คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 01 : ก้าวเดินต่อไป
*ยังไม่แก้คำผิด*
โรงเรียนยูเอย์ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเป็นครั้งแรกจนกลายเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่ว
เมื่อมิโดริยะ อิสึคุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตึกถล่มจากการฝึกซ้อมเสมือนจริง
ดั่งฝันร้ายที่หลอกหลอนทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนห้อง A นักเรียนห้อง B หรือเหล่าคณาจารย์ที่ได้รับหน้าที่ควบคุมการฝึกในครั้งนี้
บรรยากาศเศร้าสร้อยที่ตลบอบอวลไปทั่วหอพักของเหล่านักเรียนห้อง
1-A ที่ต่างคนต่างนั่งกันคนละมุม ไม่พูดไม่จากันเลยสักคน
ยกเว้นเพียงกลุ่มผู้หญิงหกคนที่นั่งล้อมกันเป็นวงพร้อมกับจับมือแน่นเพื่อกลั้นความเสียใจ
เพราะพวกเธอถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปหาเพื่อนชายตัวเล็กที่กำลังถูกฝังลงบนสุสานแห่งหนึ่ง
โดยที่เหล่าอาจารย์ไม่คิดจะปริปากบอกว่าคุณแม่ของมิโดริยะฝังลูกชายตัวเองไว้ที่ไหน
อันที่จริงไม่ใช่เพียงแค่พวกเธอหรอกที่ถูกสั่งห้าม
นักเรียนห้อง A
ทุกคนต่างหากที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปหามิโดริยะ อิสึคุ ยกเว้นพวกห้อง B และนักเรียนสายทั่วไปอย่างชินโซ ฮิโตชิและสายสนับสนุนฮัตสึเมะ
เมย์ที่ได้รับอนุญาตให้ไปส่งมิโดริยะเป็นครั้งสุดท้าย
“สาแก่ใจพวกนายแล้วหรือยัง”
น้ำเสียงสั่นเครือของจิโร่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ดวงตาที่แฝงไปด้วยความโกรธ ความเสียใจและความผิดหวังมองเพื่อนชายแต่ละคนที่ดูเหมือนจะได้สติกันขึ้นมาหน่อยบ้างแล้ว
โดยเฉพาะสายตาของเธอและเพื่อนสาวคนอื่น ๆต่างจับจ้องไปยังคนที่กล้าทิ้งทีมตัวเองเพื่อไปหาผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น
“สาแก่ใจพวกนายแล้วหรือยังบาคุโก
โทโดโรกิ”
“….”
“เพราะพวกนายทุกอย่างถึงได้กลายเป็นแบบนี้”
“….”
“เพราะพวกนายมิโดริยะถึงต้องตาย
สาแก่ใจแล้วหรือยัง!!!!”
“จิโร่จัง” ฮางาคุเระลูบไหล่ของเพื่อนสาวขาร็อคที่สั่นเทาพร้อมกับเสียงสะอื้นในลำคอ
ก่อนที่เธอจะหันไปกอดเพื่อนสาวล่องหนเมื่อน้ำตาที่กลั้นเอาไว้กลับห้ามเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“พวกเราผิดหวังในตัวพวกคุณทุกคนมากเลยค่ะ
มาทำหน้าสำนึกผิดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ
ในเมื่อต่อให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษคุณมิโดริยะก็ไม่กลับมา”
ยาโอโยโรสุกลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอ
ดวงตาคู่นี้มองเด็กสาวผมสีชมพูที่นั่งอยู่ระหว่างกลางบาคุโกกับโทโดโรกิด้วยความเกลียดชัง
จนคนถูกจ้องหน้าเสียและหันไปอิงแอบกับไหล่แกร่งของบาคุโกคล้ายกับหาที่กำบัง
ซึ่งกากระทำของเด็กสาวคนนั้นมันน่ารังเกียจจนเธอและเพื่อนสาวคนอื่น ๆ
อยากจะเข้าไปตบกระชากให้สาสมกับการสูญเสียเพื่อนที่แสนดีของพวกเธอไป
มิโดริยะ
อิสึคุไม่สมควรมาจบชีวิตลงด้วยความเห็นแก่ตัวของคนพวกนี้
“พวกคุณจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นต่อไปก็เรื่องของพวกคุณ
ต่อจากนี้พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณอีก
ต่างคนต่างอยู่ให้คิดซะว่าพวกเราคือเพื่อนร่วมห้องที่รู้จักกันผิวเผินเท่านั้น”
คำประกาศิตที่พาให้ความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของนักเรียนห้อง
A ถูกสะบั้นลงพร้อมกับกลุ่มเด็กสาวทั้งหกคนลุกขึ้นมองเหล่าเพื่อนชายที่เคยสนิทเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน
น้ำเสียงราบเรียบของอาซุอิที่มักจะพูดออกไปตามที่ใจนึก กลับพูดประโยคที่เสียดแทงใจทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าให้รู้สึกผิดมากกว่าเดิม
“พวกนายเคยบอกว่าอยากให้มิโดริยะจังหายไปนี่หน่า”
“….”
“ตอนนี้มิโดริยะจังก็หายไปตามที่พวกนายต้องการแล้วนี่
จะดีใจหลังจากที่พวกเราออกไปจากตรงนี้ก็ได้นะ”
“….”
หลังจากที่เพื่อนสาวทั้งหกออกไปจากตรงนี้แล้ว
บรรยากาศน่าอึดอัดก็ยังคงก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครคิดจะพูดหรือแสดงสีหน้าดีใจออกมาตามคำประชดของอาซุอิเลยสักคน
และเพราะต่างคนต่างถูกความรู้สึกผิดเข้าครอบงำทำให้พวกเขามีความคิดที่จะขอแยกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง
“ผม...ขอตัวก่อนนะครับ”
อีดะเป็นคนแรกที่พูดออกมา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องของตัวเอง
“พวกฉันก็ขอตัว” โทโคยามิ โชจิ โกดะ ซาโต้ โอจิโระและอาโอยามะก็ต่างขอตัวตามไปติด ๆ
“นี่
ๆ เซโระ พวกเราจะไปกันบ้างไหม?” มิเนตะกระตุกชายกางเกงของเพื่อนข้างกาย
ก่อนจะได้รับคำตอบคือการพยักหน้าและพากันลุกขึ้นเดินจากไปอีกคู่
ตอนนี้ห้องนั่งเล่นเหลือเพียงแค่คิริชิมะ
คามินาริ บาคุโก โทโดโรกิที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
ทว่าแววตาของพวกเขามันเหม่อลอยไม่รับรู้เลยว่าเพื่อน ๆ ต่างทยอยกันกลับห้องไปจนเหลือเพียงแค่พวกเขาสี่คน
ไม่สิ...ยังเหลืออีกคนที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด
“คัตสึคุ---”
พรึบ!!
ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยจบประโยค
ดวงตาสีแดงเหลือบมองใบหน้าน่ารักของหญิงสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมนิ่ง
“ขอตัว”
ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยบอกทุกคนในที่นี้และเดินออกไปอย่างไม่สนใจเสียงตะโกนของคิริชิมะหรือหญิงสาวที่เขารักเลยแม้แต่นิดเดียว
ลิฟต์หยุดลงตรงชั้น
2 ก่อนที่ร่างสูงของบาคุโกจะก้าวเดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ๆ หนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะเข้าไปอีกเลย
ตั้งแต่ที่ชิโรนะย้ายเข้ามาเขาก็ลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งตัวเองเคยมายึดห้องนี้เพื่อหลับนอนกับเจ้าของห้องที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาอยู่บ่อยครั้ง
แกร็ก
ประตูห้องไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ดั่งเช่นทุกทีและมันคงไม่มีทางล็อคได้อีกในเมื่อเจ้าของมันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
บาคุโกก้าวเข้าไปในห้องที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของสะสมออลไมท์ที่คนตัวเล็กชอบมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
จนตอนนี้ที่ได้กลายเป็นผู้สืบทอดพลังจากฮีโร่อันดับหนึ่งก็ยังไม่เลิกชอบซะที
ดวงตาสีแดงกวาดตามองทุกอย่างในห้องพร้อมกับกระตุกยิ้มออกมาอย่างขบขัน
แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หายไปเมื่อห้องที่มักจะมีบรรยากาศผ่อนคลายไว้ให้เขาทุกครั้งที่เข้ามา
ตอนนี้มันทั้งอ้างว้างและโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน
‘เพราะพวกนายมิโดริยะถึงต้องตาย
สาแก่ใจแล้วหรือยัง!!!!’
เสียงตะคอกของยัยหูฟังยังคงหลอนอยู่ในหัวพร้อมกับภาพตึกขนาดใหญ่หล่นลงมาทับร่างของมันต่อหน้าต่อตา
ทั้งที่มันกำลังจะตายแต่ก็ยังฉีกยิ้มกว้างเหมือนกับออลไมท์มาให้เขาและคนอื่น ๆ เป็นของอำลาอยู่อีก
ฟุบ!!
บาคุโกล้มตัวนอนลงบนเตียงกว้างที่ยังคงเหลือกลิ่นหอมอ่อน
ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้องเอาไว้ จมูกโด่งสูดลมกลิ่นหอมประจำตัวของคนตัวเล็ก
ดวงตาสีแดงมองผ่านความมืดพร้อมกับความรู้สึกเปียกแฉะอยู่บนใบหน้า
นี่เขากำลังร้องไห้งั้นเหรอ??
ร้องไห้เพื่อไอ้ไร้ค่านั่นน่ะนะ?
มันก็สมควรแล้วละ
ในเมื่อสิ่งที่เขาทำมันไม่ควรให้อภัยจริง ๆ นี่หน่า
ดวงตาสีแดงค่อย
ๆ หลับลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับน้ำตาที่หยดลงบนหมอนนิ่ม
มือทั้งสองโอบกอดร่างกายของตัวเองที่มันสั่นเทาไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดจากหัวใจที่มันกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
...ขอโทษ...
ขอโทษที่ทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
ขอโทษที่ไม่เข้าไปช่วย
ขอโทษที่กลับไปทำร้ายกาจจนแกเสียใจอีกครั้ง
ขอโทษ....
“ฮึก...เด...กุ...”
-Dark Uptight-
โทโดโรกิ
โชโตะไม่สามารถข่มตานอนหลับลงได้
ดวงตาสองสีมองเพดานห้องนอนของตัวเองมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ฉับพลันภาพที่เพื่อนสนิทตัวเล็กถูกตึกหล่นลงมาทับต่อหน้าต่อตาก็วนกลับเข้ามาหาอีกครั้ง
พออีดะกับอุรารากะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ทั้งอาจารย์และนักเรียนบางส่วนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด ก็พากันเข้าไปช่วยเหลือร่างที่จมกองเลือดอยู่ข้างใต้เพื่อพาไปรักษา
ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไป
มิโดริยะ
อิสึคุเสียชีวิตตั้งแต่ที่ตึกหล่นลงมาทับ
สภาพคนตัวเล็กที่ถูกประคองออกมาโดยอาจารย์ประจำชั้นพาเอาคนที่ยืนอยู่ใกล้
ๆ ไม่สามารถจ้องมองมันได้ โดยเฉพาะกองเลือดขนาดใหญ่ที่มันเหมือนดอกฮิกันบานะกำลังผลิบาน
ร่างกายที่อาบไปด้วยเลือดเคลือบชุดฮีโร่สีเขียวของเจ้าตัวเป็นเนื้อเดียวกัน
ร่างกายอ่อนเปลี้ยไร้กระดูกคอยควบคุม
มันเหมือนกับธงที่โบกสะบัดไปตามแรงลมที่พัดผ่านไป
ใบหน้าหวานที่เขาชอบมองมันอยู่บ่อย ๆ เวลาที่อีกฝ่ายเผลอ
ตอนนั้นที่เขาเห็นมันทั้งซีดเซียวไร้เลือดหล่อเลี้ยง
หรือแก้มนิ่มที่มักมีสีแดงอ่อน ๆ ประดับทุกครั้งที่ถูกเขามอบความรักให้
มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ความรักของเขามันค่อย
ๆ ลดลงไป
ทั้งที่หัวใจดวงนี้มันพร่ำกระซิบบอกว่าเป็นของคนตัวเล็กเพียงผู้เดียว
มือทั้งสองข้างที่มีอัตลักษณ์ต่างขั้วเคยสัญญาว่าจะปกป้องอีกฝ่ายตลอดไป
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือคู่นี้มันกลับทำร้ายคนตัวเล็กอีกครั้ง
แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่โทโดโรกิ
โชโตะหลงลืมความสุขที่เรียกว่าดวงตะวันอย่างมิโดริยะไป
อ่า...รู้แล้วล่ะว่ามันเปลี่ยนไปตอนไหน
ความรู้สึกของเขามันเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่สบตากับฮาสึมิครั้งแรก
และตอนนี้มันกำลังส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาให้ย่อยยับ
สุดท้ายเขาก็ไม่ต่างจากเจ้าพ่อบ้านั่น
ทำร้ายคนที่ตัวเองรักเพื่อความปรารถนาของตน
น่ารังเกียจ
น่ารังเกียจตัวเองเสียเหลือเกิน
“มิโดริยะ”
ดวงตาสองสีพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา
เสียงสะอื้นถูกกลืนลงในลำคอก่อนที่มือทั้งสองข้างจะยกปิดหน้าตาของตัวเองที่ตอนนี้มันทุเรศสุด
ๆ
เชื่อแล้วล่ะว่าประโยคที่พี่สาวของเขาชอบพูดมันบ่อย
กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเสียมันไป
ตอนนี้รู้ตัวแล้วล่ะว่าโทโดโรกิ
โชโตะได้เสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว
“ขอโทษนะ”
-Dark Uptight-
1 เดือนผ่านไป...
ณ สุสานแห่งหนึ่ง
ในยามค่ำคืนที่ไร้ผู้คนกลับมีเงากลุ่มหนึ่งกำลังนั่งยอง
ๆ มองป้ายแผ่นหินที่มันใหม่เอี่ยมเหมือนพึ่งนำมาวางไว้ได้ไม่นาน ดวงตาสีแดงโกเมนเหลือบมองป้ายตรงหน้าและหันกลับมาถามหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเสียงห้วนว่า…
“แน่ใจเหรอวะว่ามันใช่ที่นี่จริง
ๆ”
“เอ๋~นัตสึจังไม่เชื่อใจฮิเมะเหรอ? นิสัยไม่ดี ๆ ๆ”
เสียงหวานของหญิงสาวเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้น พร้อมกับมือที่ทุบลงบนไหล่แกร่งของชายหนุ่มผมบลอนด์รัว
ๆ
“โว้ย! ก็เธอชอบพาหลงอยู่เรื่อยนี่หว่า”
“ฮิเมะไม่ใช่เรียวสึจังนะที่ชอบหลงไปซื้อเนื้อแกะเสียบไม้ทุกรอบอ่ะ”
“มันก็เหมือน
ๆ กันนั่นแหล่ะเฟ้ย!!”
“ไม่เหมือนกันซะหน่อย!!”
“นี่...เลิกเถียงกันได้รึยัง”
ไม่ทันได้เปิดศึก เสียงทุ้มเย็นชายของคนที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน
ดวงตาสีไพลินมองมองหลุมศพตรงหน้าที่สลักชื่อเจ้าของร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ข้างใต้
‘มิโดริยะ
อิสึคุ’
“ไม่ผิดแน่...คนนี้ละที่คุณอายาโตะให้มารับตัว”
“ชิ! ทำไมต้องเป็นคนรู้จักด้วยวะ” เจ้าของดวงตาสีโกเมนมองชื่อของคนที่พวกเขาถูกสั่งมาให้
‘ขโมย’ ร่างกลับไป ก็ถึงกับสบถออกมา
ใครจะไปเชื่อล่ะว่าน้องชายใกล้บ้านที่เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของน้องชายตัวเองจะมาตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำตามความฝันของตัวเอง
เด็กผมเขียวที่มักเต็มไปด้วยรอยยิ้มและชอบพูดว่าตัวเองจะเป็นแบบออลไมท์ให้ได้คนนั้น
ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงซากศพไร้ลมหายใจ
แกปกป้องยังไงของแกกันบาคุโก
คัตสึกิ!!!
“งั้นก็ลงมือกันเลยเถอะ”
สิ้นเสียงหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม
เจ้าของกลุ่มผมสีดำกับดวงตาสีไพลินก็เปลี่ยนเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำมันได้
มือใหญ่ยักษ์ขุดลงไปในดินที่นูนขึ้นมาทีเดียวจนถึงโลกศพสีดำ ที่มีร่างของคนที่พวกเขาต้องการนอนหลับอยู่
ฝาโลงถูกเปิดออกด้วยชายผมบลอนด์
ดวงตาสีโกเมนมองใบหน้าขาวซีดของคนด้านใน
เรือนผมสีเขียวที่รับกับใบหน้าหวานที่มีกะเป็นจุดเล็ก ๆ ให้อีกฝ่ายดูน่ารักน่าหยิกมากขึ้น
ไม่รวมถึงดวงตาสีเขียวมรกตที่เมื่อก่อนนัตสึกิชอบมองมันบ่อย ๆ
“อืม...กระดูกที่แหลกละเอียดกำลังรวมตัวสร้างขึ้นมาใหม่
กะโหลกที่ยุบและสมองที่เละเป็นก้อนเนื้อเพราะถูกของแข็งทับลงมาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ
รวมถึงแผลเป็นตรงแขนข้างขวาก็เริ่มกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม” ดวงตาสีม่วงมองร่างกายที่ดูไม่ได้ ตอนนี้มันเริ่มกลับมาเป็นเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
และนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า
มิโดริยะ
อิสึคุคือผู้ถูกเลือกคนสุดท้ายให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างเย็นเฉียบของคนที่นอนอยู่ในโลงถูกช้อนขึ้นด้วยชายหนุ่มผมบลอนด์อย่างทะนุถนอม
ก่อนที่ฝาโลงจะถูกปิดลงพร้อมกับดินที่กลบให้กลับมาเป็นเหมือนเดินราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ขโมยศพในสุสานมาก่อน
แสงของดวงจันทร์สาดส่องลงมาเมื่อเมฆได้เคลื่อนที่ผ่านไป
เผยให้เห็นโฉมหน้าของคนสามคนที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช้มนุษย์
และหากใครที่ได้เห็นใบหน้าของคนกลุ่มนี้ก็ต้องมีหลอนกันบ้างเพราะพวกเขานั้น...
ล้วนเคยนอนอยู่ในสุสานกันมาทั้งสิ้น
“รีบพากลับไปกันดีกว่า
ขืนปล่อยให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาแล้วคลั่งก็เป็นเรื่องกันพอดี”
“คนที่ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อ
1 เดือนที่แล้วอย่างเธอน่ะหุบปากไปเลย”
“นัตสึจังใจร้าย
เคียวจังช่วยฮิเมะด้วย~~”
“อย่ารังแกฮิเมะสิบาคุโก”
“หา!! อย่ามาเรียกชื่อนั้นนะโว้ย!!
ฉันทิ้งมันไปตั้งนานแล้วไอ้นามสกุลนั่นน่ะ”
เคียวยะถอนหายใจให้กับความหัวแข็งของอีกฝ่าย
ก่อนที่ใบหน้าเย็นชาที่คล้ายคลึงกับนักเรียนฮีโร่ห้องเอที่เป็นถึงลูกชายฮีโร่อันดับหนึ่ง
จะหันหลังเดินหนีเข้าป่าไปพร้อมกับหญิงสาวตัวเล็กที่เดินตามไปติด ๆ ทิ้งให้คนหัวบลอนด์จอมโมโหร้ายยืนด่ากราดอยู่ด้านหลัง
และก็อุ้มสมาชิกคนสุดท้ายเดินหายเข้าไปในป่าอย่างไร้ร่องรอยของกลุ่มโจรขโมยศพอดีตเด็กแผนกฮีโร่โรงเรียนยูเอย์
เช้าวันต่อมาเหล่านักเรียนห้อง
A ที่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ประจำชั้นให้มาเยี่ยมเพื่อนร่วมห้องหลังจากถูกกักตัวเอาไว้
1 เดือนเต็ม ใบหน้าโศกเศร้าของหญิงสาวทั้งหก ที่ส่งสายตาเย็นชาไม่ให้พวกผู้ชายหรือแม้แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้ป้ายหลุมศพตรงหน้า
แม้พวกเขาจะบอกว่าสำนึกผิดแล้ว
แต่พวกเธอก็ไม่ยอมให้พวกเขามาคุกเข่าก้มหัวขอโทษอย่างเด็ดขาด
มิโดริยะ
อิสึคุไม่สมควรได้รับคำขอโทษจากคนพวกนี้
โดยเฉพาะสองคนนั้น!!!
ทว่าทุกคนในที่นี้ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าต่อให้เพื่อนชายทุกคนจะก้มหัวขอโทษมิโดริยะ อิสึคุให้ตายยังไง
เขาก็ไม่มีทางรับรู้
เพราะเขาไม่ได้นอนหลับอยู่ใต้ผืนดินอันสงบสุขแห่งนี้แล้วน่ะสิ
การแก้แค้นน่ะมันเริ่มต่อจากนี้ต่างหากละ....
________________________________________________
End : Keep Moving
Next : Wake up
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ
การเอาคืนมันจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว......
เรื่องนี้พระเอกไม่ตายตัวนะคะ แต่ตัวหลักที่น้องจะทรมานให้ตายทั้งเป็นคงหนีไม่พ้นสองคนนั้น
ใครจะโดนน้องดูดเลือดก่อนก็อีกเรื่อง 55555555555555
ความคิดเห็น