คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 06 : ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
เพราะเมื่อเช้าหมดไปกับการอธิบายถึงที่มาของมิโดริยะ
อิสึคุกับชิราโฮชิ ฮิเมกิจนทุกคนเข้าใจ รวมถึงปรับเปลี่ยนเรื่องราวบางส่วนเพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลออกไปจากยูเอย์
เพียงเพราะสัญชาตญาณของอดีตผู้นำอาคาชิจิมันร้องเตือนว่าในยูเอย์อาจจะมีคนขององค์กรยาคุปะปนอยู่ในนี้ก็เป็นไปได้
แน่นอนว่าไม่ใช่พวกอาจารย์ในยูเอย์ที่ออกตัวว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดขององค์กรยาคุอย่างชัดเจน
จนอายาโตะสามารถวางใจที่จะฝากฝังสองน้องน้อยผู้แสนสำคัญของเจ้าตัวได้ หลังจากที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างจบก็ถึงเวลาปล่อยให้นักเรียนห้อง
A กลับไปพักผ่อนทำความเข้าใจกับเรื่องน่าเหลือเชื่อที่หอพัก
ส่วนการเรียนการสอนก็ยกเลิกไว้ค่อยมาเรียนใหม่ในวันพรุ่งนี้
ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังหอพักสำหรับนักเรียนปี 2-A ที่พอเลื่อนชั้นก็ต้องเปลี่ยนหอพักใหม่รวมถึงห้องทั้งหมดที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเช่นกัน
แม้บางคนจะยังใช้ชั้นเดิมกับที่เคยใช้ในหอ 1-A แต่มีแค่ไม่กี่คนที่เปลี่ยนตำแหน่งห้องโดยเฉพาะชิโรนะ
ฮาสึมิที่ขอย้ายไปอยู่ชั้น 5 และให้ยาโอโยโรสุกับจิโร่มาอยู่ชั้น 2 แทน
ส่วนคนที่อยู่ชั้นห้าน่ะเหรอก็มีโทโดโรกิ บาคุโก คิริชิมะและคามินาริ
เหล่าอัศวินผู้ปกป้องนางฟ้าผู้แสนบอบบางที่พักนี้มักถูกลืมอยู่บ่อย ๆ
ประตูหน้าหอถูกเปิดออกพร้อมกับสมาชิกห้อง A ที่ทยอยกันเดินเข้ามาทีละคน
สายตาของพวกเขากวาดมองหาเพื่อนผมเขียวกับเด็กสาวผมสีเงินว่าทั้งสองอยู่ส่วนไหนของหอพัก
ก่อนจะหันไปเจอกลุ่มผมสีเขียวของมิโดริยะกำลังยืนดูดน้ำผลไม้กล่องอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง
“เดกุคุง!!”
“หืม?” ดวงตาสีเขียวหม่นก้มมองด้านล่างก็เจอกับเพื่อนสาวหน้ากลมอย่างอุรารากะที่กำลังโบกมือไปมาอย่างน่ารัก
เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนบนสีหน้าเย็นชาได้อย่างง่ายดาย
“กลับมาเหรอครับคุณอุรารากะ”
“อื้ม!
อาจารย์ไอซาวะบอกว่าวันนี้ไม่ต้องเรียน ให้พวกเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเดกุคุงและฮิเมะจังก่อนน่ะ”
“ฮิเมะจัง?” มิโดริยะทวนสรรพนามชวนแปลกหูอีกครั้ง
ก่อนจะหันหน้าไปหัวเราะกับตัวเอง
เมื่อนึกถึงท่าทางของชูซาคุซังที่คงจะภูมิใจเพราะเจ้าหญิงประจำคฤหาสน์สามารถสร้างมิตรกับเพื่อนสาวทั้งหกของเขาได้
แต่ว่าฮิเมะจังนี่...ถ้าพวกพี่นัตสึกิรู้ละก็คงได้ขำตายอีกรอบแน่ ๆ
“ว่าแต่มิโดริยะจังดื่มน้ำสตอเบอรี่ด้วยเหรอ?” อาซุอิที่ยืนสังเกตอยู่เงียบ ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาทุกคู่เงยขึ้นมองเจ้าของกลุ่มผมสีเขียวที่ยังคงดูดน้ำผลไม้ในกล่องจนหมด
“อ๋อ...นี่ไม่ใช่น้ำสตอเบอรี่หรอกครับ” มือขาวซีดชูกล่องเปล่าในมือ
ก่อนจะบอกคนด้านล่างด้วยน้ำเสียงหยอกล้อหน้าตาเฉยว่า…
“มันเป็นอาหารที่พวกผมต้องกินมันทุกวันเพื่อไม่ให้ตัวเองคลั่งจนเผลอทำร้ายคนอื่นได้”
“ยะ...อย่าบอกนะว่า...นั่นมัน...”
มิเนตะที่ประมวลผลได้เร็วกว่าเพื่อน ก็ถึงกับหน้าซีดยกนิ้วสั่น ๆ ชี้กล่องสีแดงในมือสลับกับมิโดริยะไปมา
“ก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะมิเนตะคุง
แต่ถ้าจะให้มันอร่อยกว่านี้” ปลายนิ้วเรียวจิ้มลงบนต้นคอตัวเองที่ถูกสวมด้วยปลอกคอสีดำที่มีจี้รูปหงส์ดำและสลักเลข
7 ด้านล่างของตัวหงส์
น้ำเสียงทุ้มหวานถูกเปลี่ยนให้เป็นเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับดวงตาสีเขียวหม่นที่กำลังเปล่งแสงคล้ายกับอสรพิษ
ก่อนจะเอ่ยประโยคน่ากลัวสำหรับเพื่อนตัวจิ๋วที่ตอนนี้ช็อกไปเรียบร้อย
“ก็ต้องสดๆจากคอนี่แหล่ะ โดยเฉพาะตรงเส้นเลือดใหญ่มันอร่อยมากเลยละครับ
แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ตราบใดที่ไม่มีใครคิดอยากลองดีท้าทายให้ผมเข้าไปกัดคอและดูดเลือด
ผมก็ไม่คิดจะกินเลือดของพวกคุณหรอก
ยกเว้นพวกคุณอุรารากะนะครับที่ผมไม่สามารถดื่มเลือดของพวกคุณได้จริง ๆ” มิโดริยะฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสาวทั้งหก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาเมื่อสายตาคู่นี้จ้องมองเจ้าของดวงตาสีแดงที่อาจารย์ไอซาวะบอกว่าเป็นคนดูแลห้องของเขา
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลห้องของผมนะครับบาคุโกคุง
แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ทีหลังอย่าพากลิ่นมาติดบนที่นอนของผม
เพราะกว่าจะกำจัดมันออกไปต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ทั้งชุด ซึ่งมันแพงมากต่อให้ผมมีคนเลี้ยงดูแต่พี่เลี้ยงของผมขี้โวยวายสุด
ๆ” นับเป็นครั้งแรกที่มิโดริยะพูดยาว ๆ กับอดีตเพื่อนสมัยเด็ก
แม้จะเป็นคำบ่นแฝงประชดประชันก็เถอะ
“ถะ...ถึงมิโดริยะซังจะบอกว่าไม่ดื่มเลือดของพวกเรา
แต่พวกเราจะมั่นใจได้ยังไงละคะว่าคุณจะไม่คลั่งจนฆ่าพวกเราจริง ๆ” เสียงหวานใสที่ไม่ว่าจะฟังอีกกี่ครั้งก็ยังน่าสะอิดสะเอียนไม่เปลี่ยน
มิโดริยะถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่ายที่มอบให้กับอีกฝ่าย
“นี่คุณชิโรนะ” มิโดริยะเท้าคางลงกับระเบียงตรงหน้า
ดวงตาสีเขียวหม่นกับใบหน้าหวานจ้องมองเด็กสาวผมชมพูนิ่ง ๆ แต่ประโยคที่กล่าวออกมานั้นกลับฟาดหน้าของเธอให้ชาไปเสียพักใหญ่
“การที่คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่าคุณกำลังดูถูกผู้อำนวยการเนซึกับพวกอาจารย์อยู่นะครับ”
“มะ...ไม่ใช่นะ...ฉันก็แค่...”
“อีกอย่างถ้าคุณฮิเมกิมาได้ยินระวังจะถูกโกรธเอานะครับ
เพราะไม่ใช่แค่ดูถูกพวกอาจารย์ แต่คุณกำลังดูถูกหัวหน้าของพวกผมด้วย”
“หัวหน้า? หมายถึงผู้ปกครองของนายน่ะเหรอ?”
“หัวหน้าก็คือหัวหน้า เขาอยู่เหนือกว่าพวกเราทุกคน เป็นผู้นำของพวกเรา
แต่ถ้าจะให้นิยามผู้ปกครองของผมกับคุณฮิเมกิก็คงจะเป็นชูซาคุซังกับเรียวสึเกะซังละมั้ง”
ส่วนพี่เคียวยะกับพี่นัตสึกิ....
ก็แค่ตัวปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้ผมทุกวี่ทุกวัน
พอคิดถึงหน้าสองคนนั้นก็พลอยให้มิโดริยะรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาซะได้
ใบหน้าเย็นชาหันไปบอกลาเพื่อนสาวทั้งหก
ก่อนจะขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนวันพรุ่งนี้
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว อุรารากะและสาว ๆ
ทั้งห้าก็นัดกันว่าจะไปว่ายน้ำที่สระหลังโรงเรียน แถมพวกเธอจะขึ้นไปชวนฮิเมกิที่อยู่ชั้นห้าไปด้วยกัน
แน่นอนว่าฮิเมกิตอบตกลงยังไม่ทันจบประโยคและนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเพื่อนอมนุษย์คนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
มิตรภาพของลูกผู้หญิงเกิดขึ้นท่ามกลางความอิจฉาของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้รับมันนอกจากความรังเกียจที่มีให้
“แล้วพวกแกจะเสียใจ!!”
-Dark Uptight-
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มิโดริยะเงยหน้าจากหนังสือในมือเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
เขาถอนหายใจออกมาเมื่อจมูกได้กลิ่นของแขกผู้มาเยือนในเวลาพักผ่อนของเขา
ครั้นจะแสร้งเมินต่อไปก็คงไม่สามารถไล่แขกคนนี้ไปได้นอกเสียงจากต้อนรับและคุยกันให้จบ
ๆ ไปซะ
แกร็ก
ประตูห้องถูกเปิดออกเพียงเล็กน้อย
ก่อนที่ร่างเพรียวจะแทรกตัวมาขวางไม่ให้คนตัวโตตรงหน้าเข้ามาในห้องของตนได้
ใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาเย็นชามองแขกที่เมื่อก่อนเคยมักมานอนกับเขาเป็นประจำ
“มีเรื่องสงสัยอะไรงั้นเหรอบาคุโกคุง” สรรพนามที่แปลกออกไปจนเหมือนกับอีกคนไม่ต้องการสนิทกับเขาอีก
ไหนจะสายตาที่เมื่อก่อนมันเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยและอ่อนโยนอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่มีเหลือให้เขา
แกเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอเดกุ
“ทำไมแกถึงไม่บอกว่าแกยังมีชีวิตอยู่”
“….”
“ทำไมแกถึงไม่ยอมโผล่ออกมาให้ฉันเห็นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา”
“….”
“ทำไมแกถึงไม่กลับมาหาฉัน!!!”
เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความหงุดหงิด ความเสียใจ
และความคิดถึงมันตีกันวุ่นไปหมด ยิ่งจ้องมองใบหน้าหวานเย็นชาของอีกคนที่ยังคงยืนเงียบไม่พูดไม่จา
ใจของบาคุโกมันก็ยิ่งบ้าคลั่งจนอยากจะจับร่างเล็ก ๆของอีกฝ่ายมาเขย่าให้ได้สติ
“นายเป็นใคร? ผมถึงต้องคอยรายงานให้ตลอดด้วยล่ะ”
นานนับนาทีที่เสียงหวานจะเอ่ยตอบกลับไป
ทว่าประโยคนั้นมันเหมือนกับเหล็กแหลมคมที่ทิ่มแทงร่างของบาคุโก
คัตสึกิจนชาไปทั้งร่าง
พร้อมกับความรู้สึกโกรธที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับเขาเป็นแค่คนรู้จัก
“แกคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหมเดกุ
ถามว่าฉันเป็นใครงั้นเหรอ”
มือแกร่งกระชากร่างเย็นเข้าหาพร้อมกับประโยคที่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดตะคอกใส่หน้าพร้อมกับสถานะที่มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้
“ก็เป็นผัวแกไง!!!”
มิโดริยะเหยียดยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินประโยคที่เมื่อก่อนเขาพร่ำเรียกร้องจนเหมือนคนบ้า
แต่ดูตอนนี้สิ...พอไม่ต้องการก็มายัดเยียดอย่างหน้าด้าน ๆ
แต่ว่านะบาคุโก คัตสึกิ
“นายแน่ใจเหรอว่ามีนายแค่คนเดียวที่มีสถานะนั้นกับผม?”
“หมายความว่ายังไง?”
“นี่คัตจัง” สรรพนามที่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่อีกฝ่ายยอมให้เรียก
ทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะต้องการออดอ้อนหรือเป็นสรรพนามแบบคู่รักที่ใช้เรียกกันทั่วไป
แต่มันเป็นการย้ำเตือนอีกฝ่ายว่าไอ้สิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้...
“ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวซะหน่อยที่ผมนอนด้วยน่ะ”
คือเรื่องหลอกลวงทั้งเพ
“นายอย่าหลอกตัวเองเลยว่าผมเป็นของนายคนเดียว”
“….”
“เมื่อตอนนั้นนายก็เห็นนี่ว่าผมกับโชโตะคุงเราร้อนแรงกันมากแค่ไหน”
“หุบปาก”
“และไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวที่ผมนอนกับโชโตะคุง
มันหลายครั้งเหมือนกับคัตจังเลยนะ”
“หุบปาก”
“แค่คิดถึงตัวเองเมื่อตอนนั้นก็คิดได้ว่าตัวผมในตอนนั้นมันมั่วสุด
ๆ”
“ฉันบอกให้หุบปากไงวะ!!!!!”
ปัง!!
มิโดริยะอยากจะหัวเราะให้กับสภาพของอดีตเพื่อนสนิทที่แย่ซะจนเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน
ใบหน้าที่แสดงความเจ็บปวดออกมาเหมือนกับตัวเองสูญเสียสิ่งสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ
ร่างกายที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยมัดกล้ามนั่น ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนหมดแรงที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
บาคุโก คัตสึกิที่มักจะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองตลอด
ตอนนี้ไม่ต่างจากไอ้ขี้แพ้ที่กำลังทรุดตัวนั่งคุกเข่าโอบกอดร่างเย็นชืดของคนที่ตัวเองรักเอาไว้อย่างน่าสมเพช
“ขอร้อง”
“….”
“อย่าทำแบบนี้เลยนะเดกุ อย่าผลักไสฉันไปเลย”
“….”
“ฉันยอมแกทุกอย่างแล้ว”
“รู้ไหมคัตจัง”
ฝ่ามือขาวซีดลูบกลุ่มผมสีฟางชี้ฟูของอีกฝ่ายไปมาอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน
ทว่าประโยคที่พูดนั้นมันช่างหนาวเหน็บจนเหมือนกับกำลังถูกสาปให้แข็งเป็นหิน
“เมื่อก่อนผมก็เคยพูดแบบนี้ ขอร้องทั้งนาย
ทั้งโชโตะคุงให้เชื่อว่าตัวผมนั้นไม่ได้ทำร้ายคุณชิโรนะ
แต่รู้อะไรไหมตอนที่นายเอาแต่ทำร้ายผมมันเหมือนกับตอนที่พวกเรายังอยู่ม.ต้นด้วยกันเลยนะ”
“….”
“ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ
คนที่ตัวเองรักดันไปเชื่อคนอื่นและกลับมาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกคนก็เอาแต่ใช้สีหน้าเย็นชาต่อว่าผมนับครั้งไม่ถ้วน
และจบลงด้วยการบังคับให้ผมขอโทษทั้งที่ผมไม่ได้ผิดอะไร”
“….”
“ผมขอถามหน่อย
ถ้าเป็นนายยังอยากให้คนที่ทำร้ายตัวเองอยู่ข้างนายต่อไปอีกเหรอ?”
“….”
เดกุพูดถูกทุกอย่าง...
ถ้าเป็นเขาก็คงจะไม่ให้พวกนั้นกลับมาอยู่เคียงข้างให้เป็นเสี้ยนหนามตำใจไปมากกว่านี้
แต่บาคุโก คัตสึกิก็ยังเห็นแก่ตัว
เขาอยากกลับไปอยู่ข้างกายคนตัวเล็กอีกครั้ง
แต่ดูท่าคงจะกลับไปไม่ได้แล้วละ
“ความปรารถนาสุดท้ายของผมในตัวตนมนุษย์คือการลากพวกที่ทำให้ชีวิตของผมฉิบหายไปลงนรกด้วยกัน”
“….”
“และนายก็เป็นหนึ่งในนั้น”
มิโดริยะถอยห่างจากคนตัวโตที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นไม่ขยับไปไหน
ดวงตาสีเขียวมองเลยคนตรงหน้าไปยังเจ้าของดวงตาต่างสีที่ยืนอยู่อีกฝั่งและคาดว่าคงจะยืนมานาน
จนได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับอดีตเพื่อนสมัยเด็กตั้งแต่ต้น
และนั่นคงเป็นการบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันไม่มีทางเป็นจริงได้อีกแล้ว
เส้นทางของเรามันต่างกันและไม่สามารถกลับมารวมกันได้อีก
เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่มันหยุดเต้นไร้ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก
เพราะหัวใจดวงนี้มันแตกสลายไปตั้งแต่ที่ทั้งสองทิ้งเขาเอาไว้ด้านหลัง
ต่อให้พยายามแค่ไหนมันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“มันสายไปแล้วล่ะครับ”
โอกาสของพวกคุณมันหมดไปตั้งแต่วันที่ทิ้งให้ผมตายอยู่เพียงลำพัง
__________________________________________________________
100%
ความคิดเห็น