ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Enternity War

    ลำดับตอนที่ #2 : Andante I : คนแปลกหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 49


             
              "แฮก แฮก"เสียงหอบหายใจดังระรัวดังขึ้น  เสียงฝีเท้าดังถี่ขึ้นเรื่อยๆก่อนจะหยุดลง ร่างบางระหงส์หยุดพักก่อนหันกลับไปมองทางที่ตนผ่านมา ตาสีเขียวสดใสกลอกไปมาอย่างระแวง ประกายในตาฉายแววตกใจอย่างปิดไม่มิด ด้วยความมืดมิดที่เริ่มกลืนกินแสงแห่งดวงอาทิตย์กับความทึบของป่าทำให้เธอตัดสินใจ นั่งพักลงกับขอนไม้ 

              "เปาะ !"เสียงดีดนิ้วดังขึ้นก่อนไฟจะติดกับกองฟืนที่กองสุมกันไว้อย่างไม่ใส่ใจ เพื่อให้ความอบอุ่น 

              ร่างบางที่อยู่ในชุดเดินป่าแบบผู้ชายทำให้เธอดูตัวใหญ่กว่าความเป็นจริงผมที่รวบยาวถึงแค่กลางหลัง กับดาบที่เหน็บไว้ที่เอ็วทำให้เธอดูเหมือนชายร่างบางร่างมากกว่า เธอนั่งเหม่อไปทางกองไฟพร้อมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

              'ความจริงแล้วเธอน่าจะอยู่ในบ้านที่คนอื่นนิยามมันว่าคฤหาสน์อย่างสบายใจ แทนที่จะออกมาเดินกลางป่าแบบนี้' เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะจัดการกับอาหารตรงหน้า 

              'เธอเตรียมเสบียงมาพร้อมสำหรับเจ็ดวัน สำหรับการเดินทางจากบ้านเธอไปที่แซคซิส แล้วทำไมมันหมดเร็วแบบนี้นะ!' เธอขยี้ผมสีเหลืองทองปนเขียวอย่างหัวเสีย 

              'นี้เธอคิดผิดหรือเปล่าที่ออกมาจากบ้านเพราะอยากไปศึกษาเล่าเรียนกับโลกภายนอก แต่กลับโดนคนอื่นไล่ตามมาซะนี้ แต่ที่เธอหนีมาไม่ใช่ว่าเธอไม่มีฝีมือ แต่ไม่อยากให้ใครรู้มากกว่าว่าเธอเป็นใคร  '

               ' ถ้าเธอรู้ก่อนว่าคุณหนูจากตระกูลนักรบ ไลเนล จากเมืองนอคเซอส จะกลายเป็นผู้ดีตกยากแบบนี้ เธอคงเชื่อพ่อ ไม่ออกมาจากบ้านตั้งนานแล้ว แบบนี้ใครรู้คงจะขำตาย' 

                เธอถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนหยิบหนังสือคู่ใจมาอ่าน 'ว่าด้วยศาสตร์แห่งการรบ'ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะชอบการต่อสู้ แทนที่จะเย็บปักถักร้อย

                เธอมีงานอดิเรกคือขี่ม้า ฟันดาบ ซ้อมเวท กับอ่านหนังสือ แทนที่จะเป็น จัดดอกไม้ เย็บผ้า ร่ายรำแบบกุลสตรี คงเพราะเธออยู่ในตระกูลนักรบ คงทำให้ร่างบางมีความเข็มแข้ง และ มีอำนาจอยู่ในตัว

                เมื่ออ่านได้ซักพักเธอก็ปิดนักสือลงหยิบดาบเล่มบางยาวสีเขียวโค้งน้ำหนักเบาแล้วเดินออกไปทางพุ่มไม้ข้างหน้าก่อนชักดาบวาดออกไปด้วยความรวดเร็ว เธอเห็นเงาคนกระโดดออกไปจากพุ่มไม้นั้น           

                "จงอย่าหลบหน้าเช่นคนขลาด เจ้ามาแอบมองเราตั้งนานแล้ว ออกมาคุยกันหน่อยไม่ดีกว่าหรือ"เธอพูดเสียงหาวราวกับจะสั่งบุคคลลึกลับตรงหน้า 

                    "ข้าขออภัยที่มารบกวนท่านยามวิกาล"

                  ชายร่างสูงโปร่งก้าวออกมาอย่างองอาจพร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าคมคาย ผมสีดำสนิทเป็นประกายรับกับแสงจันทร์ ตาสีแดงดั่งเลือดมีประกายระริกปนเอ็นดูเมื่อมองมาทางหญิงสาว ชุดสีดำสนิท ทำให้แทบกลืนไปกับธรรมชาติของป่า ผิวขาวจัดเหมือนกับลูกผู้ดีทำให้ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดินป่า รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าทำให้หน้าคมสันดูอ่อนลง ดาบที่ติดอยู่ที่เอวข้างซ้ายทำให้หญิงสาวหวาดระแวงไม่น้อย 

                   "เจ้าเป็นใคร"หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับกระชับดาบในมือให้แน่นขึ้น
                   "ข้าจะตอบคำถามของท่าน แต่ท่านต้องเอาดาบลงก่อน"ชายหนุ่มแปลกหน้าต่อรอง
                    "ทำไมข้าจะต้องเอาดาบลง ในเมื่อเจ้าเป็นคนแปลกหน้า ข้าควรจะระวังตัว ก็เป็นเรื่องปกติ"หญิงสาวเอ่ยตอบ

                    ชายหน่มขำระริก ดวงตาสีเเดงเพลิงเปล่าประกายขบขันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หญิงสาวเกิดความโกรธเล็กๆได้ไม่ยาก

                    "เจ้าหัวเราะอะไร!"หญิงสาวตะโกนใส่เมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าหัวเราะเยาะนาง 

                    'ชิ เดี๋ยวเอาเงาปักษาเฉาะหัวซะนี้ เจ้าคนแปลกหน้าไม่เจียมตัว'

                       ชายหนุ่มแปลกหน้าหยุดหัวเราะแล้วเอ่ยตอบว่า
                    "ไม่ต้องมาขู่ข้าก็ได้ ข้ามาดี ข้าชื่อโซนาต้า ซีนิธ เป็นคนพเนจรธรรมดาเท่านั้น"
                     "แล้ว?"หญิงสาวเอ่ยถามเหมือนให้ชายหนุ่มพูดต่อ
                     "ก็ข้าเดินป่ามาจะหาที่พัก บังเอิญเห็นแสงไฟอยู่ที่นี้ ก็เลยเดินมาจึงมาพบท่านที่นี้ ก็เลยจะมาขอพักด้วยเลยแล้วกันนะ"ชายหนุ่มพูดพลางเดินไปกระแทกตัวลงบนขอนไม้ที่หญิงสาวนั่งอยู่ครู่นี้ การกระทำของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักทำให้หญิงพูดอะไรไม่ออก

                     'เจ้านี้ท่าทางจะประสาทกลับ ' หญิงสาวนึกในใจพลางสงบสติอารมณ์ ซีนิธมองหญิงสาวอย่างงงๆเมื่อเห็นว่าหญิงสาวอาการดีขึ้นแล้วจึงถามหญิงสาวกลับไป

                     "แล้วท่านหละชื่ออะไร"
                     "หืม ข้าชื่อ ซีนอน วินโนว์ แห่งเมืองนอคเซอส แล้วเจ้ามาจากไหน"หญิงสาวตอบชื่อพร้อมนามสกุลที่คิดขึ้นสดๆแล้วจึงถามกลับด้วยความสงสัย
                     "ก็ข้าเป็นคนพเนจร ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรอก"ชายหนุ่มตอบกลับอย่างล้อเลียน สายเป็นเป็นประกายอย่างอารมณ์ดี

                     "เจ้าอย่ามาล้อข้าเล่น! ตอบมาดีๆ"วินโนว์ตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย ทำตาเป็นประกายน่ากลัว
                     "โธ่ มาขู่ข้าอีกแล้ว ไม่ต้องขู่ก็ได้ ข้ามาจากเมืองซาร์"ซีนิธตอบกลับเสียงระคนปนขำ สายตาออกจะเอ็นดูหญิงสาวอยู่ลึกๆ ขณะที่หญิงสาวพยายามสงบอารมณ์

                    "ท่านนี้ท่าจะเป็นนักรบสิ ถึงได้พกดาบมาแบบนี้"ชายหนุ่มพูดเปรยๆ
                    "หืม คนมาจากเมืองนอคเซอส ย่อมเป็นนักรบไม่ใช่หรือ"หญิงสาวพูดเสียงเข้ม แต่ข่มความตกใจไว้ลึกๆ
                    "แต่ท่านไม่น่าจะใช่นักรบธรรมดานะ"ชายหนุ่มพูดทำให้หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ มีประกายกังวลในแววตาฉายออกมาเเวบหนึ่ง แต่ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นได้

                    "เชอะ! ช่างเถอะๆ งั้นเจ้าไปนอนตรงนั้นก็แล้วกัน "หญิงสาวพูดอย่างขัดใจ ปนอารมณ์ตื่นเต้นอยู่ลึกๆพลางชี้ไปที่ขอนไม้ที่อยู่ข้างๆจุดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่
                    "แล้ว เจ้าหละ"ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
                    "ข้าจะนอนฟังโน้น เจ้าก็ไปนอนได้แล้ว"หญิงสาวพูดเหมือนออกคำสั่งอีกครั้งก่อนจะไปทิ้งตัวลงบนผ้าที่เตรียมไว้

                   "เฮ้อ!"ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งลงผิงขอนไม้ไว้ และหยิบลูกเหล็กสีเงินออกมา 

                   "ไซค์" ซีนิธ ร่ายมนต์ชั่วครู่ลูกเหล็กนั้นก็กลายเป็น กีต้าร์ขนาดเล็กสีเงินเหมือนกันลูกเหล็กเมื่อครู่ขนาดเล็กได้ในพริบตา

                   ชายหนุ่มเริ่มกรีดนิ้วลงบน สายทั้งหก ก่อนบรรเลงเป็นท่วงทำนองอ่อนหวาน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสนุกสนานรื่นเริง ราวกับจะให้ฟ้าอวยพรให้กับการเดินทางแสนยาวนานที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองเศร้าสร้อย เหมือนจะกล่าวให้รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะไม่ได้ราบรื่นนัก ย้อนให้รำลึกถึงความหลังและความฝันอันยาวนาน

                  ซีนิธหยุดการบรรเลงไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีการเคลื่อนไหว เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวแค่ขยับตัวเท่านั้น 

                  " โซล"เขาร่ายเวทย์เบาๆ ก่อนที่เครื่องดนตรี จะกลับกลายเป็นลูกเหล็กสีเงินอีกครั้ง          
                  เขาเก็บลูกเหล็กลงแล้วนั่งพิงไปกับ ขอนไม้ กอดดาบคู่ชีวิตไว้แนบกาย ก่อนจะหลับไป 



          ณ เมืองฟ้า

                   ราชาเทพได้จ้องมองกระจกใสที่ส่องให้เห็นภาพเด็กหนุ่มนักพเนจรกับหญิงสาวแดนนักรบได้อย่างชัดเจน สายตานั้นดูเหมือนดีใจที่หาอะไรเจอบางอย่าง แต่ดวงตาสีเทาจนเกือบขาวคู่นั้นฉายแววเสียดายอย่างปิดไม่มิด 

                   "วิซ!"ผู้เป็นใหญ่เหนือเทพทั้งปวง ได้ส่งเสียงอันดังราวกับจะให้ก้องปราสาทแห่งเมืองฟ้า
                   "พะยะค่ะ มีอะไรหรือให้รับใช้หรือกระหม่อม"เสียงทุ้มแต่ออกจะอ่อนกว่าชายหนุ่มธรรมดาดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ก้มลงคุกเข่าต่อหน้าองค์ราชันย์
                   "ข่าวที่เจ้าได้มาเป็นความจริงหรือ วิซ"ราชาแห่งเมืองฟ้าหันมาถามเด็กชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
                   "เป็นข่าวจริงแน่นอนกระหม่อม"เด็กคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
                   "งั้นเจ้าช่วยสืบเกี่ยวกับชายผู้นั้นได้ไหม เอาให้เร็วที่สุด"องค์ราชันย์พูดพลางชี้ไปที่ชายหนุ่มนักพเนจรในกระจก
                   เด็กชายพยักหน้า ทำความเคารพสูงสุดต่อผู้เป็นจ้าวก่อนจะหายลับไปไม่เหลือร่องรอยว่ามีผู้ได้เหยียบย่างเข้ามาในห้องแห่งองค์ราชันย์

                   ราชาเมืองฟ้าถอนหายใจ ให้ความเงียบครอบคลุมทั่วห้องก่อนจะจมอยู่กับความคิดของตนเพียงลำพัง

       --------------------------------------------------
    ตอนแรกอาจจะสั้นไปหน่อย เป็นเรื่องแรกถ้าผิดพลาดปราการใดขออภัยด้วยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×