ตอนที่ 2 : - 02 : it would be nice | soonyoung x jihoon ft.chan 。
IT WOULD BE NICE | SOONYOUNG x JIHOON ft.CHAN
AU / pg – 15 / drama-romantic
(ลองเปิดฟังดูเพื่อความอรรถรสนาจา)
ปล. ขอบอกตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าเราไม่ถนัดเรียกชื่อสเตจเนมของเด็กๆเซบทีน
ฉะนั้นในฟิคทุกๆเรื่อง เราขอใช้ชื่อจริงของเด็กๆแทนนะคะ :-)
... มันคงจะดี
ถ้าฉันจับมือของคุณแน่นๆและเดินไปบนถนน
ฉันจะมีแค่คุณ ... มันคงจะดีถ้าคุณได้รู้ ...
มันคงจะดี …
บรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ได้ร้อนจัดจนเกินไป มาพร้อมกับเสียงดังโหวกเหวกชวนหนวกหูไปทั่วตึกโดยเฉพาะต้นกำเนิดเสียงจากด้านตึกห้องเรียนชั้นปีที่สองตั้งแต่ห้อง A ถึงห้องD แสดงให้รับรู้แทนกริ่งโรงเรียนสีแดงที่ติดอยู่บนฝาผนังเหนือหัวของทุกๆห้องว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว นักเรียนทุกคนต่างส่งเสียงดัง บ้างก็วิ่งไปหาเพื่อนต่างห้อง บ้างก็หันหลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน บางส่วนก็รีบเก็บของใส่สัมภาระแล้ววิ่งออกจากห้องเรียนไปซึ่งเป้าหมายของคนกลุ่มนั้น หากไม่ใช่ร้านเกมก็อาจจะเป็นย่านอาหารใกล้ๆโรงเรียนก็เป็นได้ เว้นเสียแต่ใครบางคนที่กำลังค่อยๆเก็บของอย่างใจเย็น
ภายในห้องเรียนของชั้นปีที่สอง ห้องC แม้ว่าจะยังมีนักเรียนอยู่ไม่มากนัก แต่เสียงก็ยังดังไม่ลดลงแม้แต่น้อย บริเวณโต๊ะเรียนหน้าห้องนั้นเผยให้เห็นร่างหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาทำการอะไรบางอย่าง
มือเล็กหยิบของบนโต๊ะแต่ละชิ้นลงใส่กระเป๋า ตั้งแต่สมุดเล่มบาง หนังสือวิชาภาษาเกาหลีเล่มหนา พจนานุกรมเล่มเล็ก ไปจนถึงกล่องดินสอสีแดงโปร่ง ด้วยความไม่เร่งรีบ สักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่ดังกลบเพื่อนๆในห้องทำเอาร่างเล็กหันใบหน้าน่ารักไปมองต้นเสียงทันที
“ อีจีฮุน ! กลับบ้านกัน ! ”
พอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นหมายถึงตนเอง ก็รีบพยักหน้าตอบรับพร้อมรูดซิปกระเป๋านักเรียนสีแดงสดจนสนิทและลุกขึ้นชิดเก้าอี้ให้เรียบร้อย สองขาเล็กรีบของจีฮุนเดินไปหลังห้องที่มีใครบางคนยืนพิงขอบประตูห้องเรียนรอพลางทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียกที่เดินผ่านไปมาและทักเขาอยู่
ร่างสูงโปร่งกว่าตัวเองเล็กน้อย ใบหน้าหล่อที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือดวงตาที่เรียวคมชี้หางขึ้นไปเล็กน้อยเข้ารับกับกลุ่มผมหนาสีดำสนิท บนใบหน้าหล่อนั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มร่าเริงทำเอาใครต่อหลายคนพากันมองความสดใสของเขา
... รวมถึงตัวของจีฮุนก็ด้วยเช่นกัน ...
“ ขอโทษทีซูนยอง นายมารอนานรึยัง ? ” จีฮุนเอ่ยถามพลางกระชับสายสะพายกระเป๋าเป้สีแดงสดของตนให้กระชับ คนตัวสูงกว่า เจ้าของชื่อ ควอนซูนยอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงตอบกลับอีกฝ่ายไป
“ เพิ่งมายืนรอน่ะ กลับบ้านกันเถอะ ”
ในระหว่างที่เด็กชายวัยมัธยมปลายทั้งสองคนกำลังเดินเลียบข้างทางที่มีกลุ่มแมกไม้เขียวขจีสลับเข้มอ่อนปกคลุมทั้งสองข้างทาง ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสดใสมากขึ้นเมื่อแสงแดดยามเย็นส่องผ่านช่องว่างของกลุ่มใบไม้เข้มอ่อนเหล่านั้น สายลมอ่อนที่พัดแผ่วผ่านตัวพวกเขาทั้งสองคนไปนั้นชวนให้รู้สึกสบายกายอยู่ไม่น้อย
ไม่มีคำพูดใดๆมาทำลายบรรยากาศแสนเงียบเชียบที่ผิดปกติไปจากทุกวันที่ขากลับจากโรงเรียนทั้งสองคนนี้จะมีเรื่องราวชวนพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แต่ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ซูนยองเบนหน้ามองไปเรื่อยๆตามถนนทางด้านขวา มือหนาข้างหนึ่งซุกลงไปในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่มืออีกข้างนั้นกวัดแกว่งไปมาตามจังหวะอย่างเงียบๆผิดแปลกไปจากทุกที ส่วนจีฮุนนั้นเสมองใบหน้าน่ารักมองไปเรื่อยตามฝั่งสนามเด็กเล่นที่อยู่ทางด้านซ้าย มือเล็กข้างหนึ่งกระชับสายกระพายแน่นอีกข้างก็ปล่อยให้กวัดแกว่งไปตามจังหวะการเดิน ฝีเท้าทั้งสองคู่ก้าวพร้อมกันในจังหวะเดียวกัน แม้ว่าต่างคนจะต่างแอบมองอีกฝ่ายโดยที่ฝ่ายนั้นไม่รู้ตัว
... และก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจว่า มือทั้งสองข้างกำลังชนกันไปมาอยู่ก็ตาม ...
ร่างเล็กเม้มริมฝีปากเรียวเล็กแน่นพลางยกมือข้างที่กวัดแกว่งชนมือหนาไปมาขึ้นมาจัดผม ส่วนอีกฝ่ายนั้นยกมือข้างที่ชนมือเล็กไปมายกขึ้นมาเกาศีรษะแก้เก้อ โดยที่ซูนยองไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าใบหน้าของคนตัวเล็กกำลังแดงระเรื่อรับกับใบหน้าขาวน่ารักนั้นอยู่
ที่ทั้งสองคนนี้จะกลับบ้านไปด้วยกันก็ไม่แปลก นั่นเป็นเพราะว่าทั้งซูนยองและจีฮุนต่างเป็นเพื่อนบ้านกันและกัน ในช่วงสามปีที่ผ่านมา คนตัวเล็กได้ย้ายถิ่นจากบ้านเกิดของตนอยู่ไกลโพ้นจากใจกลางกรุงโซลอย่างเมืองปูซาน อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญเสียด้วยที่ทั้งสองคนอยู่บ้านข้างกัน และยิ่งไปกว่านั้น แม่ของทั้งสองคนก็สัมพันธไมตรีสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว จึงยิ่งไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้สนิทกันขนาดที่ว่าเดินไปโรงเรียนและกลับโรงเรียนด้วยกัน
แต่ใช่ว่าครั้งแรกที่ทั้งสองคนพบหน้ากันนั้นจะดูราบรื่นเหมือนโรยกลีบกุหลาบตามพื้นทางเดินเสียเมื่อไหร่ ครั้งแรกที่ควอนซูนยองเห็นใบหน้าน่ารักนั้น ประโยคแรกที่พลั้งปากออกมาจากคนตัวสูงก็คือ ..
‘ นายเป็นผู้ชายจริงๆหรือผู้ชายแปลงเพศกันแน่ ? ’
แค่ประโยคที่แทบจะเป็นอาวุธชกใบหน้าน่ารักให้ฟกช้ำนั้น ทำให้ในตอนแรกความสัมพันธ์ของทั้งสองระหองระแหงกันเสียน่ากลัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี ความสัมพันธ์แสนระหองระแหงนั้นก็เริ่มคลี่คลายลงไป แปรเปลี่ยนความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นจนน่ากลัวให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งสองเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร จะว่าเป็นเพื่อนสนิทก็คงจะไม่ใช่เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำตัวฉันเพื่อนสนิทอย่างที่ใครๆต่างทำกัน แฟนกันก็คงไม่ใช่เพราะทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยสารภาพคำรักให้ได้ยิน ทั้งคู่จึงเรียกความสัมพันธ์แสนงุนงงและเสี่ยงอันตรายต่อหัวใจนี้ว่า
‘ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก ’
... คนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกก็คือ อีจีฮุน คนนี้ ...
“ จีฮุน ... ” และแล้วคนตัวสูงก็เอ่ยปากเรียกคนตัวเล็กขึ้น หันใบหน้าน่ารักไปตามเสียงเรียกของอีกฝ่ายพร้อมเลิกคิ้วเชิงถาม
“ ... นายรู้จักรุ่นน้องที่ชื่ออีชานไหม ? ”
“ ฉันไม่รู้จักนะ ทำไมเหรอ ? ” ร่างเล็กเอ่ยถามอีกฝ่าย เพราะเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนสังคมกว้างที่จะรู้จักคนในโรงเรียนทั้งหมด แม้ว่าคนตัวเล็กจะเป็นนักเต้นประจำโรงเรียนที่ออกแสดงแทบทุกงานก็ตาม
“ เฮ้ นายอย่าทำหน้าเหมือนไม่พอใจฉันแบบนั้นสิ่ จีฮุนอ่า ” ร่างสูงยกมือยีกลุ่มผมนิ่มของคนตัวเล็กไปมา ยิ่งทำให้ใบหน้าน่ารักกลับยู่ลงไปอีกเพราะไม่พอใจหนึ่งอย่างและเพราะทรงผมของเขาจะยุ่งมากกว่านี้
“ ไม่ต้องมาลีลาเลยซูนยอง พูดมาเลย น้องอีชานอะไรนั่นเขาทำไม ? ”
“ นายทำอย่างกับว่ากำลังหึงฉันอยู่อย่างนั้นแหละ ฮ่าๆๆ ” ซูนยองกลั้วหัวเราะก่อนจะยังคงค้างมือหนาไว้บนศีรษะเล็กนั้นอยู่ ทั้งสองคนเดินเลียบเข้าไปในซอยหนึ่งที่มีบ้านลักษณะรูปทรงที่คล้ายกันหลายหลัง นั่นก็คือซอยบ้านของทั้งสองคนนั้นเอง
“ ฉันไม่ได้หึงนายหรอกนะซูนยอง แต่บอกมาได้แล้วว่าน้องอีชานนั่นเขาทำไม ? ถ้าไม่บอกฉันจะเข้าบ้านแล้ว ” ร่างเล็กพยายามควบคุมอารมณ์ให้นิ่งก่อนจะเอ่ยตัดบทไม่ให้อีกฝ่ายแซวทันที
“ ... ฉันชอบน้องเขา ! ” คนตัวสูงรีบเอ่ยประโยคที่ต้องการบอกอีกฝ่ายออกไปทันที ฝ่าเท้าเล็กหยุดเดินทันทีก่อนจะหันหน้าไปมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังเกาแก้มนิ่มของตนเบาๆ
“ ชอบน้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
“ ก็สักพักหนึ่งแล้ว ฉันไม่รู้ว่าคิดไปข้างเดียวหรือเปล่านะ แต่วันนี้น้องเขายิ้มให้ฉันด้วย ! ฉันว่าจะสารภาพรักกับน้องเขาน่ะ นายคิดว่าไง ? ” ซูนยองกระตือรือร้นถามจีฮุนด้วยแววตาระยับพร้อมจับมืออีกฝ่ายเขย่าขึ้นลงด้วยความตื่นเต้นทันทีโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าแววตาของคนตัวเล็กกำลังสั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อีกฝ่ายไม่มีวันเข้าใจ
“ มันเรื่องของนาย นายก็คิดเอาเองดิ่ ” ร่างเล็กผละมือเล็กออกจากพันธนาการของมือหนาพร้อมรีบเดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยที่ไม่หันมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
... และก็เป็นความพลาดแสนยิ่งใหญ่ของอีจีฮุนที่ไม่ได้เห็นใบหน้าแต้มรอยยิ้มกว้างแสนทะเล้นของอีกฝ่าย เมื่อคนตัวสูงสังเกตได้ว่าคนตัวเล็กนั้นทำท่าเหมือนคนกำลังหึงเขาอยู่อย่างนั้น ...
xx.
... เรื่องราวของคนที่คุณพบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
วันนี้คุณบอกฉันไปกี่ครั้งแล้ว ?
คุณบอกฉันว่าเขาเรียกคุณอีกครั้ง
และหน้าของคุณก็เริ่มแดงขึ้นมาก ...
“ จีฮุนอ่า มีโทรศัพท์จากลูกน่ะ ”
คุณนายอีเดินถืออุปกรณ์สื่อสารไร้สายที่เรียกกันว่าโทรศัพท์บ้านไร้สาย ไปให้ลูกชายของเธอที่กำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาอย่างใจจดใจจ่ออยู่ เมื่อได้ยินเสียงของคนเป็นแม่เอ่ยบอกแล้ว มือเล็กก็รับโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาแนบกับใบหูเล็กพร้อมกรอกประโยคทั่วไปผ่านโทรศัพท์บ้านไร้สายทันที ส่วนคุณนายอีก็ได้ปลีกตัวเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำอาหารมื้อเย็นนี้
“ สวัสดีครับ จีฮุนพูดครับ ”
( จีฮุนอ่า นี่ฉันเองนะ ) พอได้ยินเสียงทุ้มที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาอีกครั้ง ใบหน้าเล็กกลับเรียบนิ่ง ก่อนจะล้มตัวนอนเอกเขนกบนโซฟาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคนไม่คุยแค่นาทีสองนาทีเป็นแน่
“ โทรเข้าเบอร์บ้านทำไม ทำไมไม่โทรเข้าเบอร์มือถือฉัน ? ”
( ใครจะไปโง่โทรเบอร์มือถือล่ะ นายยิ่งตัดสายเก่งยิ่งกว่าคอลเซนเตอร์อีกนะ อย่าลืมดิ่ )
... มันก็จริงแหละ เวลาที่ไม่พอใจที่จะได้ยินอะไร จีฮุนมักจะชอบตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย หรือแม้แต่โทรเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ใช่ว่าจะรับ เผลอๆจะปิดโทรศัพท์มือถือหนีก็เป็นได้ ...
“ เออมีอะไรล่ะ ว่ามา ”
( นายคิดว่าฉันควรไปสารภาพรักกับน้องชานนี่ดีไหมอ่ะ ? แล้วถ้าฉันจะไปสารภาพ ฉันต้องเอาดอกไม้ไปให้หรือว่าเอาอะไรไปให้ดี ? ) และคำถามเดิมที่เพิ่งทำให้เขาหงุดหงิดไปเมื่อไม่กี่นาทีก็กลับมาเยือนอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ดูกระตือรือร้นยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม
“ แล้วนายจะมาถามฉันทำไมล่ะ อยากทำอะไรก็ทำไปดิ่ ถ้าฉันบอกว่าไม่ต้องไปบอกน้องเขา นายคิดว่านายฟังฉันรึไง ? ”
( ก็ฉันอยากได้คำปรึกษาจากเพื่อนอย่างนายไงจีฮุนอ่า )
เพื่อน ...
นั่นสิ่นะ ก็เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น จะแสดงอาการอะไรออกมามากมายจนให้เขาจับผิดได้แบบนั้นทำไมล่ะ ? ...
“ เออนายอยากบอกอะไรก็บอก แค่นี้นะ ” นิ้วเรียวกดปุ่มตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบ
แน่นอนว่าอีจีฮุนคนนี้ไม่ได้มีความอดทนรับฟังเรื่องราวอันน่าเลี่ยนชวนอ้วกนี่มากเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับเรื่องของคนที่ควอนซูนยองชอบ เขาไม่สามารถทนรับฟังอะไรได้มากนักจริงๆ ไม่ใช่เพราะเขาอิจฉาที่อีกฝ่ายให้ความสนใจใครไม่รู้มากกว่าเขา แต่นั่นเพราะเขาไม่รู้สาเหตุเช่นกันว่าเพราะอะไร ภายในหัวใจของจีฮุนมันกำลังทำงานอย่างหนัก ความรู้สึกหน่วงๆเริ่มเข้ามาให้ได้รู้สึกถึง ก่อนที่คนตัวเล็กจะพยายามสงบสติด้วยการหลับตานอนพักจิตใจสักพัก
กริ๊งงงงงงงง !
“ นายจะพูดเรื่องเดิมอะไรนักหนาซูนยอง ห้ะ ? ” จีฮุนหยิบโทรศัพท์บ้านไร้สายที่ส่งเสียงแผดลั่นทั่วห้องนั่งเล่นขึ้นมารับสายพร้อมกรอกประโยคที่แสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเองนั้นรำคาญมากเกินทน
( ฮัลโหลจีฮุนอ่า นี่พ่อเองนะลูก ) แต่ทว่าปลายสายไม่ใช่เสียงของชายวัยเดียวกันกับเขา กลับเป็นเสียงของชายวัยทำงานที่เขาคุ้นหูและคิดถึงเป็นอย่างมาก ... พ่อของจีฮุนเอง
“ ฮัลโหลพ่อเหรอ ผมคิดถึงพ่อมากเลยนะ ! ” จีฮุนลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟา กรอกเสียงหวานที่ปนไปด้วยความตื่นเต้นดีใจหลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงของพ่อมานานเกือบหนึ่งปี
( พ่อก็คิดถึงลูกนะ ฮ่าๆๆ ว่าแต่เราทำอะไรอยู่ล่ะหืม ? )
“ ผมกำลังรอแม่ทำกับข้าวน่ะครับพ่อ ... แม่ ! พ่อโทรมาหาอ่ะแม่ ” ร่างเล็กกรอกคำตอบลงไปผ่านโทรศัพท์ก่อนจะเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูเล็กน้อยแล้วตะโกนบอกผู้เป็นแม่ของตน ซึ่งก็ได้คำตอบกลับมาว่า ‘ แม่กำลังทำอาหารอยู่ ฝากบอกพ่อด้วยว่าแม่คิดถึง ’ ทำเอาปลายสายอดยิ้มกว้างไม่ได้เมื่อทราบว่าทั้งภรรยาและลูกชายของเขาสบายดี
( พ่อได้ยินแล้วๆ นี่เดี๋ยวพ่อจะต้องไปทำงานต่อแล้วนะจีฮุนอ่า ) เพียงเท่านั้น ความสดใสของลูกชายกลับเหี่ยวย่นลงไปโดยพริบตาเมื่อได้ยินจากปลายสายว่า ‘ ทำงาน ’
“ แล้วเมื่อไหร่พ่อจะกลับมาเยี่ยมผมกับแม่ล่ะครับ ? ” ร่างเล็กเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ
( ปลายเดือนนี้แหละลูก แล้วพ่อจะไปเยี่ยมลูกกับแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะจีฮุน ฝากบอกแม่ด้วยว่าพ่อคิดถึง ฮ่าๆๆ )
“ โห่ยยยย ไม่ค่อยจะเลี่ยนเลยนะพ่อนะ ... แค่นี้นะครับพ่อ รักพ่อนะ ! ” จีฮุนกรอกประโยคสุดท้ายผ่านโทรศัพท์ก่อนจะตัดสายลง
เพียงแค่ได้ยินเสียงผู้เป็นบิดาของตนไม่กี่นาที รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล อาจเป็นเพราะความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันบ่อย เลยทำให้ภายในหัวใจของร่างเล็กกลับเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความดีใจ ร่างเล็กรีบลุกขึ้นจากโซฟาตัวเก่งก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวพร้อมสวมกอดคนเป็นแม่จากทางด้านหลัง
ฉับพลันเมื่อคุณนายอีรู้สึกได้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้ามาสวมกอดเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปหาลูกชายพร้อมยกมือลูบผมอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“ พ่อฝากมาบอกแม่ด้วยว่าพ่อคิดถึง ”
“ ฮ่าๆ แม่รู้แล้วล่ะจ้ะ ” หญิงสาววัยกลางคนยิ้มอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชาย ลูกชายของเธอเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาเพราะเธอแทบจะไม่ได้ยินประโยคเช่นนี้จากปากลูกชายบ่อยๆเลย
“ แต่ผมรักแม่มากกว่าพ่อแน่นอนอ่ะเชื่อดิ่แม่ ”
“ ฮ่าๆๆ แม่ก็รักลูกนะจ้ะ จีฮุนอ่า ”
xx.
“ จีฮุน ตื่นดิ่ๆ อีจีฮุนนนนนนนนนนน !! ”
“ ... ”
“ อีจีฮุนนนนน !! ”
“ ... ”
ร่างเล็กเจ้าของชื่อไม่ตอบสนองต่อเสียงรบกวนที่ดังอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย แม้ปลายเท้าของคนเรียกจะเตะสะกิดเรียวขาเล็กสลับกับขาโต๊ะจนทำให้เกิดเสียงก็ตาม เจ้าตัวกลับยังคงซุกใบหน้าลงกับแขนลำแขนตัวเองที่พาดวางกับโต๊ะเรียนขนาดพอดีกับตัวไม่ไหวติง
“ อีจีฮุน ... จะไม่ตื่นใช่ไหม ? ”
ควอนซูนยองทั้งเรียกทั้งปลุกคนตัวเล็กที่แอบหนีเขามาโรงเรียนเพียงคนเดียวแต่เช้ามืดเหมือนกับว่ากำลังหลบหน้าอยู่อย่างไรอย่างนั้น จนเริ่มเกิดความคิดบรรเจิดสำหรับตัวเขาเองขึ้นมา
ใบหน้าหล่อโน้มลงไปใกล้กับใบหน้าขาวเนียนนุ่มราวกับหิมะแรกของคนตัวเล็ก รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นถูกประดับอยู่ใบหน้าหล่อนั้นเหมือนว่าเขากำลังพอใจอะไรบางอย่าง ริมฝีปากอุ่นอยู่ตรงระดับใบหูนิ่มนั้นก่อนจะค่อยๆประทับริมฝีปากลงไปที่ใบหูเล็กนั้นอย่างอ่อนโยน ใช่ว่าคนตัวเล็กจะไม่รับรู้สัมผัสอันอ่อนโยนของคนตัวโต ใบหน้าน่ารักจู่ๆก็มีอุณหภูมิสูงจะเรียกได้ว่าแทบเป็นไอด้วยความเขินอาย ริ้วแดงระเรื่อประดับบนพวงแก้มนิ่มอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเจ้าตัวจะซุกซ่อนใบหน้าตนลงกับท่อนแขน
อีจีฮุนกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติพร้อมมือเล็กทั้งสองข้างที่ยกขึ้นปิดใบหูทั้งสองข้างของตน ดวงตาเรียวตวัดมามองเจ้าคนขี้แกล้งที่ตอนนี้ยิ้มแผล่ด้วยความสะใจ มือหนายกขึ้นยีกลุ่มผมนิ่มสีดำสนิทนั้นจนฟูฟ่อง เจ้าของกลุ่มผมอย่างจีฮุนทำอะไรไม่ได้เพราะมือทั้งสองข้างยังคงยกปิดหูของตนอยู่ จะทำได้แค่เพียงแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆเหมือนแมวเท่านั้น
“ มีอะไรก็ว่ามา ฉันง่วง ! ”
“ เอ้า ! ก็ใครใช้ให้ลงทุนแหกขี้ตาแต่เช้าเพื่อหนีหน้าฉันมาหลับต่อที่โรงเรียนล่ะ ? ” ซูนยองเลิกคิ้วแซวอีกฝ่าย เพราะเขารู้เหตุผลที่อีกฝ่ายทำอยู่อย่างดี
“ ใครหนี ? ฉันไม่ได้หนี นายอย่ามามั่ว ! ” จีฮุนเถียงอีกฝ่ายแต่ทว่าดวงตาเรียวกลับไปสบตาอีกฝ่ายเหมือนอย่างที่เคยเป็น ... แน่สิ่ เขาโกหกคำโตๆเลยล่ะ
“ ก็แล้วทำไมไม่รอฉันที่หน้าบ้านเหมือนทุกวันล่ะ ... หืม ? ”
ไม่ว่าเปล่า มือหนายกขึ้นบีบแก้มยุ้ยของคนตัวเล็กเต็มมือ เขาทำพฤติกรรมกับอีกฝ่าย ณ เวลานี้ได้ เพราะตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ ยังไม่ค่อยมีใครเข้ามาในห้องเรียนของคนตัวเล็ก ต่อให้คนเข้ามาเยอะ เขาก็จะทำอย่างนี้ ก็เอาให้ใครต่อใครรู้กันไปเลย ... ว่าเขาสามารถเล่นแบบนี้กับอีกฝ่ายได้
“ ... ” จีฮุนไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ว่าเจ้าของแววตาคู่นี้ต้องการจะสื่ออะไร ริมฝีปากเล็กถูกเม้มแน่นด้วยความรู้สึกที่ไม่แน่ใจตัวเอง
“ ว้า ... แต่จะว่าไปมันก็ดีนะ วันนี้ฉันเลยได้มาโรงเรียนกับน้องชานพอดีเลยแฮะ ” มือหนาผละออกพร้อมกับกอดอกตัวเองแน่นอย่างภาคภูมิใจ ยิ้มกว้างพร้อมหัวเราะสะใจเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายแม้ว่าจะซุกซ่อนอาการเหล่านั้นไว้ไม่มิดเลยก็ตาม
เป็นเรื่องจริงที่เช้าวันนี้ควอนซูนยองได้เดินมาโรงเรียนกับรุ่นน้องที่เขา(อ้างว่า)...แอบชอบอย่างอีชาน เพราะว่าเช้านี้หลังจากที่เขาวิ่งตามหาจีฮุนที่แอบหนีไปโรงเรียนก่อนจนทั่ว เขาก็เจอกับรุ่นน้องที่เขาหมายตาอยู่กำลังยืนซื้อขนมปังปูอัดอยู่ตรงหน้าร้านขายเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ตรงเลียบกับฟุตบาธใกล้โรงเรียน ด้วยความที่ว่าเผลอตะโกนทักน้องเขาไปแล้ว จะเดินหนีไปเลยก็กระไรอยู่ เลยอาสาตัวเองเดินมาเป็นเพื่อนเพื่อเข้าโรงเรียนด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปที่ห้องเรียนของตน
“ ... ”
“ ฉันได้แอบจับมือน้องเขาด้วยแหละ มือน้องเขาหอมมากกกกกก นิ่มด้วยนะ ให้ตายเถอะ ใจสั่นเชียว ” ทำท่าทำทางเหมือนใจเต้นสั่นระรัวจนคนตัวเล็กที่รับฟังอยู่ถึงกับทำหน้าปูเลี่ยนใส่
“ ... แหวะ ”
“ เอ้า จริงนะเว่ยจีฮุน ! ฉันอยากจะมาโรงเรียนและกลับบ้านพร้อมน้องเขาจะตายอ่ะ คนอะไรไม่รู้ออกจะน่ารักขนาดนั้น ” ซูนยองที่กำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มกลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหวะจากคนตัวเล็ก ก่อนจะหันหน้าไปเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้นายก็มาโรงเรียนกับน้องเขาไปเลยสิ่ ฉันมาโรงเรียนเองกลับบ้านเองได้ ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเตะขาเก้าอี้ที่คนตัวโตกว่าใช้ยืมนั่งเต็มแรงจนคนนั่งแทบหน้าคว่ำติดกับโต๊ะเรียน ก่อนจะทำหน้านิ่งเดินหนีออกจากห้องเรียนไป
“ เห้ย แต่น้องเขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่หว่า ออกจะน่ารักนะ นายคิดว่ายังไงอ่ะจีฮุน ฉันควรนัดน้องเขากลับบ้านด้วยกันอีกครั้งดีไหม ? ” ซูนยองรีบวิ่งออกมาจากห้องเรียนเพื่อวิ่งตามจีฮุนที่เดินหนีเขาออกมาข้างนอกจนทันในระยะประชิด คนตัวเล็กจิ๊ปากอย่างรำคาญใจ ตวัดตามองอีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องสมุดประจำโรงเรียนเพื่อ .... โดดเรียน
“ จะทำอะไรก็เรื่องของนายไปดิ่ มาบอกฉันทำไม ”
“ ก็อยากบอกให้นายสนใจบ้าง ”
“ ... ไม่จำเป็น ”
“ เฮ้ ! นายเปิดใจยอมรับคนอื่นบ้างดิ่ น้องเขาไม่ดียังไง ? นายเคยรู้จักน้องเขาแล้วเหรอไงจีฮุน ? ” ซูนยองหยุดเดินตามคนตัวเล็กพร้อมเอ่ยประโยคที่เริ่มแสดงให้เห็นถึงอาการหมดความอดทน ใบหน้าหล่อเริ่มจริงจังมากขึ้น แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้หันกลับไปมองเสียด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขารู้สึกหรือมีอารมณ์เช่นไร
“ ฉันไม่ได้เป็นคนใจกว้างพอ ไปไหนก็ไป จะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องตามฉันมา ” ว่าแล้วก็รีบเดินเข้าห้องสมุดที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพร้อมปิดบานประตูใส่กระแทกใส่หน้าคนตัวสูงทันที
xx.
... บนเส้นทางกลับบ้าน แม้แสงจันทร์จะดูเหมือนเศร้าไป
ขอเพียงแค่คุณปลอบใจที่แสนเจ็บปวดของฉัน
มันคงจะดี ...
‘ เย็นนี้ฉันกลับบ้านกับน้องชานนะ ไม่ต้องรอ
... ควอนซูนยองJ ’
ร่างเล็กมองกระดาษโพสต์อิทที่ถูกแปะบนหนังสือวรรณกรรมเล่มหนาอย่างไม่วางตา หลังจากที่เขาออกไปเข้าห้องน้ำเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น พอกลับมาก็พบว่ามีโพสต์อิทสีเขียวมะนาวแปะไว้อยู่บนปกหนังสือที่เขาเพิ่งอ่านทิ้งไว้ ใบหน้าน่ารักกลับนิ่งสนิทแสร้งราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดตอบสนอง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างในสมุดบันทึกสีหวานของตนต่อไป
... แม้ว่าในใจจะกระวนกระวายเฝ้ามองหาว่าใครบางคนอาจจะเพียงแค่พูดเล่น แล้วมายืนรอเขาอยู่ด้านหน้าห้องสมุดนี้ก็ตาม ...
บนถนนสายเดิมที่ต้องเดินผ่านเพื่อกลับบ้านทุกๆวัน บรรยากาศเดิมๆที่ต้องเจอในทุกๆวัน แต่ในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น สองเท้าเล็กที่มักจะมีปลายเท้าอีกคู่เดินขนาบเคียงข้างกลับหายไป มีเพียงแค่เท้าเล็กคู่เดียวที่ก้าวเดินตามเส้นทางเดิมๆนั้นเพียงลำพัง ใบหน้าน่ารักเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่เริ่มปรากฏให้เห็นชัดมากขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าเวลานี้เริ่มมืดค่ำเข้าไปทุกทีแล้ว จีฮุนเผยสีหน้าที่หม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเดินต่อไปท่ามกลางถนนที่เริ่มไร้ผู้คน มีเพียงแต่แสงไฟริมทางที่สาดส่องเพื่อให้แสงสว่างบางดวงเท่านั้น
แม้ใบหน้าน่ารักนั้นจะหม่นลงมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจเทียบกับความรู้สึกที่อยู่ภายในใจที่แย่กว่าได้ บางทีการที่เก็บอะไรบางอย่างไว้ในใจมันไม่ใช่เรื่องดีเสียทีเดียว ทั้งๆที่เขารู้สึกชอบเพื่อนสนิทก่อนที่เพื่อนสนิทของเขาจะไปชอบพอกับใครคนอื่น เขาก้าวนำเด็กคนนั้นก่อนแท้ๆ แต่ทำไมเขากลับเป็นฝ่ายแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเส้นชัย
หรือว่าเพราะเดินช้าเกินไป ?
เด็กน้อยอีชานคนนั้นคงเกิดมาก็โชคดีตลอดชีวิต ไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน ควอนซูนยองก็วิ่งเข้าหาโดยไม่ต้องร้องขอ ในขณะที่อีจีฮุนคนนี้ก็พยายามวิ่งตามอย่างไม่คิดชีวิตด้วยซ้ำไป คิดแล้วก็รู้สึกแย่ มันแย่ลงไปอีกเมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์ตลอดทั้งวันที่ทำตัวไม่น่ารักใส่เพื่อนสนิทเช่นนั้น มันเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ เขาควบคุมอารมณ์ได้ไม่เก่งพอที่จะปั้นหน้าแสร้งทำเป็นยินดีกับเพื่อนที่จะได้มีคนรักเสียทีแบบใครๆ
เห็นแก่ตัว ?
ใช่ .. จะว่าอีจีฮุนคนนี้เห็นแก่ตัวก็ได้ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้จริงๆ แค่จะมองหน้าอีกฝ่ายคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
ร่างเล็กค่อยๆลดตัวนั่งลงที่ม้านั่งประจำหมู่บ้านพลางกวาดสายตามองไปโดยรอบ ไม่พบสิ่งใดที่จะมารังควาญความเงียบสงบในเวลานี้ มีเพียงแต่สายลมที่พัดเบาๆ ชิงช้าที่ไร้ผู้คนนั่งไกวมัน ม้ากระดกที่ถูกตั้งเอนไปด้านหนึ่งตามแรงโน้มถ่วง และตัวของเขาที่นั่งอยู่คนเดียวเท่านั้น
มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงนักเรียนของตนขึ้นมาพร้อมเปิดเครื่อง เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาจากร่างเล็ก หลังจากที่ปิดมันตั้งแต่ตอนกลางวันเพราะไม่อยากรับรู้ความเป็นไปของใครที่มากระทบต่อจิตใจของเขา แต่เพียงแค่โทรศัพท์มือถือเปิดใช้งานได้ตามปกติเท่านั้น นัยน์ตาเรียวของเจ้าของเครื่องถึงกับเบิกกว้างเล็กน้อย
‘ 120 missed calls : Soonyoung K.
10 messages : Soonyoung K.
20 missed calls : omma ’
จ้องหน้าจอไปได้ซักพักใหญ่ โทรศัพท์เครื่องสวยภายในมือก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับหน้าจอที่ปรากฏชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่กดรัวโทรหาเขา ในเวลานี้จีฮุนกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาแทบจะเรียงลำดับเรื่องราวไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่แล้วเพราะสัมผัสได้ถึงการสั่นตัวที่แรงมากขึ้น สติของเขาก็กลับมาพร้อมกับความจำใจที่จะแตะจอโทรศัพท์เพื่อรับสายเข้านั้น
“ ... ฮัลโหล ”
( ทำไมนายเพิ่งรับโทรศัพท์ ! นายหายไปไหนมา ทำไมต้องปิดเครื่อง !! ฉันตามหานายไปทั่วโรงเรียนแล้วรู้บ้างไหม !? ) จีฮุนแทบยกโทรศัพท์ออกจากหูไม่ทันหลังจากที่ฟังประโยคสารพัดที่ล้วนเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบของควอนซูนยอง หากปลายสายอยู่ตรงหน้าเขาก็จะพบว่าแววตาของอีจีฮุนคนนี้กำลังฉายแววสับสนอย่างเต็มที่
... เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ควอนซูนยองพูดออกมามันคือความห่วงใยที่มาจากใจหรือเป็นเพราะภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลในฐานะเพื่อนกันแน่ ...
“ นายกลับไปที่โรงเรียนทำไม ? ”
( ไม่ต้องคิดจะมาเปลี่ยนเรื่อง ! ตอบมาว่านายหายไปไหนมา ?! )
“ ก .. ก็ไม่ได้หายไปไหนมา ”
( แล้วทำไมต้องปิดเครื่อง ! )
“ … ”
( นายอย่าคิดจะเล่นตลกเงียบอะไรกับฉันตอนนี้ อีจีฮุน ... ตอบฉันมา )
“ แล้วนายโทรมามีอะไรรึเปล่าล่ะ ? ” ร่างเล็กเลี่ยงที่จะตอบคำถามของอีกฝ่ายที่กำลังเค้นถึงเหตุผลที่ปิดโทรศัพท์มือถือหนีใครบางคน
( ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ? )
“ จะตามหาฉันทำไม ตอนนี้นายไม่ได้อยู่กับน้องชานอะไรนั่นหรอกเหรอ ”
( เลิกพูดถึงชานตอนนี้ก่อนจะได้ไหมเล่า อีจีฮุน !! บอกมาซักทีว่าตอนนี้นายอยู่ไหน ?! ) ด้วยความที่ไม่เคยได้ฟังน้ำเสียงที่ดุดันเพราะความโมโหของควอนซูนยอง อีจีฮุนที่เผลอสะดุ้งกับน้ำเสียงดุดันของเพื่อนสนิทไปเมื่อสักครู่จึงได้แต่ถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือกพร้อมบอกสถานที่ที่ตัวเขาอยู่ออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ … สนามเด็กเล่น ”
( นายอยู่ตรงนั้นนะ อย่าขยับไปไหน ถ้าฉันไม่เจอนายที่นั่นฉันจะตามไปหาถึงที่ห้องนอนนายแน่ ! ) ปลายสายออกคำสั่งกับอีกคนจบก็กดวางสายโทรศัพท์ทันที ทิ้งให้ร่างเล็กได้แต่ถือโทรศัพท์มือถืออย่างงุนงงก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือของตนเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนดังเดิม
และอีจีฮุนก็เหมือนคนซื่อที่ยอมทำตามคำสั่งของใครบางคนที่บอกให้นั่งรออย่างว่าง่าย
“ แฮ่กๆๆๆ นึกว่านายจะหนีฉันไปแล้ว ” ใช้เวลาเพียงไม่นาน กรอบสายตาของจีฮุนก็มีร่างสูงแสนคุ้นตาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงหอบหนักด้วยความเหนื่อย ท่าทีราวกับว่าวิ่งมาแต่ไกลซึ่งมันก็จริงอย่างที่เห็น แต่แล้วคนทำผิดในสายตาของอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร
“ … ”
“ ช่วยสำนึกผิดบ้างได้ไหมว่าที่ฉันต้องวิ่งมาแบบนี้มันเป็นเพราะใคร ? ”
“ ก็ไม่ได้ขอให้วิ่งตามหาสักหน่อย ” เสียงใส่เปล่งออกมาเบาๆ ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยืนเท้าสะเอวหอบอยู่ ใบหน้าหล่อแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ แต่เต็มใจจะวิ่งตาม โอเคไหม ? ”
“ ก็แล้วจะบ่นทำไมล่ะ ถ้าเต็มใจตามหา ”
“ ฉันจะไม่บ่นด้วยซ้ำถ้านายจะนั่งรอให้ฉันไปรับนายที่ห้องสมุด ไม่ใช่หนีกลับมาก่อนแบบนี้ ” ซูนยองยังคงจดจ้องใบหน้าน่ารักนั้นด้วยแววตาที่ดูจริงจังผิดปกติ ราวกับว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันผิด
“ ก็นาย ... ” เอ่ยได้เพียงเท่านี้ก็ได้แต่เสมองหนีไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้มือหนาของคนเป็นเพื่อนสนิทต้องเอื้อมมาจับโครงหน้ากลมของเขาให้หันไปสบตากับเจ้าตัวอีกครั้ง
“ ก็นายอะไร ? ”
“ ... ”
“ ... อีจีฮุน ”
“ เปล่า ... ” มืออวบเล็กยกขึ้นมาปัดมือหนาที่ประทับอยู่บนพวงแก้มนิ่มของตนออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะลุกขึ้นหันหลังเตรียมจะเดินหนี ทว่ามือคู่เดิมกลับดึงรั้งท่อนแขนอวบของเพื่อนสนิทเอาไว้ได้ทัน พร้อมกับดันร่างเล็กให้นั่งลงที่ม้านั่งตัวเดิมและท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างของซูนยองก็ทำการสร้างกรอบรอบตัวเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนีไป ก่อนที่จะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าน่ารักนั้นอย่างพอมีระยะเว้น
“ เปล่าอะไร อีจีฮุน บอกมาสิ่ว่าก็นายอะไรล่ะ ? ”
“ .. ป ... เปล่า ก็บอกว่าเปล่าคือเปล่าไง ”
“ โกหกฉันจูบนายนะ ”
“ ... ” ริมฝีปากเล็กเม้มลงทันทีที่เพื่อนสนิทขู่จะกระทำในเรื่องที่ไม่เข้าท่าสำหรับหัวใจของเขา แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายทำจริงอย่างที่กล่าวออกมา แต่เขาก็ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามอีกฝ่ายเหมือนเดิม ใบหน้าของเขาเริ่มรู้สึกว่ามันมีไอร้อนออกมาโดยไม่รู้ตัว คาดว่าพวงแก้มเนียนคงขึ้นสีระเรื่ออวดสายตาคนด้านบนเป็นแน่
“ หนึ่ง ” และนั่นก็ทำให้ควอนซูนยองรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเป็นไหนๆ รอยยิ้มประดับบนมุมปากอย่างพึงพอใจกับท่าทีของเพื่อนสนิท
“ ... ”
“ สอง ” ใบหน้าหล่อเริ่มโน้มเข้ามาใกล้ขึ้นและนั่นก็ทำให้นัยน์ตาเรียวเล็กหลับตาลงอย่างหวาดกลัว
“ ... ”
“ ส ... ”
“ ก ... ก็นายไปเดทกับน้องชานบ้าบออะไรนั่นไม่ใช่รึไงวะ ! ” ในที่สุดอีจีฮุนก็โพล่งสาเหตุของเรื่องทั้งหมดในวันนี้ออกมา พร้อมกับยกมือเล็กทั้งสองข้างปิดเรียวปากหนาเอาไว้ราวกับกลัวว่าเจ้าของจะจูบเขาขึ้นมาจริงๆ
“ หา ? ฉันไปบอกนายตอนไหนว่าฉันไปกับน้องชาน ? ” ซูนยองดึงมือทั้งสองข้างของจีฮุนออกด้านมือด้านเดียวพร้อมกับกุมมันไว้และถามคำถามออกไปด้วยความงุนงง
“ โพสต์อิทนั่น .. ”
“ หึ ... ” พอได้รู้สาเหตุที่ทำให้คนตัวเล็กเดินหนีกลับบ้านมาคนเดียวโดยไม่รอให้เขาไปรับก็ถึงกับยกยิ้มที่มุมปากออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะกักร่างเล็กเอาไว้ภายในกรอบแขนนั้นไม่ยอมปล่อย
“ หึอะไร ควอนซูนยอง แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว ”
“ นายโกรธที่ฉันทำตามแผ่นกระดาษโง่ๆนั่นสิ่นะ ”
“ … ”
“ นายหึงฉันอย่างนั้นเหรอ อีจีฮุน ”
xx.
... ถ้าผมเป็นคนเดียวที่โกรธเมื่อคุณพูดถึงคนอื่น
ถ้าผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างคุณ
มันก็คงจะดี ...
“ อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะ หน้าอย่างฉันเนี่ยนะจะหึงนาย ... ไม่มีทางหรอก ” แม้ว่าจะเอ่ยปฏิเสธออกไป แต่ทว่าน้ำเสียงที่ดูสั่นแปลกๆนั้นกลับทำให้คนฟังแทบหลุดหัวเราะกับความปากแข็งของเพื่อนสนิทตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้
“ มีใครเคยบอกนายรึเปล่าว่าเป็นคนโกหกไม่เนียนน่ะ หืม ? ”
“ ฉันไม่ได้โกหกนะ ! ”
“ งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า เวลาฉันพูดถึงน้องชาน นายโกรธมากไหม ? ”
“ ม ... ”
จู่ๆซูนยองก็ยิงคำถามราวกับกำลังเล่นเกมยี่สิบคำถามกับเขา ขณะที่จีฮุนกำลังอ้าปากตอบกลับก็ถูกคำถามต่อไปจากซูนยองยิงเข้ามาอีกครั้งและอีกครั้ง จนจีฮุนเลือกที่จะเงียบรอฟังคำถามของอีกฝ่ายจนจบแทน
“ เวลาที่ฉันบอกว่าจะเดทกับน้องชาน นายเคยคิดอยากขัดขวางไหม ? ”
“ ... ”
“ เวลาฉันเขียนโพสต์อิทนั่นแปะเพื่อบอกนาย นายรู้สึกยังไง อยากให้ฉันไม่ทำตามที่เขียนรึเปล่า ? ”
“ ... ”
“ แล้วพอนายไม่เห็นว่าฉันอยู่หน้าห้องสมุดเพื่อรอนาย นายรู้สึกอยากจะออกไปตามหาฉันบ้างไหม หรือเป็นห่วงฉันบ้างรึเปล่า ? ”
“ นายจะพูดอะไรกันแน่ควอนซูนยอง ” จีฮุนขมวดคิ้วลงฉับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเล่นลิ้นต่อคำกับเขาอยู่ และอย่างที่บอกว่าอีจีฮุนไม่ใช่คนใจเย็นที่จะมาฟังคำอ้อมค้อมแบบนี้
“ แค่อยากได้คำยืนยัน ว่าตัวนายคิดยังไงกันแน่ ”
“ … ”
“ ถ้าฉันเป็นนาย ไม่สิ่ ต่อให้ฉันเป็นตัวฉันเอง .. แน่นอน ฉันไม่พอใจกับทุกการกระทำที่พูดออกมา ”
“ … ”
“ เพราะฉัน .. ไม่เคยคิดกับนายในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ”
สิ้นเสียงทุ้ม นัยน์ตาเรียวเล็กเบิกขึ้นทันที ความรู้สึกที่ดูประมวลช้ามันช่างไม่เป็นใจสำหรับอีจีฮุนเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดจะเล่นอะไร แม้ว่าทุกครั้งจะมองออกอยู่ตลอดว่าควอนซูนยองคิดอะไร อยากพูดอะไรก็ตามที และอีจีฮุนก็ไม่สามารถคิดตามได้ทันว่าการกระทำอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากเรียวปากของซูนยองสิ้นสุดลง
จนกระทั่งเมื่อสัมผัสนุ่มหยุ่นวาบอยู่บนริมฝีปากเล็กนั้น จากสติที่มีอยู่ริบหรี่ก็แทบขาดหายไปโดยปริยาย ดวงตาเล็กหลุบลงรับสัมผัสอุ่นจากร่างสูงที่โน้มลงมาประทับริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยนและชำนาญ รวมไปถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ประคองพวงแก้มนิ่มเอาไว้เพียงข้างเดียว มือเล็กที่กุมเข้าหากันกลับกำแน่นขึ้นมาจนมือเป็นสีเลือดฝาด แม้ว่าใจอยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ให้นานเท่าที่จะทำได้ แต่ความจริงก็คือความจริง จีฮุนยกมือขึ้นเพื่อดันอีกคนออกเบาๆ ก่อนจะก้มหน้างุดหลบซ่อนใบหน้าไม่ให้คนตัวสูงได้มองเห็น
แน่นอน เขาเขิน เขินมากที่ได้มอบจูบแรกให้กับคนที่ชอบ ... แต่ดันมีเจ้าของครอบครองแล้ว
“ หมายความว่าไง นายคิดจะเล่นตลกอะไรอีก ”
“ ฉันทำไปขนาดนั้นนายยังคิดไม่ออกอีกรึไง อีจีฮุน ” ซูนยองยกมือยีกลุ่มผมของคนตัวเล็กที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตา ทว่ามือเล็กกลับปัดมันออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะส่งสายตาขวางอย่างไม่พอใจไปให้อีกฝ่าย
“ นายมันไม่ได้เรื่อง ควอนซูนยอง ”
“ ว .. ว่าไงนะ ?! ”
“ มาทำแบบนี้กับฉันเพราะน้องชานอะไรของนายไม่ยอมให้ทำแบบนี้รึไง คิดจะทำอะไรก็ทำงั้นเหรอ ? อย่ามาเล่นตลกกับฉัน ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ ”
“ ... นี่นายคิดว่าฉันคบกับน้องชานแล้วจริงดิ่ ? ”
“ … ” ไม่มีแม้กระทั่งคำตอบที่หลุดออกมาจากเรียวปากเล็ก จีฮุนยังคงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นราวกับว่ากำลังกลั้นไม่ให้คำพูดพรั่งพรูออกมา ... พร้อมกับน้ำตา
“ จีฮุน ”
“ … ”
“ อีจีฮุน มองหน้าฉัน ”
ซูนยองประคองใบหน้าน่ารักของเพื่อนให้หันมามองหน้าตัวเอง แม้จีฮุนจะหลุบสายตาไม่ยอมมอง แต่ท้ายที่สุดแล้วหัวใจก้อนน้อยๆกลับไม่สามารถต้านทานความต้องการและแรงดึงดูดจากสายตาได้ เพียงช้อนตามองนัยน์ตาเรียวคม เขาก็สัมผัสได้ว่านัยน์ตาคู่ตรงหน้าล้วนมีแต่ความจริงจังไร้ท่าทีล้อเล่นอย่างทุกครั้ง
“ … ”
“ น้องชานกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน ”
“ อือ .. ห้ะ ? ”
“ น้องชาน กับ ฉัน ไม่ได้ เป็น อะไรกัน เราเป็นพี่น้องกัน เข้าใจไหม ? ”
“ .. ไม่เข้าใจ ”
“ ฉันจะไปคบกับรุ่นน้องคนสนิทที่อยู่ชมรมเต้นด้วยกันได้ไงเล่า ที่ฉันบอกว่าชอบน้องเขาอยากจีบน้องเขาคือจีบเจ้าเด็กนั่นมาอยู่ในชมรมเต้นของฉันต่างหากล่ะ ”
“ นายอย่ามาย้อนแย้งได้ไหมล่ะ ก็ครั้งก่อนยังบอกอยู่ว่าจะไปสารภาพรักกับน้องเขา คิดว่าฉันโง่เชื่อนายเหรอ ? ”
“ … แต่ก็โดนหลอกจริงนี่หว่า ” ซูนยองขมุบขมิบปากเอ่ยเบาๆ ทว่ากลับดังเข้าไปในโสตประสาทคนข้างกาย ทำให้มือเล็กฟาดลงมากลางหลังดังป๊าบ
ป๊าบ !!!
“ ควอนซูนยอง !! ”
“ โอ้ยย !!! ขอโทษๆ ก็ฉันอยากรู้นี่ว่านายจะคิดยังไงถ้าฉันไปชอบคนอื่น นายจะดูเดือดร้อนไหม ... แต่สุดท้ายก็ไม่ ”
“ แล้วโพสต์อิทนี่หมายความว่าไง ” จีฮุนหยิบโพสต์อิทสีเขียวมะนาวที่เขียนข้อความเจ้าปัญหาขึ้นมาโชว์ให้อีกฝ่ายดู มือหนาหยิบไปอ่าน
“ เรื่องโพสต์อิทนั่น ... ที่จริงฉันน่ะจะเขียนบอกว่าฉันมีประชุมชมรมเต้นตอนเย็น อาจจะกลับมารับนายเลทให้รอที่ห้องสมุดไปก่อน แต่น้องชานเขาบอกให้ลองเขียนแบบนั้นไปจะได้ดูว่านายจะทำยังไง สุดท้ายนายก็ไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนใจอะไร ”
“ ... ”
“ ฉันน่ะ .. ชอบนายมากนะ แต่พอเห็นว่านายไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นกับฉันเลย ฉันก็แค่อยากรู้ก่อนที่จะตัดใจไปชอบคนอื่นไง ”
“ ... นายมันใจร้าย รู้ตัวบ้างไหม ควอนซูนยอง ” แม้จะพยายามระงับความรู้สึกที่ปะทุออกมา แต่เพราะเสียงสั่นที่ไม่สามารถบังคับมันได้อีกต่อไป ทำให้หยดน้ำใสที่กลั้นเอาไว้มานานไหลลงมาในที่สุด
“ ... ”
“ ฉันโกรธมากที่นายเอาแต่พูดถึงคนอื่นกับฉัน แต่ฉันก็ไม่แสดงอาการอะไรเพราะยังไง ... เราก็เป็นเพื่อนกัน ฉันไปขวางความสุขนายไม่ได้ ”
“ … ”
“ ฉันคิดมาตลอดว่าถ้าฉันเป็นใครคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างนายไปเรื่อยๆมันคงจะดีมากแน่ๆ ... แต่ฉันก็ได้แค่คิด ฉันทำไม่ได้ ฮึก ... ”
“ … ”
“ ฉันรู้สึกเจ็บที่นายหายไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ... ฮึก ... นายให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าฉัน ทั้งๆที่เราต้องกลับบ้านด้วยกันแท้ๆ ”
“ … ”
“ หลายครั้งฉันรู้สึกอยากทำตัวให้เห็นแก่ตัวมาก ... แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่อยากให้นายไม่พอใจ ”
“ … ”
“ พอวันนี้นายมาพูดแบบนี้กับ ... โคตรสับสนเลยว่ะ นายจะล้อเล่นอะไรฉันก็ได้นะ แต่แบบนี้มัน ... ฮืออออ ”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ร่างหนาของซูนยองกลับรั้งตัวของเพื่อนสนิทข้างกายเข้ามากอดอย่างแนบแน่น เพียงใบหน้าน่ารักได้สัมผัสเข้ากับบ่าแกร่งนั้น ความรู้สึกอัดอั้นตันใจก็ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด อีจีฮุนหมดสภาพความเข้มแข็งที่มักจะแสดงต่อหน้าทุกคนทันทีเมื่อมีที่พักพิงเป็นไหล่ของควอนซูนยอง เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆ มือหนาก็ทำหน้าที่ลูบแผ่นหลังเล็กอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน
“ ฉันขอโทษจีฮุน ขอโทษนะ ”
“ … ฮึกก ”
“ ที่ฉันพูดวันนี้ ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันไม่ได้โกหก ”
“ … ”
“ ฉันชอบนายนะ อีจีฮุน ... ควอนซูนยองชอบอีจีฮุน ... ชอบมานานแล้ว ”
“ อ ... ไอ่บ้าเอ้ย ฮืออออออออ .... ”
ร่างเล็กทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทุบแผ่นอกของอีกฝ่ายเท่านั้น เพียงแค่ได้ยินคำสารภาพรักจากปากของคนที่ชอบ แม้มันจะเจ็บแต่เขากลับมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ซูนยองประคองใบหน้าน่ารักขึ้นมาแล้วค่อยๆใช้หัวแม่มือทั้งสองด้านเกลี่ยน้ำตาที่เปรอะเปื้อนไปทั่งใบหน้าเหมือนเด็กน้อยที่ร้องไห้โยเยพร้อมยกรอยยิ้มกว้างส่งไปให้คนน่ารัก แม้จะอยากเอ่ยแซวแต่คนตัวเล็กคงจะโวยวายฆ่าเขาให้ตายแน่ๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บคำแซวลงไป
“ ไม่ร้องไห้แล้วนะจีฮุนอ่า หยุดร้องนะ ”
“ จ .. จะยังไงก็เถอะ ฉ .. ฉันไม่มีทางบอกชอบนายหรอกนะ ”
“ ไม่ต้องบอกฉันก็รู้แล้วล่ะว่าอีจีฮุนน่ะชอบฉันมากแค่ไหน แต่ใจจริงฉันก็อยากได้ยินคำพูดจากปากนายเหมือนกันนะ ” ใบหน้าหล่อยกยิ้มกว้าง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง เพียงแค่คนตรงหน้าเป็นคนปากหนักไม่ยอมพูดความรู้สึกตัวเองออกมา แต่การกระทำกลับแสดงออกมาชัดเจนมากก็เท่านั้น
“ ... ไม่รู้ล่ะ ฉันจะเข้าบ้านแล้ว ถ้าอยากรู้มากนักก็ไปหาความหมายดอกซ่อนกลิ่นเองก็แล้วกัน ”
ว่าจบ ร่างเล็กก็ลุกขึ้นพรวดวิ่งกลับบ้านทันที ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะพูดกลับเข้าบ้านได้อย่างง่ายดาย ถัดจากสนามเด็กเล่นที่พวกเขานั่งกันอยู่ไปประมาณบ้านสองสามหลังก็ถึงบ้านของคนตัวเล็กแล้ว อันที่จริงจะให้วิ่งตามไปก็ตามทัน แต่ในเวลานี้ควอนซูนยองอยากให้เวลากับอีจีฮุนเพื่อที่จะได้อยู่กับตัวเองมากกว่าจึงเลือกที่จะไม่วิ่งตามไป แต่ยังคงนั่งมองอีกฝ่ายที่วิ่งออกไปอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิมที่ไร้คนข้างกายเท่านั้น
เมื่อนึกถึงประโยคที่คนตัวเล็กพูดได้ มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเปิดแอพลิเคชั่นเสิร์ชหาข้อมูล ก่อนจะพิมพ์คำที่เขาต้องการความหมายลงไป เพียงไม่ถึงวินาทีสิ่งที่เขาต้องการคำตอบก็ปรากฏขึ้นมาบนจอโทรศัพท์มือถือ นิ้วเรียวเลื่อนอ่านข้อความที่ปรากฏสู่สายตาภายในไม่กี่วินาทีอย่างละเอียด ก่อนจะยกยิ้มกว้างให้กับตัวเอง นัยน์ตาเรียวคมหยีลงอย่างเห็นได้ชัด เสียดายที่ใครอีกคนที่งอแงหนีกลับบ้านไม่ได้
‘ ดอกซ่อนกลิ่น เป็นดอกไม้สำหรับคนที่มีรักซ้อนซ่อนใจ ไม่อาจเปิดเผย “ฉันแอบรักเธออยู่นะ” หรือ “ฉันหยิ่งเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกรักกับเธอก่อน” ’
นิ้วเรียวกดปิดแอพลิเคชั่นเสิร์ชหาข้อมูลแล้วแตะลงไปที่แอพลิเคชั่นที่มักจะใช้แชทกับเพื่อนและคนอื่นๆ ก่อนจะแตะไปที่กล่องแชทที่อยู่ด้านบนสุด แน่นอนว่ากล่องด้านบนสุดคือกล่องที่คุยล่าสุด ไม่เคยมีกล่องแชทของใครที่ได้อยู่ด้านบนสุดนอกจากใครคนนั้นที่วิ่งหนีเขาไปแล้ว แตะนิ้วพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้ปลายทาง แม้จะลุ้นมากแค่ไหนแต่เขาไม่เคยต้องรอข้อความเลย เพียงไม่กี่วินาทีข้อความของเขาก็ถูกอ่านอย่างรวดเร็วราวกับปลายทางเปิดกล่องข้อความรอเอาไว้อยู่แล้ว และข้อความที่ทำให้หัวใจของควอนซูนยองพองโตและเต้นเร็วก็ปรากฎขึ้นมาบนจอโดยคนปลายทางที่ตอนนี้คงนอนม้วนตัวอยู่บนเตียงแล้วแน่ๆ
... ใช่ อีจีฮุนคนซึนคนนั้นนั่นแหละ
ฉันอ่านความหมายแล้วนะ ... ฉันจะบอกรักนายก่อนเอง 21:20
ฉันรักนาย เป็นแฟนกันนะอีจีฮุน 21:21
อื้อ ตกลงJ read 21:21
“ เยยยยย้ !!!! ควอนซูนยองมีแฟนกับเขาซักทีละโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!! ”
END.
- 160425 -
สวัสดีทุกๆคนที่อ่านตอนที่สองนะคะ
ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยแต่งค้างไว้ตั้งแต่ปี 2013 .......
ตอนนี้แต่งจบแล้วนาจาาาาาาา 555555555555555555555
พี่ซูนคนขี้แกล้งกับนุ้งจีฮุนคนซึนนี่มันดีต่อใจจริมๆ ฮิฮิฮิ
ขอขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านด้วยน้า อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก หรือว่าจะเมนชั่นมาคุยก็ได้น้า ; w ;
ขอฝากแท็ก #pnn17fic ไว้หน่อยนาจาาาาาาา อยากหวีดอยากกรี๊ดอยากด่าไรท์อัพช้าอะไรก็ว่ากันไปป
เจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หลังจากที่ลุ้นกับคู่เพื่อนสนิทนี่มาตั้งนานหลายปี วันนี้รู้เรื่องแล้วววววววว
ดีใจที่เค้าลงเอยกันได้สักที คุณจีฮุนคนซึน กับคุณซูนยองคนขี้แกล้ง มันน่ารักมากกกกก
กว่าจะรักกันได้ทำเอาคนอ่านนั่งกุมขมับด้วยความเครียด สงสารพี่จิ้อย่างแรง อิพี่ซูนนี่ก็ช่างแกล้งเหลือเกิน!!!
แต่สุดท้ายเค้าก็รักกัน ได้เป็นแฟนกัน อรั้ยยยย ขอบคุณดอกซ่อนกลิ่นสื่อรักที่ทำให้ซูนฮุนและรีดเดอร์มีวันนี้ แง้
ปล. อยากให้เอาฟิคเก่าๆ มาลงให้หมดเลยยยยย คืดถึงฟิคเซบทีนของพี่โรมากๆ ;;;-;;;
ต้องเอาเรื่องน้องชานมาอ้างอ่ะ จีฮุนถึงจะรู้สึกและบอกกับเขาไปตรงๆ บ้างซักที คนปากหนักก็เงี้ยย
ส่วนพิซูน คนนี้นี่จอมคิดจอมบงการของจริง 555 จริงๆ เรามีฉากที่ชอบฉากนึงคือตอนที่เดินกลับบ้านด้วยกันแล้วมือแตะกันง่ะ มันแบบ ถึงจะเล็กๆ น้อยๆ แต่เขินมากอ่ะ ดูแบบ น่าาาาาร้ากกกกมากกกกกกก