คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 03 : เรื่องวุ่น ๆ กับเหล่าลุง ๆ
EP.03
เรื่องวุ่น ๆ กับเหล่าลุง ๆ
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
“ชิชิชิ
เจ้าชายให้ไม่ได้หรอกนะ” เบลที่ตั้งสติได้ก็เอ่ยปฏิเสธเจ้าตัวเล็กกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมาหน่อย
“ทำไมละ
เราชอบมงกุฎนั่นมากเลยอะ ._.”
“อุก!” เบลยกมือขึ้นกุมอกยามที่ดวงตากลมโตนั่นช้อนขึ้นมาอย่างออดอ้อน
น้ำเสียงเศร้าสร้อยเพราะตัวเองไม่ได้ของตามต้องการ เล่นเอาเจ้าชายหนุ่มถึงกับเกิดความใจอ่อนจนต้องหยิบมงกุฎอันแสนหวงแหนของตนเอง
และนำไปใส่บนหัวของนภาจูเนียร์อย่างยินยอม
จะว่าไปแล้วมันก็เหมาะกับเจ้าตัวน้อยนี่เหมือนกันแฮะ
“เจ้าชายให้ใส่แค่ชั่วคราวนะ
ถ้าเจ้าชายกลับแล้วจะเอาคืน เข้าใจไหม?”
“อื้อ!”
สึนะเอามือจับมงกุฎบนหัวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับพี่เจ้าชายผมทองตรงหน้า
ร่างน้อย ๆ ดิ้นออกจากอ้อมแขนของคุซาคาเบะ ยื่นแขนทั้งสองข้างไปหาเบลพร้อมกับประโยคที่เรียกรังสีดุร้ายจากฉลามและราชสีห์ที่ยืนสังเกตการณ์มาตั้งแต่ต้น
“พี่เจ้าชายอุ้มเราหน่อยสิ”
“ชิชิชิ
ได้เลย~”
ในเมื่อเจ้าตัวน้อยเสนอมาแบบนี้
มีหรือที่เจ้าชายอย่างเบลเฟกอลจะปฏิเสธกันละ
“ช้าก่อนนะครับทุก
ๆ คน Meว่ามันแปลก ๆ นะครับ
ทำไมสึนะโยชิคุงถึงได้มีสภาพแบบนี้กันละครับ”
ฟรานที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
สายตาปลาตายก็จ้องมองร่างน้อย ๆ ของบอสวองโกเล่รุ่นสิบที่กำลังเล่นผมของรุ่นพี่โรคจิตอย่างสนุกสนาน
ซึ่งเจ้าชายตกกระป๋องที่หวงแหนร่างกายตัวเองรองลงมาจากมงกุฎกิ๊กก๊อกนั่นก็ยอมให้นภาจูเนียร์เวอร์ชั่นใหม่แกะกล่องเล่นผมตัวเองอย่างเต็มใจ
“นั่นคือเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ไงละโว้ย!!!” สควอโล่ที่ถูกเมินมาตั้งแต่ต้นตะโกนขึ้นสุดเสียง ก่อนที่หัวสีเงินของตัวเองทิ่มพื้นเมื่อถูกของแข็งอะไรสักอย่างกระทบเข้ากลางหัวเต็ม
ๆ
“ไอ้บอสเวร
ฝีมือแกอีกแล้วเรอะ!!!”
“ซาวาดะ
สึนะโยชิ” น้ำเสียงแหบพร่ากับดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองร่างน้อย
ๆ ของบอสวองโกเล่ที่ตวัดหันมาทางเจ้าของเสียงด้วยแววตาแข็งกร้าว
แม้จะแปลกใจกับท่าทางก้าวร้าวของอีกฝ่าย
แต่ซันซัสก็คิดว่าเขาชอบเจ้าเด็กนี่เวอร์ชั่นเก่ามากกว่า
เหตุผลก็ง่ายแสนง่าย
เพราะมันตามใจเขาทุกอย่างเลยน่ะสิ
สองนภาต่างไซส์ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครคิดจะหลบสายตา
โดยที่สมาชิกคนอื่น ๆ ของวาเรียต่างก็ลุ้นตัวโก่งว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามทางสายตาก่อน
แม้ลุซซูเลียจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษตรงที่เห็นบอสวองโกเล่รุ่นสิบในเวอร์ชั่นเจ้าหนูสุดปุ๊กปิ๊กแสนน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะแย่งมาจากเบลเสียเต็มแก่
แต่ทำเพียงแค่หักห้ามใจเอาไว้ไม่ให้องค์มัมหมีลงในเวลาที่โคตรลุ้นระทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ส่วนคุซาคาเบะที่เห็นว่าพวกคณะตลก
แฮ่ม! พวกวาเรียมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ค่อย ๆ
ย่องไปยังหน้าต่างตรงห้องประชุมที่มีเหล่าผู้พิทักษ์กำลังถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด
โชคดีหน่อยที่ใกล้
ๆ หน้าต่างมีเจ้านายของเขายืนกอดอกส่งสายตาขวางพร้อมกับยกทอนฟาเตรียมฟาดใส่คนอื่น
ๆ ได้ทุกเมื่อ ไหนจะรังสีหงุดหงิดที่แผ่กระจายรอบตัวของคุณเคียวมันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าคุซาคาเบะยังกลัวอยู่แบบนี้ละก็
นภาจูเนียร์ที่กำลังหลงรัก(?)เจ้าชายวิปลากเข้าอย่างจัง
ต้องทิ้งคุณเคียวให้เคว้งคว้างอยู่กลางทางแน่ ๆ
เพราะฉะนั้นคุซาคาเบะยอมโดนทอนฟาฟาดหน้าดีกว่าปล่อยให้คุณซาวาดะไปติดหนึบกับเบลเฟกอล!!
คุณซาวาดะต้องติดหนึบกับคุณเคียวเท่านั้น!!!
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณเคียวครับ”
คุซาคาเบะเคาะกระจกพร้อมกับเอ่ยเรียกเจ้านายเสียงเบา
และโชคดีที่ฮิบารินั้นเป็นบุคคลประเภทตอบสนองรวดเร็วยิ่งกว่าใคร ดวงตาสีนิลคมกริบตวัดมองที่มาของเสียงก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
เมื่อเห็นลูกน้องของตนมายืนเกาะกระจกโดยไร้ร่างของเจ้าตัวน้อยจอมดื้อรั้นนั่น
แกร็ก!
“สึนะโยชิอยู่ไหน” ทันทีที่เมฆาหนุ่มปลดล็อคกลอนหน้าต่างพร้อมกับเลื่อนมันออก
ก็เอ่ยถามหานภาจูเนียร์ที่ควรจะอยู่กับลูกน้องของเขา
“เอ่อ...คือว่า...ตอนนี้คุณซาวาดะเขา…” คุซาคาเบะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเจอสายตาหงุดหงิดจากเจ้านายของตนเอง
ยิ่งตอนนี้ผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ก็เลิกโต้วาทีกันอย่างดุเดือดและหันมามองที่เขา
แม้กระทั่งคุณรีบอร์นเองก็ด้วย มันยิ่งทำให้รองกรรมการคุมกฎรู้สึกเสียวสันหลังเข้าไปใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นกับรุ่นที่สิบ”
โกคุเดระพุ่งเข้ามาเกาะหน้าต่างพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ดวงตาสีมรกตจ้องเขม็งในขณะที่มือสองข้างก็ถือระเบิดเตรียมอัดใส่หน้าคุซาคาเบะเพื่อขู่ว่าถ้ายังไม่รีบตอบมาละก็
พ่อจะบึ้มให้ทรงผมสุดเห่ยนั่นมลายหายไปซะ!!!
“คุณซาวาดะ---”
“ว๊ายยยยย
สึนะจังทำแบบนั้นไม่ได้นะฮ้าาาาาา”
“กรี๊ดดดด
บอสสสสสสส”
ยังไม่ทันที่คุซาคาเบะจะได้ตอบกลับไป
เสียงกรีดร้องอันแสนคุ้นเคยสำหรับผู้พิทักษ์วองโกเล่รุ่นที่สิบก็ดังขึ้น
แม้จะตกใจกับเสียงกรี๊ดอันแสนน่าขนลุกนั่น
แต่พอได้ยินชื่อของบอสผู้เป็นที่รักทั้งโกคุเดระและยามาโมโตะก็กระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อพุ่งไปหาคนสำคัญของพวกเขาทันที
“รุ่นที่สิบครับ! เอ๊ะ!”
“สึนะ! โอ๊ะ!”
หนึ่งวายุ
หนึ่งพิรุณถึงกับหยุดนิ่งพร้อมกับเสียงอุทานที่ชวนให้ผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ
ที่ยังคงอยู่ในห้องสงสัยกันเป็นแถว ๆ ยิ่งเห็นสีหน้าช็อกโลกของคุซาคาบะด้วยแล้ว
ทำให้คนอื่น ๆ ที่เหลือตัดสินใจปืนหน้าต่างออกมาทีละ
โดยคนแรกก็คงจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มผู้เกลียดการสุมหัวเป็นที่สุดอย่างฮิบาริ
กึก!!!
ทันทีที่เหล่าผู้พิทักษ์ออกมายังด้านนอกครบทุกคนแล้ว
ร่างกายของพวกเขาก็หยุดนิ่งคล้ายกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อว่าภาพที่พวกเขาเห็นมันจะเกิดขึ้นจริง
และคาดว่าคงจะเป็นภาพจดจำในสมองของพวกเขาไปอีกนานแสนนาน
หากทุกคนกำลังสงสัยว่าพวกเขาตะลึงกับเรื่องใดอยู่ละก็
พวกเราก็พร้อมชี้แจงแถลงไข
ไม่ใช่ภาพที่ผู้พิทักษ์อรุณของวาเรียอย่างลุซซูเรียกำลังส่งเสียงกรีดร้องด้วยท่าทางสะดีดสะดิ้งชวนน่าขนลุก
ไม่ใช่ภาพที่ผู้พิทักษ์อัสนีอย่างเลวี่ที่กรี๊ดไปเรียกชื่อบอสของตัวเองไป
ซึ่งอันนี้มันน่าขนลุกยิ่งกว่าอาเจ๊ลุซซูเลียเสียอีก
แน่นอนว่าไม่ใช่ภาพของสองผู้พิทักษ์สายหมอกอย่างมาม่อนกับฟรานที่คนหนึ่งก็ลอยอยู่บนฟ้ารัวกล้องโปรที่พึ่งไปถอยใหม่มาล่าสุด
โดยไม่สนว่าแมมจะเต็มหรือไม่ ส่วนอีกคนก็เอาแต่นั่งยอง ๆ
ยกมือสวดอะไรสักอย่างที่ดูแล้วมันโคตรจะกวนประสาทสุด ๆ
แน่นอนอีกว่าไม่ใช่ภาพผู้พิทักษ์วายุที่ยืนหัวเราะอย่างสะใจ
โดยที่ตัวเองนั้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์อันน่าจดจำนี่
และก็ไม่ใช่ผู้พิทักษ์พิรุณจอมโวยวายที่นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว
ยังส่งเสียงหัวเราะไม่ต่างจากเจ้าชายผมทอง และดูท่าจะสะใจมากกว่าเพื่อนเสียด้วย
เฮียแกน่าจะเก็บกดมานาน
ตอนนี้ก็เลยระเบิดลงตู้มเดียวเลยน่ะสิ
“ปล่อยฉันนะโว้ย!! ไอ้สวะ!!”
“แง่ง!!!”
หากใครมาเห็นภาพนี้ก็ล้วนหยุดนิ่งเหมือนกับพวกเขา
และบางคนอาจจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หรือไม่ก็ส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำว่านี่ไม่ใช่ความจริง มันคือภาพลวงตาที่มุคุโร่
(เกี่ยวด้วยเหรอ) สร้างขึ้นมาเองก็ได้
ดูอย่างผู้พิทักษ์ของสึนะสิ
ยืนนิ่งกันเป็นแถว ๆ
แถมบางคนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองอีกด้วย
อยากรู้แล้วละสิว่าภาพตรงหน้าที่พวกเขาเห็นนั้นคืออะไร?
งั้นก็เตรียมตัวเห็นกันได้เลยว่าภาพตรงหน้าของพวกเขานั้นคือร่างสูงใหญ่ของบอสแห่งวาเรียพ่วงตำแหน่งลูกชายบุญธรรมของวองโกเล่รุ่นที่เก้ากำลังส่งเสียงโวยวายหมดภาพลักษณ์บอสวาเรียผู้โหดเหี้ยม
ยิ่งเจ้าตัวพยายามสะบัดสิ่งมีชีวิตที่มีส่วนสูงไม่ถึง 120 เซนที่ใช้สองขาน้อย ๆ
รัดคอของบอสวาเรียเอาไว้แน่น มือสองข้างก็ดึงผมสีดำของอีกฝ่ายและถ้าใครตาดี ๆ
ก็จะเห็นเส้นผมสีดำติดมือน้อย ๆ นั่นมาต้องสองกระจุกแน่ะ
และที่ชวนพีคที่สุดก็คงจะเป็นใบหน้าจิ้มลิ้มสุดแสนจะปุ๊กปิ๊กผสมกับความน่ารักจนใจเจ็บที่ตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดเกรี้ยวกราดยกกำลังสูงสุด
โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตากลมโตนั่นที่มันดุร้ายเหมือนลูกสิงโตที่กำลังฉีกกระชากเนื้ออย่างหิวโหย
แต่อนิจจา...เนื้อที่อยู่ในปากลูกสิงโตนั้นดันเป็นเส้นผมสีดำของชายที่ชื่อซันซัสน่ะสิ
ใช่แล้ว...ตอนนี้ซาวาดะ
สึนะโยชิ บอสนภาจูเนียร์ของพวกเขานั้น...
กำลังกินหัวของซันซัสอย่างเกรี้ยวกราดเลยละ
-นภาจูเนียร์-
กว่าจะแงะเอานภาจูเนียร์ออกจากหัวของบอสวาเรียได้
ก็เล่นไปเกือบ 20 นาที ทำเอาผู้พิทักษ์วายุกับพิรุณอย่างโกคุเดระกับยามาโมโตะต้องลอบปาดเหงื่อเสียตั้งหลายรอบ
แถมพวกเขาที่สนิทกับสึนะมากที่สุดยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ออกฝ่ายเลิกกินหัวของบอสจอมเอาแต่ใจแห่งวาเรียได้
สุดท้ายคนที่สามารถห้ามปรามนภาจูเนียร์เวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดก็หนีไม่พ้นเจ้าชายแห่งวาเรียอย่างเบลที่เพียงแค่เรียกชื่ออีกฝ่าย
เจ้าตัวน้อยก็ผละออกจากกลุ่มผมสีดำของซันซัสเข้าสู่อ้อมกอดของเจ้าชายหนุ่มอย่างง่ายดาย
และตัวนี้พวกเขาทุกคนก็เคลื่อนที่มายังห้องประชุมที่เคยเกิดสงครามโต้วาทีระหว่างผู้พิทักษ์ด้วยกัน
แต่ครั้งนี้กลับเป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่บอสวองโกเล่รุ่นที่สิบกลายเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกที่แสบซ่า
จนพวกเขาหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมอยู่รอมร่อ และพออธิบายให้คณะตลก ไม่สิ! วาเรียเข้าใจถึงเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว
“โว้ยยย!! ทำไมถึงได้เกิดเรื่องบัดซบนี่ได้ละหาาาา”
เสียงโวยวายที่ถูกบัญญัติให้เป็นมลพิษทางหูดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นในปราสาทของวองโกเล่
แม้บางคนจะชินชาไปแล้ว แต่สำหรับสึนะที่ถูกย้อนวัยไปหยุดที่อายุ 8 ขวบ ย่อมต้องทนฟังเสียงน่าหนวกหูนี่ไม่ได้
สองมือน้อยประกบเข้าที่หูของตัวเองทั้งสองข้าง
ดวงตากลมโตแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ไหนจะเสียงหวานที่ตวาดใส่พ่อหนุ่มฉลามคลั่งแห่งวาเรียด้วยประโยคที่ทำเอาเจ้าตัวอ้าปากเหวอช็อกแข็งเป็นหินไม่ต่างจากอาการของผู้พิทักษ์วองโกเล่รุ่นสิบเป็นก่อนหน้านี้เลยสักนิด
“มันหนวกหูนะตาลุงมลพิษทางเสียง!!!”
“ละ...ลุงงั้นเหรอ”
“ก็เออดิ
พวกลุงน่ารำคาญทุกคนเลย!!!”
ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวน้อยยังชี้หน้าใส่เหล่าคุณลุงทั้งหลายเรียงคนอีกต่างหาก
รวมไปถึงบอสใหญ่แห่งวาเรียอย่างซันซัสที่นั่งหน้าทะมึน พร้อมกับบีบแก้วไวน์จนเกิดรอยร้าวมากขึ้นเรื่อย
ๆ เพื่อเป็นการระบายความหงุดหงิดที่ถูกไอ้คนเด็กกว่า 9 ปีเรียกว่าลุง
ถ้าเป็นซาวาดะ
สึนะโยชิคนก่อน ไม่มีทางมายืนเท้าสะเอวชี้หน้าเขาปาว ๆ แบบนี้หรอก
ดีไม่ดีอาจจะทำเพียงส่งยิ้มเจื่อน ๆ เพื่อรับความเอาแต่ใจของเขาก็ได้
แต่พอมาเจอกับตัวเองแล้ว
ไอ้เจ้าตัวจ้อยนี่มันเอาแต่ใจยิ่งกว่าเขาอีกนี่หว่า
“โว้ยย
นี่มันบาดใจเกินไปแล้วนะโว้ยไอ้เปี๊ยก!!!” สควอโล่ที่ตั้งสติได้ก็ใช้เสียงแห่งภัยพิบัติตะโกนใส่นภาจูเนียร์อีกครั้ง
แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ต้องถอยหลังเมื่อเจอประโยคสวนกลับมาว่า…
“บาดใจตรงไหน
ก็ลุงหน้าแก่จริง ๆ อะ”
“นะ...หน้าแก่…”
“ช่าย~ ลุงหน้าแก่ ๆ คนอื่น ๆ ก็หน้าแก่~~”
“หา!! ขนาดเพื่อนของแกยังเรียกว่าลุง แล้วทำไมไอ้เบลแกถึงเรียกพี่ชายละวะ!!”
สควอโล่ที่ถูกตอกหน้าด้วยคำว่าแก่ติด
ๆ กันหลายคำก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แถมยังหันดาบที่ติดกับแขนไปชี้หน้าเจ้าชายผมทองที่นั่งหัวเราะอย่างสะใจอยู่ข้าง
ๆ นภาจูเนียร์ที่แทบจะขึ้นไปนั่งตักมันอยู่รอมร่อ
มิหนำซ้ำยังเผื่อแผ่ไปยังเหล่าผู้พิทักษ์คนอื่น
ๆ โดยเฉพาะโกคุเดระกับยามาโมโตะที่อายุเท่ากันกับเจ้าตัว
ก็ต้องไปนั่งหลบมุมปล่อยออร่าหม่นหมองอยู่คนละฝั่ง
โดยมีฟูตะกับแรมโบ้ไปนั่งลูบหลังปลอบใจผู้พิทักษ์ทั้งสอง
“ก็เราชอบพี่เจ้าชายนี่
เวลาถือมีดตวัดไปมาอย่างเท่เลย*^*”
แต่เชื่อสิ
ใครที่ได้ยินคำตอบจากนภาจูเนียร์ที่พูดออกมาด้วยหน้าตาใสซื่อชวนน่าหมั่นไส้
ก็ล้วนส่งสายตาอาฆาตทิ่มแทงใส่เจ้าชายอัฉริยะแห่งวาเรีย
ไม่เว้นแม้แต่ซันซัสที่จุดเพลิงพิโรธเตรียมเป่าใส่หน้าทุกเมื่อ
สึนะโยชิเผลอเมื่อไหร่
เอ็งตายแน่นอนไอ้เบล!!!
ณ
ตอนนี้เหล่าคนที่ไม่เคยถูกกันเพราะมองเป็นศัตรูหัวใจ ต่างสาปแช่งเจ้าชายวิปลาสกันอย่างถ้วนหน้า
และถ้าเบนทิศทางไปยังบอสของวาเรียก็จะเจอนิ้วกลางยกใส่หน้าลูกน้องของตัวเองด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าตอนที่ตัวเองไม่ได้กินเนื้อที่อยากกินเสียอีก
ดูท่าคนที่จะเปิดการกระทืบเจ้าชายหัวทองก่อนคงจะเป็นราชสีห์อารมณ์ร้ายอย่างซันซัสเสียแล้วละมั้ง
พร้อมไฟว้ทุกเวลาขนาดนั้น
“แปลว่าตอนนี้พวกนายยังตกลงกันเรื่องใครเป็นพี่เลี้ยงของสึนะไม่ได้ทีสินะ” มาม่อนที่ตรวจสอบภาพในกล้องของตัวเองจนพอใจ ก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมา
เพราะขืนให้คนอื่นเปิดมีหวังวันนี้ไม่ได้เรื่องกันพอดี
“ใช่
พวกนี้มันไม่ยอมกัน เลยเถียงจนถึงตอนที่พวกนายมากันนั่นแหละ”
รีบอร์นที่ต้องนั่งฟังถึงเหตุผลต่าง ๆ นานาของพวกผู้พิทักษ์ก็อดจะกลอกตามองบนเจ้าพวกติ๊งต๊องนี่ไม่ได้
โดยเฉพาะกับฮิบาริและมุคุโร่ที่ไม่น่าจะมาทำตัวไร้สาระได้
ก็ยังใช้ความเจ้าเล่ห์ที่กดทับเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่สาว ๆ
ทั้งหลายหลงใหลและชื่นชอบ งัดออกมาลับฝีปากกับเจ้าพวกที่เหลือจนเจ็บใจกันเป็นแถว ๆ
ก็นะ...ในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้งหมด
สองคนนี้มีสกิลฝีปากเจ็บแสบที่สุดเลยนี่
“เหอะ! กะแค่เลี้ยงเด็ก พวกแกยังตกลงกันไม่ได้เลยรึไง”
สควอโล่ที่หายช็อกกับคำว่าหน้าแก่
ก็เอ่ยแขวะพวกผู้พิทักษ์ของวองโกเล่ให้พวกจุดเดือดต่ำคิ้วกระตุกพร้อมหยิบอาวุธท้าตีกับเจ้าตัวได้ทุกเมื่อ
“คุฟุฟุฟุ
ไม่ใช่ว่าตกลงกันไม่ได้ แต่พวกผมย่อมให้ความสำคัญกับสึนะโยชิต่างหากละครับ”
มุคุโร่ที่ถูกกดดันให้เป็นตัวแทนหมูบ้านสวนกลับฉลามหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ก่อนที่เครื่องหมายยั๊วะจัดจะประดับบนใบหน้าหล่อเหลายามที่หูทั้งสองข้างได้ยินน้ำเสียงกวนประสาทจากลูกศิษย์ที่ยืนชมนู่นชมนี่อยู่ข้าง
ๆ เบลเฟกอล
“แต่
ME ว่า
อาจารย์ก็แค่รับไม่ได้ถ้าสึนะโยชิคุงจะเรียกใครที่ไม่ใช่ตาคนหัวสับปะรดงี่เง่าแถวนี้”
ฉึก!
“พูดมากจังเลยนะครับฟราน”
“มันเจ็บนะครับอาจารย์”
และแล้วสงครามระหว่างอาจารย์ศิษย์แห่งสายหมอกก็เริ่มขึ้น
โดยที่สึนะที่ไปนั่งอยู่บนตักของเบลตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ได้แต่กระพริบตาจ้องมองสงครามนองเลือดระหว่างสามง่ามกับหมวกกับใบโตที่ถูกจิ้มจนพรุนเป็นรู
ๆ ก่อนที่นภาจูเนียร์จะก้มสนใจมีดสุดภาคภูมิใจของเบลที่กำลังบังคับให้มันลอยไปลอยมาคล้ายกับเวทมนต์คาถาหรือผู้ใช้พลังวิเศษณ์ที่ทำเอาเจ้าตัวเล็กชื่นชอบเป็นอย่างมาก
และนั่นยิ่งทำให้สึนะตัวน้อยชอบพี่เจ้าชายผมทองเข้าไปใหญ่
“สึนะจังนี่ชอบเบลจังมากเลยสินะฮ้าาาา”
ลุซซูเลียที่ถูกความน่ารักของนภาจูเนียร์จู่โจมเข้าอย่างจัง
ก็ค่อย ๆ กระดึ๊บตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ เจ้าชายผมทอง
ดวงตาที่ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดแม้จะมองไม่เห็น
แต่พวกวาเรียที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีล้วนมองออกว่าอาเจ๊กะเทยคนนี้นั้น
ตกเป็นทาสต้าวปุ๊กปิ๊กและสถาปนาตัวเองเป็นมัมหมีไปเรียบร้อย
“ชิชิชิ
ก็เจ้าชายเป็นเจ้าชายนี่หน่า” เบลยืดอกอย่างภาคภูมิใจที่ตัวเองกลายเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าตัวเล็กแต่เพียงผู้เดียว
แม้จะโดนบอสจอมโฉดจ้องด้วยสายตาอาฆาต แต่เจ้าชายคนนี้ที่หน้าหนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ไม่กลัวเพลิงพิโรธนั่นหรอกนะ
บอสน่ะไม่มีทางปล่อยเพลิงพิโรธมาทางเขาที่มีเจ้าตัวเล็กนั่งตักอยู่หรอก
คนซึนแบบนั้นน่ะ
ในใจลึก ๆ ก็ห่วงเจ้าตัวเล็กนี่เหมือนกันนั่นแหละ
ดีไม่ดีอาจจะมีรสนิยมชื่นชอบสัตว์ตัวเล็กน่ารัก
ๆ ที่หิ้วไปไหนมาได้เหมือนกับผู้พิทักษ์เมฆาอย่างฮิบาริ เคียวยะก็ได้
ว่าแล้วสายตาที่ถูกบดบังด้วยเส้นผมสีบลอนด์ก็เหลือบมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ตรงมุมห้อง
พร้อมกับนกคู่ใจสีเหลืองตัวป้อมที่เกาะอยู่บนกลุ่มผมสีดำอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
และมันจะดีกว่านี้ถ้าเจ้าของมันไม่จ้องมาที่เขาด้วยสายตาของสัตว์ร้ายที่ต้องการขย้ำเหยื่อให้แหลกไม่เหลือซาก
ชิชิชิ
น่ากลัวกันทุกคนเลยแฮะ
“เฮือก!!”
ในระหว่างที่ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง
ร่างน้อย ๆ ของนภาจูเนียร์ก็สะดุ้งสุดตัวจนสายตาทุกคู่ต่างจ้องมาที่สึนะเป็นทางเดียว
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสั่นไหวไปมาคล้ายกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
ไหนจะใบหน้าน่ารักที่หันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังหาที่กำบังจากความรู้สึกน่าขนลุกนี่
“รุ่นที่สิบเป็นอะไรไหมครับ” โกคุเดระที่ยังไม่หายซึมจากการถูกลดความสำคัญ
แต่ความห่วงใยต่อบอสตัวเล็กนั้นก็ยังเต็มร้อยไม่แปรเปลี่ยน
มีไม่กี่ครั้งที่รุ่นที่สิบจะกระวนกระวายใจแบบนี้
และแต่ละครั้งก็จะเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ตอนนี้พวกเขาลืมไปเสียสนิท
คนอื่น
ๆ ที่เหลือต่างก็ขยับตัวเพื่อปกป้องนภาตัวน้อยที่หันไปซุกอกของเบลเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว
แม้จะสาปแช่งให้เจ้าชายผมทองไปตายมากแค่ไหนแต่ความปลอดภัยของนภาตัวน้อยย่อมมาก่อน
“เดี๋ยวนะ
ไอ้สีขาว ๆ นั่นมันอะไรสุดขั้ว”
เรียวเฮเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังบินลงมาจากท้องฟ้า และสิ่งที่สะดุดตาผู้พิทักษ์อรุณกับคนอื่น
ๆ ก็คงจะเป็นสีขาวเจิดจ้าที่พาให้รู้สึกคุ้น ๆ พิกล
“สีขาวงั้นเหรอ?”
<โกคุเดระ
“สีขาวงั้นสินะ”
<ยามาโมโตะ
“สีขาวที่ดูเหมือนเคยเห็นที่ไหน”
<แรมโบ้
“สีขาวที่ผมเกลียดขี้หน้า”
< ฮิบาริ
“คุฟุฟุฟุ
สีขาวที่ผมอยากจะถีบยอดหน้ามัน” <มุคุโร่
“สีขาวที่เป็นสโตกเกอร์โรคจิต”
“หืม? สโตกเกอร์โรคจิตอะไรเหรอเจ้าตัวเล็ก”
เบลที่ฟังคำพูดของผู้พิทักษ์ที่เกี่ยวกับสีขาวก็ก้มลงถามคนที่ซุกอยู่ในอกของเขาอย่างสงสัย
ตึง!
แต่แล้วสายตาคนอื่น
ๆ ที่สังเกตวัตถุประหลาดสีขาวนั่นตั้งแต่เรียวเฮชี้ให้ดูก็บังเกิดสีหน้าหลากหลาย
และส่วนใหญ่ก็คงจะกลายเป็นความรังเกียจ ขยะแขยงจนไม่อยากจะมองให้เสียสายตา ยามที่เห็นวัตถุสีขาวนั่นบินมาชนหน้าต่างบานใหญ่เข้าอย่างจัง
มิหนำซ้ำแทนที่จะเจ็บไอ้วัตถุนั่นกลับฉีกยิ้มเบิกบานไม่สนใจคราบเลือดที่ย้อยลงมาจากหน้าผากของมันเลยสักที
ไหนจะไอ้ท่าทางประหลาด ๆ ที่เอามือทาบกระจกคล้ายกับตุ๊กแกนั่นอีก
“สึ-นะ-โย-ชิ-คุง~~~”
น้ำเสียงหวานหยดย้อยขยับเรียกชื่อนภาจูเนียร์ทีละคำอย่างช้า ๆ
รอยยิ้มหยีนั่นถ้าเป็นปกติก็ดูดีอยู่หรอก แต่พอมาอยู่ในท่าตุ๊กแกเกาะกำแพงแบบนี้
“อุบาทว์สุด
ๆ”
สองจอมโหดแห่งวาเรียพูดออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ก่อนที่สควอโล่จะถูกรองเท้าขว้างใส่หัวเข้าอย่างจังพร้อมกับเสียงโวยวายอันแสนเกรี้ยวกราดของฉลามคลั่งที่ต้องเจ็บหัวแล้ว
ยังต้องมานั่งเก็บรองเท้าไปคืนไอ้บอสเวรนี่อีก
ส่วนคนที่เหลือก็เอาแต่จ้องหนึ่งในคนหน้าตาดีที่มีสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเอาแต่เรียกชื่อนภาจูเนียร์ไป
มือก็เอาแต่ไต่กระจกไปมาคล้ายกับอยากเข้ามาข้างในเต็มแก่
แต่ก็เล่นตัวไม่ยอมเข้ามาด้านในปราสาทด้วยทางของคนปกติ และนั่นมันยิ่งทำให้พวกเขานึกถึงคำพูดของสึนะเมื่อกี้
อืม...สโตกเกอร์โรคจิตจริง
ๆ ด้วย
อย่าบอกใครเชียวว่าไอ้หมอนี่เป็นบอสของมิลฟีโอเล่
รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
[150/100]
เม้นถึง 90 เม้น จะกลับมาอัพตอนต่อไป
ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกกกกก
เปิดตัวหัวเผือกคุงแล้วค่ะ มาแบบชวนจี้มาก 5555
บอกเลยว่าเมะเรื่องนี้รั่วทุกคนค่ะ ดูได้จากแต่ละทีเด็ดทั้งนั้น
ทุก ๆ ตอนจะยิ่งโบ๊ะบ๊ะและฮามากขึ้น ใครเชียร์ลุงคนไหนก็เชียร์กันเลยยยยยย
นี่น้องสึนะยังไม่ออกลายทีนะเออ ถ้าออกลายเมื่อไหร่ ยาดมก็เอาไม่อยู่หรอกค่ะ 5555555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและชื่นชอบฟิคเรื่องนี้นะคะ ภาษาอาจไม่สวยเท่าไหร่ต้องขออภัยด้วยนร้า
ความคิดเห็น