คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 04 : นภาสีหม่นที่ถูกจองจำ
*ยังไม่แก้คำผิด*
ทุกอย่างเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ บรรยากาศที่เคยมีแต่ความวุ่นวาย สนุกสนานและแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคนในปราสาท บัดนี้เหลือเพียงภาพความทรงจำให้คิบาระ ยูกิโตะได้รับรู้แต่เพียงผู้เดียว
เบลกับมาม่อนที่มักจะมาเล่นด้วยกันยามว่าง ตอนนี้เอาแต่มุ่งมั่นออกไปฆ่าคนอื่นจนเลือดอาบกลับมาทุกครั้ง รอยยิ้มที่เมื่อก่อนมันดูร่าเริงและมีแต่ความจริงใจ ตอนนี้ไม่ต่างจากหน้ากากที่ต้องสวมเอาไว้เพื่อเสแสร้งอยู่ตลอดเวลา
ลุซซูเลียที่แม้จะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังมีความช่วยเหลือยูกิอยู่บางครั้ง ไม่ว่าจะทำอาหารเอาไว้ให้ เอาเสื้อผ้ามาวางเอาไว้ทุกเช้า หรือคอยสับเปลี่ยนเวลาโดนเลวี่สบโอกาสลอบสังหารในสถานการณ์ผิดปกติแบบนี้
ส่วนสคลอโล่ที่พักนี้ไม่ค่อยได้อยู่ปราสาทเท่าไหร่นัก เจ้าตัวมักออกไปสืบอะไรสักอย่างข้างนอก ก่อนจะกลับมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงและคราบเลือดบางส่วนบนเสื้อผ้าของเขา
และคนสุดท้ายที่เปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาจากศูนย์ใหญ่เมื่อวันนั้น...
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธกับดวงตาสีเลือดที่แดงฉานเปี่ยมไปด้วยความแค้น เวลาที่มันตวัดมองใครแรงกดดันชวนให้ขาดอากาศหายใจก็พลอยทำให้แย่ลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะความอบอุ่นที่เคยได้รับจากคนตัวโตเหลือไว้เพียงความหนาวเหน็บที่กัดกินความรู้สึกดีๆให้เลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงแค่ความว่างเปล่ากับสถานะคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ในปราสาทเดียวกันเท่านั้น
คุณป๋าที่มักจะเรียกให้เข้าไปอยู่เป็นเพื่อน คอยสอนให้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆในภาษาอิตาลี คอยมอบรอยยิ้มอ่อนโยนที่หาได้ยากจากผู้ชายที่ดูมืดมนอยู่ตลอดเวลา บัดนี้มีเพียงแต่ใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาสีเลือดที่ว่างเปล่ามองมาแทนที่
ไม่มีอีกแล้วสิ่งที่เรียกว่าความสุขในปราสาทแห่งนี้ มีเพียงแต่ความโกรธและความเครียดแค้นลอยตลบอบอวลไปทั่วจนน่าอึดอัด
ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนเวลาล่วงเลยมาถึงวันครบรอบอายุ 7 ขวบของคิบาระ ยูกิโตะ คุณหนูแห่งวาเรียผู้เปรียบดั่งสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีใครสามารถแตะต้องได้นอกจากเหล่าหัวกะทิและบอสใหญ่นามซันซัส และอาจจะเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวที่พวกศัตรูรู้และจ้องจะลักพาตัวออกไปทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ยังไม่ทันได้แตะต้องผิวขาวเนียนก็มักจะโดนฆ่าตายก่อนทุกคราว แถมคนที่ถูกเพ่งเล็งก็ไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่ตัวเองพร่ำบอกว่าเปลี่ยนไปนั้น...
กำลังตามดูแลอยู่ห่างๆ
“คุณหนูครับ!!”ดวงหน้าหวานกับแก้วตาสีแดงหันมองเจ้าของเสียงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจเจ้าสัตว์ตัวน้อยตัวป้อมตรงหน้าต่อ
เจ้านกตัวป้อมสีขาวที่มีดวงตาสีแดงเหมือนกับเขา และมันก็ดูจะเป็นมิตรมากกว่าสัตว์ตัวอื่นที่ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สักเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเงียบเหงาที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของเขาอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้สัตว์ตัวอื่นไม่กล้าเข้ามาเล่นด้วยก็เป็นไปได้
“โธ่...คุณหนู”ลูกน้องที่อยู่ในสังกัดของสคลอโล่ถึงกับโอดครวญเมื่อคุณหนูผู้น่ารักกำลังเมินเสียงเรียกราวกับธาตุอากาศ แถมเอาแต่สนใจนกตัวป้อมที่กำลังส่งเสียงเจี้ยวจ้าวฟังไม่ออกเลยสักคำ
“มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถามคนมาใหม่ โดยที่สายตาก็เอาแต่จ้องมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังกางปีก ขยับตัวไปมาพร้อมกับเสียงแหลมๆกำลังร้องเพลงให้ฟัง
“หัวหน้าสั่งมาให้ผมคอยดูแลคุณหนูครับ!”ตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอกที่จะได้รับใช้คุณหนูผู้เปรียบดั่งสมบัติของเหล่าหัวหน้าและบอสสุดโหด แต่บรรยากาศติดลบที่แผ่กระจายออกมานี่มันคืออะไร!!
คุณหนูกำลังงอนและน้อยใจพวกบอสอยู่แน่ๆ!!
“อ๋อเหรอ”
กำลังงอนอยู่จริงๆด้วย!!!
ส่วนคนที่โดนกล่าวหาว่างอนนั้น ก็เอาแต่เล่นกับนกบนมือทิ้งให้คนที่ถูกส่งมาดูแลหันซ้าย หันขวา เลิ่กลั่ก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดวงหน้าหวานหมองลงเมื่อรับรู้ว่าเหล่าคนสำคัญกำลังเดินห่างออกจากเขามากเรื่อยๆ
ยูกิไม่ใช่เด็กใสซื่อที่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ และเรื่องที่กำลังทำนั้นมันร้ายแรงมากขนาดไหน เสียงถกเถียงกันในห้องประชุมที่มีเขายืนอยู่ข้างนอก กับแผนการอันแสนโหดร้ายที่ถูกเรียบเรียงอย่างสมบูรณ์แบบ มันทำให้ยูกิรับรู้ว่าคุณป๋ากับคนอื่นๆนั้น…
กำลังก่อกบฏเพื่อยึดอำนาจจากวองโลเล่รุ่นที่ 9
และวันนี้คือวันเริ่มแผนการทั้งหมดที่วางแผนกันมาถึง 2 ปีเต็ม
จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บ!
“เฮือก!!”
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นจากด้านในอย่างช้าๆ ฉับพลันใบหน้าอ่อนโยนของคุณป๋าก็แวบเข้ามาในหัวก่อนที่จะแตกละเอียดเหลือทิ้งไว้เพียงเศษซากแห่งความรู้สึกดีๆที่ไม่สามารถนำกลับมาก่อเป็นรูปเป็นร่างได้ดั่งเดิม
ไม่ผิดแน่...ความรู้สึกแบบนี้
กำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณป๋า!!!
พรึบ!!!
“อ๊ะ! คุณหนูจะไปไหนเหรอครับ”
ลูกน้องตัวประกอบร้องถามอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆคุณหนูตัวน้อยก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าหวานน่ารักเงยขึ้นพร้อมกับประโยคคำสั่งที่ลูกน้องตัวประกอบได้ยินก็รีบทำตัวคำสั่งของอีกคนอย่างยินยอม
“พาผมไปหาซันซัสเดี๋ยวนี้”
Precious treasure
ศูนย์ใหญ่ของวองโกเล่ แฟมมิลี่
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก”
“ฆ่ามันให้หมด!!!”
เสียงกรีดร้องกับคราบเลือดสีแดงฉานสาดกระทบกับกำแพงหิน พร้อมกับศพมากมายหลายชีวิตที่ต้องถูกสังเวยให้กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เหล่านักฆ่าหัวกะทิทั้ง 6 ต่างพากันคร่าชีวิตศัตรูตรงหน้าคนแล้วคนเล่า เสียงหัวเราะอันแสนสะใจกับรอยยิ้มยินดียามที่ได้แต่งแต้มสีแดงและบาดแผลลงบนร่างกายพวกนี้
พวกเขากำลังสนุกที่ได้ฆ่า ไม่ว่าจะเป็นคนบริสุทธิ์ หรือมีคนสำคัญที่ต้องดูแลแต่การมาเป็นมาเฟียย่อมรู้ดีว่าชีวิตไม่ได้สวยหรูเสมอไป
ความตายมันยืนรอต้อนรับอยู่ทุกวินาที ถ้าไม่อยากโดนฆ่าก็ต้องชิงลงมือฆ่าก่อน และอีกทางหนึ่งก็คือ...
ต้องแข็งแกร่งขึ้นถึงจะไม่ถูกฆ่า
อย่างเช่นนภาสีหม่นนามว่าซันซัสผู้นี้
ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนที่ถูกสร้างมาด้วยเพลิงพิโรธกำลังกราดยิงใส่ร่างชายชราที่หลบหลีกตามเสา ความเสียหายข้างใต้ปราสาทวองโกเล่มันมีมากจนไม่สามารถปล่อยผ่านความผิดนี้ไปได้ โดยเฉพาะแกนนำหลักที่มีสถานะเป็นลูกชายของเขา
“เจ้าทำแบบนี้ทำไมซันซัส!!”ประโยคคำถามกับสีหน้าผิดหวังที่ลูกชายของตนคิดก่อการใหญ่โดยการยึดอำนาจจากเขาเพื่อถีบตัวเองขึ้นเป็นรุ่นที่สิบ
“ทุกอย่างมันเป็นเพราะแกไม่ใช่รึไงตาแก่!!!!”น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดลั่น ปืนทั้งสองกระบอกก็เอาแต่กระหน่ำยิงใส่ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่ออย่างไร้ความปราณี
ไม่สิ...ตาแก่ตรงหน้าไม่ใช่พ่อของเขา
เขามันก็แค่เด็กผู้ชายที่ถูกผู้เป็นแม่คิดเองเออเองว่าเขาเป็นลูกของวองโกเล่รุ่นที่ 9
ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตาแก่นี่เลยสักนิด
กรอดดด
ดวงตาสีเลือดเรืองรองเต็มไปด้วยความแค้นยามที่ได้ยินคำตอบจากปากของชายที่เขานับว่าเป็นพ่อมาตลอด ทั้งที่คาดหวังไว้แล้วว่าตำแหน่งรุ่นที่สิบคงหนีไม่พ้นเขาคนนี้ที่ได้มันมาครอบครอง ทว่าทุกอย่างกลับพังทลายลงด้วยประโยคที่ว่าเขาไม่สามารถเป็นรุ่นที่สิบได้
บัดซบ!! บัดซบสิ้นดี!!
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ก่อกบฏเพื่อยึดอำนาจของตาแก่นี่มายังไงล่ะ!!!
“เพราะฉันไม่ใช่ลูกของแกใช่ไหมล่ะ แกถึงได้กีดกันฉันออกจากตำแหน่งรุ่นที่สิบ!!!”
“….”
“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกในสายเลือดของแก แล้วทำไม…”
“….”
“ทำไมวันนั้นแกถึงรับฉันมาเลี้ยงล่ะวะไอ้แก่!!!!”
ดวงตาที่ผ่านเรื่องราวมามากมายหลุบลง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกชายลงมือก่อกบฏแบบนี้ แม้จะรู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่สายเลือดแท้ๆของเขา แต่เพราะแววตาที่มืดหม่นกับความนิ่งสงบที่พบเจอกันครั้งแรกมันทำให้โนโน่รู้สึกถูกชะตาและรับมาเป็นลูกชายบุญธรรม มีเพียงแค่ผู้พิทักษ์และคนสนิทเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
ทว่าทุกอย่างกลับพังลงเมื่อคนที่ไม่อยากให้รู้มากที่สุดกลับได้ยินมันเต็มสองหู
“ฉันขอโทษ”ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ มีเพียงแค่คำขอโทษเท่านั้นที่หวังจะส่งไปให้ถึงลูกชาย แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว
คำขอโทษไม่สามารถบรรเทาความเคียดแค้นในใจของซันซัสได้ เพลิงพิโรธโหมกระหน่ำพร้อมทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศ และถ้าขืนยังปล่อยไว้แบบนี้วองโกเล่ได้ล่มสลายด้วยน้ำมือของนภาสีหม่นผู้นี้เป็นแน่ ทางเดียวที่จะแก้ไขได้คือ...
ผนึกลูกชายตัวเองไว้ในน้ำแข็งอันหนาวเหน็บเท่านั้น
พรึบ!!
ไฟดับเครื่องชนสีส้มบริสุทธิ์ลุกโชนขึ้นบนไม้เท้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระพริบถี่เพื่อเปลี่ยนให้อยู่ในโหมดเดือดทะลุจุดศูนย์ สายตาเศร้าสร้อยจ้องมองใบหน้าของลูกชายตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับประโยคที่กล่าวออกมาอย่างใจจริงไร้การเสแสร้ง
“ต่อให้เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พ่อก็รักเจ้ามากนะซันซัส”
“แก!!!”
“แต่เพื่อรักษาประวัติศาสตร์ของวองโกเล่ไม่ให้ถูกเจ้าทำลาย”น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ก่อนที่ไฟนภาจะพุ่งเข้าปกคลุมร่างของชายหนุ่มเอาไว้
“จงหลับใหลไปสักพักเถอะซันซัส”
“อย่านะโว้ยยยย!!!!!”น้ำเสียงดุดันตะโกนลั่น ร่างกายพยายามตะเกียจตะกายออกจากเปลวเพลิง ทว่าทุกอย่างมันสายตาไปช่วงขาของเขากำลังถูกน้ำแข็งกัดกิดและลามขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงช่วงหน้าท้อง
ในท่ามกลางความโกรธที่อยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายคามือ จู่ๆก็มีภาพของเด็กน้อยที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดลอยเข้ามาในหัว ใบหน้าหวานน่ารักที่พอโตขึ้นมันต้องสวยเหมือนกับหญิงสาวและคงโดนพวกแมลงสวะตามตอมไม่ห่างกาย ดวงตาสีแดงสดใสที่มันช่างแตกต่างกับดวงตาของเขาราวฟ้ากับเหว รอยยิ้มบางเบาที่มันขัดกับใบหน้าตายด้านของอีกคนที่ไม่เคยมีสักครั้งจะได้เห็นสีหน้าอื่นของคนตัวเล็กเลยสักครั้ง
“อ่า...อยากเจอแกจังยูกิ”เสียงรำพึงรำพันอันแผ่วเบาแต่กลับได้ยินทุกคน ดวงตาสีเลือดเหม่อมองข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่มันจะเบิกกว้างยามที่เห็นเงาคุ้นเคยกำลังวิ่งมาทางนี้
“คุณป๋า!!!!!”
“..!!!..”
“ไม่เอานะ อย่าหายไปนะ!!!!”เสียงหวานตะโกนลั่นยามที่เห็นน้ำแข็งกำลังกลืนกินคนสำคัญเอาไว้อย่างช้าๆ น้ำตาเม็ดใสเอ่อคลอรอบดวงตาสีสวยก่อนที่มันจะไหลออกมาเป็นสายพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดในสายตาของซันซัสที่พึ่งได้เห็นมันครั้งแรก
นี่แกกำลังร้องไห้เพื่อฉันงั้นเหรอ?
ทั้งที่คาดหวังจะได้เห็นสีหน้าอื่นๆของแก แต่ทำไมถึงได้เสียใจกันนะที่ดันมาเห็นสีหน้าเจ็บปวดของแกแบบนี้
“คุณป๋า!!!”
หมับ!!
สองแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตกว่าที่ถูกน้ำแข็งกลืนกินไปมากกว่าครึ่ง แรงโอบกระชับที่หวังว่ามันจะช่วยให้ความอบอุ่นกับอีกคนได้ แต่มันกลับเปล่าประโยชน์เพราะน้ำแข็งนี้ไม่สามารถละลายได้ด้วยเปลวเพลิงธรรมดา
ซันซัสก้มมองเจ้าตัวเล็กที่พยายามใช้กำปั้นน้อยๆทุบน้ำแข็งบนตัวของเขาจนผิวขาวเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ แววตาที่มีแต่ความโกรธและความแค้นกลับอ่อนลง มือที่อยากจะยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมสีดำเพื่อปลอบประโลมแต่ก็ทำไมได้ เพราะตอนนี้น้ำแข็งมันกำลังจะกลืนกินใบหน้าของเขาที่เป็นส่วนสุดท้ายในไม่ช้า
สิ่งเดียวที่ซันซัสทำได้ในตอนนี้คือประกาศิตครั้งสุดให้เด็กน้อยของเขาทำตามเท่านั้น
“อย่าร้อง”
“ฮึก”
“แกไม่เหมาะกับสีหน้าแบบนี้หรอกนะ”
“….”
“รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะต่างหากที่เหมาะกับแกยูกิ”
“ฮือออออ”
เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยตรงหน้าสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่ได้เห็นมันทุกคน มือที่พยายามตะกุยน้ำแข็งถูกหยุดด้วยผู้มาใหม่ที่กำลังมองเจ้านายของตนกำลังถูกน้ำแข็งกลืนกิน ดวงตาสีเงินจ้องมองดวงตาสีเลือดนิ่งก่อนที่ร่างสูงจะอุ้มเจ้าตัวจ้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด และจับใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาให้อยู่ระดับเดียวกับไอ้บอสเวรจอมเอาแต่ใจ
“นี่ยูกิ”
“....”ใบหน้าหวานเงยหน้ามองคุณป๋าอย่างสงสัย ก่อนที่สัมผัสอุ่นวาบตรงริมฝีปากจิ้มลิ้มในระยะเวลาสั้นๆ พร้อมกับประโยคสุดท้ายของอีกคนดังคลออยู่ในหัวก่อนที่ใบหน้าของคนสำคัญจะถูกน้ำแข็งกลืนกินอย่างสมบูรณ์
“ช่วยรอป๋าหน่อยนะ”
[100/100]
คุณป๋าโดนแช่แข็งเรียบร้อย
ต่อไปเริ่มปฏิบัติการหนีออกจากบ้านค่ะ
อีกสามตอนจะเข้าสู่เรื่องหลักของรีบอร์นนะคะ
สปอยคุณป๋าคนใหม่ที่จะยึดน้องเอาไว้กับตัวชนิดที่แทบไม่ให้น้องไปสร้างเรือกับคนอื่นเลย
อะไรเอ่ยมีกลุ่มผมสีขนอีกา ดวงตาคมเฉี่ยวดั่งสัตว์ร้ายจำพวกกินเนื้อ
เกลียดการรวมกลุ่ม และมีอาวุธร้ายกาจประจำกาย
ใครเนอะ??
ช่วยตอบให้ชื่นใจหน่อยสิ กิ๊วๆ
ความคิดเห็น