คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 12 : คำเตือนของเจ้าหญิง
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
“เอ๋!
ฮิเมะจังอายุมากกว่าพวกเรางั้นเหรอ!!”
“อื้มๆ ฮิเมะตายตอนอายุ 17 ถ้านับตามจริงฮิเมะอายุ 18
ย่าง 19 แล้วละมั้ง” ฮิเมกิอธิบายให้กับเพื่อนสาวทั้งหกฟัง
ในขณะที่เธอและคนอื่น ๆ กำลังเดินไปโรงอาหารด้วยกัน
อันที่จริงฮิเมกิจะกลับไปกินเนื้อสด ๆ ที่หอพร้อมกับมิโดริยะก็ได้
แต่เพราะน้องเล็กอยากให้เธอสนิทกับเพื่อนสาวทั้งหกรวมถึงให้เธอเปิดใจเกี่ยวกับอุปนิสัยของมนุษย์กลุ่มนี้ว่าไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับอดีตเพื่อนของเธอ
และมันก็จริงอย่างที่มิโดริยะบอก เพราะเด็กสาวทั้งหกนี้ไม่ได้ต้องการหักหลังหรือนินทาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของฮิเมกิเลยแม้แต่น้อย
ส่วนมากจะไปจิกกัดกับคุณนางฟ้าเสียมากกว่า
นับว่าเปิดโลกคนที่เกลียดมนุษย์ตามคำบอกเล่าของนัตสึกิตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นแล้วมนุษย์สาวกลุ่มนี้ฮิเมะจะละเว้นไว้เป็นกรณีพิเศษแล้วกัน
“ว่าแต่นอกจากฮิเมะจังกับมิโดริยะจังแล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือก็เกลียดมนุษย์หมดเลยงั้นเหรอเกโระ??”
อาสุอิถามขึ้นมาอย่างสงสัย ซึ่งคนอื่น ๆ ก็พลอยหยุดฟังคำตอบจากเพื่อนสาวอมนุษย์คนนี้
ทว่าพอได้ฟังคำตอบก็พาเอาพวกเธอหน้าซีดกันเป็นแถว ๆ
“ใช่แล้ว...คนอื่น ๆ น่ะเกลียดมนุษย์สุด ๆ เลยละ โดยเฉพาะอายาโตะกับนัตสึจังหากไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ก็อย่าได้หวังว่าจะเจอพวกเขาละนะ”
เพราะทั้งสองคนตอนเป็นมนุษย์เจอเรื่องโหดเหี้ยมมาเยอะ
ไม่แปลกที่จะเกลียดมนุษย์ทุกคนเข้ากระดูกดำ
“ที่จริงไม่ใช่แค่คนอื่น ๆ หรอกที่เกลียดมนุษย์
ฮิเมะกับอิสึจังก็เกลียดเหมือนกัน” ดวงตาสีม่วงหม่นหันมองเพื่อนสาวทั้งหก
ความว่างเปล่าเพราะไร้ชีวิตไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจทุกอย่างมันโล่งกว้างไม่มีอะไรให้อมนุษย์เช่นพวกเราสนใจอีกต่อไป
ที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้เพราะความแค้นล้วน ๆ
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองต่างหากที่น่ากลัว
พวกเธอก็คิดเหมือนกันใช่ไหมเพราะก็เจอมากับตัวเหมือนกันนี่”
“….”
ใช่....พวกเธอเห็นมากับตา จิตใจที่มีทั้งความโลภ โกรธ หลง เกลียดชัง
อิจฉาริษยา ทั้งหมดล้วนเกิดจากมนุษย์อย่างพวกเธอ
และเพราะจิตใจที่อ่อนแอและมองโลกในแง่ดีเกินไป
พวกเธอถึงได้สูญเสียคนที่จิตใจอ่อนโยนที่สุดอย่างมิโดริยะไป
เหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไร้ชีวิตกับจิตใจที่ว่างเปล่าไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
ทางด้านมิโดริยะที่หลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้ายในตอนเช้า
เขาก็ขอแยกตัวกับฮิเมกิและก้าวขาเดินออกจากห้องเรียนไปยังสถานที่ที่ครั้งหนึ่งตอนมีชีวิต
ตัวเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องที่มีแต่สายตาชิงชังจากเพื่อนชาย
อาจเป็นเพราะความสงสารในคราวแรกที่ได้พบ
มันเลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขายอมกลับมาเรียนที่นี่อีกครั้ง
“มิโดริย๊าาาาาาาาาาาาาาาาา”
หมับ!!!!
“ตัวเย็นโคตร!!!!!!”
“ไม่ได้เจอกันนานนะครับเท็ตซึเท็ตซึคุง” มือเย็นชืดตบหลังเพื่อนห้องบีไปมา
ก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัด ๆ
“ฉันนึกว่าจะไม่เจอนายอีกครั้งซะแล้ว โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
และแล้วก็ปล่อยโฮกลายเป็นน้ำพุกลางโรงอาหารซะได้
“นายนี่โอเวอร์เกินไปแล้วนะ หึ!
ไม่คิดว่าคนตายจะกลับมายืนหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าซะได้ ช่างน่าทึ้งที่โคตรจะน่าหมั่น—แอ่ก!!”
“แค่พูดว่าดีใจที่ได้เจอนายอีกครั้งมันยากนักรึไงโมโนมะ
อาจารย์ไอซาวะอธิบายให้พวกเราฟังหมดแล้วละ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะอิสึคุคุง”
“เช่นกันครับคุณเคนโด้”
มิโดริยะมองภาพความวุ่นวายของนักเรียนห้องบีตรงหน้า
ที่บางคนก็แทบจะวิ่งมายืนเข้าแถ้วเรียงหน้ากระดานและปล่อยโฮประสานเสียงแข่งกับเท็ตซึเท็ตซึที่ยังไม่หยุดร้องไห้สักที
ส่วนพวกผู้หญิงก็เที่ยวสำรวจร่างกายของเขากันใหญ่ ทั้งจับแก้ม แตะ ๆ ตามผิวที่สามารถจับได้
และสุดท้ายคือการลูบผมเขาไปมาประหนึ่งเหมือนกำลังโอ๋เด็ก
ห้องบีนี่มันห้องบีจริงๆ =___=
รอยยิ้มที่เด็กหนุ่มห้องเอไม่ได้รับมันอีกเลยหลังจากที่พวกเขาทำลายความเชื่อใจทั้งหมดจากเขา
ทว่าห้องบีกลับได้รับมันอย่างง่ายดาย
ไหนจะเสียงหัวเราะยามที่เห็นการตบมุกของเพื่อนปากจัดอย่างโมโนมะกับเท็ตซึเท็ตซึที่หยุดร้องไห้แล้ว
หากเลือกได้เขาก็อยากมาอยู่ห้องบีมากกว่าห้องเอ
แต่เพราะคนที่ดูแลเขากับฮิเมกิคืออาจารย์ไอซาวะที่เอาใบอนุญาตฮีโร่เป็นตัวประกันว่าพวกเขานั้นไม่ได้อันตรายอย่างที่โปรฮีโร่คนอื่นหวาดกลัว
หากเขากับฮิเมกิทำอะไรที่ร้ายแรงต่อนักเรียนขึ้นมา โปรฮีโร่คนอื่น ๆ ที่คอยเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกก็พร้อมจะบุกเข้ามาจับกุมพวกเขาได้ทุกเมื่อ
เพราะแบบนั้นเลยทำให้มิโดริยะรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องถูกจับตามองทุกฝีก้าว
“ว่าแต่นายจะมากินข้าวกับพวกเราไหม”
“คุณเท็ตซึเท็ตซึคะ”
“อ่า...ขอโทษ...ฉันลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย” พอได้รับคำเตือนจากเพื่อนสาวผู้ใจบุญ
เจ้าตัวก็รีบก้มหัวขอโทษเพื่อนต่างห้องด้วยความรู้สึกผิดและเสียดายที่ไม่ได้พูดคุยกันมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
อันที่จริงผมสามารถทานอาหารของมนุษย์ได้แต่มันไม่ค่อยให้พลังงานกับผมซะเท่าไหร่ อีกอย่างผมพกอาหารของผมมาด้วยไม่เป็นอะไรหรอกครับหากจะไปกินข้าวกับพวกคุณทุกคน”
ไม่พูดเปล่า
มือขาวซีดยังล้วงหยิบกล่องสีแดงขึ้นมาโชว์ให้เพื่อนห้องบีทุกคนดู
และหลังจากนั้นแขนทั้งสองข้างของเขาก็ถูกเพื่อนสาวผมสั้นอย่างโคไดกับซึโนโทริเพื่อนสาวลูกครึ่งยึดครองและลากไปยังโต๊ะที่ห้องบีจองเอาไว้เพื่อรวมกลุ่มใหญ่ทั้งห้องโดยเฉพาะ
ท่ามกลางเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของนักเรียนปี 2 ห้อง B กลับเรียกสายตาของคนอื่น ๆ ให้หันมองอย่างสนใจ
โดยเฉพาะนักเรียนชายห้องเอที่แทบจะพุ่งเข้าไปแย่งตัวเพื่อนผมเขียวออกมา
แต่เพราะรู้ตัวดีว่าพวกเขาไม่สมควรเข้าไปยังตำแหน่งนั้นอีกแล้ว
ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู่ห่าง ๆ เพื่อไม่ให้มิโดริยะเกลียดไปมากกว่านี้
แต่นั่นไปใช้ได้กับนักเรียนชายเท่านั้น
ในเมื่อมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกผิดหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามมันกลับเต็มไปด้วยความอิจฉาที่แทบจะปิดไว้ไม่มิดอีกต่อไป
ทำไม...ถึงเป็นแกอีกแล้ว
ทำไมแกถึงได้โดดเด่นกว่าฉันอยู่เรื่อย ทั้งที่ฉันพยายามมาจนถึงตรงนี้แล้วทำไมมันถึงสู้แกไม่ได้!!!
กะอีแค่ศพเดินได้เรียกความสนใจจากคนอื่นได้ชั่วคราวเท่านั้นแหละ!!!
ดวงตาสีชมพูฉายแววมาดร้ายยามที่เห็นเด็กหนุ่มที่เธอเกลียดชังกำลังเดินตามหลังหัวหน้าห้องบีไปซื้ออาหารร้านเดียวกัน
และเพราะโอกาสที่มีเพียงน้อยนิดเพราะมิโดริยะมักจะตัวติดกับฮิเมกิอยู่บ่อย ๆ
แถมตั้งแต่อีกฝ่ายกลับมาก็ไม่เคยย่างกายมาที่โรงอาหารอีกเลยหากไม่มีความจำเป็นจริง
ๆ ดังนั้นไม่แปลกที่เธอจะรีบเข้าไปสร้างความเกลียดชังจากคนอื่น ๆให้ทำร้ายจิตใจอดีตเพื่อนร่วมห้องเหมือนเมื่อก่อน
พลั่ก!!!!
“โอ๊ย!!!”
เสียงหวานที่กรีดร้องอย่างเจ็บปวดเพียงเพราะถูกชนจนล้มกระแทกกับพื้นเต็มแรง
ใบหน้าน่ารักกับดวงตาสีชมพูที่กำลังเอ่อคลอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองมาที่เด็กหนุ่มผมเขียวที่ยืนอ้าปากหาวจนเห็นเขี้ยวเล็ก
ๆ อย่างไม่เดือดร้อนกับท่าทีที่ตัวเองกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายอีกครั้ง
“ทะ...ทำไม...ฮึก...มิโดริยะซัง...ต้องรังแกฉันด้วยคะ”
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นกับท่าทางหวาดกลัวว่าตัวเองจะถูกอมนุษย์ตรงหน้ารังแกมากกว่านี้
ท่ามกลางสีหน้าโกรธแค้นจากนักเรียนที่เป็นแฟนคลับของคุณนางฟ้าประจำโรงเรียนที่ถูกคนคนเดิมกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า
คำพูดมากมายเตรียมจะต่อว่าและบีบบังคับให้มิโดริยะขอโทษอีกฝ่ายเหมือนเช่นครั้งก่อน
ส่วนพวกที่ใจร้อนหน่อยก็ปรี่เข้ามาทำท่ากระชากคอเสื้อนักเรียนของอมนุษย์ตรงหน้าเพื่อหวังใช้กำลังอย่างเช่นทุกที
ยกตัวอย่างเช่นคามินาริกับมิเนตะที่ต่อให้แสดงสีหน้าหวาดกลัวเพื่อนร่วมห้องอย่างมิโดริยะมากแค่ไหน
แต่พอเห็นผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบถูกรังแกและล้มลงต่อหน้าก็ข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้
ก่อนจะง้างหมัดขึ้นเตรียมชกลงบนใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกผิดของมิโดริยะ
ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้ง่ายกว่าที่สุด
หมับ!!!
มือของคามินาริถูกหยุดด้วยมือของคนที่เรียกสายตาตกตะลึงปนสับสนจากพวกคามินาริได้เป็นอย่างดี
ยิ่งอีกฝ่ายใช้น้ำเสียงเย็นแฝงไปด้วยความน่าขนลุกอย่างที่พวกคามินาริไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักครั้ง
“อย่าเอามือของแกมาแตะต้องมิโดริยะเด็ดขาด”
“คะ...คิริชิมะคุง…”
ชิโรนะมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจระคนสับสนเมื่อจู่ ๆ คนที่ปกป้องเธอมาตลอดกลับมาปกป้องคนที่เธอเกลียด
แถมสายตานั่นมันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายหลงใหลอมนุษย์นี่มากขนาดไหน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคนที่เอาแต่ตามหลังเธอต้อย ๆ
ถึงได้แปรพักตร์ไปอยู่กับไอ้ตัวน่ารังเกียจนี่กัน?
“หมอนั่นทำร้ายฮาสึมินะคิริชิมะ!!!”
คามินาริกับมิเนตะที่หายจากอาการตกใจก็รีบแย้งกับเพื่อนผมแดงทันที แต่ก็ต้องถอยหลังยามเห็นแววตาสีแดงที่มักเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสนุกสนานตลอดเวลา
บัดนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยมเตรียมพร้อมมีเรื่องกับเขาได้ทุกเมื่อ
นี่มันไม่ใช่คิริชิมะที่พวกเขารู้จักแล้ว
“คุณทำอะไรกับคิริชิมะคุงคะ มิโดริยะซัง!!!”
เสียงหวานตะโกนถามอีกฝ่ายดังลั่นเพื่อบ่งบอกว่า คนที่ทำให้เด็กหนุ่มที่สุภาพบุรุษและอ่อนโยนที่สุดในห้อง
A กลายเป็นคนที่มีบรรยากาศน่าขนลุกราวกับไม่ใช่คนเดียวกันนั้นคือเด็กหนุ่มผมเขียวที่ยืนอยู่ข้างหัวหน้าห้อง
B ต่างหาก
“ทำอะไรงั้นเหรอ? อย่าใส่ร้ายผมแบบนี้สิคุณชิโรนะ”
มิโดริยะแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัวกับสายตาของคนรอบข้าง
ร่างเพรียวเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายคิริชิมะ
ก่อนที่ฝ่ามือเย็นชืดจะลูบไล้สันกรามเรียวของคนผมแดงไปมา
ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้าจัดการโอบเอวคอดของอีกคนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ดวงตาสีแดงส่งแววเย้ยหยันไปยังเจ้าของดวงตาสีเดียวกันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่ม
กับอีกคนที่มีดวงตาสองสีเช่นเดียวกับสีผมที่ยืนบีบถ้วยโซบะในมือแน่นจนเกิดรอยร้าวและแตกกระจายในที่สุด
“ผมตัวเล็กบอบบางแบบนี้ คุณคิดจะยืมมือคนอื่นมาทำร้ายผมอีกแล้วงั้นเหรอ
ฮือออ ผมกลัวจังเลยครับเอย์จิโร่คุง~~~”
ว่าแล้วก็ซบลงบนบ่าแกร่งของคิริชิมะพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เสแสร้งทั้งสิ้น
ในระหว่างที่เหล่านักเรียนชายห้อง A กำลังสับสนกับท่าทางเปลี่ยนไปของคิริชิมะกันอยู่นั้น
ดวงตาสีเขียวหม่นที่เปรยมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของคามินาริและเซโระที่เงยหน้าสบตากับเขาพอดี
“:D”
รอยยิ้มเหยียดกับสายตาที่แสดงความเหนือกว่าสร้างความโกรธแค้นให้กับชิโรนะเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะประโยคที่ขยับริมฝีปากขึ้นลงอย่างช้า ๆเพื่อให้อ่านมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ
‘เขา-น่ะ-เป็น-ทาส-ของ-ผม-แล้ว-คุณ-มัน-ตก-กระ-ป๋อง-แล้ว-ละ’
“..!!!..”
“นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอคิริชิมะ!!!!!” คามินาริตะคอกใส่เพื่อนสนิทที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับเลือกไปยืนฝั่งตรงข้ามกับเขา
โดยเฉพาะดวงตาสีแดงคู่นั้นมันช่างเลือดเย็นราวกับปีศาจร้ายที่กำลังควบคุมร่างกายของเพื่อนคนนี้อยู่
และปีศาจที่ว่าคงหนีไม่พ้นมิโดริยะ อิสึคุ!!!
“เฮ้ย!! พวกแกจะรังแกมิโดริยะอีกแล้วเหรอวะ!!!”
เท็ตซึเท็ตซึที่ได้ยินจากนักเรียนห้องอื่น ว่าพวกห้องเอกำลังรังแกเพื่อนผมเขียวของเขา
ก็รีบพุ่งมาทางนี้พร้อมกับโฮเนนูกิ
ก่อนที่สมาชิกห้องบีคนที่เหลือจะตามมาสมทบกันทีหลัง
นับเป็นเรื่องแปลกใจสำหรับชั้นปีอื่นเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้กลางโรงอาหารกลับมีนักเรียนหลักสูตรฮีโร่ทั้งห้องเอและห้องบีกำลังยืนประจันหน้ากัน
สายตาที่พร้อมมีเรื่องได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะโมโนมะที่แทบจะพ่นคำพูดกวนประสาทใส่เหล่าทาสผู้ซื่อสัตย์ของยัยหัวสตอเบอรี่ให้หัวร้อนและอาละวาดใส่เขา
หลังจากนั้นจะได้บอกเหล่าอาจารย์ไปว่าพวกห้องเอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนส่วนห้องบีเป็นฝ่ายรับเคราะห์แทน
“พวกห้องบีอย่ามายุ่ง นี่มันเรื่องของห้องพวกเรา!!” มิเนะตะที่ยืนอยู่ข้างคามินาริตะโกนกลับไปสุดเสียง
แม้ปากจะสู้แต่หากก้มมองดูก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นกลัวอย่างน่าสมเพช
“มิโดริยะเป็นเพื่อนพวกเรา จะเรียกว่าเป็นสมาชิกห้องบีก็ได้
หากใครมารังแกหรือสร้างความเดือดร้อนพวกเราก็พร้อมโต้กลับ”
ไคบาระ เซ็นที่ถูกโหวตว่าหัวร้อนที่สุดของห้องบีและชอบทำหน้าโมโหอยู่ตลอดเวลาสวนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
แถมยังถกแขนเสื้อนักเรียนขึ้นถึงข้อศอกเพื่อบอกว่าตัวเขาพร้อมเปิดวอร์กับอีกฝั่งได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าไม่ใช่กับแค่ห้องเออย่างเดียวหรอก
พวกแฟนคลับของชิโรนะที่ยืนอยู่ด้านหลังห้องเอก็ได้ หากอยากมีเรื่องนัก พวกเขาก็พร้อมจะสนองความต้องการให้สาสมกับที่หลับหูหลับตาเป็นไอ้โง่โดนจูงจมูกอย่างน่าสมเพช
“หืม? กำลังทำอะไรกันเหรอ??”
ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างข่มขู่ใส่กันอยู่นั้น เสียงหวานของเด็กสาวผมสีเงินที่เป็นอมนุษย์เช่นเดียวกับมิโดริยะก็เอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศมาคุของทั้งสองฝั่งเข้าเสียก่อน
ดวงตาสีม่วงหม่นมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างวิเคราะห์อยู่สักพัก
ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างหมดแล้ว
“คุณนางเอกบอกว่าอิสึจังรังแกเธอสินะ??” เสียงที่มักจะร่าเริงอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับแปรเป็นเสียงที่เย็นชาจนน่าขนลุกอึดอัดแทบหายใจไม่ออกยามเผลอจ้องมองดวงตาไร้ชีวิตคู่นั้น
“ว่าไง? ตอบฮิเมะหน่อยสิว่าเธอถูกรังแกแบบไหน”
ทางด้านชิโรนะที่กำลังถูกดวงตาสีม่วงหม่นกดดันอย่างหนัก
ก็เริ่มแสดงอาการลุกลี้ลุกลนออกมา ใบหน้าน่ารักซีดเซียวดั่งคนไร้เลือด
ดวงตาสีชมพูล่อกแล่กไปมาชวนน่าสงสัยสำหรับนักเรียนคนอื่นอยู่ไม่น้อย
และยิ่งอีกฝ่ายเอาแต่แสดงท่าทีพิรุธไม่ยอมบอกเล่าเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง
ที่เธอได้รับมันเมื่อสักครู่ให้แก่เด็กสาวผมเงินที่ยืนรับฟังอยู่ตรงหน้า
มันก็ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงต่อนักเรียนที่ช่วยกันปกป้องเธอจากปีศาจร้ายขี้อิจฉาที่ยืนอยู่ข้างกายคิริชิมะ
หรือว่าที่ชิโรนะกล่าวออกมาเมื่อกี้มันไม่ใช่ความจริง?
“ค...คือว่า…” เพราะเห็นสายตารอบข้างกำลังมองเธออย่างจับผิด
เสียงหวานติดสั่นเครือพยายามคำพูดที่เคยกล่าวออกไปก่อนหน้านี้ให้เด็กสาวตรงหน้าฟังอีกครั้ง
ทว่ายามสบเข้ากับดวงตาสีม่วงหม่นที่กำลังส่งแสงเรืองรองพร้อมกับแรงกดดันที่หากชิโรนะเผลอกระพริบตาเมื่อไหร่
อีกฝ่ายก็พร้อมที่จะเข้ามาตัดหัวเธอออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย
“รู้ไหมว่าเมื่อก่อนฮิเมะก็เลยถูกรังแกอยู่เหมือนกันนะ”
น้ำเสียงระรื่นหูเอ่ยขัดการแก้ตัวของแม่นางเอกด้วยประโยคที่บ่งบอกถึงความหลังในคราวก่อนที่เธอจะกลายเป็นอมนุษย์
“พวกนั้นรังแกฮิเมะเพราะอิจฉาที่ฮิเมะได้รับความสนใจจากทุกคนในโรงเรียน
โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่ชอบมาวนเวียนอยู่รอบตัวฮิเมะเสมอ”
“….”
“อยากรู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นรังแกฮิเมะยังไง?”
ฮิเมกิเอียงคอเล็กน้อย รอยยิ้มอ่านยากยังคงฉายประดับบนใบหน้างดงามมือขาวซีดถือจานข้าวราดแกงกะหรี่ที่ถูกแนะนำโดยอุรารากะ
แม้มันจะร้อนไม่มากนักแต่พอที่จะสาธิตให้คนอื่นดูว่าการรังแกที่อีกฝ่ายเอาแต่ประกาศปาว
ๆเหมือนเด็กขี้ฟ้องนั้น
ของจริงมันเป็นแบบนี้ต่างหาก
“กรี๊ดดดดดดด!!!!!!!!!”
“พวกมันก็ทำแบบนี้ยังไงเล่า!”
ฮิเมกิมองสภาพเละเทะของนางฟ้าประจำโรงเรียนอย่างสะใจ
ก่อนที่ดวงตาคู่นี้จะตวัดมองยังคนอื่น ๆ ที่แทบจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธอด้วยความโกรธที่นางฟ้าขวัญใจพวกเขาถูกรังแกอย่างโหดเหี้ยม
ทว่ายังไม่ทันได้พูดจาหาเรื่องหรือตะคอกอย่างโกรธแค้น
กลุ่มควันสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของฮิเมกิ
ดวงตาสีม่วงเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเหมือนเลือด ขีดสีดำตรงกลางไม่ต่างจากอสูรร้ายที่พร้อมจะกลืนกินเหล่ามนุษย์ผู้อวดดีทั้งหลายให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เรียกว่ากลัวตายนี่ซะ
ควันสีดำที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตกำลังหลอกหลอนให้นักเรียนคนอื่น ๆรู้สึกหวาดกลัวจนอาเจียนออกมาอย่างหมดสภาพ
โดยเฉพาะพวกคามินาริที่แม้ตั้งสติเอาไว้ก็พ่ายแพ้ให้กับอมนุษย์ตรงหน้าอยู่ดี
“ฮิเมะไม่ใช่อิสึจังที่มักจะปล่อยผ่านและเมินการกระทำของพวกนายในอดีต
หน้าที่ของฮิเมะคือการดูแลอิสึจังตามคำสั่งของอายาโตะ
หากใครมาทำร้ายน้องเล็กของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่ วิลเลินหรือแม้แต่นักเรียนอย่างพวกนายที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำลายอิสึจัง”
ดวงตาสีม่วงเรืองรองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ควันสีดำจะจางหายไปพร้อมกับประโยคที่ประกาศิตให้ทุกคนในโรงอาหารได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของอมนุษย์นามว่าชิราโฮชิ
ฮิเมกิ
“ฮิเมะก็พร้อมกำจัดพวกนายไปให้พ้นสายตาของอิสึจัง
แม้คนคนนั้นจะเป็นคนที่อิสึจังเคยรักมากก็ตาม” กล่าวจบร่างเพรียวของเด็กสาวผมเงินก็เดินจูงมือน้องเล็กอย่างมิโดริยะเดินไปหาไอซาวะกับออลไมท์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกเพื่อพาไปปรับทัศนคติเกี่ยวกับการกระทำที่ดูจะเกินไปเล็กน้อย
สองร่างที่เดินตามอาจารย์ประจำชั้นกับอดีตฮีโร่อันดับหนึ่ง
ทิ้งไว้เพียงความหวาดกลัวในจิตใจของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่เริ่มตีตัวออกห่างจากเด็กสาวผมชมพูทีละนิด
และนั่นบ่งบอกให้ชิโรนะได้รับรู้ว่าเธอกำลังกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้เพราะถูกยัยอมนุษย์นั่นหมายหัวไว้
หากไม่อยากตายหรือเจอกับความน่ากลัวเมื่อกี้อีกก็อย่ามายุ่งกับมิโดริยะ
อิสึคุ และถ้ายังดื้อด้านมากกว่านี้…
ฮิเมกิคงต้องเรียกพวกตัวปัญหาที่มักตัวติดกับน้องเล็กยิ่งกว่าปาท่องโก๋มาจัดการให้ลับหลังซะแล้ว
ความคิดเห็น