คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าชายอัคคีกับวารีแห่งรัตติกาล(ตอนที่2)
ปั้ง!!!!
ร่างบางสะดุ้งตื่นจากความฝันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ดวงตางามชุ่มน้ำตาเบือนไปทางบานประตู
ใหญ่ที่ถูกกระชากแรงจนชนเข้ากับผนังห้อง ร่างใหญ่รีบเร่งสาวเท้าเข้ามาหาเจ้าหญิงน้อย แสงตะเกียงสลัว ส่องให้
เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของบุรุษผู้มาเยือน นัยน์ตาสีส้มเบิกกว้าง นางจำชายผู้นี้ได้ดี
"จ....เจ้าพี่เซเกียร์...."หญิงสาวพึมพำเบาๆ นึกสับสนระหว่างความจริงกับความฝัน ร่างตรงหน้าดูเลือน
รางราวเมฆหมอกเพียงไขว่คว้าก็อาจสลายไป
"หญิงอาเทียร์....พี่กลับมาแล้ว"ถ้อยอ่อนโยนที่คุ้นเคย หากแต่ย้ำหนักแน่น ให้เจ้าหญิงมั่นใจว่าภาพ
ตรงหน้าไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความฝัน ประกายใสเอ่อคลอเพทายเม็ดงาม ก่อนจะหลั่งรินลงเปียกปอน
แก้มขาว เซเกียร์เช็ดน้ำตาบนดวงหน้างามอย่างเบามือ นัยน์ตาสีส้มองอาจนิ่งสงบแต่ก็ไม่อาจปิดกั้นความจริงที่
เกิดขึ้นได้
ควอร์เรลกำลังจะแตกพ่าย........ความจริงที่ทำให้ชายหนุ่มห่อร่างบางลงในผ้าห่มฝ้ายผืนหนา ก่อนจะอุ้ม
ร่างเจ้าหญิงขึ้นหลัง แล้วรีบร้อนออกจากห้องไป
"เจ้าพี่จะพาหญิงไปไหนคะ"อาเทียร์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในท่าทีของพี่ชาย หากแต่ดวงหน้า
เคร่งเครียดก็ทำให้หญิงสาวจับเค้าลางไม่ดีได้ภายในใจ
มือบางเอื้อมเกาะกุมบ่าแข็งแรงไว้แน่น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงของเหลวสีแดงสดที่ติดมือมา
"เลือด....เจ้าพี่บาดเจ็บหรือคะ"นำเสียงใสอุทานสั่นเครือ เซเกียร์เหลือบมองร่างบนหลังอย่างอ่อนโยน
ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่เจ้าหญิงน้อยพึงได้รับมาตลอด
"เจ้าหญิงน้อย....พี่ไม่เป็นอะไรหรอกนะ...อย่าห่วงเลย"ถ้อยเรียกหวานหู ที่เขามักจะใช้ตลอดเวลายาม
ต้องการให้เจ้าหญิงเข้มแข็ง เซเกียร์กัดฟันโกหกน้องสาว แม้บาดแผลบนร่างกายจะทวีความเจ็บปวด หากแต่
ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา
"ปล่อยหญิงเดินเองดีกว่าค่ะ"อาเทียร์บังคับน้ำเสียงสั่นเครือให้เข้มแข็ง เจ้าชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ
ก่อนจะวางร่างน้องสาวลง แต่มือใหญ่เกาะกุมรอบข้อมือบางไว้แน่น
เซเกียร์พาน้องสาวลัดเลาะลงบันไดเวียนหินอ่อนเกะสลักงดงามผ่านห้องโถงใหญ่ของปราสาทหลังงาม
ที่เขากับน้องสาวเติบโตมาด้วยกัน
ห้องโถงใหญ่ที่เคยอบอุ่นและเงียบสงบ บัดนี้กลับดูสับสนวุ่นวายด้วยร่างของนางกำนัลที่กำลังเร่งรีบ
เก็บข้าวของอย่างอลหม่าน ห่างออกไปที่บานประตูทหารกลุ่มใหญ่ยืนปรึกษากันอยู่เงียบๆ
ดวงหน้าเคร่งขรึมที่เจ้าหญิงน้อยกลัวนักยามได้เห็น บัดนี้ดูเคร่งเครียดและวิตกกังวล
"องค์ชาย..."นายทหารร่างใหญ่ในชุดรัดกุม ร่างกำยำหุ้มด้วยเกาะเหล็กสีดำสนิท ดูทะนงองอาจ สุขุม
เยือกเย็นท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ดวงหน้าคมคายกระซิบถ้อยคำรายงานเคร่งเครียด เพทายเม็ดงามทรงอำนาจ
สงบนิ่งไปครู่ ราวกับกำลังชั่งใจ สถานการณ์ที่ได้รับฟังนั้นย่ำแย่เกินกว่าที่เขาคิดอยู่มากโข
น้ำเสียงเข้มหันไปเอ่ยหนักแน่นกับนายทหารหนุ่มเรียกได้ว่าแทบกระซิบราวกับไม่ต้องการให้ใครได้
ยิน โดยเฉพาะร่างบอบบางที่ยืนอยู่เบื้องหลัง น้ำตาที่เอ่อคลอดวงตาคู่งามนั้นมีมากพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็น
ใดๆที่จะต้องทำให้เจ้าหญิงหนักใจและเสียน้ำตาไปมากกว่านี้อีก
"พระองค์ทรงดำริให้ดีก่อนเถิดกระหม่อม ข้าเกรงว่าเราจะมีเวลาไม่มากพอ"นัยน์ตาคมดุของนายทหาร
หนุ่มเหลือบมองเจ้าหญิงน้อย ราวสายตาของพญาสิงห์มองเหยื่อ
"ครู่เดียวเท่านั้นท่านรุสโซว์ข้าทิ้งอาเทียร์ไม่ได้"เสียงเข้มอ่อนกระแสลง อาเทียร์รับรู้ถึงแรงบีบที่ข้อมือ
บาง นัยน์ตาสีเพทายเงยขึ้นมองผู้เป็นพี่ ดวงหน้าเข้มนั้นเลือนรางด้วยหยาดน้ำตาบดบัง มืออีกข้างที่เป็นอิสระ
ยกขึ้นปาดเช็ดหยดน้ำใสบนดงหน้าอ่อนเยาว์ หญิงสาวนึกโทษตัวเองที่อ่อนแออยู่ได้ทุกคราว เซเกียร์รักษาสัญญา
มาโดยตลอด มีเพียงแต่นางที่ไม่เคยห้ามน้ำตาตัวเองได้เสียที
"เช่นนั้นข้าจะอพยพผู้คนไปก่อน ยังมีประชาชนอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ"เสียงเข้มทรงอำนาจ
เอ่ยกระทบกระทั่ง ก่อนจะรีบเร่งไปปฏิบัติหน้าที่ของตน
เซเกียร์นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ รับรู้ถึงภาระอันหนักหนามากมายที่วางอยู่บนบ่าประชาชน บ้านเมือง และชีวิต
น้องสาว นัยน์ตาสีเพทายแข็งกร้าวขึ้น ก่อนจะดึงรั้งข้อมือบางให้ออกวิ่งต่อ เจ้าชายหนุ่มเหลือบมองเด็กสาวข้างตัว
......นางจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร ค่ำคืนนี้เขาก็ต้องมั่นใจว่านางจะปลอดภัย
"มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ เจ้าพี่บอกหญิงได้ไหม" เสียงใสกระหืดกระหอบมือบางดึงผ้าห่มฝ้ายที่ยาวระข้อ
เท้าออกจากตัวขึ้นมากอดไว้แนบอกไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูงของพี่ชาย
ฝีเท้าสองคู่หยุดลงภายใต้ความมืดมิด ประตูบานหนาหนักตั้งอยู่ตรงหน้าประตูที่อาเทียร์คุ้นตาดีเพราะ
เคยใช้เป็นที่สัญจรยามหนีออกไปเล่นนอกปราสาทกับผู้เป็นพี่ เซเกียร์หันไปหาร่างเล็กเบื้องหลัง ชายหนุ่มหยิบผ้า
ห่มผืนหนาจากอ้อมกอดนาง แล้วบรรจงวางลงบนไหล่บอบบาง"ข้างนอกอากาศหนาว อาเทียร์ เจ้าห่มผ้าไว้ดีกว่า"
เซเกียร์ผลักบานประตูให้เปิดออกลมหนาวจากภายนอกกรีดผิวขาวจนเจ็บแสบ ฝ่าเท้าบางรีบเร่งตาม
พี่ชายให้ทัน "หญิงอาเทียร์....."เจ้าชายหนุ่มหยุดฝีเท้า ก่อนจะถอนหายใจหนักมือดึงผ้าห่มฝ้ายขึ้นคลุมศีรษะ
น้องสาว ป้องกันละอองน้ำค้างไม่ให้ตกต้องผิวบอบบาง
"ฟังพี่ให้ดีนะ"กระแสเสียงเครียดทำให้เจ้าหญิงน้อยไม่อาจสะกดกลั้นหยดน้ำตาได้
"ตอนนี้ทาเซียร์ล้อมเราไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะหนีไปทางใดก็มีแต่พวกมัน" แม้จะเจ็บปวดนัก แต่ท้ายที่สุด
แล้ว เจ้าชายหนุ่มก็ไม่สามารถปิดบังความจริงที่เกิดขึ้นไว้ได้
ควอร์เรลกำลังจะล่มสลาย แผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดกำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตา โดยที่เจ้าชายหนุ่มไม่
อาจต้านทานได้
ดวงหน้างามก้มลงต่ำปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลลงสู่ผืนดินชื้น ผืนดินที่นางเหยียบย่างมาตั้งแต่เยาว์วัย
บัดนี้กำลังถูกผู้อื่นรุกราน ทาเซียร์กำลังจะแย่งทุกอย่างจากนางไป ไว้เว้นแม้แต่ชีวิต
"มาเถอะ....อาเทียร์ ไม่ต้องกลัวนะ"เจ้าชายหนุ่มคว้าข้อมือน้องสาว พลางดึงร่างบางให้รีบเร่ง
นัยน์ตาสีเพทายอาจหาญอาศัยอำนาจแสงจันทร์เรืองรองเพ่งมองผ่านความมืดมิด
ราตรีกาลนี้ดูยาวนานกว่าที่ควร ราวกับจะยืดเยื้อเวลาแห่งความเศร้าโศก ให้นานออกไปเรื่อย ไม่จบไม่สิ้น เซเกียร์
นึกอยากตะโกนร่ำร้องต่อเทพแห่งกาลเวลา ให้หยุดทุกอย่างเอาไว้ เพทายคู่แข็งแกร่งนี้เห็นความสูญเสียมามาก
พอแล้วไม่อยากให้สิ่งมีค่าที่สุดต้องสูญไปอีก
นัยน์ตาสีส้มเพทายมองฝ่าความมืดมิดอันหน้าอึดอัด ก่อนจะประสานสายตาคู่หนึ่ง ฝีเท้ารีบเร่ง
หยุดชะงัก จนร่างบางที่วิ่งตามมาปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้าง
"ค.....ใครกัน...."เซเกียร์กระชากถ้อยหนัก ร่างสูงโปร่งในความมืดขยับเสียงหัวเราะ
แต่แสงจันทร์อันน้อยนิดไม่อาจทำให้เห็นใบหน้านั้นชัดเจนนัก
"ชีวิตท่านวุ่นวายนัก เจ้าชายเซเกียร์..." นัยน์ตาสีส้มเบิกกว้าง เจ้าชายหนุ่มจำน้ำเสียงห้าวหาญราวเสียง
แห่งความตายนั้นได้ดี
ความคิดเห็น