ตุ๊กตาไม้... [The Love’s story of Silent] - ตุ๊กตาไม้... [The Love’s story of Silent] นิยาย ตุ๊กตาไม้... [The Love’s story of Silent] : Dek-D.com - Writer

    ตุ๊กตาไม้... [The Love’s story of Silent]

    เพียงความรักบนสรรพเสียงที่เงียบงัน...ในเวลาอันเนิ่นนานที่แสนไร้ค่า เมื่อมืออบอุ่นคู่นั้นยื่นเข้ามา สำหรับฉัน...แค่ได้อยู่เคียงข้างก็เกินพอ...เพราะเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    673

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    673

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 50 / 21:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ตุ๊กตาไม้...

    [The Loves story of Silent] 




    เป็นเรื่องสั้นที่หิมม์แต่งส่งอาจารย์เมื่อเทอมที่แล้ว จะทิ้งไว้เฉยๆมันก็เสียดายยังไงอยู่เลยเอามาลง

    ใครได้อ่านบรีธคงจะคุ้นหูกับภาษา สำบัดสำนวนและชื่อตัวละคร

    แรงบันดาลใจส่วนใหญ่สำหรับงานนี้ก็มาจากนิยายตัวเองล้วนๆ

    เอ่อ...หรือต้องเรียก ก๊อปมาทั้งดุ้น =_=
    - -

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ตุ๊กตาไม้...
      [The Love’s story of Silent]

       

       

      ได้โปรด...อย่าปล่อยมือคู่นี้จากไป...

       

                      นานมากแล้ว...ที่ฉันไม่ได้พบกับแสงสว่าง ทุกวันทุกคืนในที่นี่มันช่างมืดมิด...แม้ยามกลางวันก็ไม่ต่างอะไรกับราตรี ฉันรอคอยอย่างมีความหวังท่ามกลางเศษขยะที่ไร้ค่า...ไร้ค่า...ตัวฉันเองก็ไร้ค่าไม่แพ้กัน ทิวากาล...ละอองแดดอันอบอุ่น แสงสว่างพิลาศอันน่าถวิลหา ราวกับเป็นของขวัญที่เบื้องบนส่งมายังโลกมนุษย์ ทั้งๆที่...ดำรงอยู่บนโลกนี้ แต่ฉันกลับ...ไม่เคยพบมัน

       

                ยิ่งเวลาผ่านไป ความหวังของฉันก็ยิ่งเจือจางลง เหมือนตะเกียงดวงเล็กๆที่กำลังหม่นแสง และสายลมรุนแรงราวพายุก็โหมเข้าสาดซัดดับแสงไฟริบหรี่ดวงนี้ลง หนาว...มืด...อ้างว้าง โดดเดี่ยว...ทุกข์ทรมานกับการรอคอย ฉันเป็นเพียง...ตุ๊กตาไม้เก่าๆที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอย่างไร้ค่า

       

                      มันเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ผ่านไปเหมือนกับทุกๆคืนที่ผ่านมา เมื่อดวงจันทราลับตาไป แสงอาทิตย์ลำแรกก็มาเยือน เม็ดฝนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าตั้งแต่เมื่อคืนและยังไม่ยอมหยุด เสียงฝีเท้าย่ำลงกับแอ่งน้ำขังดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาท...มือคู่หนึ่งโอบอุ้มฉันขึ้นมาจากกองขยะ

       

      วินาทีแรกที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาจากม่านหมอกอันมืดทึบ แสงสว่างที่โอบล้อมอยู่รอบตัวฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้จักคำว่าอบอุ่น นัยน์ตาคู่สีดำขลับที่อ่อนโยนก้มลงมองฉัน ริมฝีปากบางบนดวงหน้าคมเข้มของเขาขยับรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่สะกดฉันให้หลงอยู่ในวังวนแห่งความงดงาม

       

      เทคเคอลิค ฉันได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าของมือคู่ที่โอบอุ้มฉันอยู่นี้หันกลับไปมองแล้วรีบเดินออกไปหา...แสงสว่างของดวงอาทิตย์อันแสนอบอุ่นสาดส่องลงมา ฉันรับรู้ได้ถึงความมีชีวิตอยู่ของตัวเองเป็นครั้งแรก

       

      ตุ๊กตาไม้สกปรกๆแบบนั้น เอามาทำไมน่ะ...ที่ร้านของนายก็มีตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ  เทคเคอลิคก้มลงมามองฉันแล้วขยับรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้ อบอุ่น...รอยยิ้มของเขาช่างมีคุณค่ามากมายจนฉันอยากจะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้จนวันตาย

       

      เทคเคอลิคหันไปพูดกับคนข้างๆด้วยถ้อยคำบางอย่างที่ฉันจำใจความได้ไม่ชัดเจนนัก ได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาเพียงคำว่า...โชคชะตาและคุณค่าแห่งการมีชีวิต ฉันรับรู้ถึงสิ่งนั้น...โชคชะตาที่นำพาเขามาพบฉันและ ต่อจากนี้ไป...จะไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกแล้ว

       

      ฉันมีชีวิตใหม่...ขอบคุณสำหรับแสงสว่างที่คุณหยิบยื่นเข้ามา

       

      ร้านของเทคเคอลิคเป็นอาคารหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ในชานเมืองผู้คนบางตา ในร้านนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อไม้และกระไอความอบอุ่นจากเตาผิงด้านหลังครัว เขาใช้เวลาทั้งคืนอยู่กับเศษไม้เหล่านั้น ใช้ค้อน ตะปู และอุปกรณ์หลายๆอย่างประกอบชิ้นไม้พวกนั้นให้กลายเป็นตุ๊กตา...เขาทำตุ๊กตาไม้รูปกระต่ายตัวหนึ่งมาว่างข้างๆฉันแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างที่คุ้นเคย

       

      เขาจับเชือกที่ร้อยอยู่บนข้อมือและข้อเท้าฉัน ก่อนจะขยับไปมาจนฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีชีวิตจริงๆ ไม่ได้เป็นเพียงตุ๊กตาเก่าๆที่ไร้ค่า...รู้สึกมีความสุขจริงๆ ที่มีเขาอยู่เคียงข้าง ทุกวันทุกคืนที่ฉันนั่งอยู่บนชั้นวางของ มองดูเขาสร้างตุ๊กตาตัวใหม่ๆขึ้นมาวางข้างๆ...ฉันเริ่มหมดความสำคัญสำหรับเขา

      ค่ำคืนหนึ่งที่ฉันยังลืมตาตื่นอยู่เป็นเพื่อนเขา

       

      แม่คะ...หนูขอซื้อตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหมฉันได้ยินเสียงของใครสักคนดังขึ้นจากข้างๆ เมื่อมองดูก็พบเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มีผมสีน้ำตาลยาว และข้างๆนั้นคือผู้หญิงอีกคนที่เธอเรียกว่าแม่ มือเล็กๆของเด็กน้อยชี้มาที่ฉัน แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้งว่าเธอจะ ซื้อฉัน...ฉันไม่เข้าใจความหมาย ได้แต่หันกลับไปมองดูเทคเคอลิค เขานั่งลงตรงหน้าเด็กหญิงคนนั้นแล้วลูบผมเธออย่างอ่อนโยนแบบเดียวกับที่เคยทำให้ฉัน

       

      ไปอยู่กับเพื่อนใหม่นะ...บรีเธียร์ เขาพูดกับฉัน แล้วยื่นมืออกมาอุ้มฉันขึ้นจากชั้นวาง...มือของเขายังอบอุ่นเหมือนเดิม คิดถึงจริงๆ...คิดถึงความอบอุ่นแบบนี้ เพียงแค่คิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้พบเจอมันอีกแล้ว...ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ไม่อยากจากไป...ไม่อยากจากไป...ฉันอยากอยู่ข้างๆเขา...ฉันรักเขา

       

      รัก...เพราะฉันไม่เคยรู้จักมันมาก่อน...หากจะเจ็บปวด ก็ต้องเจ็บปวดเพราะฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน หากฉันไม่ได้พบเขา...ทุกอย่างเหมือนความฝัน หากมันเป็นความฝัน ฉันคงพอใจที่จะหลับฝันอยู่แบบนี้ บางทีหากฉันไม่ต้องตื่นขึ้นมาเชิญโลกแห่งความจริงเลยมันก็ดี แต่ถ้าหากว่ามันเป็นความจริง ฉันก็ปรารถนาให้มันเป็นความจริงที่ยั่งยืน เป็นความจริงที่อยู่กับฉันได้ตลอดไป

       

      มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ความอบอุ่นจากมือของเขาที่สัมผัสลงบนมือของฉัน แม้แต่หัวใจที่สร้างจากไม้หยาบๆของฉันยังสั่นไหว เขาทำให้ฉันรู้สึกรักการมีชีวิตอยู่ อยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ อยู่ข้างๆเขา

       

      ฉันจับมือเขาไว้เบาๆ ไม่อยากให้เขาจากไปไหนเลย มืออบอุ่นคู่นี้...อยากให้อยู่แบบนี้ตลอดไป

       

      เทคเคอลิคปล่อยมือจากฉันไป...มันเจ็บปวดที่ฉันไม่อาจร้องไห้ได้ ฉันไม่สามารถบอกกับเขาได้ว่า ฉันไม่อยากจากไป...หากต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ไม่มีเขา มันก็เหมือนกับการที่ต้องไปอยู่ในกองขยะอีกครั้ง

       

      ไฟไหม้ !! ไฟไหม้ !! ออกมาเร็วๆ !! อยากตายเหรอไง !!”

       

      อะไรนะ ! ไฟไหม้ ! นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ้อัธพาลพวกนั้นอีกแล้วใช่ไหม !”

       

      ราวกับฟากฟ้าได้ยินเสียงวิงวอนของฉัน เกิดเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากด้านนอก แล้วตามด้วยเสียงทุบประตูหนักๆ เสียงตะโกนโวยวายที่ฉันฟังไม่รู้เรื่องเรียกให้เทคเคอลิคกับเด็กหญิงที่อุ้มฉันไว้และแม่ของเธอรีบเร่งออกไปข้างนอก ทันทีที่กลิ่นควันไฟกระทบจมูกของฉัน มือเล็กๆของเด็กหญิงก็หลุดออกจากตัวของฉันไป ฉันหล่นลงสู่พื้น...เป็นแรงกระแทกที่รุนแรงเมื่อฉันรับรู้ได้ว่า...ฉันกำลังถูกทอดทิ้ง

       

      ความเหน็บหนาวแบบเดิมที่ฉันอยากจะลืมเลือนมันกลับมาอีกครั้ง...มือคู่เดิมที่เคยช่วยเหลือฉันโอบอุ้มฉันขึ้นมาจากพื้นถนนที่แสนเหน็บหนาว...ฉันจำสัมผัสนั้นได้ชัดเจน ฉันเงยหน้ามองดวงหน้าที่แสนคุ้นเคย ในดวงตาสีดำขลับที่แสนอบอุ่นของเขามีหยาดน้ำตาที่สะท้อนประกายสีส้มเข้มๆที่ลุกโชนอยู่เบื้องหน้า...เขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

       

       ฉันเองก็อยู่ตรงนั้น เคียงข้างเขา...ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโหมท่วมพื้นที่ในบริเวณนั้นรวมทั้ง บ้านของฉันและเทคเคอลิคด้วย เพื่อนๆของฉันนอนอยู่ใต้กองเพลิงโดยที่ไม่มีโอกาสได้หลบหนี...ฉันรู้ว่าเขาเจ็บปวด และฉันเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน...เทคเคอลิคกำลังร้องไห้ ฉันเอง...ก็อยากร้องไห้ไปพร้อมกับเขา

       

      ค่ำคืนที่ยาวนานและทุกข์ทรมานจากไป...เทคเคอลิคและฉันยังยืนอยู่ที่เดิม พร้อมสายฝนที่โปรยปรายลงและเปลวเพลิงที่ดับมอด กลิ่นไหม้และเศษไม้ที่อยู่ตรงหน้าราวกับจะสะท้อนภาพแห่งความเป็นจริง เทคเคอลิคอุ้มฉันขึ้นมาแล้วมองหน้าฉัน เขายิ้ม...ยังคงอ่อนโยนเช่นเคย...ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความหมองเศร้า

       

      แม้ว่าเขากำลังพยายามลบล้างมันด้วยรอยยิ้มร่าเริง แต่ฉันก็สำผัสได้...ในใจเขากำลังร้องไห้

       

      ถ้าผมออกเดินทางไปเรื่อยๆ เธอจะไปกับผมไหมบรีเธียร์...เดินทางไปกับผม แสดงละครตุ๊กตากับผม ไปด้วยกัน...อย่าทอดทิ้งผมนะครับ เราจะเดินไปด้วยกัน เขายิ้มให้ฉัน ฉันเอง...ก็ยิ้มตอบกลับไป ฉันไม่มีวันทอดทิ้งเขาไป...เขาโอบกอดฉันด้วยมืออบอุ่น...เราจะเดินไปด้วยกัน...ฉันกระซิบบอกเขา

       

      เวลาที่ผ่านพ้นไปสอนให้ฉันรู้จักอะไรหลายๆอย่าง ฉันยังอยู่เคียงข้างเขา ในฐานะตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่ง แสดงละครไปตามบทบาทที่เขากำหนด ฉันเป็นเพียง...ตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

       

      เพียงไขว่คว้า...แต่ไม่อาจสัมผัสถึง

       

      สำหรับฉัน...แค่ได้อยู่เคียงข้างก็เกินพอ...เพราะเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×