ตอนที่ 10 : - 10 : tender love | shownu x hyungwon。
TENDER LOVE | SHOWNU x HYUNGWON
au / pg – 15 / romantic
เขาว่ากันว่า แชฮยองวอน เป็นคนน่ารัก ใครได้เป็นแฟนก็คงโชคดี ข้อนี้ผมเห็นด้วย …
ร่างหนาแสนกำยำพร้อมด้วยผิวสีเข้มดูมีเสน่ห์ที่เปลือยเพียงท่อนบนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงแสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนขนาดสี่สิบตารางเมตรจนแทบจะสว่างโร่ ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นมาบังแสงที่ส่องแยงสายตา สายตาเรียวเล็กพยายามปรับโฟกัสให้รับกับแสงสว่าง ก่อนจะลูบหน้าขยี้ตาเพียงสองสามครั้งเพื่อสร่างตื่น และมือหนาก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดีที่จะเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยที่วางบนหัวเตียง ใช้นิ้วสไลด์ปลดล็อกเครื่องพร้อมกดเบอร์โทรศัพท์ล่าสุดเพื่อต่อสายไปหาใครบางคนที่ป่านนี้ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ทันที
ราวกับว่ามันคือหนึ่งในกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
( อื้ออ .. ) น้ำเสียงงัวเงียเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนดังขึ้นมาแทนการเอ่ยทักทายเหมือนคนทั่วไป ทำเอาคนฟังได้แต่หลุดยิ้มออกมาทั้งๆที่ปลายสายก็คงไม่ได้เห็นมัน
“ ตื่นได้แล้ว ฮยองวอนอ่า ”
( ฮื่ออออ .. ขออีกสิบนาที .. )
“ มีเรียนเช้าไม่ใช่รึไง ? ” เสียงทุ้มยังคงเอ่ยถามปลายสายทั้งๆที่ตัวเขานั้นจำตารางเรียนของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ
( ไปสายก็ได้หน่า .... ผมเหนื่อยอ่ะ )
“ เหนื่อยอะไรหือ ? ”
( ก็คนแถวนี้น่ะสิ่ ... รังแกผมทั้งคืนเนี่ย )
“ หึ ก็เธอน่าหมั่นเขี้ยวนี่ ” พูดไปก็ยิ้มไป แม้ว่าปลายสายจะนอนอยู่ห้องข้างๆเขา แต่ ซนฮยอนอู ก็ชอบที่จะโทรศัพท์ไปปลุกร่างโปร่งอยู่ดี และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางลืมเรื่องเมื่อคืนได้หรอก
( บ้าไปแล้วพี่ฮยอนอู แล้วตื่นเช้าขนาดนี้ทำไมเนี่ย มีเรียนบ่ายไม่ใช่รึไง ? )
“ ก็แค่อยากโทรปลุกเธอ ”
( ... ตื่นแล้วก็ได้ ) ฮยอนอูสัมผัสได้ว่าปลายสายคงกำลังรู้สึกเขินกับถ้อยคำที่พูดตรงๆของเขาอยู่จึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางพับผ้าห่มผืนหนาที่เพิ่งใช้คลุมกายไว้ที่ปลายเตียงให้เรียบร้อย
“ งั้นก็ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะทำอาหารให้กิน ”
( ลุกไหวก็บ้าแล้วให้ตายสิ่ .. อื้อ ) ปลายสายครางออกมาเบาๆเมื่อได้ขยับตัวลุกจากที่นอน ร่างกายที่ปวดระบมไปทั้งร่างจากเหตุการณ์เมื่อคืน ทำเอาร่างโปร่งคิดหนักจะพลิกตัวออกจากเตียง แม้แต่จะดิ้นเพื่อยืดเส้นยืดสายเขาก็ไม่อยากทำมันเสียจริงๆ
“ หรืออยากให้พี่เข้าไปอุ้มเธอถึงในห้อง ? ”
( ม ... ไม่ต้องเลย แค่นี้นะ เปลืองค่าโทรศัพท์ ) แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปทันที ฮยอนอูวางโทรศัพท์มือถือไว้บนเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากห้องไปเตรียมอาหารเช้า
ซนฮยอนอู และ แชฮยองวอน ไม่ได้เป็นพี่น้องกันทางสายเลือด และไม่ได้เป็นญาติกันแต่อย่างใด พวกเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และได้แชร์หอพักร่วมกัน ในคราแรกเป็นเพียงแค่รูมเมทกันและกันเนื่องจากถูกจับฉลากให้นอนด้วยกันในหอของมหาวิทยาลัย แต่ไปๆมาๆความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เริ่มก้ำกึ่งระหว่างพี่น้องและคนรัก ฮยอนอูไม่สามารถให้คำนิยามในความสัมพันธ์นี้ว่าอะไรได้ เพราะเมื่อออกจากห้องพักไป พวกเขาก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน แต่พอใช้ชีวิตในห้องพัก ก็กลายเป็นอีกสถานะหนึ่ง
ทุกครั้งที่ไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพื่อนๆของเขามักจะถามว่าเด็กตัวโปร่งที่อยู่ข้างๆนั่นใคร แม้ใจอยากตอบในสถานะที่แสนหอมหวาน ทว่าเขาก็ต้องกล้ำกลืนฝืนใจตอบไปว่า ‘ แค่น้องชาย ’ เท่านั้น ด้านของฮยองวอนก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยปฏิเสธหรือเอ่ยยอมรับอะไร เจ้าตัวทำได้แค่ยิ้มให้เพื่อนๆของฮยอนอูเท่านั้น ไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าเพราะเจ้าตัวเขินอาย แต่เพราะไม่สนิทด้วยมากกว่า จนพอเขาไปส่งฮยองวอนที่คณะ หน้าตาของความเสียดายมักจะลอยขึ้นมาประดับหน้าจนเพื่อนๆของเขาเริ่มจับทางได้ บางคนก็ออกปากแซว บางคนก็ออกปากว่าเชียร์เขาสุดใจ แม้จะทำให้ใจชื้นมากเท่าไหร่แต่ก็ได้แค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
‘ อะไรวะ มองแบบนั้น นี่มึงชอบน้องฮยองวอนเหรอ ? ไหนว่าแค่พี่น้องไงมึง ’
‘ กูว่ากูเห็นรอยที่คอน้องเขานะ ของมึงล่ะสิ่ แหมทำมาเป็นร้ายเงียบนะ ! ’
‘ จีบเลยดิ่ว้า รออะไรอยู่ เดี๋ยวหมาตัวอื่นก็คาบไปแดกฟรีหรอก หอมๆดมๆมาตั้งนาน ’
และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งยอมรับว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งทางกายเพราะความมึนเมา แต่ก็ยังยอมที่จะสานต่อความสัมพันธ์ทางกายต่อไปเรื่อยๆ ทว่าความสัมพันธ์ทางใจนี่สิ่ ซนฮยอนอูอยากจะเปลี่ยนแทบบ้า แต่ก็ไม่กล้าบอกกลัวว่าคนน้องจะกลัวและหนีไป สุดท้ายเขาก็ทำให้มันยุ่งเหยิงจนเรียกไม่ถูกแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ยุ่งเหยิงจนยากจะแก้ไขมันให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง
“ ทำอะไรกินอ่ะ ? ” ร่างโปร่งบางในชุดนักศึกษาสีขาวและกางเกงยีนส์สีเข้มเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองพลางขยี้ดวงตากลมโตให้สร่างตื่นพร้อมกับเอ่ยถามร่างหนาที่ตอนนี้กำลังจัดช้อนและตะเกียบให้เป็นระเบียบอยู่
“ ... ” สายตาเรียวคมของคนจัดโต๊ะอาหารเงยสบเข้ากับร่างโปร่งที่ยืนเท้าแขนกับเก้าอี้ไม้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรอยบางอย่างที่เด่นหราอยู่บริเวณไหปลาร้าสวย รอยยิ้มมุมปากประดับบนใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยอยู่ตลอด ทำเอาใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ นัยน์ตากลมเสมองไปทางอีก พยายามหลบสายตาคมที่มองมาอย่างไม่วางตา
“ มองอะไรเล่า .. ”
“ มองคนน่ารัก เช้านี้กินรามยอนเหมือนเดิม ไม่มีวัตถุดิบอะไรในตู้เย็นเลยทำอาหารให้กินไม่ได้ ” ว่าพลางหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้เพื่อนั่งทานอาหารเช้าที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ต่อร่างกาย ในขณะที่ฮยองวอนเพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ประจำที่ของตัวเอง มือเรียวหยิบจับช้อนและตะเกียบที่วางไว้เป็นระเบียบทุกครั้งที่เขาออกมาทานข้าวเช้า พร้อมกับคีบเส้นรามยอนสีเหลืองอ่อนกรุ่นควันร้อน เป่าไล่ความร้อนเล็กน้อยก่อนจะคีบเข้าปากทันที ตามด้วยน้ำซุปรสอร่อยจากผงสำเร็จรูปเพื่อความคล่องในลำคอ
“ เตรียมงานไปส่งอาจารย์หมดแล้วใช่ไหม ? ” ฮยอนอูถามขึ้นมากลางโต๊ะอาหารเมื่อนึกถึงการบ้านที่ร่างโปร่งทำทิ้งเอาไว้เมื่อคืนก่อนจะทำกิจกรรมบางอย่าง ฮยองวอนพยักหน้าตอบรับพลางคีบเส้นเข้าปาก
“ อื้อ ในกระเป๋า ไปเช็คดูได้ ”
“ เธอชอบให้พี่ค้นกระเป๋าเธอรึไง ? ”
“ ก็เห็นปกติชอบจัดกระเป๋าให้ เลยยอมให้ค้นไง ถ้าไม่ให้ค้นก็โดนคนแถวนี้งอนอีก ”
“ ก็กลัวว่าเธอจะลืมไง เพราะพี่คงไม่วิ่งกลับมาเอางานให้เธอแน่ๆ ” ร่างหนายักไหล่เล็กน้อยเมื่อโดนคนตัวโปร่งแซะเข้าให้ถึงนิสัยชอบจัดกระเป๋าและจัดข้าวของส่วนตัว แม้ว่าช่วงแรกๆฮยองวอนจะไม่ค่อยชอบพฤติกรรมนี้ของฮยอนอูเท่าไหร่ แต่พอนานๆเข้าจากความไม่ชอบก็กลายเป็นความเคยชินไปตามระเบียบ
“ ใจร้ายชะมัด ผมรู้หรอกว่ายังไงพี่ก็ต้องวิ่งกลับมาเอางานให้ผมถ้าผมบอกว่าลืมงาน ... ว่าแต่ จัดโต๊ะเรียบร้อยตลอดนะ ความจริงไม่ต้องพิถีพิถันมากก็ได้มั้ง ” ฮยองวอนเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที จากเรื่องกระเป๋าเป็นเรื่องโต๊ะอาหาร บางทีเขาก็เคยสงสัยว่าทำไมฮยอนอูต้องตื่นเช้าเพื่อมาทำอะไรจุกจิกแบบนี้ด้วย สำหรับฮยองวอน แค่ตั้งชามไว้ ช้อนตะเกียบหยิบเอง กินให้เสร็จแล้วเอาจานไปล้างเท่านั้นก็จบ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำให้มันเป็นเรื่องที่ดูพิเศษแปลกๆ ช้อนตะเกียบที่ถูกวางขนาบข้างชามรามยอนสีขาวใบประจำของเขา แถมผ้าปูโต๊ะรองเศษน้ำซุปและเศาอาหารนี่อีก
ความรู้สึกที่ทำให้ตัวเขาดูพิเศษกว่าคนอื่นๆมันทำให้หัวใจของแชฮยองวอนพองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ ได้ไงล่ะ ”
“ ยังไงกินเสร็จก็ต้องเก็บอยู่ดี จะจัดสวยไปทำไมกัน หือ ? ”
“ ก็แค่อยากทำให้เธอไง ” ฮยอนอูเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มบางๆ จนอีกฝ่ายทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อทานรามยอนต่อไป ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆแก้เขิน ทว่าคนฟังกลับได้ยินมันชัดเจนเพราะความเงียบภายในห้องช่างเป็นใจเสียเหลือเกินที่เขาจะได้ยินคนพูดน้อยพูดเบาอย่างฮยองวอนพึมพำอะไรออกมาชัดเจนแบบนี้
“ ทำไมต้องทำให้เขินด้วยนะ เป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึไง ... ”
ระยะทางจากหอพักไปมหาวิทยาลัย เรียกว่าไม่ได้ไกลมากจนต้องตื่นไปเรียนแต่เช้าและไม่ได้ใกล้มากอย่างที่คิดว่าเดินไปสามก้าวก็ถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย แต่มันก็นานพอที่จะทำให้คนสองคนเดินเคียงข้างกันไปได้เรื่อยๆ พูดคุยกันได้หลายเรื่อง
ฮยอนอูแต่งชุดนักศึกษาเช่นเดียวกับฮยองวอน แม้ว่าเขาจะมีเรียนช่วงบ่าย แต่การที่เดินมาส่งร่างโปร่งในตอนเช้าแล้วไปนั่งรอเรียนภาคบ่ายในห้องสมุดมันเป็นเรื่องปกติของซนฮยอนอูไปแล้ว แทนที่เขาจะใส่ชุดลำลองออกมาส่งแล้วกลับไปนอนต่อน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าสำหรับคนที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง แต่ฮยอนอูกลับไม่เลือกที่จะทำแบบนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ ขี้เกียจไปๆมาๆ เสียเวลาเปล่า ’
เปล่าหรอก เขาแค่รอไปทานข้าวกลางวันกับแชฮยองวอนต่างหาก
ร่างหนาแข็งแรงเดินเคียงข้างร่างโปร่งที่ความสูงเกือบไล่เลี่ยกับตนบนทางเดินเลียบถนนสายใหญ่ที่มีรถยนต์หลายคันสัญจรอยู่อย่างคล่องตัว มีต้นแปะก๊วยเลียบขนาบตลอดเส้นทาง ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ สายตาเรียวก็เหลือบมองการเดินของฮยองวอนที่ดูแปลกกว่าทุกวัน และเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร ไม่บ่อยนักที่ฮยองวอนจะเดินแบบนี้ เว้นแต่มีเรื่องบางอย่างเท่านั้น
“ เธอเดินแปลกๆนะ ฮยองวอน ”
“ ก็เพราะใครกันเล่า บอกแล้วว่าเพราะเป็นขนาดนี้ผมเลยไม่อยากไปเรียน ” ฮยองวอนตวัดสายตาเคืองเล็กน้อยใส่อีกฝ่ายที่ยังคงเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงอย่างเง้างอดทันที
“ ก็แล้วเมื่อคืนใครบอกว่าแรงอีกล่ะ พี่ก็เลยตามใจไง ”
“ บางเรื่องไม่จำป็นต้องตามใจก็ได้ไง ผมก็พูดไปงั้นอ่ะ ให้ตายสิ่ ”
ท่าเดินของเขามันแปลกจริงๆสำหรับผู้ชายด้วยกันเอง ปกติแล้วรูปร่างราวกับนายแบบของเขามันมีดีทำให้บุคลิกการทำอะไรดูมีภูมิฐานเสมอ ฮยองวอนมักจะถูกคนในมหาวิทยาลัยพูดถึงว่าเป็นคนที่เดินแล้วดูดีเหมือนนายแบบจริงๆ เว้นแต่บางครั้งที่เขามีเรื่องกิจกรรมร่วมรักกับซนฮยอนอูเข้ามาเท่านั้น จากการเดินที่ดูดีจนมีคนชมกลายเป็นว่าเขาต้องเดินขาถ่างออกเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดระบมช่วงล่าง ฮยองวอนเคยบอกทุกครั้งว่าถ้าหากเขาเจ็บขาแบบนี้ เขาจะไม่ยอมไปเรียน ทว่าคนตัวโตกว่ากลับบอกให้ไปเรียนเพราะไม่อยากให้เขาเสียการเรียน
ก็เพราะคนตัวโตข้างกายเนี่ยแหละที่ใช้งานเขาหนักจนจะป่วยไปเรียนไม่ได้ สุดท้ายก็เสียการเรียนอีก ให้ตายสิ่
“ พี่ขอโทษ วันหลังจะทำเบาๆ โอเคไหม ? ” ฮยอนอูเอ่ยขอโทษพลางเอื้อมมือไปช่วยพยุงร่างโปร่งให้พยายามเดินอย่างปกติ ทว่าฮยองวอนยังคงงอนอีกฝ่ายอยู่ไม่หาย พยายามดันตัวให้ออกห่างร่างหนาอยู่อย่างนั้น
“ ไม่โอเค ”
“ เดินดีๆสิ่ฮยองวอนอ่า เดี๋ยวเธอก็เจ็บอีกหรอก ”
เพราะร่างโปรงที่งอแงจะเดินเองกำลังพยายามยื้อตัวเองออกห่างจนแทบจะเดินตกออกจากทางเท้าเข้าใกล้ถนนใหญ่และรถยนต์คันใหญ่กำลังขับมาด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงจนสามารถชนคนให้เละได้ ฮยอนอูจึงรีบดึงให้ร่างโปร่งของคนเป็นน้องเขยิบเข้ามาใกล้จนใบหน้าน่ารักแทบจะฝังลงบนบ่ากว้างได้พร้อมกับกระซิบบอกอย่างแผ่วเบาใกล้ๆใบหูนิ่ม และสุดท้ายฮยอนอูก็เปลี่ยนตำแหน่งให้ตัวเองเดินริมทางเท้าแทนและจับมือบางนิ่มเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของคนเป็นน้อง พวกเขาก็เดินกันมาเรื่อยๆจนร่างทั้งสองหยุดอยู่ตรงทางเข้ามหาวิทยาลัยที่เพิ่งเดินทะลุเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวโดยที่มือหนายังคงจับมือบางเอาไว้ไม่ปล่อย
“ ไม่ต้องมาแสนดีให้มันมากเลย ”
“ แต่พี่ก็แสนดีกับเธอแค่คนเดียวนะ แชฮยองวอน ”
“ โกหก ” ฮยองวอนเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ ที่พูดโกหกไปก็พูดไปอย่างนั้น ความจริงแล้วเขารู้ดีว่าฮยอนอูซื่อตรงและแสนดีกับเขาจริงๆ แต่ก็อย่างว่า เขาไม่เคยเห็นฮยอนอูดูแลคนอื่นแบบนี้อยู่ดีนั่นแหละ
“ ไปถามวอนโฮได้ว่าพี่ดูแลเธอดีแค่ไหน และดูแลคนอื่นยังไง ”
“ ทำมาเป็นพูดดี หวังอะไรอยู่รึไงล่ะ ? ” คิ้วสวยยักขึ้นลงเล็กน้อยพลางยกยิ้มมุมปากราวกับรู้ทันถึงสิ่งที่ร่างหนาปรารถนามาตลอด ฮยอนอูใช้โอกาสทั้งหมดรีบพาร่างโปร่งเดินไปยังมุมตึกอาคารเรียนรวมที่ตั้งอยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดและเงียบที่สุดในเวลานี้
“ พี่ว่าเธอรู้ว่าพี่หวังอะไรอยู่ ” ฮยอนอูหันมามองฮยองวอนที่มองอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว สายตาเรียวคมสบนัยน์ตากลมโตที่มีน้ำหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ด้วยแววตาที่จริงจัง
“ ... ”
“ เธอก็รู้ว่าพี่รักเธอมากแค่ไหน พี่แค่อยากให้เรื่องของเราเดินไปในทางที่ถูกต้องไม่ใช่ยุ่งเหยิงแบบนี้ ”
“ ... ”
“ ทุกครั้งที่พี่ทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ พี่ไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปทำกัน แต่พี่คิดเสมอว่ามันเป็นเรื่องที่คนรักกันเขาทำกัน พี่ใช้ความรู้สึกกับเรื่องแบบนี้ค่อนข้างมากนะ ”
“ ... ”
“ ที่พี่ทำให้มันไม่ชัดเจนเพราะพี่เกรงใจเธอ พี่กลัวว่าเธอจะรับไม่ได้กับสิ่งที่พี่ทำให้มันเป็นแบบนี้เพราะเธอไม่พูดไม่ออกความเห็นอะไรเลย ”
“ ... ”
“ ไหนๆก็พูดเรื่องนี้แล้ว ... ”
“ ... ”
“ เราลองมาคบกันไหม ฮยองวอนอ่า ”
และเมื่อสบโอกาสที่จะได้พูดความรู้สึกตัวเองออกไป ฮยอนอูก็เอ่ยถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจของเขาทุกอย่างทันที ฮยองวอนที่ยืนฟังอยู่ได้แต่มองหน้าอีกคนนิ่งไม่ไหวติ่ง แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ ริ้วสีแดงระเรื่องถูกประดับบนพวงแก้มนิ่มอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะดวงตากลมที่ฉายแววประกายไหววูบ ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตากลมจะเป็นฝ่ายหลบสายตาเรียวคมที่ฉายแววจริงจังในคำพูดพร้อมเอ่ยถ้อยประโยคหนึ่งออกมา และร่างโปร่งที่ยืนเขินก็ถูกท่อนแขนแกร่งดึงร่างให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นจนไม่สามารถขยับตัวไหนได้ ใบหน้าน่ารักซบลงบ่าแกร่งพร้อมกับมือบางยกขึ้นออกแรงทุบแผ่นอกแกร่งไม่แรงมากนัก
“ ก็ ... รอให้พูดคำนี้อยู่ตั้งนาน กว่าจะพูดได้ ... ช้าชะมัดเลย พี่ฮยอนอูคนบ้า ”
END.
สวัสดีรีดเดอร์ที่ทนความขี้เกียจของเลา เฮฮฮฮ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักอิกล้าวววววววว งืาอ พี่ฮยอนอูข่นบว้าก็ช้าจริงนั่นแหละ
ผิดผีเขาไปตั้งกี่ครั้งแล้วไม่ยอมมาขอเป็นแฟนสักที 5555555
ขอบคุณที่เขียนคู่นี้นะค้าาา หาอ่านยากเหลือเกิลล์ ㅠㅡㅠ
มีการมาเรียกน้องธงเธอ น่ารักมากกกกกก
ฮืออออออ เขินจังค่ะ พี่ฮยอนอู คนบร้าาาา>/////<
YEAH YEAH YEAHHHH!! Thank you for fic!
ฟิคน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฮยองวอนน่ารักอยู่แล้วแต่เรื่องนี้พี่ชนูน่ารักจัง ;//;
เป็นฟิคที่ไม่น่าจะ PG15 ด้วยซ้ำนะมันใสแจ๋วเลยย ถึงมีเรื่องนั้นนิดนึงก็เห่อะ 5555555
อ่านไปยิ้มไป มีความสุข แฮปปี้ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะ รบเร้าอยู่หลายเดือน ... #ร้องไห้
ขอบคุณมาก ถ้ามีอารมณ์ + เวลา แต่งให้อ่านอีกก็ไม่ว่ากัน
แต๊งยูนะจ๊ะ .เยิ้บ