ตอนที่ 11 : - 11 : closer, closer | mingyu x seungcheol 。
CLOSER, CLOSER | MINGYU x SEUNGCHEOL
pg – 15 / romantic
ps.ฟังหน่อยนะจะได้เพิ่มอินเนอร์ขึ้นมานิดนึง ._.
…
เมื่อผมอยู่กับคุณ เวลาก็หยุดนิ่งไป
แต่หัวใจของผมกลับเต้นเร็วขึ้นไปอีก ผมไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร?
ผมแค่อยากใกล้คุณมากกว่านี้ ใกล้คุณมากกว่านี้
“ คิดอะไรอยู่ ? ”
มือหนาจิ้มไปที่แก้มอีกคน เอ่ยเสียงทุ้มเรียกสติของคนที่กำลังนั่งเหม่อถือกระป๋องน้ำอัดลมอยู่ในมือหมุนมันไปมาให้หันมามอง ก่อนจะยืดตัวให้เป็นปกติและเขยิบตัวให้มีพื้นที่ว่างพอที่ผู้มาใหม่จะสามารถนั่งได้ด้วย
“ ไม่มีอะไรหรอก ซึงชอลฮยอง ผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ” เสมองไปอีกด้านหนึ่งพร้อมยกกระป๋องน้ำอัดลมที่บรรจุของเหลวสีเข้มนั้นเข้าไปในปาก
“ วันนี้เหนื่อยสุดยอดเลยอ่ะ ว่าไหม มินกยู ? ”
ชเวซึงชอล หย่อนตัวนั่งข้างๆคนเป็นรุ่นน้องอย่าง คิมมินกยู ที่เพิ่งเขยิบที่นั่งให้เขาได้นั่งข้างๆ อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยกกระป๋องน้ำอัดลมดื่มต่อไป
“ เดี๋ยวไปซ้อมกับเพื่อนๆอีกสองสามชั่วโมงเราก็ได้พักแล้วหน่าฮยอง อดทนอีกนิดหน่อยแล้วกัน ”
ไม่มีคำตอบอะไรนอกจากมือหนาค่อยๆเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายและกุมมือไว้อย่างแนบเนียน คนโดนจับมือก้มมองมือที่ถูกกุมสลับกับใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่มองอะไรไม่รู้ไปทั่วห้อง ก่อนที่มินกยูจะเสมองไปที่ประตูห้องซ้อม ภายใต้ความเงียบภายในห้องนั้นก็ได้ยินเสียงคำตอบของข้อความที่เพิ่งพูดไปล่าสุดมาสั้นๆได้ใจความว่า ...
“ อืม ”
... ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ...
x.
ในเวลาต่อมาไม่นาน พวกเขาก็ต้องเข้าไปซ้อมกับเพื่อนๆในวง แต่ทว่าวันนี้ไม่ได้มีอัดรายการเรียลลิตี้อย่างเซเว่นทีนทีวี จะไม่ต้องรีบร้อนมากมาย
รายการนี้เปรียบเสมือนรายการเรียลลิตี้ถ่ายตามติดชีวิตของการฝึกซ้อม การเตรียมตัวต่างๆเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพที่จะได้อยู่แถวหน้าเหมือนวงรุ่นพี่ทั้งในสังกัดและนอกสังกัด โดยทางสตาฟจะจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย ซึ่งเช่นเดียวกันกับวันนี้ ที่สตาฟสังกัดได้จัดกิจกรรมมากมายให้ แต่นอกจากกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันกับเพื่อนๆในวงแล้ว ก็ยังมีการฝึกซ้อมในตำแหน่งของตัวเองด้วย โดยทั้งมินกยูและซึงชอลอยู่ตำแหน่งเดียวกันคือตำแหน่งแรพเปอร์
พอถึงเวลาซ้อม ทั้งสองคนจึงเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มเซเว่นทีนเพื่อที่จะไปหาจินคยองที่อยู่ทีมมิวสิคเฟรนด์ที่จะต้องมาซ้อมแรพกับพวกเขา เพราะแน่นอนว่า ทีมของเขาชื่อว่า ผู้ชายของจินคยอง จินคยอง ก็ต้องมีสิทธิ์มาร่วมซ้อมด้วยเช่นกัน
ระหว่างที่ซึงชอลและมินกยูกำลังเดินไปหาจินคยอง แขนแข็งแรงก็ยกกอดคอคนตัวสูงที่เป็นรุ่นน้องโดยอัตโนมัติแล้วพูดคุยแซวไปมาหัวเราะเรื่อยเปื่อยตามปกติเหมือนทุกๆวัน แต่ในครั้งนี้ ... มันไม่เหมือนเดิม คนเป็นน้องกำลังเริ่มจะต้องมาต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจตัวเอง เมื่ออยู่ๆก้อนเนื้อภายในเริ่มเต้นผิดจังหวะจากเมื่อกี้หลังจากที่โดนคนเป็นพี่กอดคอเดินไปหาจินคยอง ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องปกติ
แต่ทำไม .... ครั้งนี้เขากลับไม่ชินนะ ?
เขาเป็นอะไรไป ?
“ เฮ้ จินคยอง ! มาซ้อมกันเถอะ ”
ซึงชอลตะโกนเรียกหญิงสาวผมยาวที่กำลังเดินมาถึงพวกเขา จินคยองพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้ประจำพร้อมๆกับผู้ชายในทีมทั้งสองคน ตามมาด้วยน้องเล็กในทีมอย่าง ชินดงจิน ที่เข้ามาสมทบด้วย
“ ซึงชอลโอป้า ฉันรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยว่าจะแรพได้ดีเหมือนพวกโอป้า ฉันกังวลกับมันมาหลายวันแล้ว ”
จินคยองเอ่ยขึ้นมาหลังจากนั่งลงประจำที่แล้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำให้คนเป็นพี่ที่ถูกลากเป็นผู้ร่วมสนทนาได้แต่ยิ้มรับกว้าง ยีผมสาวน้อยคนเดียวในวงพร้อมให้กำลังใจเต็มที่
“ เอาหน่าจินคยอง คนเรามันไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด เธอฝึกไปเรื่อยๆ เชื่อสิว่าต้องได้แน่ๆ เผลอๆอาจจะแรพได้ดีกว่าพี่กับมินกยูอีกนะ ตอนนี้เธอก็ฝึกร้องธรรมดาไปก่อนแล้วกัน ”
“ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะโอป้า ” จินคยองเอ่ยคำขอบคุณแก่พี่ชายในทีมของเธอก่อนจะก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมท่อนของเธอเอง ซึ่งพี่ชายในวงทั้งสองคนและน้องเล็กก็กำลังฝึกซ้อมอยู่เช่นกัน
ดวงตาเรียวเหลือบมือรุ่นพี่ตัวเล็กที่ฝึกซ้อมอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งๆที่อีกฝ่ายนั้นมีทักษะเรื่องแรพมากพอ บวกกับประสบการณ์ที่เคยไปฟีทเจอร์ริ่งท่อนแรพให้รุ่นพี่ในสังกัดอย่างยูนิตย่อย ออเรนจ์คาราเมล ซึ่งแน่นอนเมมเบอร์ทุกคนรวมถึงคิมมินกยูก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ทำไมเขากลับละสายตาไปจากรุ่นพี่ที่นั่งเยื้องเขาไปไม่ได้นะ
ทั้งๆที่เนื้อเพลงของเขาก็แผ่บนมือรอให้เขาก้มลงไปอ่านอยู่แท้ๆ
“ ร้องไม่ได้เหรอมินกยู ? ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำให้คนที่มัวแต่เหม่อจ้องหน้าอยู่ถึงกับต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่ พลางส่ายหัวไปมา
“ ร้องไม่ได้ก็บอกดิ จะได้สอนให้ไง ... ดงจิน แลกที่กับฮยองที ” ซึงชอลเอ่ยบอกดงจินที่นั่งข้างๆมินกยูเป็นเชิงขออนุญาตแกมบังคับจนคนเป็นน้องที่ถูกขอก็ต้องจำใจแลกที่ของตัวเองให้
“ ครับซึงชอลฮยอง ”
มักเน่ในทีมพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อรอการแลกที่นั่งกับพี่ใหญ่ในทีม พอได้สลับที่แล้ว ดงจินก็ตั้งตาตั้งตาซ้อมในส่วนของตัวเองต่อราวกับว่าถ้าขาดช่วงไป สิ่งที่ทบทวนเมื่อสักครู่มันจะหายไปกับตา ส่วนซึงชอลเมื่อได้นั่งลงข้างๆมินกยูแล้ว ก็ชะโงกหน้ามาดูเนื้อร้องในมืออีกคนทันที
“ ท่อนไหนที่ว่าร้องไม่ได้อ่ะ ? ”
“ ผมร้องได้ทุกท่อนหน่า แต่แค่ลืมๆบ้างแค่นั้นเอง ”
ตอบด้วยน้ำเสียงงึมงำ ดวงตาคมก็จ้องไปที่เนื้อเพลงก่อนจะลองท่องๆไปพลางพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจแล้ว แต่ทว่ากระดาษเนื้อเพลงถูกดึงไปโดยฝีมือของพี่ใหญ่ของวง ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับมินกยูเป็นอย่างมาก
“ งั้นลองแรพให้ฟังดิ้ ”
“ เห้ย ตอนนี้เลยเหรอฮยอง ? ไม่มีชีทด้วยเนี่ยนะ ? ” มินกยูยังคงตกใจกับคำสั่งที่สั่งแบบฉับพลันของชเวซึงชอล ก็เขาเพิ่งจะจำเนื้อเพลงได้แป๊บเดียวเอง ใครจะไปคล่องอย่างพี่แกล่ะ
“ แล้วคิดว่าตอนขึ้นเวทีนายจะต้องไปถือเนื้อเพลงแล้วร้องรึไง อย่ากากไปหน่อยเลยหน่า ”
ซึงชอลเลื่อนมือไปโอบไหล่อีกคนเหมือนอย่างที่ติดเป็นนิสัย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะหัวเราะอะไรก็ว่าไป แต่กลับครั้งนี้เขากลับได้แต่กลืนน้ำลาย พยายามข่มใจตัวเอง
“ .. โอเคๆ ” มินกยูพยักหน้า กระแอมเสียงก่อนจะเริ่มแรพให้ท่อนตัวเอง
ซึงชอลนั่งมองอีกคนที่กำลังตั้งใจแรพโดยที่อยู่ๆมือด้านขวาเผลอไปกุมมือด้านซ้ายของรุ่นน้องไว้ เพราะมือด้านขวานั้นเจ้าตัวยกขึ้นมือทำท่าทำทางตามที่แรพเพราะมันช่วยเรื่องความมั่นใจได้เป็นอย่างดี พอคนกำลังแรพอย่างตั้งใจได้รับสัมผัสที่มือจากรุ่นพี่ อยู่ๆการแรพที่กำลังจะดูไร้ที่ติของเขาก็เริ่มตะกุกตะกัก สะดุดไปมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยจะเป็นอะไรแบบนี้ ดวงตาคมหันมาสบตากับรุ่นพี่ เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่เวลาก็หยุดนิ่งไปด้วย แลดูว่ามีอะไรบางอย่างที่รุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้กำลังสื่อมาให้ถึงเขา เหมือนเขากำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองอย่างมาก เสียงก้อนเนื้อภายในเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ถึงจะรู้สึกอยู่บางครั้งว่ารู้สึก .. ดี แต่ในใจยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนสงสัยว่า
... คนข้างๆจะรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึกบ้างรึเปล่า ?
“ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ”
มินกยูลุกพรวดขึ้นยืนก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องซ้อมทันที โดยไม่ได้มองไปข้างหลังเลยว่าใครอีกคนที่เป็นคู่กรณีของตัวเองกำลังลุกตามออกมา
ความจริงมินกยูพยายามต่อสู้กับความรู้สึกในใจที่มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวมานานหลายวันแล้ว แต่แล้วเจอหน้าพี่คนโตของวงทีไร ความพยายามที่จะข่มความรู้สึกมันก็เริ่มจะน้อยลงๆเสียทุกที จนแทบจะทนไม่ไหวอยากจะพลั้งปากออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แน่นอนว่าเขาน่ะเป็นผู้ชาย แมนเต็มร้อย แต่ก็อย่างว่า อยู่กับพี่ชายคนโตทีไรความรู้สึกบ้าๆนี่ก็ชอบโผล่มาตลอด ไหนจะการกระทำที่ดูสนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องจริงๆนี่อีก ยิ่งทำให้เขารู้สึกดีแปลกๆในใจ
... นี่มันบ้าอะไรกัน แย่ชะมัด !
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เขาควรจะไปสนิทกับวอนอูฮยองยังจะดีกว่า ...
x.
“ ไหนว่ามาเข้าห้องน้ำไง ? ”
ซึงชอลที่ยืนพิงตู้กดน้ำเอ่ยขึ้น เพราะเห็นว่าใครบางคนที่อ้างว่าจะมาเข้าห้องน้ำ กลับไม่ได้ไปเข้าอย่างที่ปากว่า ห้องน้ำมันอยู่คนละฝั่งกับทางที่พวกเขาเดินมาเห็นๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังหลบอะไรบางอย่าง
“ ก็กำลังจะไปนี่ไง ”
มินกยูเตรียมเดินไปอีกฝั่งแต่ทว่าอีกฝ่ายมีแรงเยอะมากพอที่สามารถออกแรงดึงข้อมืออีกคนให้เดินเข้ามาใกล้ตัวเองได้ง่าย กลายเป็นว่า คิมมินกยูคนตัวใหญ่แรงเยอะกว่ากลับไร้เรี่ยวแรงเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าก็คราวนี้
“ นายเป็นอะไร อยู่ๆก็ดูเหมือนไม่มีสมาธิอยู่กับตัวเองเลย ”
“ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆฮยอง ผมสบายดี ” มินกยูเบือนหน้าหนีเพราะเริ่มไม่อยากมองหน้าอีกคน กลัวว่าจะได้เผลอพลั้งปากพูดอะไรบ้าบอไม่เป็นตัวเองออกไป
“ อย่าโกหก ฉันรู้จักนายดี ” ซึงชอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาคมแต่กลมยังคงจดจ้องรุ่นน้องตัวสูงอยู่ไม่วางตา
“ … ”
“ … ”
“ ... ฮยองทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ? ”
“ ฉันทำอะไร ? ”
คนเป็นพี่เอ่ยถามพลางดึงอีกคนเข้ามาใกล้ๆ แน่นอนว่าตอนนี้แถวนี้ไม่มีใครอยู่ และกล้องก็ไม่ได้เปิด ถึงจะสบายใจที่จะไม่มีใครเห็น แต่ถ้ามีใครเกิดเผลอหิวน้ำอยากดื่มน้ำกระป๋องขึ้นมานั่นแหละก็เป็นความโชคร้ายของพวกเขาสองคนที่จะถูกเจ้าพวกเด็กๆแซวกัน
“ บางทีสิ่งที่ฮยองทำลงไป ฮยองอาจจะไม่รู้ ... แต่เมื่อก่อนผมก็ไม่ได้เป็นอะไรแบบนี้หรอก ”
“ … ”
“ไม่นานมานี้มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ... รู้สึกสับสนอะไรไม่รู้ ผมพยายามจะข่มความคิดตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้ ... ”
มินกยูสบตาอีกคนพร้อมคำพูดพรั่งพรูออกจากปากทั้งหมด แต่ก็พูดไม่ได้จบประโยค คนเป็นพี่กลับดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั่น แขนเรียวเอือมไปสวมกอดช่วงลำตัวด้านบน คนถูกสวมกอดก็ได้เพียงแต่ยืนนิ่งรับรู้ถึงความอบอุ่นนั้น
“ … ”
“ รู้สึกแบบนั้นนานรึยัง ? ”
“ ... ไม่นานมานี้ครับ ”
“ … ” ซึงชอลได้เพียงแต่ยืนกอดอยู่อย่างนั้นไม่ขยับตัวผละออกซ้ำยังกอดแนบแน่นมากกว่าเดิม ส่วนคนเป็นน้องก็ยังคงยืนนิ่งไม่ดิ้นไปไหน
“ ... ”
“ นายอาจจะไม่รู้ ... แต่ฉันไม่เคยอยากอยู่ใกล้ใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ฉันแค่อยากใกล้นาย อยากใกล้นายมากกว่านี้ นานกว่านี้ ... ”
“ ... ”
“ ฉันชอบนายนะ มินกยู ”
“ … อืม ผมก็ชอบฮยองครับ ซึงชอลฮยอง ”
END.
- 160519 -
สวัสดีตอนที่สิบเอ็ดค่ะ
มีความลงฟิคข้ามไปข้ามมา ; w;
เรื่องนี้เคยเป็นเรื่องที่ผิดพลาดทางโพสิชั่น ถ้าใครเคยอ่านจะรู้ว่ามีนไม่ใช่โพสิชั่นนี้
แต่แน่นอน เรารีไรท์ใหม่ได้เราก็เปลี่ยนด้ายยยยย
และเราก็แก้คำผิดกับเพิ่มบทสนทนาเพิ่มนิดหน่อยด้วยอิอิ
ลองอ่านฟิคความผิดพลาดที่เราว่ามันก็แอบไม่ผิดพลาดและฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
เอาเป็นว่าขอขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านด้วยน้า อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะฮึก
ติดตามและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทั้งทางคอมเม้นต์ แฮชแท็ก(ที่แปะไว้หน้าหลัก) -> #pnn17fic
หรือว่าจะเมนชั่นมาคุยก็ได้นะครัชชช ; w ;
เจอกันตอนถัดไป สวัสดีค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

168 ความคิดเห็น
-
#25 มินคุปสึ (จากตอนที่ 11)วันที่ 1 มิถุนายน 2559 / 00:41มีความเขิน แต่เวลาเราอ่านแล้วเราจะมโนภาพตามช้ะ มันแบบ เห่ยยยยยยยยยย 5555555555555#250