ตอนที่ 9 : - 09 : peek | hyungwon x kihyun。
PEEK | HYUNGWON x KIHYUN
pg – 15 / romantic
ใครสบตาใครก่อนคนนั้นแพ้ …
กฎกติกาข้อนี้ แชฮยองวอน รู้ดีมากกว่าใครๆ เพราะกฎกติกาบ้าบอไร้สาระข้อนี้เขากับใครบางคนได้ตั้งมันไว้ด้วยความคิดบ้าๆที่อยากปกปิดความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ว่ามันเรียกว่าอะไรของตัวพวกเขาเอง
แน่นอน ไม่ว่าตัวเขา หรือตัวของ ยูกีฮยอน เองนั้นก็ไม่อยากจะเป็นฝ่ายที่ต้องพูดมันออกมาก่อนอยู่แล้ว ด้วยความที่ร่างอวบนั้นชอบวางฟอร์มมากจนเกินไป จึงทำให้พวกเขาชอบเกี่ยงความรู้สึกซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา
‘ ใครสบตาใครนานเกินกว่าสามนาทีก่อน คนนั้นต้องเป็นคนสารภาพว่าชอบก่อนนะ เข้าใจไหม ? ’
แต่มันก็แค่นั้น ต่อให้ฮยองวอนรู้ถึงรายละเอียดและบทลงโทษของกฎลับแสนงี่เง่าเพียงข้อเดียวนี้ดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยที่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเขาแทบจะละเลยไปว่าเคยตั้งคำสัญญาอะไรไว้ และเขาก็ชอบที่จะแอบแหกกฎกติกาข้อนั้นอยู่เสมอ
วันนี้ก็เช่นกัน ...
งานแฟนไซน์ที่จงโรถูกจัดขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้มาโปรโมทอัลบั้มที่เพิ่งปล่อยออกไปไม่นานมานี้ รวมถึงยังเปิดโอกาสให้แฟนคลับผู้โชคดีได้รับลายเซ็นจากสมาชิกทุกคนในวงอีกด้วย เหล่าแฟนคลับมากหน้าหลายตาต่างดีอกดีใจกันเป็นอย่างมาก ฟังได้จากเสียงกรี๊ดที่มีอย่างต่อเนื่องและจำนวนผู้คนมากมายที่อยู่ภายในห้องประชุมห้องหนึ่ง พวกเขาเหล่ามอนสตาเอ็กซ์ก็ดีใจไม่แพ้กันที่ได้พบปะกับแฟนๆและได้รับรู้ว่าแฟนคลับของพวกเขามีมากขึ้นจากเมื่อก่อนแค่ไหน แต่นั่นก็คือส่วนหนึ่งของความดีใจของแชฮยองวอน
ถ้าไม่นับความดีใจเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จากการที่แชฮยองวอนจับฉลากได้ที่นั่งแจกลายเซ็นข้างๆยูกีฮยอนล่ะก็นะ ...
ร่างของสมาชิกแต่ละค่อยๆเดินขึ้นเวทีที่มีโต๊ะหน้าขาวตั้งเอาไว้อยู่กลางเวทีด้วยความร่าเริง ในขณะเดียวกัน ฮยองวอนที่กำลังจะก้าวขึ้นเวทีนั้นก็มองเห็นร่างอวบที่เดินขึ้นเวทีไปแล้วกำลังยกยิ้มกว้างโบกมือให้แฟนคลับไปมาด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตากลมโตจดจ้องใบหน้าน่ารักราวกับถูกมนต์สะกดบางอย่างที่ร่ายมาครอบงำเขาโดยไม่รู้ตัว
สาบานได้ว่าเพียงแค่เขาเห็นรอยยิ้มหวานบนใบหน้าน่ารักนั้น ฮยองวอนคนนี้แทบจะก้าวขาขึ้นเวทีไม่เป็นเลยทีเดียว ไหนจะเสียงก้อนเนื้อสีแดงด้านซ้ายที่ยังคงเต้นรัวอย่างต่อเนื่องจนเจ้าของรู้สึกรำคาญ กว่าที่จะเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลกลับคืนมาได้นั้น ต้องให้เพื่อนร่วมวงอย่าง อีจูฮอน เอ่ยเรียกเขาขึ้นไปบนเวทีนั่นแหละ
“ ฮยองวอน มัวทำอะไรอยู่ ขึ้นมาได้แล้ว ”
“ ห้ะ .. อ้ออ รู้แล้วๆ ” เรียวขายาวสมกับเป็นนายแบบก้าวขึ้นมาบนเวทีอย่างเร่งรีบพร้อมกับเจ้าของที่กำลังแสดงใบหน้าที่มึนงงเหมือนคนขี้เซาอยู่ตลอดเวลา จนเพื่อนร่วมวงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาด้วยความปลง ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเองพร้อมยกมือเกาศีรษะตัวเองอย่างมึนงง
“ ง่วงนอนอีกแล้วล่ะสิ่ ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นข้างหู ร้อนให้ใบหน้าหวานต้องหันมามองเจ้าของเสียงนั้น กีฮยอนยกยิ้มหวานพร้อมยักคิ้วหนึ่งที
“ นายคิดว่าฉันจะนอนพอรึไงล่ะ ? ”
“ ก็ ... ไม่น่าจะพอนะถ้าเทียบกับเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นน่ะ ” ร่างเล็กยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับแฟนๆที่เรียกชื่อของเจ้าตัวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ ถ้ารู้ก็เลิกถามได้แล้ว ” ว่าจบ ฮยองวอนก็หันไปแฟนเซอร์วิสกับเหล่าแฟนๆที่อยู่ใกล้ๆอย่างรู้หน้าที่ และบทสนทนาก็จบลงอย่างไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระมันอยู่ตรงไหน และพวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจมันด้วยซ้ำ
การแจกแฟนไซน์ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ฮยองวอนจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงบนภาพในอัลบั้มพลางพูดคุยกับแฟนคลับเรื่อยเปื่อยเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่ได้สนใจว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่แอบลอบมองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของเขาอยู่ พอเขาจะหันหน้าไปมองตาม ใบหน้าน่ารักกลับก้มหน้าก้มตาเซ็นชื่อของตัวเองพร้อมพูดคุยส่งยิ้มให้แฟนคลับจนอีกฝ่ายใบหน้าแดงระเรื่อราวกับว่าเหตุการณ์แอบมองนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำเหมือนว่าหาที่วางสายตาไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น พวกเขาสลับกันแอบมองอยู่แบบนั้นจนเป็นกีฮยอนที่ทนไม่ไหวกับการก่อตัวของความอึดอัดนี้เอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่พวกเขาไม่ได้แจกไซน์ให้กับแฟนคลับ
“ แอบมองเหรอ ? ”
“ นายนั่นแหละ แอบมองฉันก่อนไม่ใช่รึไง ? ”
“ ฉันไม่ได้มองนายนะ ฉันมองทงแซงคนที่ยืนข้างๆโต๊ะนายต่างหากล่ะ ” กีฮยอนยังคงเถียงหัวชนฝาไม่ยอมรับอยู่อย่างนั้น
“ แอบมองก็บอกว่าแอบมองดิ่ เอ้อ ” ฮยองวอนส่ายหน้ากับข้อแก้ตัวน้ำขุ่นๆของคนแก่กว่าเพียงไม่กี่เดือน ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายจะเถียงเขากลับมาอีก
“ ใครจะไปอยากมองนายกัน ฉันไม่ได้อยากมองหรอกนะ ”
“ เพราะกลัวจะผิดคำท้าสิ่นะ ? ”
บางทีฮยองวอนก็รู้สึกอยากจะโพล่งถามไปว่ากฎบ้าบอพวกนั้นจะตั้งมันขึ้นมาทำไม ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำไป แค่บอกตามความรู้สึกไปก็เท่านั้น ยังดีกว่าต้องมาหลบสายตากันไปมาแบบนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่คนชอบพูดอะไรมากนัก แต่กับบางเรื่องถ้าไม่พูดเลยมันก็กลายเป็นความอึดอัดที่ก่อตัวอยู่ภายในใจตลอดชีวิตแน่ๆ
“ อย่ามามั่ว ... นายมองฉันก่อนหรอก ”
“ ปากแข็งชะมัด ”
ด้วยความที่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวเล็ก ฮยองวอนจึงได้แค่เบือนหน้าหนีไม่ตอบอะไร ก่อนจะหันไปหาแฟนคลับที่ยังคงจับภาพของเขาอย่างต่อเนื่องเสมือนเป็นนักข่าวกันเอง โดยที่ไม่ได้สังเกตรอยยิ้มบางอย่างที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าน่ารักที่กำลังลอบหัวเราะเบาๆเลยสักนิด แม้ว่าฝ่ามืออวบจะพยายามยกขึ้นปกปิดรอยยิ้มนั้นอย่างไร มันก็ไม่สามารถปกปิดต่อสายตาของแฟนคลับได้เลยสักนิด เพราะรอยยิ้มน่ารักนั้นยิ่งทำให้แฟนคลับต่างพากันกรี๊ดเข้าไปใหญ่
แต่จู่ๆร่างโปร่งก็นึกอะไรได้บางอย่าง รอยยิ้มประดับขึ้นริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างไม่รู้ตัว หากว่าเขาทำแบบนี้แล้วอาจจะทำให้ความอึดอัดใจลดลงไปได้ในระดับ ปานกลางถึงมาก ก็เป็นได้
มือเรียวเอื้อมไปสะกิดที่ท่อนแขนของคนที่นั่งข้างกายสองสามที พร้อมกับหันร่างไปทางอีกฝ่ายครึ่งตัวเพื่อรอให้ร่างอวบหันหน้ามามอง นัยน์ตากลมโตทอดมองไปยังใครบางคนที่กำลังทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาสะดุดไปหนึ่งจังหวะ เจ้าของใบหน้าหวานพยายามควบคุมสติไม่ให้แสดงอาการประหลาดออกมามองเกินไป สำหรับคนที่ไม่ค่อยแสดงออกอย่างเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยาก แต่ถ้าต้องมารอให้อีกฝ่ายพูดสารภาพสิ่งที่เขาได้ยิน จนชาตินี้เขาคิดว่าก็คงไม่ได้ฟังมันแน่ๆ
... เอาเป็นว่า แชฮยองวอนขอเป็นฝ่ายรุกเองเลยก็แล้วกัน !
“ กีฮยอน ”
“ หือ ? ” เจ้าของชื่อหันมามองอย่างว่าง่ายพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงเอ่ยถาม
“ ดูให้หน่อยดิ่ว่ามีอะไรติดในตารึเปล่า ฉันรู้สึกเคืองตามากเลยอ่ะ ” ว่าจบก็ใช้ปากกามาร์เกอร์ที่ถือไว้อยู่ในมือชี้เข้าไปในดวงตาของตัวเองให้อีกฝ่ายจ้องมองหาสิ่งแปลกปลอมที่อ้างว่าเข้าตา
“ .. อืม ... ไม่เป็นมีอะไรเข้าตานายเลยฮยองวอน ”
และกว่าที่กีฮยอนจะรู้ตัวว่าเขาตกหลุมพรางของคนตัวสูงก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อนัยน์ตาเรียวไม่สามารถละสายตาที่ทอดมองมาอย่างมีนัยยะบางอย่างที่แสดงออกมาผ่านแววคู่กลมคู่ตรงหน้า ในขณะที่ดวงตากลมยังคงสบตามองอย่างมั่นคงราวกับยอมแพ้กับคำท้าที่เคยตั้งไว้ ร่างสูงโปร่งรับรู้ถึงจังหวะและความรุนแรงของการเต้นของหัวใจว่ามันรัวและแรงมากแค่ไหน จะบอกว่าแชฮยองวอนไม่เคยมองหน้ายูกีฮยอนตรงๆเลยก็ว่าได้ เขาไม่สามารถมองหน้ากีฮยอนได้นานเกินสามนาทีเลยสักครั้ง แต่กลับครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจจากที่ไหนมา ถึงสามารถจดจ้องใบหน้าน่ารักที่มีองค์ประกอบความงดงามอยู่เต็มทุกสัดส่วน
ไม่มีการเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันเหมือนนิยายหลายๆเรื่อง ไม่มีการกอด ไม่มีการจูบ ไม่มีการกระทำใดๆที่ลึกซึ้งไปมากกว่าการนั่งมองหน้ากันโดยไร้เหตุผลที่จะนิยามถึงการกระทำดังกล่าว ฮยองวอนเริ่มสังเกตเห็นใบหน้าน่ารักตรงหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อแต่งแต้มพวงแก้มเนียนที่มักจะมีลักยิ้มอยู่ ริมฝีปากเรียวถูกขบเม้มกลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าความร้อนที่ก่อตัวเหมือนกับที่อีกฝ่ายกำลังประสบนั้นเริ่มเห่อขึ้นมาบนใบหน้าของตัวเองเช่นกัน แต่นั่นจะไปสู้รอยยิ้มบางที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มได้อย่างไร
แหงล่ะ ก็เพราะตอนนี้ในดวงตาคู่สวยของยูกีฮยอนมันมีแค่ภาพใบหน้าของแชฮยองวอนอยู่ภายในนั้นเพียงภาพเดียว เขาจะไม่รู้สึกดีใจมากได้อย่างไร
สาบานได้ว่าถ้ายูกีฮยอนบอกว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้ เขาก็พร้อมจะยอมรับมันเพราะจนถึงตอนนี้ฮยองวอนเองก็ยังไม่สามารถละสายตาได้เลย ไม่ต่างกับกีฮยอนที่ยังคงมองอยู่เช่นนั้น เป็นการมองที่ไม่ต้องแอบกระทำ เป็นการมองที่ยาวนานกว่าทุกครั้ง เป็นการมองที่ทำให้ก้อนเนื้อสีแดงเต้นรัวได้อย่างไร้สาเหตุ
ถ้าบอกว่าฮยองวอนใจเต้นแรงมากแค่ไหน ...
ยูกีฮยอนเองก็ใจเต้นแรงมากไม่แพ้อีกฝ่ายแน่นอน ...
“ นายแพ้นะฮยองวอน ” กีฮยอนเอ่ยเสียงเบาลอดไรฟันสวยเพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยินมัน แม้จะทำให้แฟนคลับหลายคนส่งเสียงดังด้วยความพึงพอใจมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับรู้ถึงบทสนทนาในเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นมันก็ดีสำหรับพวกเขา เพราะสมาชิกภายในวงรับรู้เรื่องนี้ เปอร์เซ็นต์การโดนล้อเลียนก็จะเพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น
“ อืม ฉันยอมแพ้ ”
“ คิก อย่าลืมบทลงโทษก็แล้วกัน ” และรอยยิ้มหวานอย่างคนได้รับชัยชนะก็ประดับบนใบหน้าน่ารักนั้นทันที ซึ่งฮยองวอนยอมทำตามใจคนเป็นพี่เดือนทั้งๆที่ปกติแล้วเขาไม่เคยยอมใครเท่าไหร่
“ ยื่นหูมาใกล้ๆหน่อยสิ่ ”
“ อะไรเหรอ ? ” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวกวักเข้าหาตัวเองเพื่อบอกให้ร่างอวบยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ และเขาจะได้พูดอะไรบางอย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งกีฮยอนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ใบหน้าน่ารักยื่นเข้าไปใกล้และเลื่อนให้ใบหูเล้กตรงกับริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่าย
“ ฉันชอบนาย ... คุณยูกีฮยอน ... ได้ยินชัดเจนแล้วนะ ? ”
เพียงถ้อยคำสั้นๆไม่ได้ยาวยืดจนจับใจความไม่ได้นั้นก็สามารถทำให้ใบหน้าน่ารักของเพื่อนรุ่นเดียวกันขึ้นสีได้ไม่ยาก กีฮยอนพยายามซ่อนรอยยิ้มกว้างของตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะอาการที่แสดงออกนั้นมันชัดเจนเกินกว่าจะปกปิดไม่ห้คนอื่นหรือแม้กระทั่งคนตัวสูงได้ ร่างสูงเอ่ยถ้อยคำที่อึดอัดอยู่ภายในใจมาตลอดออกไป รอยยิ้มกว้างราวกับเด็กน้อยก็ประดับขึ้นมาบนใบหน้าหวานนั้น เป็นคนตัวเล็กกว่าที่เบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
มืออวบจับปากกามาร์เกอร์ที่ถูกเปิดฝาออกไว้อยู่ก่อนหน้านั้นพร้อมกับจรดปากกาลงบนกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางเอาไว้อยู่ตรงหน้า เขียนข้อความอะไรบางอย่างสั้นๆ ก่อนจะบรรจงพับกระดาษแผ่นบางให้เป็นรูปจรวดน้อยแล้วเลื่อนกระดาษแผ่นนั้นมาทางด้านข้างของตนที่มีร่างสูงโปร่งนั่งข้างๆโดยที่ไม่หันไปมองอีกฝ่าย และหันไปสนใจแฟนคลับและมักเน่ชางกยูนที่นั่งอยู่อีกด้านของตน
ฮยองวอนเลื่อนกระดาษแผ่นบางที่ถูกพับเป็นจรวดน้อยแล้วเลื่อนมาใกล้ๆด้วยฝีมือของคนข้างกายมาไว้ตรงหน้าก่อนจะค่อยๆคลี่แผ่นกระดาษบางอ่านข้อความช้าๆชัดๆที่ละคำพร้อมกับรอยยิ้มดูดีสไตล์นายแบบที่ทำเอาคนมองแทบใจละลาย มือเรียวหยิบกระดาษแผ่นดังกล่าวเก็บใส่กระเป๋ากางเกงทันทีก่อนจะทำหน้าทีแฟนเซอร์วิสอย่างร่าเริงกว่าทุกๆครั้ง โดยที่ทั้งกีฮยอนและฮยองวอนไม่ได้พูดอะไรด้วยกันอีกตลอดจนจบงานแจกแฟนไซน์ของวันนี้
‘ ฉันก็ชอบนายนะ .. คุณแชฮยองวอน คิ :-X
– คุณยูกีฮยอน – ”
END.
สวัสดีเดือนมิถุนายนเดือนขี้เกียจของเลา เฮฮฮฮ !
ความกบฏชยอกีจงมีแด่ตัวเลา T_T
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมากเลยยยยยย
เขิน อ่านไปเขินไป ฮื้อออออ
ฮยองวอนคนบ้าาาาาา
คนอ่านนี่เขินใจจะขาดแทน