คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เด๋อกับเด๋อมาเจอกัน : CHAPTER 08 (100/100)
สิ่งแรกที่ดวงตาต่างสีคู่นี้เห็นคือเพดานไม้ที่จำได้ว่าเคยเห็นมันในตำหนักผีเสื้อ
และสิ่งที่สองที่ตามมาก็คงจะเป็นเสียงโวยวายของใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ
ไหนจะรังสีมืดมนอันแสนคุ้นเคยที่ทำเอาโชโตะอดจะเหลือบมองด้านขวาของตัวเองไม่ได้
ชิ้ง! +_+
โอเค...แล้วละว่าเจ้าของรังสีมืดมนนี่เป็นของใคร
โทโดโรกิ
โชโตะคิดว่าตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
นอกเสียจากผลกระทบกับการใช้อัตลักษณ์เกินขีดจำกัดเท่านั้น
ทั้งที่ตัวเขาดูจะปกติที่สุดแล้ว
แต่ทำไมเขาต้องมาสวมชุดคนป่วยและนั่งจ้องใบหน้าปลาตายของชายหนุ่มที่ถูกโมเมว่าเป็นพี่ชายของเขาไปเรียบร้อย
แถมอีกฝ่ายก็ยังนั่งนิ่งเป็นญาติคนไข้ไม่ยอมไปไหน ตั้งแต่ที่เขาถูกหามกลับมาที่ตำหนักผีเสื้อเมื่อสองวันก่อนแล้ว
อ้อ...จริงสิห้องนี้ไม่ได้มีแค่เขากับเสาหลักวารีที่สวมฮาโอริไม่สมประกอบนี่หน่า
“เจ้าหนูไฟน้ำแข็ง!! ขอบคุณที่ช่วยชีวิตของฉันนะหลังจากนี้นายอยากได้อะไรก็บอกฉันคนนี้ได้
ต่อให้ยากเย็นแค่ไหนก็จะไปหา---”
ชิ้ง!!!
ไม่ทันได้พูดจบประโยคดี
เจ้าของดวงตาเด็ดเดี่ยวอย่างเร็นโกคุก็ดันถูกสายตาพิฆาตจากเสาหลักที่ชอบปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียวมองกลับมาอย่างอาฆาต
ไม่รวมถึงรังสีมืดหม่นที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาเสียบแทงตามร่างกายเขาได้ทุกเมื่อหากยังพูดมากไม่ยอมหยุด
ส่วนทางด้านคนปกติในคราบคนป่วยก็ได้แต่กลอกตามองสงครามระหว่างเสาหลักน้ำกับไฟที่มันช่างไม่ลงตัวเหมือนอัตลักษณ์ของเขาที่ชอบตีกันเวลาใช้อีกฝ่ายมากเกินไป
ครั้นจะเร้นกายหนีออกไปจากบรรยากาศร้อนๆหนาวๆก็ทำไม่ได้
ดันถูกดักทางเอาไว้ทั้งสองแบบนี้มันจะหนีไปได้ยังไงกัน
ครืดดด
ในระหว่างที่ใกล้จะเกิดการห้ำหั่นระหว่างเสาหลักเพลิงกับเสาหลักวารีในไม่ช้า
เสียงประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเด็กน้อยวัยสิบขวบที่ถอดหน้าตาออกมาจากเสาหลักเพลิงแทบทุกส่วน
ในมือก็ถือถาดอะไรสักอย่างที่มันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับอาหารโปรดของเขา
เพียงแค่ไม่มีถ้วยไว้เอาจุ่มเส้นก็เท่านั้น
ไม่ผิดแน่...นั่นมันสิ่งที่เขาโหยหายมาตลอดตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโลกนี้!!!
“ทะ...ท่านพี่...ข้า...หวา!!!”
หมับ!!!
สูด~~
เจ้าหนูเร็นโกคุน้อยถึงกับอ้าปากเหวอ
เมื่อจู่ๆอาหารที่เจ้าตัวทำมาให้พี่ชายโดยเฉพาะดันถูกฉกไปโดยฝีมือของพี่ชายผมแปลกประหลาดที่กำลังยืนสูดเส้นสีขาวเข้าปากอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าตายด้านที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลยจะหันมาจ้องมองดวงตากลมโตแลดูประหม่าแฝงไปด้วยความขี้อายนั่นมันเหมือนกับมิโดริยะเป๊ะ
อ่า...เมื่อไหร่จะได้กลับหามิโดริยะกันนะ??
อยากให้เจ้าตัวมาหาเขาที่นี่จัง
ในขณะที่คนหนึ่งกำลังเหม่อมองเพดานพร้อมกับเคี้ยวของโปรดของตัวเองไปด้วยอยู่นั้น
ทางด้านสองเสาหลักแห่งขั้วตรงข้ามก็กำลังเขม่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
โดยเฉพาะกับโทมิโอะที่ตัวเองนั้นสถาปนาตำแหน่งพี่ชายอย่างหน้ามึน ๆ
ก็เกิดอาการหวงตำแหน่งขึ้นมาจนถึงขั้นหลุดจากการจำศีลกันเลยทีเดียว
“เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนโชโตะหรอกเร็นโกคุ”
นับเป็นครั้งแรกที่เสาหลักวารีพูดมากกว่าสามคำ
แถมยังมีฝีปากร้ายกาจจนคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาอย่างเร็นโกคุอดจะคิ้วกระตุกขึ้นมาไม่ได้
เจ้าหมอนี่มันหมาป่าห่มหนังแกะชัด
ๆ
“ข้าว่าข้าถามเจ้าหนูไฟน้ำแข็งนะ
ไม่ได้ถามเจ้าซะหน่อยนี่โทมิโอกะ” หากคิดว่าเสาหลักเพลิงคนนี้จะยอมแพ้คนที่มักปลีกวิเวกไปอยู่เพียงลำพัง
โดยไม่แม้แต่เข้าร่วมกลุ่มกับคนอื่นละก็
มันไม่ได้อยู่ในบันทึกยามว่างของเร็นโกคุ
เคียวจูโร่หรอก!!!
“ข้าตอบในฐานะผู้ปกครองของโชโตะในตอนนี้”
“แต่ถ้าข้าจำไม่ผิด” เร็นโกคุแสร้งยกมือขึ้นมาเท้าคาง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเหนือกว่าว่า
“เจ้าแค่บังเอิญโชคดีที่ได้ไม้ยาวจากการสุ่มดวงนี่”
“….”
“โดนจี้ใจดำสินะโทมิโอกะ!”
“….”
เร็นโกคุแทบอยากจะหัวเราะออกมาเสียเดี๋ยวนี้
กับชัยชนะที่ตัวเองได้รับหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าเพราะไม่สามารถเถียงข้อเท็จจริงนี่ได้
แต่แล้วรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าของเสาหลักเพลิงก็เป็นหายต้องจางหายไป เมื่อดวงตาสีครามหม่นที่เงยขึ้นมาพร้อมกับบรรยากาศกดดันที่แผ่กระจายรอบห้องพันฟื้นแห่งนี้
เอ...หรือเขาหยอกอีกฝ่ายแรงเกินไปหรือเปล่านะ
“ไป”
“ห๊ะ?”
ดาบนิจิรินที่เหน็บอยู่ตรงเอวถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าดุร้ายที่หาได้ยากจากคนที่มักทำหน้ามึนและเย็นชาอยู่ตลอดเวลา
บัดนี้มันทั้งเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าอสูรที่กำลังบ้าคลั่งเสียอีก
ไม่รวมถึงประโยคถัดมาที่เล่นเอาเร็นโกคุถึงกับทำหน้าเหวอเพราะไม่สามารถรับมือกับเสาหลักวารีในโหมดนี้ได้
ไม่สิ...คงไม่ใช่แค่เขา
อาจจะรวมถึงเสาหลักคนอื่น ๆ
ที่หากมาเห็นอีกฝ่ายตอนนี้ก็คงจะขอยอมแพ้ตั้งแต่ประโยคนี้ถูกกล่าวจนครบทุกถ้อยทุกคำแล้วละ
“ไปประลองดาบกับข้าข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย!!!”
“หาาาาาา”
ณ
ตอนนี้เร็นโกคุ เคียวจูโร่รู้ซึ้งแล้วว่าอย่าได้ริอาจไปทำให้โทมิโอกะ
กิยูโกรธเด็ดขาด
เพราะเจ้าตัวเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลยน่ะสิ!
“หืม
สองคนนั้นทำอะไรกันน่ะ”
ทางด้านตัวต้นเหตุแห่งสงครามระหว่างไฟกับน้ำ
ก็เผยสีหน้าฉงนออกมาเล็กน้อย
ก่อนที่เจ้าตัวจะเลิกสนใจการทะเลาะของผู้ใหญ่ไม่ปกติทั้งสอง
มาสนใจเจ้าหนูเร็นโกคุน้อยที่ยังคงแสดงท่าทีเขินอายกับเขาอยู่
แต่พอได้พูดคุยก็ลดความเกร็งลงบ้างแล้วเหมือนกัน
“ที่โลกของท่านไม่มีอสูรหรือขอรับ”
“อือ
มีแต่วิลเลินน่ะ”
“วิลเลิน?
มันคืออะไร?” เจ้าหนูเร็นโกคุเอียงคออย่างสงสัย
ดวงตาที่เหมือนกับผู้เป็นพี่ชายส่งแววระยิบระยับยามที่ได้ยินโชโตะเล่าถึงโลกของเขาว่ามันมีอะไรที่แตกต่างจากที่นี่บ้าง
ยิ่งเล่าถึงสิ่งที่โลกนี้ไม่มี
เจ้าหนูก็ยิ่งตื่นเต้นพร้อมกับหลุดเสียงอุทานออกมาทุกครั้งที่เขาอธิบายว่าแต่ละสิ่งมันใช้ยังไง
และมีสิ่งไหนที่คล้ายคลึงกับที่นี่บ้าง ซึ่งระหว่างนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ปกครองจำเป็นที่กำลังเดินออกจากห้องไป
ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติก็คงจะเป็นมือข้างหนึ่งถือดาบนิจิรินอวดความคมกริบ
ส่วนมืออีกมือหนึ่งนั้น...
“ทะ...ท่านพี่…”
“โอ้ว! เซ็นจูโร่ พี่ขอรบกวนเจ้าไปเอาดาบมาให้หน่อยสิ”
เร็นโกคุที่เห็นน้องชายยังไม่ได้กลับบ้านก็เอ่ยขอความช่วยเหลือทันที
ถ้าเป็นตอนปกติเจ้าหนูเร็นโกคุก็รีบออกไปเอาดาบมาให้ผู้เป็นพี่อยู่หรอก
แต่เพราะนี่มันไม่ปกติน่ะสิ!!
คนปกติที่ไหนจะมาขอให้ไปเอาดาบ
ในขณะที่คอเสื้อตัวเองกำลังถูกเสาหลักวารียึดเอาไว้และลากเจ้าตัวออกจากห้องกันละ!!!
พิลึกเกินไปแล้ว!!!
Different world
“^^;”
“+_+”
“^^;;”
“+__+”
“เอ่อ...ใครก็ได้บอกข้าทีว่าบรรยากาศนี่มันคืออะไรกัน?” อิโนะสึเกะกระซิบถามทันจิโร่กับเซ็นนิสึตที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คล้ายกับคนหาคำพูดมาตอบเพื่อนสนิทผู้ชอบสวมหัวหมูป่าจอมขี้สงสัยคนนี้ไม่ได้
อย่าว่แต่ตามหาเลย
พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเสาหลักขั้วตรงข้ามถึงมายืนปล่อยรังสีสองขั้วใส่กันได้
คนหนึ่งก็ฉีกยิ้มเจื่อน
ๆ พยายามหลบสายตาไปทางอื่น
คนหนึ่งถึงหน้าจะนิ่งแต่มือที่จับดาบนิจิรินนั่นมันเตรียมพร้อมตวัดใส่อยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะคนไหนก็แปลกประหลาดไปหมดนั่นแหละ
“ทะ...ท่านพี่” และแล้วเสียงสวรรค์ที่หยุดบรรยากาศร้อน ๆ หนาว ๆ
ของเสาหลักทั้งสองได้ก็คือเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบมาจากเสาหลักเพลิงเกือบทุกส่วน
กำลังเดินอุ้มดาบประจำตัวของผู้เป็นพี่ชายเข้าไปหาด้วยสีหน้ากังวลอย่างไม่ปิดบัง
“โอ้! ขอบใจนะเซ็นจูโร่” เร็นโงคุคนพี่หยิบดาบนิจิรินประจำของตนมาจากน้องชาย
แม้ร่างกายจะยังไม่หายดีแต่ในเมื่อตกปากรับคำที่จะประลองดาบกับเสาหลักวารีไปแล้ว
ลูกผู้ชายย่อมไม่ผิดคำพูด!!!
“ข้าไม่ออมมือให้หรอกนะโทมิโอกะ!”
“ดะ...เดี๋ยวสิ! นี่พวกเขาจะสู้กันจริง ๆ งั้นเหรอ” เซ็นนิสึตแทบจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นเพราะความเลิ่กลั่ก เมื่อรู้ว่าเหตุใดเสาหลักทั้งสองถึงได้มายืนจ้องหน้าปานจะกลืนกินอยู่ด้านนอกของตำหนักผีเสื้อ
และยิ่งช็อกโลกเข้าไปใหญ่เมื่อคนที่ขอท้าประลองดาบกลับเป็นเสาหลักที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า
อีกฝ่ายที่ทำตัวสงบนิ่งเหมือนสายน้ำที่ไร้ลมพัดผ่านจะเป็นฝ่ายท้าซะงั้น
คนอย่างคุณโทมิโอกะเนี่ยนะที่เป็นฝ่ายท้าประลองดาบกับคุณเร็นโงคุ
ฝนได้ตกเป็นหิมะแหงม
ๆ
แม้อยากโต้แย้งให้แก่เสาหลักวารีมากขนาดไหน
ทว่าความจริงก็ย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ว่าผู้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนคือโทมิโอกะ
กิยูผู้กำลังชักดาบนิจิรินออกจากฝักและเตรียมร่ายรำเพลงดาบปราณวารีของตน เช่นเดียวกับเร็นโงคุที่แม้บาดแผลภายนอกจะยังไม่หายดี
ทว่าเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่รอบกายนั้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งไม่แพ้เสาหลักวารีเลยแม้แต่น้อย
ต่างฝ่ายต่างจดจ้องราวกับกำลังต่อสู้อยู่ในห้วงแห่งความคิด
ท่ามกลางสีหน้าลุ้นระทึกจากสามหน่อจอมป่วนประจำหน่วยพิฆาตอสูร ที่บางคนถึงขั้นอยากลงสนามไปร่วมประลองกับทั้งสองเสียเต็มแก่
บางคนก็เกิดอาการเลิ่กลั่กคล้ายกับระแวงอะไรบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในตำหนักผีเสื้อ
และบางคนก็กำลังหันไปลากตัวต้นเหตุของการต่อสู้ระหว่างเปลวเพลิงกับวารี อย่างเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีประหลาดที่เอาแต่นั่งซดอาหารโปรดของตัวเองอยู่เพียงลำพัง
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะโชโตะคุง!
นายจะมานั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างนี้ไม่ได้นะ!!”
“ไม่!”
ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว
สองมือประคองถ้วยโซบะในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมสุดฤทธิ์
ส่วนขาข้างหนึ่งก็จัดการเกี่ยวกับเสาไม้ยึดตัวไม่ให้ไปตามแรงลากของทันจิโร่
ที่เที่ยวเอาแต่บอกให้เขาไปห้ามศึกน้ำกับไฟนั่นอยู่ได้
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
แค่ไปแย่งโซบะของเสาหลักเพลิงมาเป็นของตนเองนะ
ส่วนเรื่องการท้าประลองดาบอะไรนั่นมันเป็นความคิดของเจ้าบ้าโทมิโอกะนั่นต่างหากเล่า
เขาไม่มีส่วนข้องใด
ๆ ทั้งสิ้น!!!
เพราะทันจิโร่มัวแต่ฉุดกระชากลากถูเพื่อนต่างโลกอยู่เพียงลำพัง
เลยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าด้านหลังของเจ้าตัวนั้นได้เกิดการต่อสู้ระหว่างเปลวเพลิงกับวารีเป็นที่เรียบร้อย
ครั้นจะเข้าไปห้ามก็กลัวว่าเป็นตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่าเดิม
แถมพละกำลังของเสาหลักทั้งสองก็เก่งกาจว่าตัวเขาที่ยังต้องฝึกหาประสบการณ์อีกมาก
ตู้มมม!!!
“อ๊ากกกก!!! แบบนี้ไม่ดีแหงม ๆ เลยโว้ยยยย” เซ็นนิสึตกรีดร้องโหยหวนสุดเสียง สองมือขยุ้มผมของตัวเองไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ไหนจะสีหน้าที่แสดงออกมาราวกับโลกกำลังจะแตกในไม่ช้า
มันช่างน่าขบขันในสายตาของโทโดโรกิอยู่ไม่น้อย
ว่าแต่ที่หมอนั่นกำลังทำหน้าเหมือนโลกทล่มทลายนั่นเพราะกลัวอะไรอยู่สินะ?
แล้วสิ่งที่กลัวมันคืออะไรกันละ??
โทโดโรกิยกมือเท้าคางอย่างใช้ความคิด
ในขณะที่สายตาก็จ้องมองการต่อสู้ของสองเสาหลักที่ดูจะหนักหน่วง รุนแรงมากกว่าเดิมจนคิดว่าอีกเดี๋ยวเสาหลักคนอื่นที่ไม่มีภารกิจปราบอสูรในวันนี้คงได้แห่กันมาที่ตำหนักผีเสื้อแน่
ๆ
“โอ๊ะ!”
“มีอะไรงั้นเหรอโชโตะคุง?”
ทันจิโร่ที่ได้แต่นั่งปลงตกเพราะไม่สามารถหยุดการต่อสู้ของเสาหลักทั้งสองได้
ก็เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างสงสัยเพราะเสียอุทานที่ดังขึ้นแผ่วเบานั่น
โทโดโรกิที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าหนึ่งในเสาหลักที่ไม่ได้ออกไปทำภารกิจปราบปรามอสูรนั้นมีใครบ้าง
และยิ่งดวงตาต่างสีคู่นี้กำลังมองไปยังจุด ๆ
หนึ่งที่เอ่อล้นไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุก รวมไปถึงรังสีทมิฬที่ลอยฟุ้งแผ่กระจายเป็นวงกว้างนั่นอีก
“ฉิบหาย”
“ห๊ะ?
ฉะ...อะไรหายนะโชโตะคุง?” ทันจิโร่ผู้ยังไม่ช่ำชองคำศัพท์ในโลกของเพื่อนสนิทก็ถึงกับทำหน้าสงสัยเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการเรียนรู้คำอุทานที่ออกไปทางหยาบคายนั่น
โทโดโรกิ
โชโตะเป็นบุคคลประเภทไม่ค่อยพูดคำหยาบคายออกมาเท่าไหร่นัก หากเรื่องนั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ตนวุ่นวายจริง
ๆ เพราะงั้นมีไม่บ่อยหรอกที่พ่อหนุ่มสุดเย็นชาประจำห้อง A จะหลุดคำพูดแนวนี้ออกมา
ทุกอย่างเป็นความผิดของบาคุโก!!!
พรึบ!!
“หนีกันเถอะทันจิโร่”
“เอ๊ะ?”
ทันจิโร่มองการะทำของเพื่อนต่างโลกอย่างงง
ๆ ยิ่งอีกคนหันมาบอกเขาหน้าตายก่อนจะพุ่งไปคว้าเซ็นจูโร่ที่อยู่อีกฝั่งกระโดดข้ามกำแพงไม้ออกไปอย่างรวดเร็ว
จนพี่ชายคนโตของบ้านคามาโดะประมวลผลความคิดไม่ทัน
ทว่าไม่นานนักก็เป็นอันเข้าใจแล้วว่าเพื่อนต่างโลกของเขาสั่งให้เขาหนีจากอะไร
“ซวยแล้วไหมละ”
เซ็นนิสึตเป็นคนที่สองที่รับรู้ถึงรังสีแห่งความน่าขนลุกสุดแสนสยองเกล้านั่น
ใบหน้าของเจ้าตัวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลพลั่ก ๆ
เหมือนมีน้ำตกขนาดย่อมวางอยู่กลางหัว
แน่นอว่าสกิลเอาตัวรอดของเจ้าตัวนั้นรวดเร็วดั่งปราณอัสนีที่ถือครองอยู่ แถมอิโนะสึเกะที่เห็นเป็นรายถัดไปก็หันมาสร้างความสามัคคีกับเพื่อนรักผมเหลือด้านข้าง
ด้วยการกอดคออย่างแนบแน่น ก้าวขาซ้ายไปด้านหลังก่อนจะพยักหน้าให้กันเพื่อเป็นสัญญาณเตรียมความพร้อม
จากนั้นก็เอ่ยประโยคออกมาว่า…
“เผ่นโลดดดด”
และพากันสับเท้าแหลกพุ่งออกจากตำหนักผีเสื้อตามโทโดโรกิไปติด
ๆ
“เอ่อ…”
ทางด้านทันจิโร่ที่เห็นเพื่อนรักทั้งสองเผ่นแหนบไปเป็นที่เรียบร้อย
ก็ได้หันไปพบเจอแหล่งพลังงานน่าขนลุกที่กำลังขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
ก่อนจะหันไปมองการต่อสู้สุดอลังการของสองเสาหลักที่ยังคงห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
หากให้เลือกระหว่างอยู่ที่นี่กับหนีจากไปทิ้งผู้มีพระคุณทั้งสองเอาไว้
แน่นอนว่าคามาโดะ ทันจิโร่ย่อมต้องเลือก…
“เซ็นนิสึต! อิโนะสึเกะ! รอฉันด้วยยยยยยย”
เผ่นหนีตามเพื่อนรักทั้งสองไปน่ะสิ
ขอโทษนะครับกิยูซัง
เร็นโงคุซังที่ผมไม่อาจอยู่ช่วยพวกคุณได้ เพราะฉะนั้นแล้ว...
ได้โปรดอย่าตายแล้วกันนะครับ!!
ทันจิโร่ยกมือปาดคราบน้ำตาแห่งความเจ็บใจทิ้ง
และตั้งมั่นว่าตนเองจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากทั้งสองคนเอง!!!
ส่วนสองเสาหลักที่ยังคงประลองดาบกันอย่างเอาเอาตายก็ไม่อาจรับรู้เลยว่า
ณ บริเวณแห่งนี้ไม่ได้มีเหล่าเด็กน้อยที่นั่งเป็นผู้เฝ้ามองทั้งสองอีกแล้ว
เหลือไว้เพียงคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินแผ่บรรยากาศน่าขนลุกเข้าใกล้ทั้งสองมากขึ้นเรื่อย
ๆ
หมับ!!
“อาระ
อาระ ทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ?”
และกว่าทั้งสองจะรู้ตัวอีกทีก็มีมือเอื้อมมาจับไหล่เอาไว้คนละข้าง
พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกที่มันทั้งน่าขนลุกและน่าหวาดหวั่นสำหรับเร็นโงคุกับโทมิโอกะยิ่งกว่าครั้งไหน
ๆ
“อะ...โอ้!
ชิโนบุเองหรือ?” เสาหลักเพลิงเป็นคนแรกที่เอ่ยทักผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจนแทบบังคับเอาไว้ไม่อยู่
ใบหน้าก็ซีดเซียวยิ่งกว่ายามได้เห็นรอยยิ้มหวานของหญิงสาวกับออร่านุ่มฟูที่มันช่างตรงกันข้ามบรรยากาศตอนนี้สิ้นเชิง
“แหม
ๆ ดิฉันดีใจจังเลยที่คุณเร็นโงคุยังกล่าวคำทักทายกันได้
ทั้งที่กำลังสร้างความวุ่นวายให้กับตำหนักดิฉันแท้ ๆ”
“เอ่อ”
ยิ่งได้ยินประโยคจากปากของเสาหลักแมลงพ่วงตำแหน่งเจ้าของตำหนักผีเสื้อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เร็นโงคุก็ยิ่งอยู่ไม่สุขจนต้องหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคนข้าง ๆ
“ข้าไม่ได้สร้างความวุ่นวาย
ข้าแค่ประลองดาบกับเร็นโงคุ”
“=[]=”
แล้วเจ้าจะยิ่งไปสุมเพลิงโทสะของชิโนบุเพิ่มอีกทำไมกันเล่าเจ้าบ้าโทมิโอกะ!!!
“คุณโทมิโอกะกำลังจะบอกกับดิฉันว่าคุณไม่มีความผิดงั้นหรือคะ”
ชิโนบุพยายามทำให้ใจเย็นลงพร้อมกับเอ่ยถามเสาหลักวารีที่หันหน้าหนีไปทางอื่นราวกับว่าเรื่องที่ตนกำลังก่อนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
หาใช่ความผิดของเจ้าตัวไม่ และพอได้ยินคำตอบถัดมาจากปากของอีกฝ่าย
ความใจเย็นทั้งหมดก็ล้วนหายไปเหลือไว้เพียงแต่รอยยิ้มเหี้ยมบนใบหน้างดงามของเสาหลักแมลงเท่านั้น
“ข้าไม่ผิด”
ตึง!!!
“เฮือก!!”
เร็นโงคุถึงกับสะดุ้งโหยงราวกับเจ้าตัวได้ยินเสียงสะเทือนดั่งอะไรบางอย่างขาดออกจากกันและหล่นกระแทกกับพื้น
ใบหน้าซีดเซียวของเสาหลักเพลิงค่อย ๆ
หันไปมองหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงเบื้องหน้าก็เป็นต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
ยามดวงตาของตนเห็นแสงสีเงินสะท้อนอยู่บนคมดาบที่ตวัดขึ้นจ่อบริเวณลำคอของเขากับคนข้าง
ๆ
“ไม่ผิดงั้นรึ...ก็ได้ค่ะ
การประลองดาบในครั้งนี้ของพวกคุณไม่มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ชะ...ชิโนบุ”
“ในเมื่อไม่มีความผิด
ฉะนั้นหากดิฉันจะเข้าร่วมด้วยก็คงไม่เสียหายอะไรใช่ไหมคะ?”
หากกล่าวว่าในบรรดาเสาหลักใครนั้นน่ากลัวที่สุดสำหรับเร็นโงคุที่มักแอบจดบันทึกจับอันดับอย่างลึก
ๆ เจ้าตัวก็พร้อมจะชี้แจงอธิบายให้เข้าใจอย่างชัดถ้อยชำคำ
บันทึกการจับอันดับความน่ากลัวของเหล่าเสาหลักในหน่วยพิฆาตอสูร
หมวดหมู่ความโกรธเกรี้ยวอันน่าหวาดผวา ผู้ถือครองอันดับสองคือเสาหลักความรัก คันโรจิ
มิตสึริ ส่วนอันดับหนึ่งย่อมเป็นสตรีที่กำลังส่งยิ้มหวานดั่งน้ำผึ้งเดือนหน้าของตรงหน้าของเขา
“เอาละ...จะให้ดิฉันเชือดใครทิ้งก่อนดีละคะ?”
โคโจ ชิโนบุคือบุคคลที่เร็นโงคุ เคียวจูโร่กลัวที่สุดในบรรดาเสาหลักทั้งหมด
และคิดว่าเสาหลักคนอื่นที่เหลือย่อมคิดเช่นเดียวกับเขาทุกประการ
[100/100]
ขอร้องอย่าพึ่งสาปกันนร้าาาาาาาาาาา
แงงงงง คือว่าช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาอัพจนปล่อยดองยาว ๆ หลายเรื่องก็คือติดเกมค่ะ 55555
พอดีกำลังเข้าลัทธิป่วยดาบอยู่ง่ะ (ปั่นเวลให้เหล่าหนุ่มดาบวนไป) แถมลืมเนื้อหาเรื่องนี้ไปหมดแล้วด้วย
กว่าจะแต่งส่วนที่เหลือออกมาจนถึงตอนนี้คือมือหงิกกันไปข้างเลยค่ะ มุแงงงงงงงง
ไม่ขอบอกนะว่าจะมาอัพตอนไหนอีก แต่ถ้ามีไฟก็จะมาถี่ ๆ นะคะ
กราบขอขมาคนอ่านอีกครั้งค่ะ #นั่งพับเพียบประนมมือ
ความคิดเห็น