คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เด๋อกับเด๋อมาเจอกัน : CHAPTER 01 (100/100)
*ยังไม่ได้แก้คำผิด*
ที่นี่คือที่ไหน?
ประโยคคำถามวนเวียนอยู่ในหัวมาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ดวงตาสองสีจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง ทิวทัศน์รอบข้างที่ควรจะเป็นสนามฝึกคาบเรียนฮีโร่กับพวกพ้องที่กำลังฝึกท่าไม้ตายเพื่อไปสอบใบอนุญาตฮีโร่ชั่วคราวในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า ทั้งที่ตัวเขาเองก็กำลังยืนอยู่ ณ ที่ตรงหน้า ทว่าทำไมถึงได้กลายเป็นว่าตัวเขากำลังล่วงลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะดิ่งลงบนพื้นที่มีแต่ป่าล้อมรอบพร้อมกับบรรยากาศน่าขนลุกยิ่งกว่าเจอวิลเลินที่ค่ายฝึกมหาโหดนั่นเสียอีก
‘โทโดโรกิ
โชโตะ’ พยายามแค้นความคิดทั้งหมดของเขาลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตัวเองเดินตามเพื่อนสนิทอย่างมิโดริยะออกจากห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดฮีโร่
ก่อนจะโดนอาจารย์ไอซาวะสั่งให้คิดค้นท่าไม้ตายของตัวเอง หลังจากนั้นก็มีมนุษย์ผู้หญิงห้องสนับสนุนเข้ามาพร้อมกับยิงอะไรบางอย่างมาทางเขาที่ยืนอยู่ใกล้หล่อนมากที่สุด
เดี๋ยวนะ!!...ยิงอะไรบางอย่างมางั้นเหรอ?
‘ขอทดสอบลูกรักตัวใหม่ล่าสุดกับเธอหน่อยนะ
พ่อหนุ่มอิเคแมน’
‘ดะ...เดี๋ยวสิครับคุณฮัตสึเมะ!
โทโดโรกิคุง!!!’
ตู้มมมมม
และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินมาจากมิโดริยะ
ก่อนที่ควันสีขาวจะปกคลุมทั่วร่างและภาพก็ตัดมายังตัวเขาที่ลอยอยู่บนฟ้าและล่วงลงมาด้วยความเร็วสูง
โชคดีที่ตั้งสติได้ทันเลยใช้น้ำแข็งเป็นฐานรองรับร่างของตัวเองเอาไว้ก่อนที่หัวจะโหม่งลงบนพื้นจนเลือดอาบและตายอย่างน่าอนาถในสถานที่ปริศนาแห่งนี้
“ยัยฮัตสึเมะ”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นกัดฟันเรียกชื่อยัยตัวต้นเหตุอย่างหมายมั่นว่ากลับไปได้เมื่อไหร่
เขาจะไปแช่ลูกรักของหล่อนทุกชิ้นให้สาสมกับการที่เขาต้องมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
เด็กหนุ่มผมสองสีเดินผ่านต้นไม้สูงใหญ่อย่างระมัดระวังว่าจะเจอกับสัตว์ดุร้ายที่มักออกล่าเหยื่อตอนกลางคืน ยิ่งบรรยากาศวังเวงแบบนี้ด้วยแล้วมันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ค่ายฝึกขึ้นมาทันที เขาได้จับคู่กับบาคุโกและเกมทดสอบความกล้าได้กลายเป็นสนามรบระหว่างเด็กนักเรียนฮีโร่กับเหล่าวิลเลินจนเกิดความสูญเสียมากมาย โดยเฉพาะสันติภาพอย่างออลไมค์
“เนซึโกะ
หนีไปซะ!!!”
ในขณะที่โชโตะกำลังเดินคิดถึงความทรงจำสมัยเก่าอยู่นั้น
เสียงตะโกนของเด็กหนุ่มนิรนามก็ดังลั่นทางฝั่งขวาของเขา
พร้อมกับเงาบางอย่างกำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วไม่คงที่
ดวงตาสองสีเบิกกว้างเล็กน้อยทั้งที่ใบหน้าก็ยังเรียบนิ่งดั่งรูปปั้นเช่นเดิม
ก่อนที่ขาของเขาจะถูกเงาปริศนากอดรัดเอาไว้แน่นพร้อมกับเสียงอู้อี้ดังออกมาไม่ได้ศัพท์
“เด็กผู้หญิง?”แถมยังคาบกระบอกไม้ไผ่อีกต่างหาก
โชโตะมองดวงตาใสแป๋วสีชมพูของเด็กผู้หญิงแปลกประหลาดที่กอดขาของเขา
ก่อนจะเคลื่อนไปยังคนมาใหม่ที่เป็นเด็กผู้หญิงอีกคนกำลังเดินส่งยิ้มบางอยู่บนใบหน้าเหมือนจะเป็นมิตร
แต่ดาบที่หล่อนถือมานั้นมันทำให้สัญชาตญาณของเขาส่งเสียงร้องเตือนว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะนั่งจับเข่าคุยกันด้วยชาเขียวสูตรดั้งเดิมแน่ๆ
“คุณก็เป็นพวกเดียวกับเธองั้นเหรอ”
“….”
“ถ้าคุณไม่ตอบก็ต้องถูกกำจัดไปพร้อมกับอสูรตนนั้น”
อสูร??
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ
แต่ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปมากกว่า ยิ่งใบหน้าตายด้านกับสายตาอึนๆดูเหม่อๆมันเลยทำให้หล่อนคิดว่าเขายอมรับในคำถามชวนมึนงงของหล่อน
ไม่ทันได้อ้าปากตอบอะไรกลับไปดาบเล่มยาวก็ฟาดมาทางเขาด้วยความเร็วสูงจนแทบจะมองตามไม่ทัน
เคร้ง!!!
สันน้ำแข็งสีฟ้าใสพุ่งออกจากปลายรองเท้าบูทสีขาวกระทบกับดาบคมกริบจนเกิดเสียงสะท้อนดังก้องทั่วป่า
ดวงตาสีม่วงใสมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อว่าสิ่งที่กระทบกับดาบของเธอนั้นจะเป็นสันน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีความหนาและแข็งจนแม้แต่ดาบของเธอก็ฟันไม่ขาด
อสูรผู้ใช้มนต์โลหิตงั้นเหรอ?
หรือเป็นหนึ่งในอสูรจันทรา?
โชโตะที่เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ยืนสับสนอยู่ที่เดิมไม่ได้คิดขยับเข้ามาทำร้ายเขาอีกรอบ
เด็กหนุ่มผมสองสีใช้โอกาสนี้คว้าร่างน้อยๆของเด็กประหลาดขึ้นอุ้มพาดบ่าและหันหลังวิ่งออกจากสถานการณ์ตึงเครียดไป
ทิ้งให้อีกคนยืนทำหน้าสับสนอยู่ที่เดิม
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”ดวงตาสองสีเหลือบมองคนสวมชุดกักคุรันที่ต่างพากันตะโกนพร้อมกับตวัดดาบใส่ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
และคนกลุ่มนั้นก็ถูกเขาแช่แข็งครึ่งล่างจนขยับไม่ได้
“หยุดนะเจ้าอสูรร้าย!!!”
“ตัดคอมันให้ได้!!”
“ใครก็ได้ไปเรียกท่านชิโนบุกับท่านโทมิโอกะให้มาที่นี่เร็ว!!”
“แบบนี้มันไม่ใช่โลกที่เราอยู่แล้ว”
โทโดโรกิ
โชโตะพึ่งเข้าใจเมื่อกี๊นี้เองว่าเขาไม่ได้ถูกยัยฮัตสึเมะส่งมาที่อื่นเพียงอย่างเดียว
แต่นี่มันต่างโลกเลยต่างหาก แถมคนพวกนั้นก็เอาแต่บอกว่าเขาเป็นอสูรร้ายที่ตั้งถูกกำจัดด้วยการตัดคอ
รวมไปถึงเด็กที่พาดอยู่บนบ่านี่ด้วย
แล้วไอ้อสูรที่ว่ามันแตกต่างจากวิลเลินมากขนาดไหนกันล่ะ!!
บ้า! โลกนี้มันบ้าไปแล้ว!!
เด็กหนุ่มยังคงวิ่งหลบดงดาบที่ฟาดใส่ไม่มีหยุด
เขาอยากจะใช้ไฟด้านซ้ายเผาทำลายไปให้หมด
แต่มันติดอยู่ที่จิตสำนึกของเขาในการเป็นฮีโร่ว่าไม่สมควร เพราะต่อให้คนพวกนี้มันเป็นวิลเลินสายพันธุ์ใหม่
ก็แค่ทำให้บาดเจ็บและสลบไปก็พอ
แต่ดูเหมือนอีกฝั่งคิดจะฆ่าเขาเพียงอย่างเดียวนี่สิ
เคร้ง!!!
สันน้ำแข็งพุ่งกันคมดาบของผู้มาใหม่ที่เกือบจะฟาดผ่านคอของเขาอย่างฉิวเฉียดดวงตาสองสีสบเข้ากับดวงตาสีครามหม่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
บรรยากาศที่คล้ายคลึงกันหลายส่วนนี่มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆ
แน่นอนว่าคนมาใหม่ก็รับรู้ได้เช่นกันถึงได้มีสีหน้าประหลาดออกมาแบบนี้
“อู้วๆๆ”
“หืม?”
ไม่ทันได้เปิดศึก
เสียงอู้อี้ของเด็กผู้หญิงที่โชโตะอุ้มมาตลอดก็ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับดวงตาสีชมพูที่พอสังเกตอีกทีพบว่ามันคล้ายกับดวงตาของสัตว์ร้ายจำพวกงู
พยายามส่งข้อความอะไรบางอย่างให้กับผู้ชายที่สวมฮาโอริสองสีที่ไม่น่าเข้ากันรับรู้
ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้จักกับเด็กคนนี้ล่ะมั้ง
“น้องสาวคุณเหรอ?”
“….”
“ไม่ใช่สินะ”
“….”
“….”
“อาระ
บรรยากาศที่มันมืดหม่นพอกันนี่มันคืออะไรกันนะ”
โคโจ
ชิโนบุมองชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานกับเด็กหนุ่มที่ผมสองสีกำลังยืนจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าและแววตาดังรูปปั้นหิน
บรรยากาศของคนถูกเกลียดมันลอยตลบอบอวลไปหมดจนเธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆให้กับความเหมือนราวกับพี่น้องที่พลัดพรากจากกันมาเนิ่นนานอะไรอย่างงั้นแหล่ะ
ถ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นน้องชายของคุณโทมิโอกะล่ะก็
เธอเชื่อตั้งแต่ยังกล่าวประโยคไม่จบแน่นอน
ตอนแรกเธอกับคุณโทมิโอกะกำลังจะกลับไปศูนย์ใหญ่เพราะอีกาส่งสารบอกว่าให้พาตัวเด็กหนุ่มที่ชื่อ
‘คามาโดะ ทันจิโร่’ กับน้องสาวที่ชื่อเนซึโกะกลับไปด้วย
แต่ระหว่างทางได้รับรายงานมาว่ามีอสูรตนใหม่กำลังหิ้วอสูรที่พวกเราต้องการหลบหนีไปทางทิศใต้
แถมอสูรตนนั้นก็ฝีมือเก่งกาจหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว
แถมยังแช่แข็งลูกน้องของเธอจนขยับไม่ได้ ไหนจะสันน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่โชว์ตระหง่านห่างจากจุดนี้มาตั้งไกล แต่เธอยังมองเห็นภูเขาน้ำแข็งนั่นอยู่เลย
เก่งกาจราวกับเป็นหนึ่งในสิบสองอสูรจันทรา
แต่พอลองสังเกตดีๆแล้ว
เด็กหนุ่มผมสองสีเหมือนจะเป็นมนุษย์มากกว่าอสูรนะ
ไม่มีกลิ่นอายของอสูร
แต่น้ำแข็งนั่นมันเหมือนกับมนต์อสูร
จะทำยังไงดีล่ะ
ฆ่าทิ้งเลยหรือพากลับไปศูนย์ใหญ่ดี?
ในขณะที่ชิโนบุกำลังตัดสินใจอย่างเคร่งเครียด
ทางฝั่งที่มีคนสองคนกับบรรยากาศเหมือนกันราวกับฝาแฝด กำลังยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
สายตาอึนๆที่เหม่อมองกับแรงกดดันที่ทำเอาอสูรน้อยเนซึโกะอยากจะวิ่งกลับไปสู่อ้อมกอดของพี่ชายที่ไม่รู้ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“มากับพวกเรา”กว่าจะพูดออกมาได้สักประโยค ก็ล่อกินเวลาไปตั้งสิบกว่านาที
ดวงตาสีครามหม่นของชายหนุ่มสวมฮาโอริสองสีส่งแรงกดดันมาเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าให้เขาตามไปด้วยแต่โดยดี
เดิมทีนิสัยของโทโดโรกิ
โชโตะก็มักจะเออออไปกับพวกมิโดริยะอยู่บ่อยๆ
ไม่ว่าเพื่อนหัวเขียวจะพูดหรือให้ทำอะไรเขาก็ยอมทำแต่โดยดีไม่มีการขัดขืนหรืออิดออดใดๆทั้งสิ้น
แต่พอคนตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกไม่ถูกชะตามาเอ่ยสั่งให้เขาทำตาม
มันเลยอยากจะขัดขืนขึ้นมาซะงั้น
“ไม่”
“งั้นก็ต้องใช้กำลัง”
“คิดว่าทำได้ก็ลองดู”
“….”
“….”
ยืนจ้องกันอยู่สักพัก ก่อนที่ชายหนุ่มผมดำจะเป็นฝ่ายเริ่มพุ่งเข้าหาหวังจะใช้ฝ่ามือสับลงบนต้นคอให้สลบ แต่โชโตะกลับอ่านการเคลื่อนไหวนั่นออกสันน้ำแข็งขนาดพอดีพุ่งขึ้นกันฝ่ามือของอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับร่างที่สวมชุดเครื่องแบบฮีโร่ดีดตัวถอยออกห่างจากชายหญิงทั้งสองที่คาดคะเนว่าต้องแข็งแกร่งเทียบเท่ากับโปรฮีโร่ที่โลกของเขาแน่ๆ
ชักจะไม่เข้าท่าแล้วแฮะ
ทางด้านชายหนุ่มที่ถูกน้ำแข็งสร้างแผลเล็กน้อยบนมือ
จ้องมองหยาดเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลนิ่งอย่างไร้ความรู้สึกเจ็บปวด
ก่อนจะหันไปมองคนที่สร้างประติมากรรมน้ำแข็งที่กำลังโอบอุ้มอสูรเด็กไปด้วยและคอยหลีกหนีการจับกุมของเขาไปด้วย
ดวงตาสีครามหม่นเปล่งประกายอยู่แวบเดียวก่อนจะกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม
ร่างที่มีอายุมากกว่าพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มผมแปลกประหลาดยิ่งกว่าฮาโอริที่เขาสวมใส่อีกครั้ง
พยายามใช้กำลังด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างแทนดาบที่มักจะตวัดตัดคออสูรมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
สัญชาตญาณมันร้องเตือนเขาว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่อสูรและก็ไม่ใช่มนุษย์ในโลกนี้
ดูจากเครื่องแต่งกายกับพลังที่คล้ายกับมนต์อสูรไหนจะกลิ่นเลือดที่ลอยแตะจมูกนี่อีก
เด็กคนนี้มีเลือดหายากชนิดพิเศษ
หากปล่อยให้อยู่เพียงลำพังต่อให้เก่งกาจมากแค่ไหน
ก็ถูกอสูรที่เห็นพวกเลือดหายากเป็นโปรตีนชั้นยอดจับกินแน่นอน
เพราะฉะนั้นเขาต้องพาเด็กดื้อด้านกลับศูนย์ใหญ่ให้ได้!!
ทั้งคู่ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร
ความดื้อด้านอยากเอาชนะมันช่างเหมือนกันจนบุคคลที่สามอย่างชิโนบุอยากจะตะโกนให้ลั่นป่า
แต่เธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของคุณโทมิโอกะที่ว่าต้องการพาเด็กคนนี้กลับไปด้วย และตอนนี้ทั้งสองที่มัวแต่วิ่งไล่จับจนลืมเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้มันหมายความว่ายังไงไม่ทราบคะ!!
เสาหลักแมลง
ส่งยิ้มหวานทว่าสายตามันช่างเหี้ยมเกรียมจนลูกน้องที่แอบดูอยู่ห่างๆอดจะขนพลองสยองเกล้าไม่ได้
มือเรียวสวยตวัดเข็มฉีดยาในกระเป๋าขึ้นมาควงเหมือนควงดาบที่เหน็บอยู่ตรงเอวของเธอ
ก่อนที่จะดีดตัวเข้าหาเด็กหนุ่มผมสองสีที่เผลอหันหลังให้กับเธออย่างเหมาะเจาะ
แข็งฉีดยาปักลงบนต้นคอพร้อมกับสารสีใสข้างในไหลเข้าไปในเส้นเลือดทีเดียวหมดหลอด
ดวงตาสองสีเบิกตากว้างเหม่อลอยเห็นภาพชายหนุ่มผมสีดำหลายคน ก่อนที่ร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงและหงายหลังล้มลงกับพื้นโดยบนตัวมีอสูรเด็กเนซึโกะนั่งแหมะอย่างมึนงง
“แค่นี้ก็พากลับศูนย์ใหญ่ได้แล้วล่ะค่ะคุณโทมิโอกะ~”
“….”
“แหมๆ
คำว่าขอบคุณสักคำก็ไม่มีให้เลยนะคะ เพราะแบบนี้ไงถึงถูกเสาหลักคนอื่นเกลียดน่ะ”
เปรี้ยง!!
เหมือนมีสายฟ้าล่องหนผ่าเข้าสู่ร่างของชายหนุ่มอย่างจัง
แม้ใบหน้าจะนิ่งแต่ข้างในมันสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้เพราะคำพูดแทงใจดำของอีกฝ่าย
โทมิโอกะพยายามหาคำพูดโต้แย้งเหมือนทุกครั้ง
แต่พอเห็นว่าหนึ่งในลูกน้องของเธอทำท่าจะอุ้มเด็กหนุ่มที่ไม่ถูกชะตาเพียงเพราะมีบรรยากาศเหมือนกัน
ร่างกายมันก็ขยับเข้าไปคว้าแขนของคาคุชิคนนั้น
พร้อมกับประโยคราบเรียบที่สร้างความฉงนให้กับเสาหลักแมลงและคาคุชิคนอื่นๆกันทั่วหน้า
“ฉันจะหิ้ว(?)ไปเอง”
“เอ๋???”
ไม่กล่าวซ้ำรอบสอง
เสาหลักวารีผู้เงียบขรึมและถูกเกลียดก็จัดการดึงร่างไร้สติของเด็กหนุ่มผมสองสีขึ้นมาแนบข้างเอวอีกข้างที่ไม่มีดาบเหน็บเอาไว้และเดินออกไปอย่างหน้าตายเฉย
ทิ้งให้เสาหลักแมลงอย่างชิโนบุและคาคุชิในหน่วยกระพริบตาปริบๆอยู่ด้านหลัง
หิ้วไปจริงๆด้วย
[100/100]
#ฟิคเด๋อกับเด๋อ
แท็กนี้เอาไว้เล่าความเด๋อของทั้งสอง (หรือสามกันนะ) หลังจากอ่านจบนะคะ
มาตอนแรกก็บอกว่าไม่ถูกชะตากันซะแล้ว 555555
ไม่รู้ว่ามีคนชอบไหม เพราะอย่างที่บอกว่าอ้างอิงมาบางส่วนนะ
ภาษาอาจจะไม่สวยเท่าไหร่ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ชอบก็เม้น ถูกใจก็ติดตามจ้า
ปล.มีคนบอกว่าน้องเสาหมอกก็เด๋อเหมือนกันใช่ไหม งั้นเอาเป็นทริปเปิลเด๋อเลยค่ะ
ความคิดเห็น