ตอนที่ 22 : - 22 : birthday gift | seungcheol x jihoon 。
BIRTHDAY GIFT | SEUNGCHEOL x JIHOON
AU / nc – 18 / romantic
... อาชีพมนุษย์เงินเดือนมักทำให้คนทำงานไม่ค่อยมีเวลาให้สำหรับอะไรที่ไม่ใช่งานเท่าไหร่
แม้กระทั่งวันเกิดของใครๆที่สำคัญนักหนา บางทีพวกเขาก็ยังลืมได้
เพราะวันๆพวกเขาเอาแต่สนใจเรื่องงานอย่างเดียว …
หากพูดถึงอาชีพพนักงานบริษัททั่วๆไป ภาพชายหนุ่มชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเนกไทสีเทาและกางเกงสแล็คสีเข้มนั่งทำงานในห้องแคบๆที่ถูกกั้นเอาไว้เป็นโซนของแต่ละคนก็คงจะฉายขึ้นมาในระบบความคิด แน่นอนว่ามันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพิ่มเติมให้สมจริงก็คงต้องเพิ่มเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดจากคอมหลายๆเครื่องดัง ก๊อกแก๊ก จนรู้สึกว่ามันดังก้องอยู่ในโสตประสาทแทบหลอนหูกับเสียงโทรศัพท์ทำงานที่ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย แต่ทุกองค์ประกอบภายในบริษัทกลับเป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ได้ยินเสียงเหล่านี้เสมือนว่าเป็นเสียงพูดคุยกันปกติ
แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของ อีจีฮุน หัวหน้าแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลในบริษัทแห่งหนึ่งที่บ้างานยิ่งกว่าอะไรดีเช่นกัน
ร่างเล็กเจ้าของใบหน้าน่ารักที่ถูกแว่นสายตาทรงกลมขนาดใหญ่บดบังความน่ารักเอาไว้กำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ฉายหน้าจอโปรแกรมพิมพ์งานอย่างไมโครซอฟท์เวิร์ดอย่างจริงจัง คิ้วสวยขมวดปมลงฉับพร้อมกับสายตาเรียวเล็กที่เพ่งมองจอคอมพิวเตอร์ มือเล็กขยับปลายนิ้วเรียวพิมพ์เนื้อหาที่ต้องการใส่ลงไปในหน้ากระดาษ ผละมือข้างหนึ่งออกจากแป้นคีย์บอร์ดก็เอื้อมไปหยิบเอกสารที่วางบนชั้นวางที่อยู่ใกล้ตัวมาไว้ในมือหนึ่งชุดพร้อมกวาดสายตาอ่านมัน ก่อนจะหันไปพิมพ์รายละเอียดเพิ่มลงไป เอกสารรายงานกลยุทธ์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในปีนี้ที่เผยอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องเป็นคนจัดทำเอกสารส่งให้ผู้จัดการใหญ่ด้วยตัวเองในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งนิสัยบ้าความสมบูรณ์แบบของจีฮุนนั้น ผลงานในมือของเขาจะให้มีความผิดพลาดแม้แต่จุดเดียวไม่ได้
“ อือ ... ต้องเพิ่มอะไรอีกนะ ”
นัยน์ตาเล็กเหลือบไปมองโพสท์อิสสีเหลืองนับสิบแผ่นที่แปะทั่วผนังกั้นเพื่อมองหาสิ่งที่เขาลืม ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นปฏิทินตั้งโต๊ะที่ถูกวงกลมเน้นวันที่ยี่สิบสองด้วยปากกาสีแดงเอาไว้ โอเค วันนี้คือวันที่ยี่สิบเอ็ด แล้ววันที่ยี่สิบสองคือวันอะไรล่ะ
อยู่ๆระบบความจำของอีจีฮุนเริ่มทำงานขึ้นมาทันที เขาไม่มั่นใจว่าเพราะอะไรถึงวงกลมเอาไว้ มันเป็นเดธไลน์ส่งงานหรือว่าอะไรสักอย่างที่เร่งด่วนรึเปล่า ครั้นจะหันไปหาเพื่อนร่วมงานเพื่อถามก็ดูไม่ใช่เรื่อง ขนาดว่ากินวิตามินบำรุงสมองอยู่ทุกวันแท้ๆยังลืมบางเรื่องได้ลง
สรุปแล้วมันคือวันอะไรนะ ?
จมอยู่กับความคิดที่ดูจะไมได้คำตอบนี้นานร่วมห้านาที สุดท้ายจีฮุนก็เลือกที่จะปล่อยผ่านมันไป ก่อนจะเบือนสายตาหันมาพิมพ์งานต่ออย่างจริงจัง เพราะแบบนี้ใครต่อใครมักจะบอกอยู่เสมอว่าจีฮุนเป็นคนบ้างาน บ้าชนิดที่ว่าแม้แต่งานสังสรรค์ของแผนกก็ยังไม่ยอมไป แถมยังเลือกทำโอทีเพิ่มอีกต่างหาก ที่สำคัญ อีจีฮุนจำวันสำคัญของคนในบริษัทไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว คนตัวเล็กเลือกที่จะตัดปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆรอบตัวเพื่อทุ่มเทงานที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว เพราะความคิดที่ว่าเงินสำคัญที่สุดยังคงตกค้างอยู่ในความคิดเสมอ
“ จีฮุนๆ ”
“ หือ ? ” จีฮุนละสายตาจากคอมพิวเตอร์มองหน้าเพื่อนร่วมงานที่มายิงเท้าแขนกับผนังกั้นเพื่อรอคำตอบ แม้อีจีฮุนจะไม่ค่อยเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนคบเลย อย่างน้อยก็มี บูซึงกวาน ที่เป็นเพื่อนในบริษัทที่ดีคนหนึ่ง
... และอาจจะเป็นเพื่อนในบริษัทเพียงคนเดียวก็ได้
“ ผู้จัดการเรียกพบอ่ะ ไปไวๆหน่อยนะ ”
เอาอีกแล้วสิ่หน่า ...
“ อื้อ ขอบใจนะซึงกวาน ” แม้ในใจจะเบื่อหน่ายกับคำสั่งนี้ที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องหันไปปั้นหน้ายิ้มขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่อุตส่าห์เดินมาบอก จะให้ไปชักสีหน้าใส่ซึงกวานก็คงไม่ถูก ในเมื่อเพื่อนของเขาก็แค่นำคำสั่งมาบอก คนที่ควรชักสีหน้าเบะปากใส่น่ะ ... ต้องเป็น ผู้จัดการ ต่างหาก
ร่างเล็กผละจากเก้าอี้หนังสีดำลุกขึ้นยืน หยิบเอกสารที่กำลังทำมาไว้ในมือแล้วรีบเดินออกจากโซนทำงานของตัวเองมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการที่ตั้งอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงานของเขา ระหว่างทางโสตประสาทของจีฮุนก็ทำงานอย่างหนักเพราะดันไปได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากเพื่อนร่วมงานที่พูดถึงเขา พร้อมสายตาที่มองมาด้วยหางตา ส่วนมากพฤติกรรมแย่ๆแบบนั้นมาจากพนักงานผู้หญิงที่หมายปองผู้จัดการใหญ่เอาไว้อยู่ แน่นอนว่าจีฮุนเกลียดการโดนมองแบบนั้นแต่ใช่ว่าจะสนใจเสียทีเดียว แต่ไหนแต่ไรอีจีฮุนก็โดนหยิบมาเป็นประเด็นนินทาตั้งนานแล้ว แค่เรื่องผู้จัดการเรียกพบทำไมเขาจะต้องสนใจเสียงนกเสียงกาที่ว่างปากอยากพูดแบบนั้นด้วยล่ะ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้จัดการใหญ่เรียกพบ เพราะแบบนั้นหลายคนเลยมักจะสงสัยและนินทาว่าหัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลอย่างเขาแอบมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้จัดการเพื่อหวังเลื่อนตำแหน่งหรือหวังขึ้นเงินเดือนรึเปล่า ต้องบอกก่อนว่าผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้มีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานบริษัท แน่นอนว่าผู้หญิงหลายคนหวังอยากเป็นคนข้างกายของชายหนุ่มมาตลอดตั้งแต่ที่รู้มาจากวงในว่าผู้จัดการยังโสด บวกหน้าตาที่หล่อและมีเสน่ห์ก็เลยไม่แปลกใจที่สาวๆหลายคนหมายปองเอาไว้ และคาดหวังมาตลอดว่าจะถูกผู้จัดการใหญ่เรียกเขาไปพบบ้างสักครั้ง แต่ความฝันกลับต้องพังทลายเพราะชายหนุ่มที่ทุกคนหมายปองกลับเรียกแต่อีจีฮุนคนเฉิ่มให้เข้าพบอยู่บ่อยครั้ง และนั่นก็คือเหตุผลที่มีเสียงซุบซิบนินทาอยู่ตลอดเวลา
... สาวๆพวกนั้นนินทาได้แม้กระทั่งเพื่อนสนิทฉันใด หัวหน้างานที่ไม่ชอบขี้หน้าอย่างเขาก็โดนนินทาได้ฉันนั้น
สองเท้าก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบานประตูสีขุ่นที่ติดป้ายสีทองเหลือว่าเป็นห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ ทว่าวันนี้กลับแปลกกว่าทุกวันเนื่องจากมีบอดี้การ์ดมายืนอยู่หน้าห้องหนึ่งคน จีฮุนเงยหน้ามองบอดี้การ์ดตัวสูงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูสามทีเป็นการขออนุญาตเข้าไปในห้อง เมื่อได้ยินเสียงขานรับจากภายในห้องแล้ว มือเล็กก็ผลักบานประตูสีขุ่นเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่และรีบปิดมันให้สนิทอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่จะเงยหน้ามองเจ้าของห้อง ร่างเล็กก็รีบเอ่ยปากบ่นขึ้นมาทันที
“ ผมรู้ว่าคุณต้องการรายงานกลยุทธ์ฯให้ไวที่สุด แต่ตอนนี้ผมกำลัง ... ”
“ ว่าไงจ้ะหนูจีฮุน ” กำลังจะบ่นผู้จัดการใหญ่ที่ชอบเร่งเร้าเอางานด่วนด้วยอารมณ์หงุดหงิด พอหันหน้ามามองคนในห้องก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อภายในห้องทำงานขนาดกว้างทำเลดีของผู้จัดการใหญ่ไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าของห้องอยู่เท่านั้น แต่กลับมีอีกคนที่ทำให้จีฮุนต้องรีบโค้งศีรษะลงเพื่อเคารพทักทายทันที และคนถูกโค้งทักทายก็ได้แค่ยกยิ้มให้อย่างใจดี
“ ส .. สวัสดีครับ ท่านประธาน ”
“ เมื่อกี้ที่หนูจีฮุนบ่นออกมา เจ้า ซึงชอล ชอบเร่งงานหนูเหรอ ” ท่านประธานชเวเอ่ยยิ้มๆหลังจากที่คนตัวเล็กหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟารับแขกตรงที่ว่างข้างๆร่างหนาของ ชเวซึงชอล ที่ไม่มีทางเป็นใครไปได้นอกจากผู้จัดการใหญ่คนหล่อที่สาวๆทุกคนในบริษัทหมายปองคนนั้น นัยน์ตาเรียวตวัดมองคนข้างกายที่ยักไหล่ไม่รู้เรื่องใส่โทษฐานที่ไม่ส่งสัญญาณบอกก่อนจะหันไปตอบผู้ใหญ่อย่างอ้อมแอ้ม
“ อ .. เอ่อ ไม่ใช่หรอกครับท่านประธาน ”
“ เรียก คุณแม่ ก็ได้ เรียกท่านประธานอะไรดูสิ ตัวเกร็งไปหมดแล้วนั่นน่ะ ”
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของประธานชเวผู้เป็นประธานคณะกรรมการระดับสูงของบริษัทซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่ของคุณผู้จัดการชเวจะเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังเด็ดขาดจนคนในบริษัทต่างพากันเกรงกลัว แต่ความจริงแล้วผู้ใหญ่ตรงหน้าเขานั้นเธอเป็นเพียงแค่คุณแม่แสนใจดีคนหนึ่งในสายตาของอีจีฮุนเท่านั้น
“ แฮ่ .. ครับคุณแม่ ”
“ ซึงชอลดูแลหนูดีรึเปล่าลูก ? เขาไม่ได้รังแกอะไรใช่ไหม ? ”
“ เอ่อ ... ไม่นะครับ พี่ซึงชอลดูแลผมดีอยู่ … ”
“ เห็นไหมเล่า ผมเปล่ารังแกจีฮุนนะแม่ อย่าจ้องผมแบบนั้นสิ่ ! ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อคนเป็นแม่ตวัดสายตามามองด้วยแววตากดดันเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองชอบเร่งงานลูกน้องก่อนวันกำหนดส่ง ซึ่งเจ้าลูกชายตัวแสบดันทำพฤติกรรมน่าตีเฉพาะกับร่างเล็กข้างกายเท่านั้น
“ ให้มันจริงเถอะตาซึงชอล อีกไม่กี่วันน้องจะโตอีกปีแล้วยังทำอย่างกับน้องเป็นเด็กอยู่ได้ ”
… หือ ? อีกไม่กี่วันงั้นเหรอ
“ ว่าแต่ .. ที่คุณแม่เรียกผมเข้ามา มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่าครับ ? ”
คนตัวเล็กกว่าถือวิสาสะเอ่ยเข้าประเด็นทันที ทำให้หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังจะยกมือเตรียมเขกลงกลางศีรษะทุยของลูกชายต้องหันมาตอบอย่างยิ้มๆ และเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกก็ดังขึ้นจากร่างหนาข้างกายที่ยกมือขึ้นกุมศีรษะป้องกันมะเหงกก้อนร้อนๆที่เกือบเสิร์ฟลงกลางศีรษะแล้วเมื่อกี้นี้
“ อ๋อ คือว่าอย่างนี้ แม่จะมาชวนหนูจีฮุนว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นมาค้างที่บ้านแม่หน่อยนะ แม่กะว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองนิดหน่อยน่ะจ้ะ ”
“ เอ๋ ? ”
“ ไม่มีเอ๋จ้ะ ตอนแรกแม่ก็ว่าจะมาชวนหนูแต่รู้ว่าต้องปฏิเสธแน่ๆแม่เลยขอบังคับเลยก็แล้วกันนะ แม่จะมาบอกแค่นี้ล่ะ งั้นแม่ขอตัวก่อนนะจ้ะ ” ประธานชเวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมหยิบกระเป๋าถือคู่ใจที่วางข้างกายขึ้นเตรียมจะเดินออกจากห้อง ทว่ากลับถูกคนตัวเล็กเอ่ยรั้งเอาไว้และหญิงสาวก็หันหน้ามามองด้วยรอยยิ้ม
“ ด .. เดี๋ยวครับคุณแม่ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ ” ในสมองตอนนี้จีฮุนคิดอะไรไม่ออกสักอย่างนอกจากเรื่องงานที่เตรียมมาฉะใส่คนข้างกาย เขาคิดตามในสิ่งที่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าพูดทิ้งไว้ไม่ทันเลยจริงๆ
“ ว่าไงเหรอหนูจีฮุน ? ”
“ เอ่อ ... วันพรุ่งนี้มันวันอะไรเหรอครับ ? ทำไมถึงต้องมีสังสรรค์กันด้วย ”
ในที่สุดคำถามที่ค้างคาใจมาตลอดตั้งแต่มองเห็นปฏิทินก็หลุดออกไปแล้ว ที่เหลือก็รอแค่ฟังคำตอบที่สามารถไขปริศนาในใจ ทว่าสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นคนตัวสูงเริ่มทำท่ากรอกตาไปมาเหมือนกับว่าเขากำลังทำอะไรผิดพลาดไปบางอย่าง แต่ในเมื่อเอ่ยถามไปแล้วครั้นจะบอกว่านึกออกก็คงจะโกหกตัวเองเกินไป เขาผิดเองที่ลืมจดมันไว้ในโพสต์อิท แต่ทำยังไงได้ ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องถาม นี่คือนิสัยตรงไปตรงมาของอีจีฮุน
แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้คำตอบที่เหมือนมีดกำลังปักลงมากลางสมองขนาดนี้เลย ...
“ พรุ่งนี้ วันเกิดของหนูจีฮุน ไงจ้ะ ... อย่าบอกว่าหนูจีฮุนจำ วันเกิดตัวเอง ไม่ได้ ? ตาซึงชอล ! เป็น สามี ประสาอะไร เห็นน้องจำไม่ได้ทำไมไม่บอกน้อง ”
“ เอ้าจะบ้าเหรอไงแม่ วันเกิดตัวเองจำไม่ได้ผมต้องเป็นคนเตือนเหรอ อีกอย่างผมก็ต้องมีเซอร์ไพร์สบ้างดิ่ ยังไงก็ไม่บอกหรอก บอกไปแบบนั้นก็หมดสนุกกันพอดี ”
“ เอ้า ตาลูกชายคนนี้ทำไมชอบรังแกน้อง ! ”
ชิบหายแล้ว ลืมได้ไงวะเนี่ย ... !!!
ที่แท้วันที่ยี่สิบสองที่ถูกวงกลมสีแดงเน้นย้ำอยู่บนปฏิทินก็คือวันเกิดของอีจีฮุนคนนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมคนข้างกายถึงทำท่าทางเหมือนผิดหวังและเอือมระอาที่เขาขี้ลืมแม้กระทั่งวันเกิดตัวเองแบบนั้น และไม่ต้องตกใจกับคำพูดของคุณนายชเวกันหรอก จะบอกให้ฟังก็ได้ว่าความจริงแล้วเรื่องวงในที่ปล่อยออกไปให้ทุกคนในบริษัทหลงเชื่อนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพแต่ทุกคนก็ปักใจเชื่อทั้งๆที่ไม่มีมูลความจริงใดๆ ไม่มีใครรู้ด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วหนุ่มหล่อที่ทุกคนปรารถนาอยากแต่งงานด้วยนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ก็คงไม่ต้องถามหรอกใช่ไหมว่าคนๆนั้นเป็นใคร ...
อีจีฮุนคนนี้นี่แหละ ภรรยาของชเวซึงชอล ...
“ แม่ออกไปก่อนเดี๋ยวผมขอคุยกับจีฮุนหน่อย ”
ซึงชอลยกมือนวดขมับตัวเองเพื่อควบคุมอารมณ์พร้อมผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆซึ่งแม่ของเขาก็ยอมออกไปจากห้องด้วยความยินดี เมื่อบานประตูห้องทำงานสีขุ่นปิดตัวลง ภายในห้องทำงานของผู้จัดการชเวก็เงียบสงบราวกับไม่มีใครใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องอีก จีฮุนที่นั่งอยู่ที่โซฟาถึงกับหลังตรงเมื่อเริ่มรู้ถึงการปล่อยเด๋อครั้งใหญ่หลวงของตัวเอง ในขณะที่เจ้าของห้องที่เดินไปส่งคนเป็นแม่ที่หน้าประตูห้องแล้วก็ถึงจะเดินกลับมานั่งข้างๆภรรยาตัวเล็ก ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ทำเอาร่างเล็กถึงกับทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าซึงชอลไม่เคยถอนหายใจออกมาให้เขารู้สึกชัดเจนขนาดนี้มาก่อน ยิ่งพอได้ยิน หัวใจดวงน้อยก็เริ่มก่อความรู้สึกผิดขึ้นมาจนได้
... แค่ลืมวันเกิดตัวเองก็ผิดเหรอเนี่ย ให้ตายสิ่
“ .. เอ่อ ”
“ บ้างานจนลืมวันเกิดตัวเองเลยเหรอหืม ? ” สาบานได้ว่าซึงชอลแทบพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อเจอเรื่องแบบนี้เข้าจังๆ ก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าคนตัวเล็กเป็นมนุษย์บ้างานชนิดว่าปั่นงานจนลืมวันลืมคืน ลืมทุกอย่างยกเว้นเรื่องงาน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขั้นลืมวันเกิดของตัวเองทั้งๆที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาพร้อมวงปากกาสีแดงที่ปฏิทินหลายๆชั้นแบบนั้น
อย่าว่าแต่วันเกิดเจ้าตัวเลย วันเกิดของเขาก่อนหน้านี้ อีจีฮุนก็ลืมมาแล้ว ...
“ พี่ก็รู้นี่ว่าเรา ... ”
“ บ้างาน .. อืม พี่รู้ครับ แต่บ้าจนลืมวันเกิดตัวเองแบบนี้มันหนักไปรึเปล่า ”
“ … ”
“ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราลืมวันเกิดตัวเองนะจีฮุน ”
“ … ”
“ ช่างมัน เรากลับไปทำงานเถอะ รายงานกลยุทธ์ฯไม่ต้องรีบทำก็ได้นะ เดธไลน์มันสัปดาห์หน้าไม่ใช่พรุ่งนี้ หาเวลาพักบ้าง ”
สิ้นเสียงทุ้มของคนรัก ร่างเล็กที่ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรก็รีบลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินออกจากห้องทำงาน จีฮุนไม่ได้เอ่ยคำขอโทษเพราะเขาคิดว่าในเวลานี้คนรักคงยังไม่อยากฟังคำขอโทษของเขาเท่าไหร่ แม้มันจะไม่ใช่ความผิดของเขาเต็มประตูที่ดันลืมวันเกิดตัวเอง แต่จีฮุนก็ลืมไปสนิทว่าพักหลังนี้เขาแทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับคนรักเลย ไม่แปลกที่ชเวซึงชอลผู้ใส่ใจทุกรายละเอียดของอีจีฮุนจะน้อยใจเขาบ้าง แต่สุดท้ายทางเลือกที่จีฮุนเลือกก็คือความเงียบ สองเท้าเล็กเตรียมจะก้าวออกจากห้อง ทว่ากลับถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งเงยหน้าหลับตาพิงพนักหลังโซฟาอยู่ที่เดิม
“ อ้อ ”
“ … ”
“ เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปรับ ชาน เอง ไม่ต้องเป็นห่วง ”
x.
จีฮุนยกมือทึ้งกลุ่มผมนิ่มของตัวเอง นัยน์ตาเล็กจ้องมองรายงานกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลที่จัดการจนเสร็จแล้วก็นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในเวลานี้ทุกคนในบริษัทต่างพากันกลับบ้านหรือไม่ก็ไปสังสรรค์กันต่อกันหมดแล้วเพราะบริษัทของพวกเขาไม่ได้มีวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนบริษัทอื่นๆ เรื่องสังสรรค์ประจำวันจึงเป็นเรื่องธรรมดาของพนักงานบริษัทที่ทำไปเพื่อคลายเครียด ภายในโซนทำงานแผนกทรัพยากรบุคคลเหลือเพียงแค่จีฮุนที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม เขาถึงส่งเสียงโวยวายเต็มชั้นได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ไฟจากโต๊ะทำงานสว่างเพียงจุดเดียวสามารถยืนยันได้ว่าชั้นนี้เหลือเพียงแค่อีจีฮุนอยู่เพียงคนเดียวจริงๆ และเมื่อมองนาฬิกาที่ชี้เวลาบนหน้าปัดว่าจะย่างเข้าสองทุ่มแล้วนั้น สติของคนตัวเล็กก็เตลิดจนแทบเป็นบ้าเข้าไปใหญ่
มือเล็กจัดการเก็บเอกสารที่เพิ่งจัดการสั่งพิมพ์ออกมาเป็นแผ่นเสร็จใส่ไว้ในแฟ้มทำงาน พร้อมกับกวาดข้าวของลงใส่ในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ ทว่ายังไม่มันจะจัดการตัวเองเสร็จ เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องคู่ใจแผดเสียงดังลั่นทั่วออฟฟิศขึ้นมาก่อน ร้อนให้ข้าวของเครื่องต้องรีบกดรับสายแนบโทรศัพท์กับใบหูโดยไม่ได้ดูว่าปลายสายที่โทรเข้ามาเป็นใคร
“ สวัสดีครับ ! ”
( หม่าม้าาาาาา ! )
ปลายสายที่กรอกลงลงเป็นเสียงใสของเด็กชายวัยอนุบาลที่กำลังฝึกพูดจาดังเข้ามา น้ำเสียงที่ติดงอแงจะร้องไห้ ทำเอาคนเป็นแม่แทบเบิกตาโพลง เสียงนี้เขาจำได้ขึ้นใจดีว่านี่เป็นเสียงของ อีชาน ลูกชายแสนน่ารักที่เขากับซึงชอลรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณแม่ของซึงชอลอยากมีหลานแต่พวกเขามีให้ไม่ได้จึงไปรับเด็กมาเลี้ยง แน่นอนว่าเด็กน้อยของเขาเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน ไม่นำปัญหามาทำให้พวกเขาต้องปวดหัวเป็นวันๆ นั่นแหละคือข้อดีของลูกชายที่น่ารัก แต่ข้อเสียคือลูกชายของเขาเห็นว่าเป็นเด็กดีก็จริง แต่เด็กคนนี้ขี้น้อยใจมาก !
... กลับบ้านดึกลูกต้องน้อยใจอีกแล้วแน่ๆ
“ ครับน้องชาน เดี๋ยวหม่าม๊ากำลังกลับบ้านแล้วนะ ”
( หม่าม๊ากลับดึกอีกแล้วอ่ะ )
“ หม่าม๊าขอโทษครับบ ตอนนี้กำลังกลับแล้วนะ ”
( หม่าม๊ารีบๆกลับมาเร็วนะ ปะป๊าทำอาหารไว้รอตั้งนานแล้วอ่ะ ) ยิ่งเด็กน้อยเอ่ยถึงบุคคลที่สาม หัวใจของจีฮุนก็ยิ่งรู้สึกหน่วงลงกลางอกเข้าไปอีก มันจะไม่ใช่อะไรเลยถ้าเขาดันลืมวันสำคัญของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับยังคงทำให้มันเป็นวันสำคัญด้วยการทำอาหารพร้อมรอทานข้าวด้วยแบบนี้
“ โอเคครับเดี๋ยวหม่าม๊ารีบกลับไปแล้วนะ บอกปะป๊ารอประมาณสิบนาที ”
( ให้พี่ไปรับไหม ? ) คราวนี้ปลายสายกลับไม่ใช่ลูกชายสุดที่รักของตัวเอง แต่เป็นคนที่ทำให้หัวใจไหววูบผิดไปหนึ่งจังหวะ สงสัยว่าเด็กน้อยของเขาคงวิ่งไปดูรายการโทรทัศน์สุดโปรดที่กำลังฉายอยู่แล้วแน่ๆ เลยปล่อยให้พ่อแม่ของตัวเองได้คุยกัน แต่แล้วร่างเล็กก็เลือกที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้
“ ไม่ต้องอ่ะ พี่อยู่บ้านดูแลลูกเดี๋ยวเรารีบกลับไป ”
( แน่ใจนะว่ากลับเองได้ ? )
“ เดี๋ยวอีกสิบนาทีไปยืนอยู่ตรงหน้าพี่เลย แค่นี้นะ ” ร่างเล็กชิงตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะรีบกวาดข้าวของลงไปในกระเป๋าและรีบวิ่งออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านทันที
ถ้าถามว่าทำไมอีจีฮุนคนขี้หลงขี้ลืมถึงโชคดีที่มีคนรักเอาใจใส่แบบนี้ก็คงให้คำตอบอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าหาซึงชอลก่อน แต่ตรงกันข้าม คนรักของเขาที่เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทกลับเลือกที่จะเข้าหาคนบ้างานเป็นชีวิตจิตใจอย่างจีฮุนคนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นในสายตาใครๆ ซ้ำร้ายยังเป็นคนไม่ค่อยสนใจใครจนคนในบริษัทมักหมั่นไส้อยู่บ่อยๆอีก
ในคราแรกที่เจอกันแน่นอนว่าพวกเขาทะเลาะกันบ่อยมาก ด้วยความที่ซึงชอลเป็นคนจู้จี้จุกจิกคอยกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ส่วนคนถูกกดดันอย่างจีฮุนก็ชอบโวยวายออกมาด้วยความหงุดหงิดบ่อยๆ แต่ไฉนสุดท้ายกลับลงเอยด้วยการเป็นสามีภรรยากันจนได้ แต่แน่นอนว่าถึงความจริงแล้วอีจีฮุนจะรักชเวซึงชอลมากแค่ไหน แต่ในบริษัทพวกเขาก็ต้องเล่นละครตบตาคนในบริษัทด้วยการเป็นคู่อริกันเหมือนเดิม พอหลังจากพวกเขาเป็นคนรักกัน ชเวซึงชอลกลายเป็นคนใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ หรืออาจจะใส่ใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเขาก็ไม่แน่ใจ จนบางครั้งจีฮุนเองก็รู้สึกผิดและอยากให้ซึงชอลเลิกสนใจเขา แล้วหันไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ แต่พอได้ยินคำตอบจากคนรัก อีจีฮุนก็แทบลืมไปหมดเลยว่าทิฐิที่พยายามผลักให้อีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาก้าวก่ายชีวิตตัวเองมันล้มหายไปได้อย่างไร
‘ นอกจากแม่พี่แล้วก็มีเรานี่แหละที่เป็นคนสำคัญในชีวิตพี่ แล้วจะไม่ให้พี่สนใจคนที่พี่รักอย่างเราได้ไง ’
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าน่ารักก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวจนเผลอยกมือขึ้นอังพวงแก้มเนียนนิ่มอย่างช่วยไม่ได้ แม้เวลาทำงาน ชเวซึงชอลจะเป็นบุคคลที่อีจีฮุนไม่อยากเข้าใกล้หรือแม้แต่จะป้วนเปี้ยนในห้องทำงานด้วยก็จริง แต่พอหมดเวลาทำงาน คนที่อีจีฮุนอยากอยู่ใกล้มากที่สุดกลับเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชเวซึงชอลคนเดิม เพิ่มเติมคือความอบอุ่นที่มีมาให้เสมอ แต่ในเวลานี้เขาคิดว่าคงไม่ได้รับความอบอุ่นอะไรทำนองนั้นแล้วแน่ๆ
... เพราะรถโดยสารที่เขานั่งอยู่ดันมาชะงักอยู่บนถนนที่การจราจรติดขัดอยู่แบบนี้มาร่วมชั่วโมงแล้วเนี่ยน่ะสิ่ !
ไปสัญญาไว้ว่าจะไปให้ถึงบ้านภายในสิบนาที แต่ก็ลืมไปสนิทว่าช่วงเวลาแบบนี้ผู้คนกำลังทยอยกลับบ้านกันอีก นึกขึ้นได้ก็ยกกำปั้นเล็กขึ้นมาเขกศีรษะตัวเองหนึ่งทีเพื่อเป็นการลงโทษสมองที่ขี้หลงขี้ลืมแบบนี้ รู้อย่างนี้ก็ไม่น่าจะทิฐิสูงทำหยิ่งจะกลับเองเลยแท้ๆ ครั้นจะให้ลงเดินจากตรงนี้เพื่อกลับบ้านก็คงจะขาพังกันไปก่อน แม้ว่าใจอยากกลับบ้านมากแค่ไหนแต่สุดท้ายจีฮุนก็ทำได้แค่ปั้นหน้าเซ็งถอนหายใจพร้อมเท้าคางกับริมกระจกรถโดยสารสีเขียวอย่างหน่ายใจ ที่หน่ายใจไม่ใช่เพราะการจราจรที่ติดขัดในเวลานี้ แต่เป็นอีจีฮุนคนนี้ไม่เคยทำอะไรให้คนรักของเขาพอใจได้เลยสักครั้ง ปกติเขาไม่ใช่คนผิดนัดแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุสุดวิสัยหรืออะไรก็ตามเขาก็ไม่อยากทำตัวผิดคำพูดแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งถอนหายใจออกมาพรูใหญ่ นึกได้แค่ว่าเดี๋ยวถึงบ้านค่อยไปขอโทษทั้งคุณพ่อและคุณลูกที่บ้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็น่าจะเพียงพอ
ครืดดด .. ครืดดดด ...
“ สวัสดีคร้าบ ” จีฮุนกรอกเสียงเนือยรับทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงมารับสายโดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าใครเป็นเจ้าของปลายสายนี้ นัยน์ตาเรียวยังคงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างที่มียานพาหนะจำนวนมากที่ไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนตัวเลยแม้แต่น้อยพร้อมถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สาม อีจีฮุนคิดว่าในอนาคตเขาอาจจะแก่มากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะถอนหายใจออกมาหลายรอบแบบนี้
( อยู่ไหนแล้วจีฮุน ? )
และอีจีฮุนคนนี้ก็ไม่เคยเดาพลาด ปลายสายที่กำลังพูดคุยกับเขาอยู่ไม่ใช่ใครนอกจากสามีของเขาที่คงนั่งรอจนทนไม่ไหวแล้วแน่ๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยังคงอยู่บนถนนไม่พอ อยู่กลางถนนอีกต่างหาก พอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือปนความเป็นห่วงไม่มีความตวัดน้ำเสียงระคนน้อยใจ จีฮุนแทบจะเบะปากเบ้หน้าออกมาเสียง่ายๆ
... อยู่ๆเขาก็คิดถึงคุณสามีขี้น้อยใจที่รออยู่ที่บ้านขึ้นมาจับใจน่ะสิ่ ไม่เข้าใจจริงๆเลย
“ บนรถเมล์อ่ะ .. อยากกลับบ้านแล้ว ”
( บอกแล้วว่าให้พี่ไปรับก็ไม่เชื่อ )
“ มันไม่ทันแล้วนี่นา ... แล้วลูกล่ะ ? ”
( ทนรอไม่ไหวหนีไปนอนแล้ว ) พอได้ยินจากปลายสายว่าลูกชายของเขาเข้านอนเรียบร้อยแล้วก็ลอบโล่งใจอยู่หน่อยๆเพราะจีฮุนไม่อยากให้ลูกชายมานั่งรอเขาแบบนั้น แถมเวลานี้มันสมควรแก่การนอนของเด็กแล้ว ในเวลานี้ก็คงเหลือเพียงคุณพ่อคนเดียวของบ้านแล้วสิ่นะ
“ พี่ซึงชอล ”
( ว่าไงหืม ? ) คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมว่าทันทีที่ปลายสายเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าของคนตัวเล็กก็แทบขึ้นสีระเรื่อจางๆแถมรอยยิ้มหวานก็ยกขึ้นแต่งแต้มบนใบหน้าชวนน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน ทันที่ที่อีจีฮุนยิ้มออกมานั้นความเฉิ่มและเฉยชาด้วยใบหน้านิ่งก็มลายหายไปทันที
“ คิดถึงพี่อ่ะ ... ”
( ... )
“ คิดถึงพี่ .. จริงๆนะ ”
( กำลังทำตัวน่ารักให้คนอื่นมองอยู่รึไง พี่หวงนะ )
“ บ้าเหรอ ! ใครเขาจะไปอยากมองกัน ”
( ไม่รู้ตัวรึไงเวลาเรายิ้มน่ะ น่ารักจนคนหันมามองหมดแล้ว ) ปลายสายพูดแบบนั้น สายตาของจีฮุนก็แอบเหลือบมองผู้โดยสารในรถประจำทาง ก็เห็นว่ามีบางคนมองมาทางเขาอยู่จริงๆ ก็รีบยกมือปิดหน้าทันที
“ ฮื่อ ”
( คืนนี้ไม่ได้นอนแน่ๆล่ะ พี่จะให้เรายิ้มให้พี่ดูทั้งคืนเลย )
“ บ้าอ่ะพี่ซึงชอล พูดอะไรเนี่ย ”
( ก็พูดตามที่ได้ยินนั่นแหละ แล้วตอนนี้รถเคลื่อนตัวรึยัง ? )
“ อื้อ เคลื่อนแล้วๆ ” จีฮุนตอบตามที่ตนเองเห็น รถโดยสารของเขาเริ่มเคลื่อนตัวออกไปได้บ้างแล้ว หลังจากที่ชะงักมานานเกือบชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าอีกไม่กี่นาทีร่างเล็กของเขาจะไปยืนรอที่หน้าบ้านตามที่ให้สัญญาไว้แล้ว
( งั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวเจอกัㅡ)
“ พี่ซึงชอล ”
( หืม ? )
“ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ่ ไว้ถึงบ้านค่อยวางสาย .. นะ ”
และเสียงพูดคุยโทรศัพท์ก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับว่าคนพูดมีเรื่องเล่ามาร้อยแปดอย่างโดยที่ปลายสายก็ตั้งใจฟังราวกับว่าเรื่องที่คนตัวเล็กเล่านั้นไม่มีความน่าเบื่อเลยสักนิด
x.
กว่าจะถึงบ้านอย่างจริงๆจังๆก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า ไม่ใช่ว่าผ่านจากตรงนั้นแล้วรถจะไม่ติดอีก ซ้ำร้าย การเคลื่อนรถครั้งละนิดละหน่อยยิ่งที่ให้จีฮุนหงุดหงิดมาก นึกเกรงใจค่าโทรศัพท์อีกฝ่ายจึงขอวางสายไปก่อนและเลือกที่จะนั่งแกร่วบนรถโดยสารเพียงลำพัง แต่แล้วความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตลอดการเดินทางก็หายไป เมื่อปลายเท้าตรงมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นที่เขาต้องการมาถึงตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วเสียที จีฮุนดันประตูรั้วบ้านที่ถูกสร้างด้วยไม้สีเข้มสวยพร้อมพาร่างตัวเองเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านและล็อกประตูรั้วหน้าบ้านตามหน้าที่ของคนเข้าบ้านคนสุดท้าย ร่างเล็กเดินตามทางลาดที่ทั้งสองข้างทางมีแสงไฟสีนวลอ่อนจากโคมไฟสนามโซล่าเซลล์ต้นเล็กเรียงเป็นทางตรงสวนหย่อมขนาดย่อมที่จัดให้เข้ากับตัวบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปที่บานประตูไม้สีอ่อนซึ่งตรงอยู่ตรงหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่
ทันทีที่เปิดประตูไม้บานใหญ่ก้าวเท้าเข้ามาในตัวบ้านหลังสวยนี้แล้ว จีฮุนก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ในห้องรับแขกขนาดกว้างเลยแม้แต่คนเดียว บางทีสามีของเขาอาจจะเข้านอนไปแล้วก็เป็นได้ นึกได้แบบนั้นสองเท้าเล็กที่สวมสลิปเปอร์สีเทาก้าวเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหยิบน้ำเย็นที่แช่อยู่ในตู้เย็นออกมาดื่มดับกระหายให้ชื่นใจ ระหว่างที่กำลังดื่มน้ำนั้น สายตาเรียวมองเห็นจานสีขาวที่เต็มไปด้วยอาหารจานโปรดสองจานที่ถูกแรปด้วยพลาสติกราวกับว่าคนทำกำลังรอทานพร้อมกันอย่างไรอย่างนั้น และอีจีฮุนก็มั่นใจได้ว่าคนจัดการอุ่นอาหารในจานสองใบนี้ยังไม่นอนแน่ๆ จึงรีบเดินออกจากห้องครัวเพื่อไปยังห้องที่ด้านในสุดของบ้านทันที ทำไมถึงรู้ว่าชเวซึงชอลยังไม่นอนน่ะเหรอ
... ก็ไอร้อนที่อุ่นอาหารยังคงแผ่ตัวเป็นผืนอยู่บนพลาสติกอยู่เลย
“ กลับมาแล้วครับบ ”
ใบหน้าน่ารักชะเง้อผ่านบานประตูห้องนอน กวาดสายตาไปรอบห้องนอนสีขาวสะอาดขนาดสี่เหลี่ยมกว้างพบว่า นอกจากเตียงนอนขนาดกว้างที่เพียงพอสำหรับการนอนสองคนตั้งอยู่ตรงกลางห้องแล้ว ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าของห้องอีกคนอยู่ภายในห้องเลย จีฮุนเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย วางสัมภาระทั้งหมดไว้บนโต๊ะทำงานที่ตั้งไว้มุมห้อง นิ้วเรียวปลดกระดุมแขนเสื้อออก พับมันถึงข้อศอกขาวทั้งสองข้าง ดึงชายเสื้อออกจากกางเกง ถอดเนคไทสีเทาอ่อนออกจากปกคอเสื้อ จัดแจงเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพผ่อนคลายมากที่สุด นัยน์ตาคมเหลือบเห็นบานประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทก็นึกได้ว่าบางทีคนรักของเขาอาจจะอยู่ในนั้นก็เป็นได้
... และจะขอบอกอีกครั้งว่า อีจีฮุนไม่เคยเดาอะไรพลาด
นัยน์ตาเรียวลอบมองร่างหนาเจ้าของกลุ่มผมสีดำสนิทกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดไม่กว้างมากที่เต็มไปด้วยฟองสบู่นุ่ม ดวงตากลมที่มักทอดมองเขาอย่างอ่อนโยนกำลังหลับตาพริ้มอยู่ ในขณะที่นิ้วหนายังคงเคาะขอบอ่างเป็นจังหวะ ดูท่าทางจะไม่ได้รับรู้การกลับมาของเขาเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้ใบหน้าน่ารักงอง้ำลง ก่อนจะเดินไปใกล้อ่างอาบน้ำที่อีกฝ่ายใช้งานอยู่และหย่อนตัวนั่งยองจนใบหน้าขนานกับขอบอ่างสีขาว ดวงตาเรียวยังคงไล้สาตามองตั้งแต่ศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำสนิท โครงหน้าหล่อจรดลำคอแกร่งของคนรักไม่วางตาพลางยกท่อนแขนขึ้นมากเกยคางเล็กของตัวเอง
มันคือความจริงที่ใครต่อใครต่างบอกว่าชเวซึงชอลเป็นคนหล่อและหน้าตาดี ไม่แปลกใจที่สาวๆในออฟฟิศต่างหมายปองสามีของเขาและเกลียดอีจีฮุนคนนี้อย่างกับมีเซนส์ว่าตัวเขาเป็นคนเกี่ยวข้องกับคนตรงหน้า แม้ในใจลึกๆเขาค่อนข้างหวงคนรักอยู่ไม่น้อย แต่เพราะจีฮุนแยกแยะและเชื่อใจคนรักของตัวเองมากพอเลยไม่แสดงท่าทีที่ทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยใจออกไป สุดท้ายแล้ว อีจีฮุนก็เลือกที่จะเป็นเพียงแค่หัวหน้าแผนกเอชอาร์สุดเฉิ่มและทำตัวไม่เป็นที่น่ารักสำหรับผู้จัดการกับลูกทีมและให้สามีของเขากลายเป็นคนโสดในสายตาของทุกคนในบริษัทอยู่ดี
“ จ้องขนาดนี้ไม่คิดจะจูบกันหน่อยเหรอหืม ? ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบภายในห้องน้ำที่มีเพียงเขาและภรรยาตัวเล็กโดยยังไม่ลืมตามองอีกฝ่ายที่จดจ้องเขานานร่วมสามนาทีได้
“ ไม่จูบหรอก ”
“ … ทำพี่น้อยใจสองรอบติดแล้วนะ จีฮุนนา ”
“ อะไรกันเล่า ถ้าเรื่องวันเกิด เราขอโทษที่ลืม ก็ไม่ได้ตั้งใจจะลืมสักหน่อย ”
“ … ”
“ รู้ด้วยว่าไม่ค่อยมีเวลาให้พี่เลย พี่เลยน้อยใจใช่ไหมล่ะ วันหลังจะไม่โหมงานหนักแบบนี้แล้วก็ได้ ”
จีฮุนมุ่ยหน้าลงเมื่อคนรักจี้ใจดำเขาอีกรอบ และคำพูดที่เอ่ยออกมาของเขาก็ทำให้นัยน์ตากลมที่หลุบลงตลอดต้องค่อยๆลืมตามองคนตัวเล็กที่มุ่ยหน้าอยู่ข้างๆ นัยน์ตากลมคมมองคนรักด้วยแววตาประกายเป็นห่วง ไม่ได้นึกโกรธหรือน้อยใจอะไรอย่างที่เคยบอกไปเลยแม้แต่น้อย
“ จีฮุนนา .. รู้ใช่ไหมว่าพี่ห่วงเรามาก ”
“ .. อื้อ ”
“ เราน่ะทำงานหนักเกินไปแล้ว พี่ไม่อยากให้ภรรยาของพี่เป็นอัลไซเมอร์ก่อนวัยหรอกนะ ”
ยิ่งได้ยินถ้อยคำแสดงความเป็นห่วงที่ออกมาจากใจของคุณสามี คนตัวเล็กก็ทำได้แค่เพียงหลบสายตาคมของคนรัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวงแก้มเนียนนิ่มขึ้นสีแดงระเรื่อซ่อนหายไปจากสายตาคมได้ ซึงชอลที่เห็นอากัปกิริยาแสนน่ารักก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาบีบพวงแก้มนิ่มแดงอ่อนอย่างเบามือ
“ รู้แล้วหน่า ”
“ รู้แล้วต้องทำไง ? ”
“ สัญญาว่าจะไม่ทำงานหนักเกินแล้ว ” ไม่ว่าเปล่า นิ้วก้อยเรียวถูกชูขึ้นไปอยู่ตรงหน้าคนรักที่ยกยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนที่ข้อนิ้วก้อยหนาของซึงชอลเกี่ยวรับคำสัญญาจากคนตัวเล็ก
“ ทำให้ได้อย่างที่สัญญานะ ”
“ อยู่แล้วหน่า แล้วไหนอ่ะ ? ” ฝ่ามือเล็กข้างที่ไม่ได้เกี่ยวก้อยแบออกพร้อมยื่นไปตรงหน้าสามี ไม่พอยังกวักขึ้นลงราวกับกำลังจะทวงของของตัวเอง สร้างความงุนงงให้กับคนตัวใหญ่กว่าที่แช่ตัวอยู่ในน้ำพอสมควร
“ หืม ? ”
“ ของขวัญวันเกิดของเรา อีกไม่กี่ชั่วโมงจะวันเกิดแล้วนะ ”
“ ถ้าอยากได้ของขวัญวันเกิดจากพี่ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนอะไรกันหน่อยสิ่ จีฮุนนา ”
“ ห .. เห้ย ! ”
ซ่า !
สิ้นเสียงทุ้มนุ่มของคนรัก ร่างเล็กที่กำลังลุกขึ้นยืนก็ถึงกับเซถลาลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างไม่ทันระวัง เมื่อซึงชอลคว้าหมับลงที่มือเรียวสวยของคนรักพร้อมดึงให้ร่างเล็กที่อยู่ตรงขอบอ่างอาบน้ำให้ลงมาแช่น้ำด้วยกัน ทันทีที่ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมอง นัยน์ตาคู่สวยก็ทำให้ก้อนหัวใจของคนตัวโตกว่าสั่นผิดจังหวะได้โดยไม่ทันตั้งตัว สภาพของอีจีฮุนในตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด ฝ่ามือเล็กยกลูบใบหน้าเพื่อเช็ดน้ำสบู่ที่เปรอะเปื้อนไปทั่ว โชคดีที่คนตัวเล็กกว่าหลับตาทันน้ำสบู่จึงไม่เข้าตา กลุ่มผมนิ่มจากที่ฟูฟองดูมีน้ำหนัก กลับกลายเป็นว่าผมนิ่มลู่ลงแนบกับศีรษะเล็ก นัยน์ตาคมไล้สายตาลงมาที่ส่วนร่างกายที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกแนบเนื้อปกคลุมผิวขาวเนียนอยู่จางๆ ไหนจะกางเกงสแล็คที่สวมใส่ไปทำงานดูจะแนบเนื้อไม่ต่างกับเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ ทำเอาร่างหนาถึงกับลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นสภาพที่ดูยั่วยวนของคนรัก
แต่ที่ชเวซึงชอลไม่หัวเราะออกมาก็คงเป็นเพราะบั้นท้ายกลมของคนตัวเล็กกำลังขยับไปมาเพื่อจัดแจงเสื้อผ้าที่เปียกโชกทั้งๆที่เจ้าตัวนั่งอยู่บนหน้าตักแกร่งของเขาอยู่ ราวกับกำลังแก้แค้นเขาคืนอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งสะโพกมนถูไถไปมาบนต้นขาแข็งแรง ซึงชอลก็ยิ่งขบกรามกลั้นเสียงเอาไว้แน่น นัยน์ตากลมหลับลงเพื่อควบคุมสติที่เริ่มเหลือน้อยลงของตัวเอง
.. ก็เพราะคนตัวเล็กขยับตัวไปมาโดนจุดกลางลำตัวของเขาอยู่นั่นไงล่ะ
“ ... ”
“ เล่นบ้าอะไรอ่ะพี่ซึงชอล เปียกหมดแล้วเห็นไหม ”
“ อ .. อือ เห็น ”
“ เป็นอะไรไปอ่ะพี่ซึงชอล ” ไม่ว่าเปล่า ท่อนแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งของคนที่เป็นสามีพลางโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหล่อพร้อมยกยิ้มหวานส่งมอบให้ร่างหนาที่ลืมตาขึ้นมองคนตัวเล็กที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้นัยน์ตาของพวกเขาไม่ละจากกันไปไหน แต่กลับจ้องประสานกันอย่างมีความหมาย
“ อือ .. ร้ายนักนะอีจีฮุน ”
“ คิ เราเปล่าร้ายนะ เราเป็นคนเฉิ่มๆ ยังไม่รู้อีกเหรอ ”
“ แล้วคนเฉิ่มของพี่จะเอาอะไรมาแลกกับของขวัญวันเกิดล่ะหืม ” ท่อนแขนแข็งแรงของซึงชอลโอบกอดรอบเอวเล็กแน่นพร้อมดันร่างเล็กให้เข้ามาใกล้มากขึ้นจนกลายเป็นว่าพื้นที่ว่างระยะห่างระหว่างกันเหลือน้อยจนแทบไม่เหลือให้อากาศได้ผ่านอีก นัยน์ตาเรียวจดจ้องด้วยแววตาประกายระริกก่อนจะยกยิ้มหวานให้สามี กระชับรอบแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้าน่ารักเข้าใกล้จนปลายจมูกแตะกันเบาๆและประทับริมฝีปากนิ่มหยุ่นลงบนริมฝีปากหนาอย่างอ่อนโยนหลังจากที่เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนตัวโตกว่าต้องหลุดยิ้มออกมาทันที
“ ก็ว่าจะแลกของขวัญของพี่ด้วยเวลาว่างของเราทั้งคืนนี้ไง ”
ทันทีที่สิ้นเสียงหวานเอ่ยบอก ชเวซึงชอลยกมือขึ้นประคองใบหน้าพร้อมพรมจูบริมฝีปากเรียวเล็กนิ่มที่เขาติดใจไม่มีเบื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปลายลิ้นร้อนๆสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากหวานเพื่อควานหาความหวานภายในปาก มือทั้งสองกำไหล่หนาของคนรักด้วยความเขินอาย จีฮุนตอบรับรสจูบอย่างคนรู้หน้าที่ ยิ่งริมฝีปากพวกเขาประทับจูบกันเนิ่นนานเท่าไร ความร้อนในตัวก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามีความสัมพันธ์แสนลึกซึ้ง แต่ก็ไมได้หมายความว่าพวกเขาจะมีเวลาทำอะไรแบบนี้บ่อยๆเช่นกัน
ปลายนิ้วหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกชุ่มทีละเม็ด ค่อยๆเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดอย่างชัดเจน แน่นอนว่าใบหน้าน่ารักของจีฮุนแดงมากกว่าเดิมหลายเท่า ริมฝีปากขบเม้มอย่างเขินอาย แต่ทว่าเสียงหวานครางดังขึ้นเมื่อริมฝีปากหนาของคนรักเริ่มซุกไซร้ตั้งแต่พวงแก้มเนียนนิ่มไล้ลงมาที่สันกรามก่อนจะซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างโหยหา จีฮุนยังคงครางอืออึงพร้อมแผ่นอกบางที่กระพรึ่มขึ้นลงถี่กว่าปกติ ใบหน้าหล่อโน้มเข้าใกล้ก่อนกระซิบสียงทุ้มผ่านใบหูเล็กอย่างแผ่วเบา
“ จะในนี้หรือบนเตียง ? ”
“ อ .. อื้อ ... ”
“ หืม ? ”
“ บนเตียง .. นะ ” ยิ่งเสียงใสเอ่ยอ้อนออกมาพร้อมใบหน้าน่ารักที่ฉายแววตาออดอ้อน ชเวซึงชอลก็ชักทนไม่ได้ที่จะไม่ฟัดร่างเล็กนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ความอดทนของชเวซึงชอลใกล้จะหมดลงแล้วจริงๆ
“ ได้ครับที่รัก ”
(cut scene : ไปตามล่าหาได้ในทวิตเราและแท็ก #pnn17fic นะฮับอิอิ)
เสียงลมหายใจหอบยังคงดังก้องโสตประสาทของพวกเขา แม้จะเหนื่อยแทบขาดใจแค่ไหน แต่คนเป็นภรรยาก็ยังคงเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆพร้อมโอบกอดรอบคอของสามีเอาไว้แน่น ใบหน้าน่ารักซบลงเข้ากับไหล่แกร่งอย่างออดอ้อน และสามีร่างหนาที่ยังไม่ผละร่างกายออกจากตัวคนตัวเล็กก็ยกท่อนแขนโอบรอบตัวคนรักอีกทะนุถนอม
.. มันคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้วในวันนี้
วันที่ล่วงเลยเข้ามาในวันที่ยี่สิบสองพฤศจิกายน
“ สุขสันต์วันเกิดนะจีฮุนที่รักของพี่ ”
“ อื้อ .. ขอบคุณนะ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังเหมือนกันพี่ซึงชอล ”
“ ขอบคุณครับ ” จมูกโด่งสูดดมความหอมละมุนของคนรักจากพวงแก้มนิ่มจนเต็มปอดพร้อมยกยิ้มอ่อนโยนส่งกลับไป
“ เรารักพี่นะ ”
“ พี่ก็รักจีฮุนนะ .. ส่วนของขวัญวันเกิดเราน่ะ ”
“ … ”
ทันทีที่คนรักเอ่ยถึงของขวัญวันเกิดของตัวเอง นัยน์ตาหวานช้อนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาประกายราวกับไม่มีท่าทีเหนื่อยเพลียจากกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นมาเลยสักนิด และเมื่อได้ยินของขวัญที่คนรักต้องการเซอร์ไพร์สกับเขา ใบหน้าน่ารักของอีจีฮุนก็ประกายสดใสขึ้นมาทันทีเพราะรอยยิ้มกว้างระเด็กน้อยที่ดีใจได้ของขวัญที่ถูกอกถูกใจ ท่อนแขนเล็กยิ่งกอดรัดรอบคอแน่นและร้องดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด สิ่งที่สามีของเขามอบให้เป็นของขวัญวันเกิด คือสิ่งที่จีฮุนเคยพูดเอาไว้ตอนที่พวกเขาคบหาดูใจกันใหม่ๆ และยิ่งดีใจปนปลื้มใจเมื่อสามีคนชอบเอาใจใส่ทุกรายละเอียดของเขาไม่ได้ลืมในสิ่งที่เขาปรารถนาทุกอย่างจริงๆ
“ เห็นว่าภรรยาของพี่บอกไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากไปเที่ยวสวิส ก็เลยซื้อตั๋วไว้ว่าสัปดาห์หน้าจะพาไปเที่ยวสักสองอาทิตย์ ... เป็นไงล่ะ ? ”
“ จริงเหรอ !! เย้ !!!! สามีของเราน่ารักที่สุดเลย !! ”
ใครจะรู้ว่าการไปสวิสครั้งนี้จะไม่ใช่แค่เป็นการไปเที่ยวธรรมดาทั่วๆไปอย่างที่เข้าใจกันล่ะ ... J
FIN.
- 161122 -
สวัสดีตอนที่ยี่สิบสองค่ะ
ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดของจีฮุนนี่ที่น่ารัก
#우리_지훈이_태어나줘서_고마워 #HAPPYWOOZIDAY
แต่งฟิคฉลองและลงได้ทันเวลาด้วย กี้ส T_T (ปกตินกออลเวย์ส)
ฟิคจีชอลเรื่องนี้ความจริงแล้วเราจะแต่งแฮปพี่ช่อนแหละค่ะ แต่นกจิ้บจิ้บเลยเอามาลงวันเกิดจีฮุนแทน
แต่งไปแต่งมากลัวความไม่เมคเซนส์ของตัวเองที่มีต่อฟิคมาก
หวังว่าคนอ่านจะไม่ฆ่าและด่าในความบ้าบอของเรานะคะ ฮุกกกกกก
ขอขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านด้วยน้า อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก(ที่แปะไว้หน้าหลัก) -> #pnn17fic
หรือว่าจะเมนชั่นมาพูดคุยก็ได้นะครัชชช ; w ;
เจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

//ไรท์สู้ๆนะคะ สู้วววว~