ตอนที่ 28 : - 28 : camomile tea & me | hansol x seungkwan。
CAMOMILE TEA & ME | HANSOL x SEUNGKWAN
AU / pg – 15 / romantic
ถ้าหากคุณนอนไม่หลับ คุณจะจัดการกับอาการเหล่านี้ด้วยวิธีใด ...
“ เลขาชเวครับ ”
ใบหน้าหล่อตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งของ ชเวฮันโซล เงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มต่ำเอ่ยดังขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ยังคงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อคนเรียกเขาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเจ้านายอย่าง คิมมินกยู ที่มาพร้อมแฟ้มเอกสารหน้าตาคล้ายๆว่าจะเป็นเอกสารที่เขาเอาไปวางตั้งแต่เช้า
“ ครับคุณมินกยู ? ”
“ คุณหนูบอกว่าให้เอาเอกสารพวกนี้มาให้คุณครับ ”
“ อ๋อ ต้องรบกวนคุณให้ช่วยหอบมาอีกแล้ว วันหลังเดี๋ยวผมเข้าไปหยิบเองก็ได้ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณกลับบ้านกี่โมงเหรอครับ พอดีคุณหนูฝากบอกว่าประชุมเสร็จแล้วคุณหนูจะขอตัวกลับบ้านเลย ”
“ ผมคงกลับเวลาเลิกงานเหมือนเดิมแหละครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งท่านประธานอีกทีนะ ” ฮันโซลตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอย่างสุภาพ แม้ว่าทั้งเขาและมินกยู จะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยจะต่างกันเสียเท่าไหร่ แต่ความสุขภาพของเขามักมีให้สำหรับทุกคนเสมอ
ก็พอจะมองออกอยู่หรอกว่า เจ้านายตัวเล็กของพวกเขาไม่ค่อยจะถูกกับสังคมที่มีแต่คนวัยปลายกลางคนเข้าสู่วัยชราเท่าไหร่ ยิ่งอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่นไฟแรงขนาดนี้ เป็นไปได้ยากที่จะปรับทัศนคติให้ล้าหลังเท่า แต่ก็นับว่า อีจีฮุน เป็นคนเก่งพอสมควรที่ทำมันได้จริงๆ เพราะเป็นแบบนี้ ชเวฮันโซลถึงนับถือในความสามารถและนิสัยของเจ้านายของเขามากจนถ้ามีอะไรที่ทำให้ได้ก็พร้อมจะทำให้
ชเวฮันโซลทำงานในตำแหน่งเลขานุการของอีจีฮุนมาร่วมสองปี และจะยังคงเป็นแบบนั้นตราบเท่าที่เจ้านายของเขาจะไม่ไล่ออก
“ ขอบคุณครับคุณเลขา ”
“ เรียกผมฮันโซลเฉยๆก็ได้ครับ ”
“ โอเคครับ คุณฮันโซล งั้นผมขอตั— ”
“ เอ่อ คุณมินกยูครับ ” ไม่ทันที่มินกยูจะเดินละจากโต๊ะทำงานของเลขาหนุ่ม เสียงของเจ้าของโต๊ะกลับเรียกรั้งเอาไว้ ทำให้มินกยูต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“ ครับ ? ”
“ อ่า ... คือผมไม่รู้ว่า ถ้าผมถามอะไรคุณ มันจะเป็นการรบกวนรึเปล่านะครับ ” มือหนายกขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเขินอาย และนั่นกลับยิ่งทำให้คนถูกถามเกิดอาการสงสัยขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้ใจร้อนเอ่ยเร่งเร้าให้อีกฝ่ายบอกแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น คิมมินกยูกลับยกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคำถามที่ส่งมาอาจจะเล่นงานให้เขาแทบหงายหลังก็เป็นได้
“ ถ้าผมตอบได้ผมก็จะตอบให้นะครับ ลองถามมาก่อนก็ได้ ”
“ คือ .. ”
“ … ”
“ คือผมเห็นว่าคุณทำอาหารเก่งน่ะครับ ก็เลยคิดว่าคงจะพอรู้เรื่องอาหารอะไรพวกนี้บ้าง ”
“ อ๋า คุณฮันโซลจะทำอาหารเหรอ ”
“ ป .. เปล่าหรอกครับ ผมทำอาหารไม่เก่งเท่าไหร่น่ะ แต่คือช่วงนี้มีคนหนึ่งเขานอนไม่ค่อยหลับ เขามาปรึกษาผมหลายครั้งแล้ว ผมอยากช่วยเขาแต่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้ ก็เลยอยากได้คำแน— ”
“ ดูคุณเป็นห่วงเขาจังเลยนะ ” มินกยูส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้คุณเลขาหน้าหล่อที่แสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยคนในบทสนทนาจนชัดเจน นัยน์ตากลมโตที่เสมองด้านข้างไปมาช้อนมองคนตัวสูงด้วยแววตางุนงง
“ ครับ ? ”
“ คงเป็นคนสำคัญของคุณแน่ๆ ”
“ อ่า ก็ ... ” ฮันโซลได้แต่ยกยิ้มแห้งส่งไปให้ มินกยูเองก็พอจะเดาได้ถึงสถานะความสัมพันธ์นั้น แต่ก็ไม่ได้เลือกที่จะต่อความยาวสาวความยืดอะไรเพิ่มเติม
“ ฮ่ะๆๆ ลองชงชาคาโมมายล์ให้เขาดื่มดูสิครับ ผมว่ามันน่าจะช่วยให้เขานอนหลับได้ง่ายมากขึ้นนะ ”
“ ชาคาโมมายล์ ? ”
“ ใช่ครับ เอ .. ผมคิดว่าพี่ชายคุณน่าจะมีชาพวกนี้อยู่นะ ลองไปปรึกษาเขาดูสิครับ เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยแม่นมากเท่าพี่ชายคุณซะด้วยสิ ”
“ อ่า ขอบคุณมากนะครับคุณมินกยู ”
“ ด้วยความยินดีครับ ”
หลังจากที่บอดี้การ์ดร่างใหญ่เดินจากไป ใบหน้าหล่อสไตล์ลูกครึ่งก็หันไปให้ความสนใจกับจอคอมพิวเตอร์ที่ฉายภาพข้อมูลเอกสารอยู่เต็มจอ ปลายนิ้วจรดแตะลงบนแป้นคีย์บอร์ดสีดำสนิทพิมพ์ข้อความจนเกิดเสียงก๊อกแก๊กไม่ต่างอะไรกับที่พวกพนักงานชั้นด้านล่างทำ อันที่จริงเลขานุการอย่างเขาแทบไม่ต้องแตะคอมพิวเตอร์เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะงานบนจอคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้เป็นสิ่งที่จะต้องส่งไปให้เจ้านายของเขา มันคือเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องที่จะต้องประชุมในคราวหน้า รวมไปถึงเรื่องที่เจ้านายเคยไหว้วานให้จัดการหาเอาไว้ก่อนหน้านั้น
ทว่า พิมพ์ไปได้ไม่เท่าไหร่ โสตประสาทของเขาก็รับรู้ถึงเสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเหมือนมีแจ้งเตือนอะไรบางอย่างเข้ามา แน่นอนว่าเสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเพียงแค่ครั้งเดียวนั้นสามารถทำให้ฮันโซลละความสนใจจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเบนสายตาไปมองโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยที่วางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัว มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางเอาไว้พร้อมเปิดหน้าจอ เพียงสายตากวาดมองข้อความที่ใครบางคนส่งมาพร้อมอ่านใจความสำคัญ รอยยิ้มแสนอ่อนโยนก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่ยากเย็นนัก
‘ MY BOO♡ : เย็นนี้มารับเราหน่อยนะ รถเสียอะ ’
“ ก็บอกตั้งแต่เช้าแล้วนะว่ารถคันนั้นหม้อน้ำไม่ค่อยดี ”
ถึงจะบ่นออกไปแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้ว รถยนต์สีดำคันสวยกลับมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เด็กน้อยวัยอนุบาลมากหน้าหลายตาต่างออกมาจากโรงเรียนพร้อมผู้ปกครองที่มารับกลับบ้าน ฮันโซลไม่ได้ลงจากรถเพื่อไปรับเด็กน้อยคนไหน แต่เขายังคงนั่งอยู่บนรถเพื่อรอใครบางคนอยู่แบบนั้น รอมาเนิ่นนานจนในตอนนี้ผู้คนภายในโรงเรียนเริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แม้มันจะนาน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมานั่งรออะไรเป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมงเลยสักนิด แน่นอนว่าเขาออกจากงานก่อนเวลาเพราะหน้าที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นหลังจากที่เจ้านายตัวเล็กอกจากบริษัทไปประมาณชั่วโมงกว่า และเมื่อหน้าที่ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานต่อ ฮันโซลจึงเลือกที่จะมารอใครคนหนึ่งที่หน้าโรงเรียนแทน
สายตาคมของชเวฮันโซลมองเห็นร่างอวบเจ้าของกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนสว่างที่กำลังถือข้าวของเดินตรงมาที่รถคันนี้จากระยะไกล และไม่ต้องเดาให้มากความว่าเป็นใคร นิ้วหนากลับกดปุ่มปลดล็อกประตูให้ทันทีที่ร่างอวบเดินมาถึงประตูรถฝั่งตรงข้าม และคนน่ารักคนนั้นก็เข้ามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคันสวยเป็นที่เรียบร้อย
“ มานานแล้วเหรอ ? ”
“ ก็สักพักแล้ว ว่าแต่วันนี้เป็นไงบ้างหืม ? ”
“ วันนี้เด็กดื้อมากเลยอะ เราเหนื่อยจะบ้า ”
“ อย่าบ่นเยอะสิคุณครูซึงกวาน เด็กได้ยินคงน้อยใจแย่เลยนะ ”
ใบหน้าหล่อยกยิ้มกว้างพร้อมยกมือหนาขึ้นลูบกลุ่มผมเส้นนิ่มสีสว่างของคนข้างกายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณครูสอนเด็กอนุบาลแสนใจดีที่เด็กๆต่างชื่นชอบอย่าง บูซึงกวาน ด้วยความอ่อนโยน และคนตัวอวบก็ออดอ้อนอีกฝ่ายด้วยการซบศีรษะลงที่ไหล่หนา และยกมือขึ้นจับมือหนาข้างที่ลูบผมลงมาโอบไหล่แทน ชเวฮันโซลมักปลอบโยนเพื่อให้กำลังใจ และบูซึงกวานเองก็ออดอ้อนแบบนี้ตอบแทนเสมอเช่นกัน
เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นในทุกๆวันจนกลายเป็นเรื่องปกติที่ขาดไปไม่ได้เสียแล้ว
“ วันนี้เหนื่อยจริงๆเลยนะเนี่ย หิวด้วยอะ ”
“ เดี๋ยวแวะหาอะไรกินกันก่อนดีไหม แล้วค่อยกลับบ้านกัน ”
“ ดีสิดีๆๆๆ เราจะกินเยอะๆเลย ให้สมกับพลังงานที่เราเสียไปในวันนี้เลย ”
“ แล้วไหนบอกจะไดเอท ? ”
“ ร ... เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะหน่า ! ” เพียงได้ยินคนข้างกายแหวใส่ สารถีประจำรถคันสวยก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังจนโดนฝ่ามืออวบฟาดเข้าที่ต้นขาไม่ออมแรง ฮันโซลไม่ได้สนใจในความแสบและชาที่แผ่ซ่านทั่วต้นขาเลยสักนิด ซ้ำร้าย คนโดนกระทำก็ยังคงหัวเราะไม่หยุด และกว่าจะได้สตาร์ทเครื่องยนต์ และขับรถออกจากโรงเรียนไป ก็เสียเวลาไปเกือบห้านาที
แต่แลกกับการได้เห็นใบหน้าน่ารักยู่ลงเพราะความงอนที่โดนหัวเราะ เขาก็ยอมแหละนะ
x.
แม้ว่าในยามค่ำคืนจะเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างกาย อากาศเย็นชวนง่วงนอนจนควรจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้หลายรอบ ห้องขนาดกว้างที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดจนนอนหลับไม่ได้ ทว่า ร่างหนึ่งกลับยังคงนอนลืมตามองเพดานท่ามกลางความมืดอยู่เช่นนั้น มันไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดอาการแบบนี้ขึ้น พยายามขยับตัวเปลี่ยนท่าการนอนก็แล้ว ข่มตาหลับก็แล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้นอนหลับสบายได้เลย
บูซึงกวานกำลังเผชิญปัญหาการนอนไม่หลับ ...
ที่จริงแล้ว ซึงกวานเองก็พอจะมียานอนหลับอยู่บ้าง เขาไม่ค่อยอยากพึ่งพายานอนหลับเสียเท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้ติดจนเคยชิน บวกกับคนข้างกายเคยขอเอาไว้ว่าไม่ให้ใช้ สุดท้ายก็ต้องเอาไปซ่อนที่ไหนสักที่ซึ่งเขาจำไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้เป็นเวลาเข้าสู่วันใหม่แล้ว เขาควรได้นอนพักเพื่อที่จะได้ตื่นมาในตอนเช้าสักที ไม่ใช่มานอนมองเพดานในความมืดแบบนี้
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากเตียงหลังกว้างที่มีร่างสูงนอนอยู่ ก่อนจะผละตัวจากเตียงและผ้าห่มเพื่อเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านนอกห้องทันที โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าการขยับตัวที่รุนแรงจะเป็นการรบกวนการนอนของอีกฝ่ายจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง นัยน์ตาคมพยายามปรับโฟกัสสายตาและมองไปยังร่างอวบที่เดินออกจากห้องนอนไป
ซึงกวานเดินออกมาจากห้องนอนด้วยความเซ็ง เขาไม่รู้วิธีที่จะทำให้นอนหลับได้สบาย ขนาดว่าเคยถามฮันโซลไปหลายรอบ แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ดีกลับมาเลยสักนิด เขาอยากนอนหลับจริงๆ เพราะตอนนี้ก็ง่วงมากแล้ว แต่กลับนอนไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มกาแฟช่วงเย็นเลยด้วยซ้ำไป และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ร่างอวบแอบมานั่งดูโทรทัศน์ด้านนอกแทน แต่เพียงแค่เปิดโทรทัศน์ รายการภาพยนตร์ที่เคยเปิดค้างทิ้งไว้เมื่อหลายวันก่อนกลับฉายขึ้นมาในเวลานี้อีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นภาพยนตร์ฆาตกรรมสืบสวนราวกับตอกย้ำไม่ให้คนดูได้นอนหลับฝันดี แน่นอนว่าด้วยความขี้เกียจค้นหาช่องใหม่ ซึงกวานจึงจำใจดูภาพยนตร์ไปอย่างช่วยไม่ได้
... ดูแบบนี้แล้วมันจะนอนหลับได้เหรอเนี่ย
“ นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอหืม ? ”
เสียงทุ้มต่ำดังใกล้โสตประสาท ร้อนให้ใบหน้ากลมต้องรีบหันไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ ก็พบว่าชเวฮันโซลในสภาพชุดนอนลายทางกำลังยืนเท้ามืออยู่ด้านหลังพนักพิงโซฟาที่เขานั่งอยู่ นัยน์ตาคมมองมาด้วยแววตาเป็นห่วง บูซึงกวานทำได้แค่เพียงยกยิ้มแหยเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าดันเผลอไปรบกวนเวลานอนของคนตัวโตกว่า
“ แหะ .. เราเปิดทีวีเสียงดังเหรอ ? ”
“ เราตื่นตั้งแต่ซึงกวานขยับตัวบนเตียงแล้วล่ะ ”
“ อ๋า ขอโทษนะที่รบกวนเวลานอ— ”
“ คิดมากหน่า แค่นี้เอง .. ว่าแต่ดูอะไรอยู่ ? ”
“ ดูหนังแหละ ดึกๆขนาดนี้มีแต่หนังสืบสวน ”
“ แล้วก็ไม่ดูอะไรที่มันเบาสมองนะคนเรา ” รีโมทโทรทัศน์ที่อยู่บนมืออวบของซึงกวานกลับถูกฮันโซลแย่งมันเอามาไว้ในมือ นิ้วหนากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จากรายการหนัง เป็นข่าวยามดึก รายการขายของ และสุดท้ายมาจบลงที่รายการเพลงที่กำลังแรนด้อมเพลงคลอเบาๆ คล้ายว่าเป็นรายการที่จัดขึ้นเพื่อเปิดเพลงเบาๆกล่อมนอน
“ ฟังแบบนี้ไม่รู้สึกเอื่อยๆบ้างเหรอไง ”
“ มันก็ยังดีกว่าดูหนังฆ่าคน นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา ”
ฮันโซลยกมือยีกลุ่มผมเส้นนิ่มของคนที่นั่งอยู่เบาๆสองสามที ก่อนจะผละตัวไปทางห้องครัวซึ่งอยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่นที่เขาใช้งานอยู่ และซึงกวานเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่นิ่งตามคำสั่งเท่าไหร่ สุดท้ายคนตัวอวบก็ลุกจากโซฟาหลังนิ่ม เดินตามอีกฝ่ายไปที่ห้องครัวเล็กๆทันที ดวงตากลมมองร่างหนาที่กำลังวุ่นวายอยู่กับตู้เก็บวัตถุดิบด้านบนเคาท์เตอร์ด้วยความงุนงง ปกติแล้ว ชเวฮันโซลไม่ค่อยวุ่นวายกับห้องครัว อย่าว่าแต่วุ่นวายเลย แค่เฉียดกายเข้ามาคงแทบไม่ค่อยทำ ขนาดจะดื่มน้ำในตู้เย็นยังใช้งานเขาให้ไปหยิบมาด้วยซ้ำ แต่วันนี้ค่อนข้างแปลกที่จู่ๆฮันโซลเดินเข้ามาในครัวแบบนี้
“ ทำอะไรอะ ? ”
“ หือ ? อ๋อ ... นั่งก่อนสิๆ ” ฮันโซลพยักเพยิดไปทางเก้าอี้ทรงสูง ก่อนจะดึงแขนเสื้อขึ้นจนถึงศอก และหันไปสนใจถ้วยชาสีใสและสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าตัว ซึงกวานเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อนั่งบนเก้าอี้ พร้อมเท้าคางมองใบหน้าหล่อของคนข้างกายที่กำลังตั้งใจกับสิ่งตรงหน้า
“ ทำอะไรน่ะฮันโซล จะตอบเราได้รึยัง ”
“ อ่า ... คือเมื่อวานไปถามคุณมินกยูมาน่ะว่าถ้านอนไม่หลับจะต้องทำยังไง คุณมินกยูบอกว่าให้ลองชงชาคาโมมายล์ให้ซึงกวานดื่มดู ”
“ ชาคาโมมายล์ ? ”
“ ใช่ ชาคาโมมายล์ คือเมื่อกี้ลองค้นตู้แล้ว พี่ซึงชอลชอบเอาชามาใส่เอาไว้ในตู้เยอะก็เลยพอมีอยู่ แต่ปัญหาคือ ... ชงยังไงนี่น่ะสิ ”
“ ลองโทรถามพี่ซึงชอลสิ ”
“ พี่เขาอาจจะนอนแล้วก็ได้นะ ”
มือหนายกขึ้นเกาศีรษะเบาๆ พลางนึกไปถึงวิธีชงชาที่พี่ชายของเขาอย่าง ชเวซึงชอล เคยสอนเอาไว้ โชคร้ายหน่อยที่สมองของชเวฮันโซลไม่ได้มีประสิทธิภาพดีพอที่จะจดจำในเรื่องที่ไม่ค่อยสนใจมากนัก เขาอยากจะโทรไปถามเสียด้วยซ้ำว่าวิธีชงชาที่เคยสอนมันทำอย่างไร แต่เวลานี้พี่ชายสุดที่รักของเขาคงนอนไปแล้วแน่ๆ
... ถึงพี่ชายของเขาจะนอนแล้วก็เถอะ แต่นิ้วเจ้ากรรมดันกดโทรไปหาคนที่เพิ่งนึกถึงไปแล้วเรียบร้อย
( ฮัลโหล .. ) ไม่นานเกินรอ ปลายสายที่เขาตั้งใจโทรหาก็รับสายและกรอกเสียงทักทายมาทันที ฮันโซลนึกโล่งอกที่พี่ชายของเขารับสาย เพราะไม่อย่างนั้นคนตัวอวบที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาคงไม่ได้นอนแน่ๆ
“ พี่ซึงชอล ผมฮันโซลนะ ”
( อ .. อื้อ ว่าไง ) คิ้วหนาขมวดลงทันทีที่ได้ยินเสียงพี่ชายผิดปกติไปจากเดิม น้ำเสียงอ่อนยวบยาบเหมือนเหนื่อยหอบอะไรสักอย่างยิ่งทำให้ความสงสัยจุดประกายในความคิด ซึ่งฮันโซลไม่กล้าพอที่จะถามถึงความผิดปกตินั้นจึงเลี่ยงที่จะถามออกไป
“ คือผมอยากจะถา— ”
( อ .. อื้อออ อยู่นิ่งๆก่อนไม่ได้รึไง จอนวอนอู ! ... เมื่อกี้ว่าไงนะ ? )
“ เอ่อ .. ผมรบกวนเวลาพี่ไหมอะ ? ” ทันทีที่ได้ยินว่าปลายสายไม่ได้มีเพียงแค่พี่ชายคนเดียว คนเป็นน้องชายก็เริ่มรู้สึกเกรงใจที่รบกวนเวลาของพี่ชายตนเองขึ้นมา
( อ .. อ่ะ ไม่รบกวนๆ พี่คุยได้ )
“ แล้วพี่กับ— ”
( ช่างมันเถอะหน่า แล้วมีอะไรจะถามพี่ ? )
“ คือผมจะถามวิธีชงชาคาโมมายล์อะพี่ ” และไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เสียงทุ้มเอ่ยถามปลายสายถึงประเด็นสำคัญที่ต้องการถามกับพี่ชายออกไป พร้อมมองหน้าคนตัวอวบที่ยังคงให้ความสนใจกับการสนทนาทางโทรศัพท์หรือว่าตัวเขาและพี่ชาย
( คาโมมายล์ ? ซึงกวานนอนไม่หลับเหรอ ? )
“ ร ... รู้ได้ไงอะพี่ ? ”
( เพราะน้องชายพี่ไม่เคยคิดแตะต้องชาแม้แต่ครั้งเดียวเลยไง ) คนฟังถึงกับหลุดขำออกมา เมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งได้ว่า ไม่ว่าจะป่วยด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ชเวฮันโซลกลับไม่เคยใช้ชาเป็นวิธีรักษาเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงไม่แปลกอะไรที่แม้แต่ชาถุงที่เรียกว่าชงง่ายดื่มสะดวกก็ยังทำไม่เป็น
ต่อให้โดนพี่ชายบ่นให้เพลากาแฟแล้วดื่มชาบ่อยแค่ไหน เขาก็คงไม่คิดจะดื่มชาในเร็ววันแน่นอน
“ เอ้อนั่นแหละพี่ .. ทำยังไงอะ ? ”
( อุ่นถ้วยด้วยน้ำร้อนรึยัง ? )
แม้จะแปลกใจกับคำถามเพราะปกติเวลาจะดื่มชา ซึงกวานเองก็ได้มาในรูปแบบสำเร็จรูป ไม่ได้รับรู้วิธีการชงชาอย่างละเอียด ฮันโซลเองก็เช่นกัน แต่มือหนากลับจัดการเทน้ำร้อนลงไปในแก้วรอให้แก้วเริ่มอุ่น ก่อนจะเทน้ำร้อนภายในแก้วทิ้งไป ตามวิธีที่จำได้ลางๆจากซึงชอล
“ อ่า เรียบร้อยแล้วพี่ๆ แล้วยังไงต่อ พูดมาทีเดียวเลยก็ได้ ” ฮันโซลส่งโทรศัพท์แนบหูพร้อมใช้ไหล่ข้างหนึ่งหนีบเอาไว้กันร่วง หันไปหยิบกาน้ำที่ต้มน้ำร้อนเอาไว้อยู่แล้วมาไว้ในมือ และจับหูถ้วยชาใบใสเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง
( เสร็จแล้วก็ รินน้ำร้อนใส่ถ้วย ประมาณร้อยห้าสิบซีซีพอนะ มันจะประมาณครึ่งถ้วย แล้วค่อยเอาถุงชาคาโมมายล์ใส่ลงไป อย่าลืมหาอะไรมาปิดปากถ้วยชาด้วยนะเดี๋ยวกลิ่นหายแล้วมันไม่ได้ผล )
“ … ”
( เอ่อ ... แล้วก็รอให้ใบชามันสกัดน้ำออกมาประมาณสองสามนาที แล้วค่อยใช้ช้อนกดนวดถุงชาเบาๆนิดหน่อยให้น้ำชามันออกมามากขึ้นนะ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว จะเติมน้ำตาลหรืออะไรก็แล้วแต่เลย อย่าเติมเยอะนะ กินหวานตอนดึกมันไม่ดีหรอก )
“ โอเค ขอบคุณมากพี่ ผมไม่รบกวนพี่แล้ว ”
อันที่จริงก็ไม่ค่อยอยากสารภาพออกมาเท่าไหร่ว่า บูซึงกวานชอบที่จะมองชเวฮันโซลเวลาที่เจ้าตัวจริงจังกับอะไรสักอย่างหนึ่ง นัยน์ตาคมจะจดจ้องสิ่งๆนั้นราวกับพยายามแกะชิ้นส่วนออกมาเป็นส่วนๆ อย่างเช่นในเวลานี้ที่คนตัวโตกว่ากำลังชงชาอย่างเงอะงะไม่มีความเชี่ยวชาญ ต่างจากพี่ชายของเจ้าตัวที่ดูคล่องแคล่วกว่ามาก ครั้งหนึ่ง ซึงกวานเคยเห็นซึงชอลชงชา ด้วยท่าทางที่ดูมีความสุขเมื่อยามคลุกคลีอยู่กับชา จึงไม่แปลกใจที่เจ้าตัวจะเป็นเจ้าของชมรมชงชาที่ตั้งชมรมเล็กๆอยู่ในละแวกชานเมือง
แต่ก็อย่างว่า เพราะความถนัดที่มีมันไม่เหมือนกัน ลองให้ซึงชอลมาทำงานเอกสารแบบฮันโซล ซึงกวานก็มั่นใจว่าคนเป็นพี่ก็คงเงอะงะไม่ต่างจากเจ้าเลขาตัวโตที่กำลังเงอะงะอยู่กับชาของเขาสักเท่าไหร่
และเพราะวิธีการชงชาที่ซึงชอลอธิบายให้อย่างละเอียด จากถ้วยชาสีใสที่มีเพียงน้ำร้อนไร้สีไร้กลิ่น ไม่นานเกินรอ จากน้ำกรองสีใสสะอาดก็กลับแปรเปลี่ยนสีให้กลายเป็นสีเหลืองอ่อนใสได้ในชั่วพริบตา และ เมื่อยามที่ปลายช้อนถูกใช้นวดที่ถุงชาเบาๆโดยฝีมือของคนชงชาจำเป็น ชาคาโมมายล์ก็เริ่มออกสีเข้มขึ้นแต่ยังคงความใสเอาไว้ ด้วยความที่ตัวชามีความเข้มอยู่ในระดับอ่อนจาง จึงทำให้ความเข้มของชาจะหยุดอยู่ที่สีเหลืองใส กลิ่นหอมของดอกคาโมมายล์ที่คล้ายกลิ่นเก๊กฮวยอ่อนๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูก เพียงแค่ดมก็รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย อย่างน้อยคนตรงหน้าก็เริ่มชงชาเป็นกับเขาบ้างแล้วล่ะนะ
ในที่สุด ถ้วยชาใบใสที่บรรจุน้ำชาสีเหลืองใสหอมกรุ่นถูกดันส่งมาตรงหน้าซึงกวานในเวลาต่อมาโดยคนชงชาจำเป็นที่ยกยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้
“ อ่า เราใส่น้ำผึ้งลงไปแค่นิดเดียวนะ เพราะพี่ซึงชอลบอกว่ากินหวานตอนดึกๆมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ”
“ ขอบใจนะฮันโซลอ่า ลำบากแย่เลย ”
ซึงกวานยกยิ้มกว้าง นิ้วเรียวจับหูถ้วยชาขึ้นมา ค่อยๆสูดดมความหอมของคาโมมายล์ ก่อนจะยกขึ้นจิบชาภายในถ้วยเล็กน้อย สัมผัสแรกที่ได้รับคือ ความหอมละมุนจากดอกคาโมมายล์ที่ลดความรู้สึกตึงเครียดให้ผ่อนคลายมากขึ้น ผสมกับความหอมหวานอ่อนๆของน้ำผึ้งที่คนตัวโตใจดีเพิ่มลงไป แม้รสชาติชาจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการชงชาสร้างสรรค์ขึ้น แต่เพราะซึงกวานมองเห็นถึงความตั้งใจของคนที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องอาหารพยายามเสกเครื่องดื่มชนิดหนึ่งขึ้นมา เพียงเท่านั้น รอยยิ้มหวานก็ขับออกมาประดับบนใบหน้าเป็นคำตอบ คนตัวโตกว่าถึงกับรีบถามออกมาเมื่อนัยน์ตาของเขาจดจ้องปฏิกิริยาที่คนตัวอวบกว่ามีต่อชาถ้วยฝีมือของเขา
“ เป็นยังไงบ้าง มันดีรึเปล่า ? ”
“ อืม ... ”
“ … อืมนี่คือ ? ” นัยน์ตาคมหรี่มองอย่างกังวลใจจนเห็นได้ชัด เพราะฝีมือของเขาเรียกได้ว่าไม่ควรทำอาหารเลยน่าจะดีกว่า พอได้ทำอะไรสักอย่างที่สามารถกินได้ก็เกิดความกังวลขึ้นมา
ชเวฮันโซลไม่อยากให้บูซึงกวานต้องมาเป็นอะไรมากกว่าเดิมเพราะเครื่องดื่มที่เขาทำหรอกนะ
“ ก็ ... ”
“ ก็ ? ... ถ้ามันไม่อร่อยอย่าฝืนดื่มมันเลยนะ เราไม่อยากให้— ”
“ ยังไม่ทันได้บอกเลยว่าไม่อร่อย ”
“ หืม ? ”
“ ก็กำลังจะบอกว่ารสชาติมันอ่อนละมุนผ่อนคลายดี เราว่าคืนนี้คงนอนหลับสบายแน่ๆ ”
“ อ๋า ... ค่อยยังชั่วหน่อยที่ชาคาโมมายล์ช่วยซึงกวานได้ ”
“ ฮ่ะๆ มันช่วยเราได้จริงๆนั่นแหละ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าได้ชาคาโมมายล์แบบนี้ทุกวัน ”
“ … ”
“ เราอยากให้ฮันโซลชงชาให้เราดื่มแบบนี้ทุกวันเลย จะได้รึเปล่า ”
ทันทีที่ได้ฟังคำติชมในฝีมือการชงชาครั้งแรกในชีวิตและคำขอร้องจากคนน่ารักตรงหน้า รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นมาประดับบนใบหน้า ดวงตาคมฉายประกายดีใจอย่างไม่ปิดบัง ก้อนเนื้อภายในอกเต้นแรงคล้ายว่ามันเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เคยทำมา ใบหน้าหล่อที่ยกยิ้มตรงหน้ากลับทำให้คนชมด้วยวาจาอ้อมค้อมถึงกับรู้สึกเห่อร้อนไปทั่วใบหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้าน่ารักที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อถึงกับต้องรีบก้มหน้าก้มตาจิบชาภายในแก้วแก้อาการเคอะเขินที่ตีรวนขึ้นมาจากในใจ
และยิ่งเขินมากขึ้นไปอีก เมื่อคนตัวหนาที่ยืนอยู่ข้างๆกาย ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาให้ระยะห่างเหลือเพียงไม่ถึงคืบ ก่อนจะค่อยๆแตะริมฝีปากจรดลงบนหน้าผากมนของซึงกวานเบาๆอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมหลับตาลงรับสัมผัสแสนอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้พร้อมยิ้มออกมาอย่างเขินอาย แม้ว่าริมฝีปากอุ่นร้อนจะผละออกไปจากหน้าผากมนแล้ว แต่ความอุ่นวาบกลับยังคงดำดิ่งลงไปในหัวใจของซึงกวาน นัยน์ตากลมช้อนมองดวงตาสีน้ำตาเฮเซลคมสวย
“ อันที่จริงเราชงชาไม่เก่งเท่าที่ซึงชอลหรอกนะ ”
“ … ”
“ แต่ถ้าซึงกวานอยากดื่ม ”
“ ... ”
“ เรายอมที่จะชงชาให้ดื่มทุกวันเลยก็ยังไหว ถ้ามันทำให้ซึงกวานมีความสุขไปกับเรานะ ”
ชเวฮันโซลเชื่อว่า ชาคาโมมายล์ไม่ใช่สิ่งที่สำหรับบูซึงกวานต้องการ แต่เป็นความตั้งใจที่เขาใส่ลงไปในชามากกว่าที่บูซึงกวานอยากได้มันมาเป็นยานอนหลับอีก J
FIN.
- 170212 -
สวัสดีตอนที่ยี่สิบแปดนะคะ
เซ็ตชามาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว คู่นี้คงไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าต้องเป็นคู่ของคุณเลขาชเวแน่นอนน !
เราซึมซับกับชาคาโมมายล์มาทั้งแบบร้อนและแบบเย็นกว่าที่จะคลอดออกมาเป็นเรื่องนี้ได้
เรื่องนี้ไม่หวือหวาเลยค่ะ เส้นเรื่องเรียบๆ ไม่หวานเกินไปตามสไตล์ชาคาโมมายล์ที่ละมุนอ่อนๆ
มันไม่ค่อยมีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากเขียนอะไรที่มันละมุนก่อนจะดึงตัวเองเข้าสู่ความเศร้าและความนัว(?)อีกครั้ง
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านด้วยน้า ช่วยคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก(ที่แปะไว้หน้าหลัก) -> #pnn17fic
หรือว่าจะเมนชั่นมาพูดคุยก็ได้นะครัชชช ; w ;
อยากได้คอมเม้นต์อยากอ่านคอมเม้นต์ ขอหน่อยนะขอหน่อย
แล้วเจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.รอเซ็ทคุณชเวซึงชอลลลล