ตอนที่ 8 : - 08 : school bus | shownu x kihyun。
SCHOOL BUS | SHOWNU x KIHYUN
AU / pg – 15 / romantic
วันนี้ก็เหมือนเดิม .. ที่ได้เห็นเขาอยู่ในกรอบสายตาเหมือนเดิม …
“ รอด้วยครับ รอด้วยยยยย ! ”
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักอย่าง ยูกีฮยอน จะต้องวิ่งตามหลังรถโดยสารประจำทางเพื่อที่จะขอร่วมเดินทางกลับบ้านที่อยู่ห่างไกลจากจุดที่เขายืนอยู่มาก และเมื่อคนขับรถเหลือบมองขึ้นไปที่กระจกมองหลัง รถโดยสารประจำทางก็ชะลอจอดข้างทางอย่างระมัดระวัง ร่างเล็กเมื่อเห็นว่ารถโดยสารจอดเทียบข้างทางก็รีบก้าวเท้าเล็กทั้งสองข้างวิ่งไปที่ข้างรถ บานประตูรถที่เปิดโดยอัตโนมัตินั้นเผยให้เห็นจำนวนผู้โดยสารที่มีไม่ถึงห้าคน มันเป็นเช่นนั้นอยู่ทุกวัน เขารู้ดี
... คุณคนขับ คุณลุงที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับรายวัน พี่สาวคนสวยที่ชอบนั่งเบาะหลังสุดกับพี่ชายคนหล่อที่ชอบสะพายกีต้าร์โปร่ง และ .. เขาคนนั้น ...
ร่างอวบก้าวขาเดินขึ้นมาบนรถโดยสาร โค้งศีรษะทักทายและขอโทษคนขับรถเล็กน้อยแล้วหย่อนบัตรค่าโดยสารลงในกล่องรับค่าโดยสารที่ไม่มีกระเป๋ารถโดยสารเดินเก็บตามที่นั่ง สายตามองหาที่นั่งที่เหมาะกับเขาในเส้นทางการเดินทางครั้งนี้ ก่อนสายตาเรียวสวยจะเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ทำให้จังหวะการเดินของเขาสะดุดไปสองจังหวะ ใบหน้าน่ารักสัมผัสได้ถึงความเห่อร้อนจนเขาแทบอยากจะยกมือขึ้นมาพัด ถ้าไม่ติดว่ามันจะดูโจ่งแจ้งมากเกินไป
ร่างสูงหนาของใครบางคนที่นั่งติดริมหน้าต่างด้านที่ติดกับประตูขึ้นลงท่อนกลางนั้นยังคงอยู่ในกรอบสายตาของเขาตั้งแต่ก้าวเดินขึ้นมาบนรถจนถึงตอนนี้ แค่เห็นว่าสายตาเรียวคมมองมาทางเขา รอยยิ้มที่พยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมามากเกินไปก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า และมันก็พังอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อร่างหนาเข้าของท่าทางเงอะงะเหมือนหุ่นยนต์นั้นกำลังยกมือขึ้นมาโบกทักทายเขาเล็กน้อย กีฮยอนถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือโบกกลับเล็กน้อย
ซนฮยอนอูกับท่าทางเงอะงะแบบนั้นมันช่างเข้ากันเสียเหลือเกิน ...
คงแปลกใจกันล่ะสิ่ว่า ซนฮยอนอู ที่พูดถึงอยู่ตอนนี้เป็นใคร .. ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ชายหนุ่มร่างสูงคนที่เพิ่งโบกมือให้เขาไปเมื่อสักครู่นี้นั่นแหละ เหตุผลที่ทำให้รู้จักกันได้นั่นเป็นเพราะพวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่แค่ไม่เคยทักทายกันก็เท่านั้น แน่นอนว่ากีฮยอนรู้จักฮยอนอู แต่ทว่าอีกฝ่ายอาจจะยังไม่รู้จักเขา ที่ยกมือโบกทักทายนั่นอาจจะเป็นเพราะรู้ว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันก็เป็นได้
อาจจะโบกทักทายเพราะเห็นว่าใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันล่ะมั้ง ...
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด ซ้ำร้าย มันกลับทำให้ร่างเล็กแทบยิ้มแก้มปริ กีฮยอนเดินไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เป็นมุมที่ดีเพราะที่นั่งของเขานั้นอยู่คนละฝั่งกับฮยอนอูแต่จุดที่นั่งอยู่นั้นมันเยื้องกับเบาะของอีกฝ่าย ทำให้เขาสามารถแอบมองได้อย่างสบาย และนั่นก็กำลังทำหัวใจดวงน้อยๆของเขาเริ่มเต้นจังหวะไม่เป็นส่ำไปกับการเดินทางประจำวันเสียแล้วสิ่
ใครๆก็มองออกว่ายูกีฮยอนแอบชอบซนฮยอนอูมากขนาดไหน กีฮยอนรู้และจดจำได้ทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วไป จนถึงเรื่องเวลารถโดยสารที่ฮยอนอูนั่งกลับบ้านล้อหมุนออก ที่นั่งมุมประจำ ป้ายที่อีกฝ่ายจะต้องลงกลับบ้าน เขาจำมันได้ขึ้นใจ แน่นอนว่าฮยอนอูขึ้นรถโดยสารก่อนเขาเสมอ และกีฮยอนคนไม่ชอบออกกำลังกายก็จะได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการออกกำลังกายไปในตัวด้วยการวิ่งตามรถโดยสารขาประจำที่มักจะมาจอดรอห้านาทีและล้อหมุนเวลาสี่โมงครึ่งทุกวัน ที่เขาออกมาขึ้นรถช้านั่นเป็นเพราะเพื่อนๆในห้องดันชอบมาโยนงานให้เขาทำเวรทำความสะอาดอยู่คนเดียวทุกวัน แม้หลายครั้งที่เขาจะแย้งด้วยเหตุผลที่มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง แต่ทุกคนก็ยังคงโยนงานให้อย่างต่อเนื่องจนเขาคิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์ประจำชั้น
โชคดีที่บ้านของเขาต้องนั่งรถโดยสารขากลับสายเดียวกับคนตัวโตกว่า และก็โชคดีคูณสองที่บ้านของฮยอนอูต้องจอดที่ป้ายก่อนหน้าป้ายที่เขาจะต้องลงจากรถประมาณสองป้าย แม้ว่าในตอนเช้าจะชอบบ่นออกมาว่าบ้านไกลจากโรงเรียน แต่ขากลับยูกีฮยอนคนนี้แทบไม่เคยบ่นอะไรออกมาอีกเลย
... ได้ไปส่งฮยอนอูกลับบ้านก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทุกๆวันอยู่แล้วล่ะ ...
สายตาเรียวทอดมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตพลางยกยิ้มหวานออกมาโดยไม่รู้ตัว มือเล็กกำกระเป๋าของตัวเองเอาไว้แน่นพร้อมกับบิดมันอย่างขวยเขิน กีฮยอนมองเห็นอย่างชัดเจนว่า ใบหน้าของเขากำลังขึ้นสีแดงระเรื่องจนไม่สามารถปกปิดมันได้แม้จะยกมือขึ้นมาปิดก็ตาม และมันก็ยิ่งแดงขึ้นมาอีกจนแทบจะกลายเป็นลูกมะเขือเทศที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป จนเขาต้องรีบเสมองไปทางกระจกบานใสที่แสดงวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาอย่างชัดเจนราวกับว่าไม่มีที่วางสายตา
เมื่อซนฮยอนอูแอบเหลือบหันหลังมามองเขาที่นั่งเยื้องด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับยกยิ้มหล่อให้อีกหนึ่งที
ยูกีฮยอน น็อคเอ้าท์ !!!
จู่ๆรถโดยสารประจำทางที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่กลับจอดลงกะทันหัน เรียกสติที่กำลังล่องลอยฟุ้งเฟ้อของยูกีฮยอนให้กลับมาจดจ่อสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ก็พบว่ามีผู้โดยสารคนใหม่ขึ้นมาบนรถพร้อมกับเดินมาทางฝั่งที่ร่างหนานั่งอยู่ ผู้โดยสารคนใหม่เป็นเด็กน้อยอายุราวๆสิบขวบเห็นจะได้ เด็กชายที่กินอมยิ้มเดินมาเกาะที่ราวหลังเบาะของฮยอนอู จนเจ้าของที่นั่งประจำต้องยอมสละที่นั่งให้เด็กน้อยนั่งแทน และเด็กชายตัวน้อยคนนั้นก็เอ่ยคำขอบคุณกับพี่ชายตัวโตนั้นด้วยน้ำเสียงสดใส
“ ขอบคุณครับพี่ชาย ”
“ ไม่เป็นไรครับเด็กน้อย ”
ทุกการกระทำอยู่ภายในสายตาของยูกีฮยอนทุกอย่าง รวมถึง .. จังหวะที่ร่างสูงหันหลังเดินมาฝั่งที่เขานั่ง และสาบานอย่างจริงจังได้ว่าซนฮยอนอูกำลังเดินมาตรงหน้าเขา ก้อนเนื้อสีสตรอเบอรี่กำลังเต้นด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่ารัวเหมือนกำลังตีกลองดับเบิ้ลไทม์สวิงเหมือนในภาพยนตร์วิปแลชก็ไม่ปาน ก่อนที่สติที่พยายามรวบรวมทั้งหมดกลับมลายหายไปเมื่อเสียงทุ้มที่กีฮยอนอยากได้ยินมาตลอดวันดังอยู่ใกล้ๆหูของเขา
“ ขอนั่งด้วยได้ไหม ? ”
“ อ .. อื้อ นั่งสิ่ ... ”
“ ขอบคุณนะ ”
ว่าจบ ร่างหนาก็หย่อนตัวลงนั่งที่เบาะโดยสารที่ว่างด้านหลังกายเล็ก และความอึดอัดปนความเกร็งก็เริ่มก่อตัวคั่นระหว่างพวกเขาเสียแล้ว เมื่อร่างเล็กของกีฮยอนพยายามทำตัวให้เงียบและนิ่งเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้นั่งสะดวกมากขึ้น ในขณะที่ฮยอนอูก็นั่งหลังตรงราวกับเกร็งกับการนั่งด้านหลังคนตัวเล็กเช่นกัน
แต่หารู้ไม่ว่าภายใต้ความอึดอัดที่พวกเขาก่อขึ้นมาชนกันนั้น กลับทำให้รอยยิ้มสดใสเขินอายปรากฎบนใบหน้าของซนฮยอนอูและยูกีฮยอนโดยไม่รู้ตัว
“ นี่ ... ” จู่ๆนิ้วเรียวหนาของคนด้านหลังสะกิดเข้าที่ไหล่เล็กจนคนที่กำลังยิ้มอย่างเขินอายต้องสะดุ้งเฮือกแล้วหันหน้ามามองด้วยความงุนงง
“ ห .. หือ ? มีอะไรเหรอ ? ”
“ ฉันคุ้นหน้านาย เหมือนเคยเห็นในโรงเรียน ... นายชื่ออะไรเหรอ ? ”
“ .. ก .. กีฮยอน ยูกีฮยอน ” กีฮยอนตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และคนฟังก็พยักหน้ารับรู้เบาๆ
“ เอ่อ ... ฉัน .. ฮยอนอู ซนฮยอนอูนะ ”
“ อื้อ ฉันรู้จักนาย ” … รู้จักดีมากๆเลยล่ะ
“ ... ”
“ ปกติไม่ค่อยมีคนนั่งรสบัสสายนี้เท่าไหร่ บ้านของนายอยู่ไหนเหรอ ? ” แสร้งถามทำเป็นไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายเพื่อให้อีกฝ่ายบอกมันออกมาด้วยตัวเองถือเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดของยูกีฮยอน ใบหน้าน่ารักยกยิ้มกว้างให้ฮยอนอูจนเขาจะรู้สึกได้มากขึ้นไปอีกว่าปากของเขาจะฉีกไปถึงรูหูแล้ว
“ เลยป้ายหน้าไปอีกสามป้าย แล้วบ้านของนายล่ะ ? ”
“ เลยจากป้ายของนายไปอีกสองป้ายน่ะ ”
และความเงียบก็ปกคลุมลงมาอีกครั้งเมื่อบทสนทนากลับหยุดลงดื้อๆเหมือนว่าถูกกรรไกรใบมีดคมตัดลงมาท่ามกลางระยะห่างของพวกเขา มือเล็กพยายามกำกระเป๋าเอาไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นความเขินที่กำลังจะทำให้หัวใจเต้นทะลุออกมาแสดงให้ทุกคนบนรถโดยสารคันนี้ดูให้ได้
จนความอึดอัดกำลังจะทำให้เขาขาดใจตาย มือเล็กเอื้อมไปแตะกระจกพลางพยายามดึงสลักเพื่อดันไปด้านข้าง เปิดกระจกใสให้อากาศภายนอกที่สดชื่นรวมถึงความเย็นสบายเข้ามา แต่ทว่าเขากลับเปิดมันไม่ได้ ม้จะพยายามดันมันไปด้านหน้าด้วยแรงทั้งหมด จนได้ยินเสียงหัวเราะของคนด้านหลัง กีฮยอนหันไปมองก็เห็นว่าฮยอนอูกำลังหัวเราะเบาๆ น้อยคนนักที่จะเห็นว่าคนตัวโตหัวเราะ และหัวเราะได้ไม่นาน มือหนาก็เอื้อมไปที่บานกระจกเจ้าปัญหาเพื่อเปิดมัน เพียงใช้แรงนิดเดียว ร่างหนาก็สามารถดันบานกระจกใสไปด้านหน้าได้อย่างสบาย ต่างจากเขาที่ใช้แรงทั้งหมดให้ตายอย่างไรก็เปิดไม่ได้ และความเขินอายก็กลับมาอีกครั้ง กีฮยอนเอ่ยคำขอบคุณเสียงแผ่วเบา และฮยอนอูก็ตอบรับมันด้วยการเอ่ยบอกไม่เป็นไรเหมือนทุกครั้ง
“ ขอบคุณนะ ”
“ ไม่เป็นไร ”
เขาว่ากันว่า ความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานก็ต้องจากไป ...
ทฤษฎีนี้ใช้ได้จริงแทบทุกกรณี รวมถึงกรณีของกีฮยอนด้วย ความรู้สึกที่มองเห็นป้ายจอดรถโดยสารด้านหน้านั้น เขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีฝักบัวในการ์ตูนเทเลทับบี้มากระซิบบอกอยู่ใกล้ๆหูว่า หมดเวลาสนุกแล้วสิ่ หมดเวลาสนุกแล้วสิ่ อย่างไรอย่างนั้น
แม้จะอยากชักสีหน้าเสียดายมากแค่ไหน แต่กีฮยอนรู้ดีว่าทำไม่ได้ ในเมื่อกฎก็ต้องเป็นกฎ พระเจ้ามอบความสุขให้ก็ต้องแลกกับช่วงเวลาที่ได้มันมักจะไม่นาน และเขาก็ยอมปล่อยให้ร่างหนาของฮยอนอูลุกจากที่นั่งด้านหลังของเขา ก่อนจะยกยิ้มให้เหมือนเดิมแม้ในใจจะยังคงรู้สึกเขินปนเสียดาย
“ เราไปก่อนนะ ”
“ อ .. อื้อ เดินกลับบ้านดีๆนะ ”
และฮยอนอูก็โบกมือลาก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปในซอยบ้านของตนเอง แต่ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองรถโดยสารที่ร่างเล็กยังคงนั่งที่เดิม พร้อมกับโบกมือให้อย่างเงอะงะอีกหนึ่งที กีฮยอนที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเขิน แม้จะจากไปแล้วแต่ความรู้สึกก็ไม่ได้แย่เสียเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ได้อยู่กับคนที่แอบชอบตั้งหลายป้ายจอดรถล่ะนะ
ระหว่างที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเหตุการณ์สร้างสีสันสีชมพูในหัวใจ และสร้างความสดใสหวานหอมเหมือนสีชมพูทั่วคันรถ นัยน์ตาเรียวเหลือไปเห็นเศษกระดาษที่ตกอยู่ข้างตัวเขา กระดาษโพสต์อิทสีฟ้าอ่อนแม้เขาจะไม่คุ้นตาแต่มันก็น่าแปลกใจที่อยู่ๆเจ้ากระดาษแผ่นน้อยจะตกลงอยู่ข้างๆเขาทั้งๆที่ไม่มีใครเดินผ่านที่นั่งเขาไปเลยจึงไม่มีใครจะทำอะไรตกไว้ได้ ยกเว้น ...
!!!!!!!!!
มือเล็กเอื้อมลงไปหยิบกระดาษโพสต์อิทปริศนามาไวบนมือ พลิกไปมาด้วยความสงสัยก่อนจะคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกเพื่ออ่านข้อความปริศนาด้วยความลุ้น เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆเพื่อดับความตื่นเต้นแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย ในเมื่อความอยากรู้มันตีรวนอยู่เต็มอกขนาดนี้
เพียงแค่ยูกีฮยอนค่อยๆบรรจงอ่านข้อความอย่างช้าๆ อ่านมันซ้ำๆสองสามครั้ง ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มอยู่เป็นทุนเดิมก็ยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจปะปนความเขิน จนเด็กน้อยวัยสิบขวบที่หันมามองเมื่อสัมผัสได้ถึงประกายความสดใสแสนประหลาดที่เกิดขึ้นบนรถโดยสารคันนี้แทบจะยิ้มตามเขาไปอีกคน ใบหน้าหวานสะบัดไปมาเพื่อไล่ความเขินและความตื่นเต้นที่ประดังประเดอยู่เต็มอก ตบหน้าตัวเองเบาๆสามทีเพื่อเรียกสติกลับคืนมาและยืนยันให้เขารู้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน นี่คือความจริง ก่อนจะฟุบใบหน้าซ่อนความเขินบนกระเป๋าเป้ของตัวเองตลอดทางกลับบ้าน
“ พรุ่งนี้กลับบ้านด้วยกันนะ ...
– ฮยอนอู – ”
END.
ไฟนอลจบแหลววว มันเซซซซซซ !!! ; w ;
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กลับด้วยกันทุกวันเลยก็ได้ค่ะ ไปเที่ยวบ้านกันและกันด้วย 55555555555555555
เป็นเรื่องสั้นชยอกี่ที่น่ารักลัมุนละไมโดนใจมาก
อ่านไปยิ้มไปเหมือนคนบ้าเลย 555555555555555555555555555
น่ารักไปหมด ทั้งเพลง ทั้งเรื่อง ทั้งชยอกี งื้ออออออ
เขินอ่าคุณไรท์ อ่านไปบิดไปตลอดเลยยยย
เอาอีกนะคะ เอาแบบนี้อีก เอาให้เขินตายกันไปข้างเลย
ขออีกค่ะๆ >///< #ชยอกีๆ #จูเอ็มๆ 5555555 ไม่ใช่ละๆ
ฮืออออออออออออออออ เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนน