสาย 5 เฟร็ตที่ 3 พร้อมก้มหน้าก้มตาดีดสายกีตาร์ให้เกิดเสียงอีกครั้งหนึ่ง จนสุดท้ายรางวัลที่ได้กลับมาจากเทรนเนอร์อีจีฮุนคือมือเล็กฟาดลงไปยังมือหนาด้านซ้ายที่จับคอร์ดเสียยกใหญ่
“ มันใช่ที่ไหนเล่าซึงชอล ! นั่นมันซีเซเว่นต่างหาก ไม่ใช่ซี ! คอร์ดซีมันต้องแบบนี้ดิ่ ”
เทรนเนอร์อีงัดแงะนิ้วหนาออกจากคอร์ดให้หมดครบสี่นิ้วก่อนจะจัดให้นิ้วชี้กดลงบนสาย 2 เฟร็ตที่ 1 ต่อด้วยนิ้วกลางกดลงบนสาย 4 เฟร็ตที่ 2 และนิ้วนางกดลงบนสาย 5 เฟร็ตที่ 3 ใหม่ พยักเพยิดให้อีกฝ่ายลองดีดคอร์ดที่ตนจัดให้อีกครั้ง
“ แบบนี้แหละคอร์ดซี คอร์ดซีต้องเป็นเสียงแบบนี้เท่านั้น เมื่อกี้นอกจากนายจะจับคอร์ดผิด นายยังดีดเพี้ยนอีกนะ ! ”
“ อ๋อออออ คอร์ดนี้นี่เอง ให้ตายสิ่ คอร์ดมันเหมือนๆกันชะมัด ”
ซึงชอลทำเป็นเออออเหมือนเข้าใจแล้วให้จีฮุนเห็น ดวงตาเรียวเล็กหรี่มองด้วยความไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เผยให้เห็นรอยยิ้มแหยผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาของพี่ใหญ่ประจำวงทันที
“ แล้วนี่ทำไมอยากเล่นกีตาร์ให้เป็นไวๆ ฉันอยากรู้เหตุผลของนาย ”
จีฮุนเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจตั้งแต่วันที่ซึงชอลบากหน้ามาขอร้องให้เขาสอนเล่นกีตาร์โดยกำชับว่าต้องทำให้เจ้าตัวเล่นเป็นให้ไวที่สุด ไวมากเท่าไหร่ยิ่งดี ทำเอาพี่จีซูที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่ด้วยกันกับเขาถึงกับเหวอแล้วบอกอีกฝ่ายเป็นเชิงว่า
‘ กีตาร์นะ ไม่ใช่โดดหนังยาง มันจะเล่นเป็นได้ไวขนาดนั้นได้ยังไง ? ’
“ ก็ ... ฉันจะไปเล่นจีบใครบางคน ” รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอีกครั้งจนคนตัวเล็กที่มองอยู่ถึงกับเกิดความสงสัยกับคำตอบของอีกฝ่ายมากขึ้นไปกว่าเดิม
“ จะไปจีบใคร ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยอ่ะ ? ”
“ ฉันจะไปเล่นจีบคนขี้บ่นน่ะ ”
x.
เหตุผลงี่เง่าข้อที่สอง : อีจีฮุนเป็นคนซุ่มซ่าม
“ ยังไม่กลับอีกรึไงซึงชอล ? ” เพื่อนซี้วัยเดียวกันอย่าง จางโดยุน เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนมัวแต่ใช้เท้าเขี่ยพื้นหน้าประตูห้องซ้อมของสังกัด ยังไม่กลับหอพักไปเสียที
ทั้งๆที่เป็นคนบอกให้ทุกคนเลิกซ้อมเองเพราะอยากกลับบ้านก่อนแท้ๆแต่ตัวเองกลับจะกลับบ้านคนสุดท้ายเสียอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายไม่ยอมกลับนั้น เป็นเพราะว่ากำลังรอใครอยู่ก็ตาม แต่ด้วยความที่ไม่อยากเดินผ่านโดยที่ไม่ทักทายอีกฝ่ายก็เลยจำเป็นต้องทักออกไป
“ เมื่อกี้ตอนก่อนนายจะออกห้องซ้อม จีฮุนกำลังทำอะไรอยู่วะ ? ”
“ อื้อหืออออ เห็นหน้าเพื่อนแต่ถามหาอีกคน ... นายนี่มัน ! ” นิ้วเรียวสวยยกขึ้นดีดหน้าฝากเพื่อนซี้อย่างแรง มือหนารีบกุมหน้าผากบรรเทาความเจ็บปวดทันที
“ ย๊า ! นายทำร้ายร่างกายฉันทำไมเนี่ยห้ะ เจ็บนะเว่ย !! ”
“ ฉันหมั่นไส้แกเว่ย ไอ่บ้า ! ” โดยุนแหวใส่อีกคนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะโดนมือหนาเขกเข้าที่กลางหัวเบาๆสองที
“ ให้มันน้อยๆหน่อยโดยุน สรุปว่าตอนนี้จีฮุนทำอะไรอยู่ ? ” ซึงชอลเร่งเร้าให้อีกฝ่ายตอบคำถามมาไวๆ โดยุนที่ถูกเร่งให้ตอบคำถามได้แต่ทำเสียงหายใจฮึดฮัดใส่อีกฝ่าย
“ ซ้อมเต้นอยู่ จะห่วงออกนอกหน้านอกตาไปแล้วไหมซึงชอล ? ”
“ นายก็รู้ๆอยู่ ... ” พี่ใหญ่ของวงเอ่ยตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง สบกับแววตาไหววูบปนตัดพ้อของเพื่อนซี้ที่แสดงออกมาให้เขาเห็นอย่างชัดเจนเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังแค่สองคน
ไฉนเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนหน้าหวานคนตรงหน้านี้คิดกับเขาเช่นไร แต่เพราะไม่อยากจะทำลายความเป็นเพื่อนที่มีมาตลอดมากกว่าสามปี อีกทั้งเพราะตัวเขานั้นไม่ได้คิดกับอีกฝ่ายเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิทเลยเสียด้วยซ้ำ ต่างกับใครอีกคนที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับการซ้อมเต้น แม้ว่าซึงชอล โดยุน และจีฮุนจะเป็นเพื่อนกันมามากกว่าสามปีแล้ว แต่ความรู้สึกที่มีให้กับจีฮุนมันช่างแตกต่างจากความรู้สึกที่มีให้กับโดยุนไปโดยสิ้นเชิง
ลำเอียงเหรอ ? ก็อาจจะใช่ ..
มีหลายคนถามอยู่เสมอว่าทำไมไม่เป็นโดยุน ทำไมถึงเป็นจีฮุน ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะตอบได้ คงเป็นเพราะเคมีตรงกันเสียล่ะมั้ง หรืออาจะเป็นเพราะเฟิสท์อิมเพรสชันก็อาจจะเป็นไปได้ รู้เพียงแค่ว่าตัวเขาเองคิดกับจีฮุนเกินคำว่าเพื่อนไปตั้งนานเสียแล้วล่ะ เมื่อไหร่นั้นเขาเองก็ไม่อาจจะจำได้อีกเช่นกัน
“ ... ”
“ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้เลย โน่น วอนอูยืนรอนายอยู่โน่นแล้ว อย่าให้วอนอูรอนายนานเกินไป มันไม่ดี ”
ซึงชอลยกมือตบบ่าเล็กของอีกฝ่ายเบาๆ พยักเพยิดหน้าไปให้คนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลไปจากที่พวกเขายืนคุยกันอยู่มากนักอย่าง จอนวอนอู เดินมารับเพื่อนสนิทของเขาให้กลับหอไปเสีย เพราะเขาเองจะต้องยืนรอใครบางคนที่บ้าระห่ำไปกับการซ้อมจนดึกดื่นอยู่
เวลาได้ล่วงเลยมาจนนาฬิกาดิจิตอลเรือนสีดำที่ข้อมือหนาสวมอยู่นั้นบอกเวลาบนหน้าจอสีทึมๆว่าขณะนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าใครบางคนที่ซ้อมเต้นอย่างหนักนั้นจะออกมาเสียที ซึงชอลยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่งขนาดยาวที่วางอยู่ตรงหน้าตึกห้องซ้อมของสังกัดไม่ขยับไปไหน มือหนาถูกันไปมาเพื่อให้รู้สึกอบอุ่น เพราะเมื่อตอนตีหนึ่งกว่าๆจู่ๆหิมะเม็ดสีขาวสะอาดตาก็ตกลงมาอย่างไม่บอกกล่าวใดๆ ลืมร่มไว้ที่หอพักเพราะไม่คิดและคาดไม่ถึงว่าวันนี้หิมะจะตกลงมาเสียได้
“ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ? ” เสียงใสที่คนตัวสูงรอที่จะได้ยินมาตลอดสามชั่วโมงเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับนิ้วเล็กที่จิ้มไปยังต้นแขนแกร่งที่สวมเสื้อหนาวตัวโคร่งไว้อยู่เบาๆ
“ หือ ? ก็รอนายกลับบ้านด้วยกันไง ” ซึงชอลเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่สะกิดปลุกเขาหลังจากที่งีบไปได้ซักพักเล็กๆเท่านั้น โชคดีที่เจ้าตัวปลุก หากไม่ปลุกเขา ป่านนี้คงนอนคากองหิมะจนเป็นหวัดตายแน่ๆ
“ แล้วมานั่งหลับเนี่ยนะ ? ทำไมไม่กลับไปก่อน ฉันกลับกับซูนยองและชานได้ ”
จีฮุนเอ่ยถึงเพื่อนร่วมวงและแก๊งค์แดนซ์แมชชีนที่ชอบซ้อมเต้นให้เป๊ะและเพอร์เฟ็กต์สุดๆจนดึกดื่นด้วยกันเสมออย่าง ควอนซูนยอง และ อีชาน ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างหลังคนตัวเล็ก ทั้งสองยืนคุยอะไรก็สักอย่าง คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องท่าเต้น เพราะเห็นว่าเด็กน้อยวัยสิบสี่ปีทำไม้ทำมือเหมือนคิดท่าเต้นอะไรออก ส่วนรุ่นพี่ที่ยืนฟังอยู่ก็ได้แต่พยักหน้ารับความเห็นของน้อง
“ ไม่ล่ะ ฉันรอได้ ” ซึงชอลลุกยืนขึ้นเต็มความสูง จัดแจงเสื้อผ้าที่มีหิมะเกาะตามตัวให้ออกไป
“ เดี๋ยวก็เป็นหวัด ... ” คนตัวเล็กบ่นงุบงิบไม่ให้อีกคนได้ยิน ก้าวขาเดินนำหน้าพี่ใหญ่ของวงไปทันที
“ เฮ้ จีฮุน ! ฉันกับชานจะยังไม่กลับไปกับนายนะ ”
ซูนยองเอ่ยขึ้นเสียงดังหลังจากที่คนตัวเล็กเดินไปไม่ไกลมากนัก พอได้ยินว่าเพื่อนจะยังไม่กลับบ้านก็รีบหันหน้ามามองด้วยความสงสัย คิ้วบางขมวดปมอย่างที่ชอบทำเวลาที่สงสัยหรือไม่เข้าใจอะไร
“ ทำไมล่ะ ? นี่มันดึกแล้วนะ พวกนายจะไปไหนกัน ? ”
“ คือฉันกับชานว่าจะไปคุยกันเรื่องท่าเต้นที่มันแปลกๆเมื่อตอนเย็นที่เราซ้อมกันที่มินิมาร์ทตรงใกล้ๆตึกน่ะ แล้วจะรวดกินรามยอนกันด้วยอ่ะ เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วจะตามไปนะ ” ซูนยองและชานโบกมือให้คนตัวเล็ก และพากันวิ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังมินิมาร์ทขนาดย่อมที่ตั้งเด่นหราอยู่ข้างหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่หากเดินไปก็เหนื่อยเปล่า
“ จะกลับหอได้รึยังเนี่ย ” ซึงชอลเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งมองเพื่อนๆวิ่งไปที่มินิมาร์ทตรงหน้า
“ โอเคกลับหอกันเถอะ ” จีฮุนพยักหน้าเบาๆ หมุนร่างอวบหันหลังเพื่อจะเดินไปตามทางกลับหอพักของวง แต่ทว่า ..
หวืดดดดดดด
“ เห้ย !! ”
ไวกว่าความเร็วใดๆจะเปรียบ ท่อนแขนแกร่งรีบคว้าร่างเล็กที่กำลังเซล้มลงไปที่พื้นต่างระดับกับฟุตบาทเข้ามาในอ้อมกอดอุ่นทันที ร่างเล็กที่จมอยู่ในอ้อมอกแกร่งนั้นได้แต่เบิกตาโพลง มือเล็กกำชายเสื้อกันหนาวไว้แน่นด้วยความตกใจถึงขีดสุด เพราะถ้าหากพี่ใหญ่ไม่ช่วยเขาไว้ล่ะก็ ข้อเท้ามีหวังได้พลิกขึ้นมาแน่ๆ ว่าแล้วก็แทบจะใจหาย ถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่
เงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างช้าๆก็พบว่า ใบหน้าหล่อคมคายและแอบหวานนั้นก้มลงมองคนในอ้อมกอดอยู่จนปลายจมูกของทั้งคู่แทบจะชนกัน จีฮุนรีบก้มหน้า ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองให้ยืนทรงตัวเป็นปกติ
... ก็ไม่ได้อยากโกหกหรอกนะว่าได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามของอีกคนอยู่ ...
“ ขอบคุณมากนะ ”
“ ให้ตายเถอะ ซุ่มซ่ามจริงๆ นี่ถ้าฉันไม่อยู่ นายคงได้คลานกลับหอแล้วเนี่ย ”
ซึงชอลเอ็ดใส่อีกคนที่ตอนนี้ก้มหน้าสำนึกผิดเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เพราะตัวเองไมได้ดูเลยว่า ณ จุดที่ยืนอยู่นั้นเป็นพื้นต่างระดับ แถมยังซ่าส์หมุนตัวอีกต่างหาก
“ ขอโทษ .. ”
“ ช่างมันเถอะ กลับหอกัน ”
ว่าจบก็หมุนตัวหันหลังเดินกลับหอโดยมีคนตัวเล็กกว่าวิ่งตาม แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับการเดินกลับหอพัก เมื่อมืออวบเล็กกำลังดึงรั้งพี่ใหญ่ของวงไว้ คนถูกดึงก็หันหน้าไปมองต้นแรงที่ดึงเขาอยู่ ก่อนจะได้พบว่า จีฮุนกำลังเขย่งตัวเอาให้สูงขึ้นจากปกติ มือเล็กแสนนุ่มนิ่มนั้นพยายามปัดอะไรบางอย่างที่อยู่บนกลุ่มผมสีดำสนิทของซึงชอล อากัปกิริยานี้กลับทำให้คนตัวโตได้แต่มองหน้าสงสัย ภายในหัวใจนั้นเต้นโครมครามเสียยิ่งกว่าตีกลองชุดรัวๆ
“ หิมะติดผมน่ะ ต้องปัดออก เดี๋ยวเป็นหวัดเอา ”
ว่าแล้วคนตัวเล็กก็รีบออกตัววิ่งหนีไปทันที แต่ก็ต้องร้องเสียงจ๊ากดังลั่นถนนเมื่อเจ้าตัวเผลอวิ่งเข้าไปชนกับเสาขนาดเล็กที่มีไว้กั้นเพื่อที่รถจะได้ไม่พุ่งเข้ามาจอดบนฟุตบาท ร่างสูงได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความระอาก่อนจะรีบๆเดินไปที่ที่คนตัวเล็กนั่งจุมปุ๊กกุมหัวเข่าตัวเองแทบจะนอนดิ้นนั้นทันที
“ อีจีฮุน ทำไมนายถึงซุ่มซ่ามแบบนี้เนี่ยหา ? ”
“ ไม่ต้องมาตอกย้ำ ชเวซึงชอล ไอ่บ้า ! ”
“ ซุ่มซ่ามตลอดเลยนะนาย ” ซึงชอลโคลงหัวไปมาล้อเลียนคนตัวเล็กที่ตอนนี้ตวัดสายตาขวางขึ้นมามอง
“ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่ามันมีไอ่เสาเหล็กบ้านี่น่ะ ถ้าไม่ช่วยก็ถอยไปไกลๆเลย ... โอ้ยยยยยยย !! ”
จีฮุนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด คนตัวหนาไม่ได้พูดอะไรมากเพียงแต่ช้อนร่างอวบนั้นขึ้นมาราวกับว่าเป็นท่าเจ้าบ่าวกำลังอุ้มเจ้าสาวเพื่อส่งเข้าห้องหอเสียอย่างไรอย่างนั้น พร้อมเดินกลับหอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จีฮุนที่ถูกอุ้มนั้นมองเสี้ยวใบหน้าหล่อนั้นสลับกับแผ่นอกแกร่งที่ตนกำลังพิงอยู่ ก่อนจะเสมองออกไปมองถนนที่อยู่ขนาบทางด้านซ้ายเหมือนว่าไม่มีอะไรจะดูแล้ว แต่แล้วดวงตาเรียวคมชั้นเดียวนั้นก็ต้องเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคบางอย่างที่คนตัวโตแอบพูดอยู่คนเดียวไม่อยากให้คนตัวเล็กได้ยินแต่
... เจ้าตัวดันได้ยินเต็มสองหูอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ .. นี่ฉันชอบคนซุ่มซ่ามอย่างนายลงไปได้ยังไงนะ ? ”
“ ห้ะ ! นายว่าอะไรนะ ? ”
“ เปล่า ”
x.
เหตุผลงี่เง่าข้อที่สาม : อีจีฮุนเป็นคนน่ารักแต่(แกล้ง)ซื่อบื้อ
“ เอาไงดีเนี่ยซอกมิน พี่ซึงชอลนอนป่วยไข้ขึ้นแบบนี้แล้วใครจะเฝ้าพี่เขาอ่ะ ”
เด็กน้อยสมญานามว่า เชจูบอย อย่าง บูซึงกวาน งอแงใส่เพื่อนซี้ต่างวัยอย่าง อีซอกมิน จนหูชา คนถูกบังคับให้ทนฟังเริ่มจะทนไม่ไหวจึงต้องใช้นิ้วเกี่ยวคอเสื้อยืดสีเหลืองของเด็กน้อยพร้อมลากคอออกไปจากห้องนอนของพี่ใหญ่เพราะไม่อยากให้เสียงของซึงกวานไปรบกวนการพักผ่อนของรุ่นพี่
“ ให้พี่ซูนยองเฝ้าพี่ซึงชอลก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องโวยวายเลยนี่ซึงกวาน ”
“ ไม่ได้นะ ! ฉันอยากให้พี่ซูนยองสอนฉันเต้น ” ซึงกวานยังคงงอแงเสียงดัง
“ งั้นก็ให้มินกยูเฝ้าสิ่ ”
“ ไม่ได้นะ ! พี่มินกยูต้องไปซ้อมแร๊ป พี่เขายิ่งต้องการเวลาฝึกฝนเยอะด้วย ”
“ ก็แล้วจะเอาใครล่ะอย่างนั้นน่ะ คนนั้นก็ไม่ได้ คนนี้ก็ไม่ยอม ”
ซอกมินเอ่ยถามด้วยความเอือมระอาและคำตอบที่ได้กลับมาคือเสียงงอแงดังลั่นของเมนโวคอลอย่างซึงกวานจนพี่รองอย่างโดยุนที่เดินเข้ามาในห้องโถงเนื่องจากได้ยินเสียงงอแง พอพบต้นตอแล้วก็รีบเดินเข้ามาในวงสนทนาทันที
“ เกิดอะไรขึ้น ซอกมิน ซึงกวาน ? ”
“ พี่โดยุน ทำไงดีอ่ะ พี่ซึงชอลป่วยไข้ขึ้นสูงมากเลย แล้วพวกเราจะต้องไปซ้อมกันต่อนะพี่ ตอนนี้ไม่มีใครเฝ้าพี่ซึงชอลเลยอ่ะ จะทำอย่างไงดีอ่ะพี่ ”
“ หือ ? ซึงชอลป่วยเหรอ ? ป่วยได้ไงอ่ะ ? แล้วซึงชอลกินข้าวกินยารึยัง ? ” โดยุนเอ่ยถามคำถามรัวจนซอกมินได้แต่เกาหัวแกร่กๆเพราะมึนงงกับคำถาม ส่วนซึงกวานก็หยุดงอแงแต่กลับมาทำหน้าเหวอแทน
“ ดูพี่โดยุนจะเป็นห่วงพี่ซึงชอลมากเลยนะเนี่ย ” เสียงทุ้มของรุ่นน้องตัวสูงชะลูดอย่าง คิมมินกยู เอ่ยขึ้นมาขัดการตอบคำถามของซอกมินและซึงกวาน ใบหน้าหวานหันไปมองต้นเสียงทันที
“ ก็ต้องห่วงสิ่ หมอนี่มันชอบป่วยบ่อย แล้วเวลาป่วยก็ไม่ยอมบอกใครด้วย ฉันควรจะเฝ้าตาบ้านี่ดีไหมเนี่ย ? ”
“ ผมว่าพี่ไปซ้อมดีกว่านะพี่โดยุน แล้วให้พี่จีฮุนมาเฝ้าไข้พี่ซึงชอลแทน ” มินกยูเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากนัก รอยยิ้มที่คนมองรู้เหตุผลว่าทำไมเจ้าตัวถึงเลี่ยงไม่ให้ตนเฝ้าอีกฝ่ายที่นอนซมไข้อยู่ในห้องนั้น
“ เอ้าทำไมอ่ะมินกยู พี่ซึงชอลป่วยก็ให้พี่โดยุนเฝ้าก็ถูกแล้วนี่ ? พี่เขาสนิทกันแกก็ยังจะแยกพี่เขาอีกนะ ” ซอกมินเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่กลับโดนมือใหญ่ของมินกยูผลักหัวจนแทบเซ
“ ก็ลองถามพี่โดยุนดูสิ่ พี่เขารู้เหตุผลดี จริงไหมครับ ? ”
ว่าจบก็ลากตัวซึงกวานให้เดินออกไปจากห้องโถงเพื่อไปซ้อมด้วยกัน ส่วนซอกมินที่ถูกปล่อยให้อยู่รอฟังคำตอบจากโดยุนนั้นได้แต่เกาศีรษะด้วยความงุนงงก่อนจะวิ่งตามซึงกวานและมินกยูทันที ทิ้งให้รุ่นพี่หน้าหวานได้แต่ถอนหายใจเบาๆแล้วเดินตามไปสมทบกับน้องๆเพื่อไปซ้อมที่ห้องซ้อมของสังกัด
แม้แต่น้องๆก็ยังรู้สิ่นะว่าพี่ใหญ่ของวงรู้สึกอย่างไรกับเพื่อนที่สนิทมาด้วยกันกับเขาและอีกคน
เขาก็คงไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปแทนที่ใครอีกคนในใจได้แล้วล่ะ ...
“ หิวน้ำ ... ”
เสียงทุ้มแหบพร่าเพราะอาการของโรคไข้หวัดหลังจากที่คืนก่อนดันไปทำเท่ตากหิมะเพื่อนั่งรอคนตัวเล็กประจำวงที่มัวแต่บ้าระห่ำกับการซ้อมเต้นเสียดึกดื่นเอ่ยขึ้น พลางยื่นมือหนาออกจากผ้าห่มผืนหนาและอุ่นนั้นเพื่อคว้าแก้วน้ำที่คาดว่าน่าจะวางอยู่บนหัวนอนทั้งๆที่ไม่ได้ลืมตาเลยแม้แต่น้อย
แต่แล้วริมฝีปากอุ่นสัมผัสได้ถึงความเย็นของพลาสติกที่มีลักษณะเป็นหลอดจ่ออยู่ใกล้ริมฝีปาก ริมฝีปากหนางับหลอดสีขาวนั้นพร้อมดูดของเหลวสีใสที่บรรจุอยู่เต็มแก้วนั้นทันที เมื่อดื่มน้ำตามความต้องการของตนเสร็จแล้ว ดวงตากลมคมที่ถูกเปลือกตาสีมุกปกปิดไว้อยู่นั้นก็ค่อยๆลืมตาเพื่อมองไปรอบๆห้องขนาดสี่เหลี่ยมสีขาวที่ขณะนี้แสงสว่างจากภายนอกห้องสาดส่องเข้ามากระทบกับผนังห้องจนขาวสว่างแสบตา ดวงตากลมคมคู่นั้นค่อยๆหันกลับมามองว่าคนที่ป้อนน้ำให้เขาเมื่อสักครู่นั้นเป็นใคร ก็พบว่า ...
“ ว่าแต่ฉันซุ่มซ่าม นายมันก็ดื้อมากนั่นแหละ ชเวซึงชอล ”
“ แค่กๆ ... ”
ดวงหน้าแสนน่ารักของเมนโวคอลที่ควบคู่กับตำแหน่งแดนซ์แมชชีนมองมายังคนป่วยที่ตอนนี้นอนซมอยู่ในกองผ้าห่มด้วยแววตาคาดโทษ มือขาวอวบแสนนุ่มนิ่มนั้นยกขึ้นมาดีดที่หน้าผากมนของคนตัวโตกว่าเบาๆเป็นการลงโทษ ก่อนจะผละมือของตนออกมาแต่ก็ยังช้ากว่ามือหนาคว้าจับไว้แน่น หลับตาพริ้มพร้อมนำมือนุ่มนิ่มนั้นมาแนบเข้ากับใบหน้าที่ร้อนผ่านด้วยพิษไข้ของตนจนเจ้าของตกใจ
“ นายตัวร้อนเกินไปแล้วซึงชอล ! กินข้าวรึยัง ? แล้วยาล่ะ ? แล้วได้เช็ดตัวแล้วรึยังเนี่ย ? ”
“ แค่กๆ ... ใจเย็นๆก่อนสิ่จีฮุน .. ค่อยๆถามก็ได้ แค่ก ! ”
ซึงชอลเอ่ยปรามอีกคนปนเสียงไอค่อกแค่ก เจ้าตัวรีบผละออกจากมือนิ่มนั้นแล้วยกผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาปิดปากเพื่อไอในผ้าห่มผืนหนานั้น
“ นายกินข้าวรึยังซึงชอล ? ” จีฮุนรีบเอ่ยถามอีกคนทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะหากคนตัวโตยังไม่ได้ทานข้าวเช้า เขาก็จะได้ไปเอาซุปสาหร่ายกับข้าวสวยที่จวิ้นฮุยทำไว้เมื่อเช้าไปอุ่นแล้วนำมาให้อีกคนทานเสีย
“ จวิ้นฮุยเอามาให้ฉันกินเมื่อเช้าแล้ว ” พี่ใหญ่เอ่ยตอบคนตัวเล็ก กระแอมเสียงเพื่อกลั้นเสียงไอ มือหนาหยิบแก้วน้ำที่วางบนหัวเตียงขึ้นมาจิบก่อนจะวางไว้ที่เดิม
“ แล้วยาล่ะ ? ” คำตอบที่ได้กลับมาคือการส่ายหน้าไปมาของพี่ใหญ่จอมดื้อของวงที่มาพร้อมกับเสียงไอค่อกแค่กเสียยกใหญ่
ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พร้อมบ่นพึมพำเหมือนตำหนิเจ้าคนดื้อ ร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่วางไว้ข้างเตียง ก้าวเท้าวิ่งไปหยิบขวดยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ และยาละลายเสมหะที่วางเด่นหราอยู่ในตู้ยาสามัญประจำบ้านในห้องโถงของหอพัก แล้ววิ่งกลับมาเพื่อนำยามาให้อีกฝ่ายได้ทาน จีฮุนหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้อีกครั้ง มือนิ่มหมุนเปิดฝาขวดยา เขย่าให้ยาเม็ดเหล่านั้นออกมาประมาณสามสี่เม็ดแล้วยื่นให้คนตรงหน้าที่นั่งอิงหมอนที่ตั้งไว้เป็นแนวตั้งกับหัวเตียง ร่างสูงมองใบหน้าน่ารักที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงสลับกับยาเม็ดสีจืดชืดไปมาด้วยความงุนงง
“ อะไรอ่ะ ? ”
“ ยาลดไข้สองเม็ด ยาแก้อักเสบหนึ่งเม็ด ยาละลายเสมหะอีกหนึ่งเม็ด กินซะ ”
“ ไม่เอาอ่ะ ” ซึงชอลส่ายหัวไปมา คิ้วบางขมวดเป็นปมพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆถามคนป่วยสุดดื้อที่ดื้อไม่ยอมกินยาที่เขาจัดแจงให้
“ ทำไมนายไม่กิน ? แล้วจะหายไหม ? ”
“ อยากให้หายไวๆ นายก็ป้อนฉันดิ่ ”
ยักคิ้วหนาขึ้นลงด้วยความกวนประสาทอีกฝ่าย พลางสบตามองดวงหน้าขาวน่ารักที่บัดนี้ริ้วแดงระเรื่อเริ่มประดับบนใบหน้าแสดงถึงความเขินอาย ริมฝีปากเล็กถูกเจ้าของขบเม้มเบาๆอย่างคนกำลังชั่งใจตน ดวงตาเรียวหลุบลงราวกับว่าหากมองใบหน้าคนดื้อที่นอนทำท่ากวนประสารทต่อไปเรื่อยๆล่ะก็ มีหวังชีวิตทั้งหมดตลอดอายุสิบเจ็ดปีของเขาต้องพังทลายลงแน่ๆ
“ … ”
“ ไม่ป้อนใช่ไหม ? ”
“ ... ”
“ แค่กๆ ... ”
“ ... ”
“ นายเป็นคนทำให้ฉันป่วยแท้ๆ ... แค่กๆ ... ให้ตายสิ่ ... ”
“ ย๊า ! ก็แล้วใครบอกให้รอเล่า ! ” จีฮุนแหวใส่อีกฝ่าย เพราะเขาไม่ได้ผิดอะไร แถมไม่ได้เป็นคนบอกให้รอ คนป่วยเองต่างหากที่มานั่งรอเขา ก็ไม่ได้ขอให้รอแล้วจะรอทำไม ก็ช่วยไม่ได้ ...
“ งั้นช่างมันเถอะ ถ้าไม่ป้อน งั้นฉันนอนแล้วนะ ... อุ้บ !! ”
ทำท่าราวกับว่าจะนอนหลับอย่างที่พูดไว้ แต่ไม่ทันไร ยาเม็ดสีจืดชืดจำนวนสามสี่เม็ดที่ถูกบรรจงเรียงอยู่บนมือขาวนิ่มนั้นก็ถูกส่งเข้าไปในโพรงปากของเจ้าของ มือเล็กรีบคว้าแขนแกร่งของคนป่วยเพื่อรั้งให้ใบหน้าหล่อคมคายนั้นเข้าใกล้กับใบหน้าของตน หลับตาลงแล้วค่อยๆบรรจงประทับริมฝีปากนิ่มลงบนริมฝีปากอุ่นเพราะความร้อนของไข้ด้วยความไม่ประสีประสาทันที คนตัวโตยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาประคองใบหน้าน่ารักไว้เพื่อให้เข้ากับองศาริมฝีปากที่กำลังจูบกับอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างนั้นพยายามรวบเอวอวบนั้นพร้อมใช้แรงยกขึ้นเพื่ออุ้มร่างเล็กนั้นขึ้นมานั่งบนตักของตน
โพรงปากของคนตัวบางตรงหน้าถูกเปิดออกมาพร้อมกับลิ้นหนาที่ส่งเข้าไปกวาดเม็ดยาสามสี่เม็ดนั้นเข้ามาในโพรงปากของตน เมื่อได้ทุนคืนแล้วก็ต้องกอบโกยกำไรที่ไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ลิ้นหนาส่งเข้าไปกวาดแกว่งลิ้มรสหวานภายในโพลงปากเล็กนั้นอย่างกระหาย เสียงครางอืออึงด้วยขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ มือเล็กกำบ่าแกร่งของอีกฝ่ายไว้แน่นสลับคลายมือออกจนคนตัวสูงพึงพอใจจึงใจดียอมหยุดการกระทำแสนละมุนนี้ด้วยการขบเม้มริมฝีปากบางเบาๆ ผละออกมาแล้วจูบลงอย่างแผ่วเบาอีกครั้งแล้วผละออกจากริมฝีปากบางหวานนั้นอย่างถาวร ดวงตากลมคมสบตากับดวงตาเรียวที่ตอนนี้ภายในแววตานั้นสั่นคลอนไปด้วยหลากหลายความรู้สึก
“ น ... นาย ... ซึงชอล ! ”
“ ว่าไง ? ” คนป่วยสุดแสบยิ้มแผล่ออกมายิ่งทำให้คนตัวเล็กกำมือแน่นด้วยความโมโหปนเขินอาย
“ ถ้าฉันเป็นหวัดอีกคนขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบ ... ” เอ่ยวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเนื่องจากยังไม่สร่างกับความขวยเขินที่มีต่ออีกฝ่าย ก่อนทั้งร่างจะจมเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ใหญ่ร่างแกร่งของวง
“ ยอมรับผิดชอบทั้งชีวิตเลยก็ยังได้ครับ ”
“ หมายความว่าไง ? ”
จีฮุนเหลือบมองคนที่มองอ้อมกอดให้ตนด้วยความสงสัย ก็พบกับรอยยิ้มที่หาไม่ได้ง่ายๆจากคนตัวโตนั้น ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อสีสดเจ้ากรรมดันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะปกติเข้าไปอีก แววตาของคนตรงหน้าแสดงออกมาให้คนตัวเล็กทราบว่าคนตรงหน้านั้นกำลังจะพูดเรื่องจริงที่เขาควรจะเชื่อ
“ นี่นายไม่รู้ใจฉันเลยจริงๆเหรอ จีฮุนอ่า ? ”
“ หือ ? รู้อะไร ? ”
“ โธ่ เจ้าเด็กบ๊อง ... ฉันชอบนาย อีจีฮุน .. ฉันชอบนาย ”
ใบหน้าน่ารักเริ่มเกิดอาการเหวอจนพูดไม่ออก ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าคนที่ซึงชอลพูดถึงว่าชอบมากจนอยากจะจีบเสียหนักหนานั้นจะเป็นตนไปได้ หากแต่ภายในใจจีฮุนคิดอยู่เสมอว่าคนตัวโตตรงหน้าจะแอบชอบเพื่อนซี้ของพวกเขาอย่างโดยุนเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะความเหมาะสมและความสนิทสนมที่มีมานาน จึงไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองที่อีกฝ่ายจะแอบชอบได้
“ โกหกหน่า ... ”
“ ก็แล้วจะโกหกนายไปเพื่ออะไรเล่า หา ? ” มือหนากำปั้นพร้อมเขกบนหัวกลมที่มีกลุ่มผมนิ่มปกคลุมอยู่จนเจ้าตัวร้องเสียงหลงเพราะแรงกำปั้นของคนตัวโตกว่าดันมาสร้างความเจ็บปวดกลางหัวเสียนี่
“ ก็แล้วคนที่นายบอกว่าจะไปเล่นกีตาร์จีบเขา ... ? ”
“ ฉันจะเล่นจีบนายไง แต่แม่งมันเล่นยากไม่อยากเล่นแล้ว เจ็บมือเปล่า ” ซึงชอลบ่นกระปอดกระแปดเมื่ออีกคนเอ่ยเรื่องกีตาร์ให้ตนได้ยิน ได้ยินแล้วก็คับแค้นใจกับเครื่องดนตรีงอกง่อยยุ่งยากนั่น นิ้วหนายกขึ้นถูกจมูกไปมาเบาๆ
“ แล้วจะให้ฉันสอนตั้งแต่แรกทำไม ? ”
“ ก็แค่ ... อยากจับมือนาย ”
ว่าแล้วมือหนาก็เลื่อนมากุมมือเล็กทั้งสองข้างนั้นไว้ กระชับแน่นให้ถนัดมือ จีฮุนได้แต่มองมือนิ่มที่ถูกอีกฝ่ายกุมไว้จนร้อน ก่อนจะหลุบตาเสมองไปอีกทาง เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายนั้น
“ ... ไอ่บ้า ”
“ แต่ไม่คิดนะว่านายจะป้อนยาฉันจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงบีบปากกรอกยาเข้าไปแล้วเนี่ย ” ซึงชอลเอ่ยแกมหัวเราะ พลางยีกลุ่มผมนิ่มของจีฮุนไปมา
“ ... ก็ยกเว้นโดยุนคนนึงล่ะนะ ”
ใบหน้าน่ารักมุ่ยหน้าลงพลางเอ่ยพึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนป่วยจะได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าหล่อโน้มเข้าไปใกล้ จุดรอยยิ้มบนมุมริมฝีปากก่อนจะยกมือหนาขึ้นมาประคองใบหน้าน่ารักนั้นเต็มสองมือเพื่อที่ว่าอีกฝ่ายจะได้มองเขาเต็มสองตา
“ หึงเหรอ ? ”
“ หึงบ้าอะไรล่ะ ? มั่วชะมัดเถอะ ”
ดวงตาเรียวจ้องอีกฝ่ายเขม็งพร้อมทำท่าจะคาดโทษอีกครั้ง ริมฝีปากหนาเลื่อนไปบรรจงจูบลงที่ปลายจมูกของอีกฝ่ายเบาๆ ร่างเล็กหลับตาลงรับสัมผัสจากอีกฝ่ายอย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย ก่อนที่ร่างสูงจะผละออกเพื่อจดจ้องดวงตาเรียวที่ ณ เวลานี้ได้ฉายแววตาที่เหมือนกันกับเขาแล้ว
“ ไม่ต้องหึงฉันหรอก กับโดยุนน่ะแค่เพื่อนกันจริงๆ นายก็น่าจะรู้ดี ”
“ รู้แล้วหน่า ... ”
“ พูดง่ายแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ” คนป่วยผละออกจากอีกฝ่ายเพื่อที่จะได้หนุนอิงหมอนนิ่มนั้น เพราะเขารู้สึกว่าตอนนี้ไข้คงขึ้นสูงอีกแล้ว แต่ก็แอบรู้สึกผิดที่เผลอทำเรื่องวาบหวามจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะติดไข้หวัดตามเขารึเปล่า
“ ฉันรู้มากกว่าที่ควรจะต้องรู้อีก ชเวซึงชอล ”
“ หืม หมายความว่าไง ? ”
“ นายก็น่าจะรู้ดีนะว่าทำไมฉันถึงยอมทำแบบนี้กับนาย ”
จีฮุนยกยิ้มน่ารักพร้อมโน้มใบหน้าเข้าไปประทับรอยจูบลงบนพวงแก้มกร้านของคนป่วยแล้วรีบผละออก แล้วออกตัววิ่งออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่ฟังเสียงตะโกนต้องการคำตอบจากคนป่วยเสียงแหบแห้งในห้องเลยแม้แต่น้อย
“ แค่กๆๆ ... ร้ายนักนะ บอกฉันมา อีจีฮุน !!! ”
“ ไม่บอก ! : P ”
END.
- 160505 -
สวัสดีตอนที่สี่ค่ะ
มันคือฟิครีอัพไม่ได้ติดลมที่ลงฟิคเมื่อตอนเย็น แต่เปิดๆมาเจอก็เล่นรีอัพเลยแล้วกัน
คู่พี่ช่อนกับจีฮุนนาจา มีความมุ้งมิ้งกลบฟิคดราม่าตอนที่แล้วแน่นอนพูดเลยยย
ภาษาอาจจะกากกิ๊กก๊อกไปหน่อยเพราะไม่ได้แก้คำพูดทั้งหมด แต่แค่เพิ่มลดคำนิดหน่อยแฮ่
เอาเป็นว่าขอขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านด้วยน้า อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก(ที่แปะไว้หน้าหลัก) #pnn17fic
หรือว่าจะเมนชั่นมาคุยก็ได้น้า ; w ;
เจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชเวซึงชอลคนขี้ฉวยโอกาส55555555555555 มีความผีทะเลสูง กับอีจีฮุนคนเกือบซื่อที่รู้มันทุกอย่าง55555555555555555 อ่านแล้วคิดถึงพี่โดยุนเลยค่ะ ;______; สู้ๆนะคะ ^^