ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC Boku No Hero Academia / BNHA |Dark Uptight| (All Midoriya)

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 06 : ไม่มีอะไรเหมือนเดิม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.89K
      1.01K
      24 เม.ย. 65

    คำเตือน
    แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มีการอ้างอิงจากอนิเมะเรื่อง My Hero
    เนื้อเรื่องไม่ได้ดำเนินตามอนิเมะ ออกแนวดาร์กแฟนตาซี
    มิโดริยะ อิสึคุเรื่องนี้ไม่ใช่คนดีและไม่ใช่มนุษย์
    มีฉากเรท 18+ บางตอน รบกวนทำความเข้าใจก่อนอ่าน
    และอย่าแบนนะคะ
    ___________________________________________________________


    EP.06
    ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
               



    *ยังไม่ได้แก้คำผิด

     


    เพราะเมื่อเช้าหมดไปกับการอธิบายถึงที่มาของมิโดริยะ อิสึคุกับชิราโฮชิ ฮิเมกิจนทุกคนเข้าใจ รวมถึงปรับเปลี่ยนเรื่องราวบางส่วนเพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลออกไปจากยูเอย์ เพียงเพราะสัญชาตญาณของอดีตผู้นำอาคาชิจิมันร้องเตือนว่าในยูเอย์อาจจะมีคนขององค์กรยาคุปะปนอยู่ในนี้ก็เป็นไปได้

    แน่นอนว่าไม่ใช่พวกอาจารย์ในยูเอย์ที่ออกตัวว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดขององค์กรยาคุอย่างชัดเจน จนอายาโตะสามารถวางใจที่จะฝากฝังสองน้องน้อยผู้แสนสำคัญของเจ้าตัวได้ หลังจากที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างจบก็ถึงเวลาปล่อยให้นักเรียนห้อง A กลับไปพักผ่อนทำความเข้าใจกับเรื่องน่าเหลือเชื่อที่หอพัก ส่วนการเรียนการสอนก็ยกเลิกไว้ค่อยมาเรียนใหม่ในวันพรุ่งนี้

    ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังหอพักสำหรับนักเรียนปี 2-A ที่พอเลื่อนชั้นก็ต้องเปลี่ยนหอพักใหม่รวมถึงห้องทั้งหมดที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเช่นกัน แม้บางคนจะยังใช้ชั้นเดิมกับที่เคยใช้ในหอ 1-A แต่มีแค่ไม่กี่คนที่เปลี่ยนตำแหน่งห้องโดยเฉพาะชิโรนะ ฮาสึมิที่ขอย้ายไปอยู่ชั้น 5 และให้ยาโอโยโรสุกับจิโร่มาอยู่ชั้น 2 แทน ส่วนคนที่อยู่ชั้นห้าน่ะเหรอก็มีโทโดโรกิ บาคุโก คิริชิมะและคามินาริ เหล่าอัศวินผู้ปกป้องนางฟ้าผู้แสนบอบบางที่พักนี้มักถูกลืมอยู่บ่อย ๆ

    ประตูหน้าหอถูกเปิดออกพร้อมกับสมาชิกห้อง A ที่ทยอยกันเดินเข้ามาทีละคน สายตาของพวกเขากวาดมองหาเพื่อนผมเขียวกับเด็กสาวผมสีเงินว่าทั้งสองอยู่ส่วนไหนของหอพัก ก่อนจะหันไปเจอกลุ่มผมสีเขียวของมิโดริยะกำลังยืนดูดน้ำผลไม้กล่องอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง

    เดกุคุง!!”

    หืม? ดวงตาสีเขียวหม่นก้มมองด้านล่างก็เจอกับเพื่อนสาวหน้ากลมอย่างอุรารากะที่กำลังโบกมือไปมาอย่างน่ารัก เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนบนสีหน้าเย็นชาได้อย่างง่ายดาย

    กลับมาเหรอครับคุณอุรารากะ

    อื้ม! อาจารย์ไอซาวะบอกว่าวันนี้ไม่ต้องเรียน ให้พวกเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเดกุคุงและฮิเมะจังก่อนน่ะ

    ฮิเมะจัง?มิโดริยะทวนสรรพนามชวนแปลกหูอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปหัวเราะกับตัวเอง เมื่อนึกถึงท่าทางของชูซาคุซังที่คงจะภูมิใจเพราะเจ้าหญิงประจำคฤหาสน์สามารถสร้างมิตรกับเพื่อนสาวทั้งหกของเขาได้

    แต่ว่าฮิเมะจังนี่...ถ้าพวกพี่นัตสึกิรู้ละก็คงได้ขำตายอีกรอบแน่ ๆ

    ว่าแต่มิโดริยะจังดื่มน้ำสตอเบอรี่ด้วยเหรอ?อาซุอิที่ยืนสังเกตอยู่เงียบ ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาทุกคู่เงยขึ้นมองเจ้าของกลุ่มผมสีเขียวที่ยังคงดูดน้ำผลไม้ในกล่องจนหมด

    อ๋อ...นี่ไม่ใช่น้ำสตอเบอรี่หรอกครับ มือขาวซีดชูกล่องเปล่าในมือ ก่อนจะบอกคนด้านล่างด้วยน้ำเสียงหยอกล้อหน้าตาเฉยว่า

    มันเป็นอาหารที่พวกผมต้องกินมันทุกวันเพื่อไม่ให้ตัวเองคลั่งจนเผลอทำร้ายคนอื่นได้

    ยะ...อย่าบอกนะว่า...นั่นมัน... มิเนตะที่ประมวลผลได้เร็วกว่าเพื่อน ก็ถึงกับหน้าซีดยกนิ้วสั่น ๆ ชี้กล่องสีแดงในมือสลับกับมิโดริยะไปมา

    ก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะมิเนตะคุง แต่ถ้าจะให้มันอร่อยกว่านี้ ปลายนิ้วเรียวจิ้มลงบนต้นคอตัวเองที่ถูกสวมด้วยปลอกคอสีดำที่มีจี้รูปหงส์ดำและสลักเลข 7 ด้านล่างของตัวหงส์

    น้ำเสียงทุ้มหวานถูกเปลี่ยนให้เป็นเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับดวงตาสีเขียวหม่นที่กำลังเปล่งแสงคล้ายกับอสรพิษ ก่อนจะเอ่ยประโยคน่ากลัวสำหรับเพื่อนตัวจิ๋วที่ตอนนี้ช็อกไปเรียบร้อย

    ก็ต้องสดๆจากคอนี่แหล่ะ โดยเฉพาะตรงเส้นเลือดใหญ่มันอร่อยมากเลยละครับ แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ตราบใดที่ไม่มีใครคิดอยากลองดีท้าทายให้ผมเข้าไปกัดคอและดูดเลือด ผมก็ไม่คิดจะกินเลือดของพวกคุณหรอก ยกเว้นพวกคุณอุรารากะนะครับที่ผมไม่สามารถดื่มเลือดของพวกคุณได้จริง ๆ มิโดริยะฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสาวทั้งหก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาเมื่อสายตาคู่นี้จ้องมองเจ้าของดวงตาสีแดงที่อาจารย์ไอซาวะบอกว่าเป็นคนดูแลห้องของเขา

    ขอบคุณที่ช่วยดูแลห้องของผมนะครับบาคุโกคุง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ทีหลังอย่าพากลิ่นมาติดบนที่นอนของผม เพราะกว่าจะกำจัดมันออกไปต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ทั้งชุด ซึ่งมันแพงมากต่อให้ผมมีคนเลี้ยงดูแต่พี่เลี้ยงของผมขี้โวยวายสุด ๆ นับเป็นครั้งแรกที่มิโดริยะพูดยาว ๆ กับอดีตเพื่อนสมัยเด็ก แม้จะเป็นคำบ่นแฝงประชดประชันก็เถอะ

     ถะ...ถึงมิโดริยะซังจะบอกว่าไม่ดื่มเลือดของพวกเรา แต่พวกเราจะมั่นใจได้ยังไงละคะว่าคุณจะไม่คลั่งจนฆ่าพวกเราจริง ๆเสียงหวานใสที่ไม่ว่าจะฟังอีกกี่ครั้งก็ยังน่าสะอิดสะเอียนไม่เปลี่ยน มิโดริยะถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่ายที่มอบให้กับอีกฝ่าย

    นี่คุณชิโรนะมิโดริยะเท้าคางลงกับระเบียงตรงหน้า ดวงตาสีเขียวหม่นกับใบหน้าหวานจ้องมองเด็กสาวผมชมพูนิ่ง ๆ แต่ประโยคที่กล่าวออกมานั้นกลับฟาดหน้าของเธอให้ชาไปเสียพักใหญ่

    การที่คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่าคุณกำลังดูถูกผู้อำนวยการเนซึกับพวกอาจารย์อยู่นะครับ

    มะ...ไม่ใช่นะ...ฉันก็แค่...

    อีกอย่างถ้าคุณฮิเมกิมาได้ยินระวังจะถูกโกรธเอานะครับ เพราะไม่ใช่แค่ดูถูกพวกอาจารย์ แต่คุณกำลังดูถูกหัวหน้าของพวกผมด้วย

    หัวหน้า? หมายถึงผู้ปกครองของนายน่ะเหรอ?

    หัวหน้าก็คือหัวหน้า เขาอยู่เหนือกว่าพวกเราทุกคน เป็นผู้นำของพวกเรา แต่ถ้าจะให้นิยามผู้ปกครองของผมกับคุณฮิเมกิก็คงจะเป็นชูซาคุซังกับเรียวสึเกะซังละมั้ง

    ส่วนพี่เคียวยะกับพี่นัตสึกิ....

    ก็แค่ตัวปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้ผมทุกวี่ทุกวัน

    พอคิดถึงหน้าสองคนนั้นก็พลอยให้มิโดริยะรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาซะได้ ใบหน้าเย็นชาหันไปบอกลาเพื่อนสาวทั้งหก ก่อนจะขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนวันพรุ่งนี้

    ส่วนคนอื่น ๆ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว อุรารากะและสาว ๆ ทั้งห้าก็นัดกันว่าจะไปว่ายน้ำที่สระหลังโรงเรียน แถมพวกเธอจะขึ้นไปชวนฮิเมกิที่อยู่ชั้นห้าไปด้วยกัน แน่นอนว่าฮิเมกิตอบตกลงยังไม่ทันจบประโยคและนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเพื่อนอมนุษย์คนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

    มิตรภาพของลูกผู้หญิงเกิดขึ้นท่ามกลางความอิจฉาของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้รับมันนอกจากความรังเกียจที่มีให้

    แล้วพวกแกจะเสียใจ!!”

     



    -Dark Uptight-

     



    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    มิโดริยะเงยหน้าจากหนังสือในมือเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขาถอนหายใจออกมาเมื่อจมูกได้กลิ่นของแขกผู้มาเยือนในเวลาพักผ่อนของเขา ครั้นจะแสร้งเมินต่อไปก็คงไม่สามารถไล่แขกคนนี้ไปได้นอกเสียงจากต้อนรับและคุยกันให้จบ ๆ ไปซะ

    แกร็ก

    ประตูห้องถูกเปิดออกเพียงเล็กน้อย ก่อนที่ร่างเพรียวจะแทรกตัวมาขวางไม่ให้คนตัวโตตรงหน้าเข้ามาในห้องของตนได้ ใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาเย็นชามองแขกที่เมื่อก่อนเคยมักมานอนกับเขาเป็นประจำ

    มีเรื่องสงสัยอะไรงั้นเหรอบาคุโกคุงสรรพนามที่แปลกออกไปจนเหมือนกับอีกคนไม่ต้องการสนิทกับเขาอีก ไหนจะสายตาที่เมื่อก่อนมันเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยและอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่ตอนนี้แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่มีเหลือให้เขา

    แกเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอเดกุ

    ทำไมแกถึงไม่บอกว่าแกยังมีชีวิตอยู่

    “….”

    ทำไมแกถึงไม่ยอมโผล่ออกมาให้ฉันเห็นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

    “….”

    ทำไมแกถึงไม่กลับมาหาฉัน!!!”

    เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความหงุดหงิด ความเสียใจ และความคิดถึงมันตีกันวุ่นไปหมด ยิ่งจ้องมองใบหน้าหวานเย็นชาของอีกคนที่ยังคงยืนเงียบไม่พูดไม่จา ใจของบาคุโกมันก็ยิ่งบ้าคลั่งจนอยากจะจับร่างเล็ก ๆของอีกฝ่ายมาเขย่าให้ได้สติ

    นายเป็นใคร? ผมถึงต้องคอยรายงานให้ตลอดด้วยล่ะ

    นานนับนาทีที่เสียงหวานจะเอ่ยตอบกลับไป ทว่าประโยคนั้นมันเหมือนกับเหล็กแหลมคมที่ทิ่มแทงร่างของบาคุโก คัตสึกิจนชาไปทั้งร่าง พร้อมกับความรู้สึกโกรธที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับเขาเป็นแค่คนรู้จัก

    แกคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหมเดกุ ถามว่าฉันเป็นใครงั้นเหรอ มือแกร่งกระชากร่างเย็นเข้าหาพร้อมกับประโยคที่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดตะคอกใส่หน้าพร้อมกับสถานะที่มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้

    ก็เป็นผัวแกไง!!!”

    มิโดริยะเหยียดยิ้มออกมา เมื่อได้ยินประโยคที่เมื่อก่อนเขาพร่ำเรียกร้องจนเหมือนคนบ้า แต่ดูตอนนี้สิ...พอไม่ต้องการก็มายัดเยียดอย่างหน้าด้าน ๆ

    แต่ว่านะบาคุโก คัตสึกิ

    นายแน่ใจเหรอว่ามีนายแค่คนเดียวที่มีสถานะนั้นกับผม?

    หมายความว่ายังไง?

    นี่คัตจังสรรพนามที่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่อีกฝ่ายยอมให้เรียก ทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะต้องการออดอ้อนหรือเป็นสรรพนามแบบคู่รักที่ใช้เรียกกันทั่วไป

    แต่มันเป็นการย้ำเตือนอีกฝ่ายว่าไอ้สิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้...

    ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวซะหน่อยที่ผมนอนด้วยน่ะ

    คือเรื่องหลอกลวงทั้งเพ

    นายอย่าหลอกตัวเองเลยว่าผมเป็นของนายคนเดียว

    “….”

    เมื่อตอนนั้นนายก็เห็นนี่ว่าผมกับโชโตะคุงเราร้อนแรงกันมากแค่ไหน

    หุบปาก

    และไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวที่ผมนอนกับโชโตะคุง มันหลายครั้งเหมือนกับคัตจังเลยนะ

    หุบปาก

    แค่คิดถึงตัวเองเมื่อตอนนั้นก็คิดได้ว่าตัวผมในตอนนั้นมันมั่วสุด ๆ

    ฉันบอกให้หุบปากไงวะ!!!!!”

    ปัง!!

    มิโดริยะอยากจะหัวเราะให้กับสภาพของอดีตเพื่อนสนิทที่แย่ซะจนเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน ใบหน้าที่แสดงความเจ็บปวดออกมาเหมือนกับตัวเองสูญเสียสิ่งสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ ร่างกายที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยมัดกล้ามนั่น ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนหมดแรงที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

    บาคุโก คัตสึกิที่มักจะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองตลอด

    ตอนนี้ไม่ต่างจากไอ้ขี้แพ้ที่กำลังทรุดตัวนั่งคุกเข่าโอบกอดร่างเย็นชืดของคนที่ตัวเองรักเอาไว้อย่างน่าสมเพช

    ขอร้อง

    “….”

    อย่าทำแบบนี้เลยนะเดกุ อย่าผลักไสฉันไปเลย

    “….”

    ฉันยอมแกทุกอย่างแล้ว

    รู้ไหมคัตจัง ฝ่ามือขาวซีดลูบกลุ่มผมสีฟางชี้ฟูของอีกฝ่ายไปมาอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ทว่าประโยคที่พูดนั้นมันช่างหนาวเหน็บจนเหมือนกับกำลังถูกสาปให้แข็งเป็นหิน

    เมื่อก่อนผมก็เคยพูดแบบนี้ ขอร้องทั้งนาย ทั้งโชโตะคุงให้เชื่อว่าตัวผมนั้นไม่ได้ทำร้ายคุณชิโรนะ แต่รู้อะไรไหมตอนที่นายเอาแต่ทำร้ายผมมันเหมือนกับตอนที่พวกเรายังอยู่ม.ต้นด้วยกันเลยนะ

    “….”

    ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ คนที่ตัวเองรักดันไปเชื่อคนอื่นและกลับมาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกคนก็เอาแต่ใช้สีหน้าเย็นชาต่อว่าผมนับครั้งไม่ถ้วน และจบลงด้วยการบังคับให้ผมขอโทษทั้งที่ผมไม่ได้ผิดอะไร

    “….”

    ผมขอถามหน่อย ถ้าเป็นนายยังอยากให้คนที่ทำร้ายตัวเองอยู่ข้างนายต่อไปอีกเหรอ?

    “….”

    เดกุพูดถูกทุกอย่าง...

    ถ้าเป็นเขาก็คงจะไม่ให้พวกนั้นกลับมาอยู่เคียงข้างให้เป็นเสี้ยนหนามตำใจไปมากกว่านี้

    แต่บาคุโก คัตสึกิก็ยังเห็นแก่ตัว

    เขาอยากกลับไปอยู่ข้างกายคนตัวเล็กอีกครั้ง

    แต่ดูท่าคงจะกลับไปไม่ได้แล้วละ

    ความปรารถนาสุดท้ายของผมในตัวตนมนุษย์คือการลากพวกที่ทำให้ชีวิตของผมฉิบหายไปลงนรกด้วยกัน

    “….”

    และนายก็เป็นหนึ่งในนั้น

    มิโดริยะถอยห่างจากคนตัวโตที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นไม่ขยับไปไหน ดวงตาสีเขียวมองเลยคนตรงหน้าไปยังเจ้าของดวงตาต่างสีที่ยืนอยู่อีกฝั่งและคาดว่าคงจะยืนมานาน จนได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับอดีตเพื่อนสมัยเด็กตั้งแต่ต้น

    และนั่นคงเป็นการบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันไม่มีทางเป็นจริงได้อีกแล้ว

    เส้นทางของเรามันต่างกันและไม่สามารถกลับมารวมกันได้อีก

    เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่มันหยุดเต้นไร้ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก เพราะหัวใจดวงนี้มันแตกสลายไปตั้งแต่ที่ทั้งสองทิ้งเขาเอาไว้ด้านหลัง

    ต่อให้พยายามแค่ไหนมันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม

    มันสายไปแล้วล่ะครับ

    โอกาสของพวกคุณมันหมดไปตั้งแต่วันที่ทิ้งให้ผมตายอยู่เพียงลำพัง


    __________________________________________________________

    100%





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×