คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เด๋อกับเด๋อมาเจอกัน : CHAPTER 07 (100/100)
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
เคร้ง!!!
สันน้ำแข็งมากมายถูกปล่อยออกมาแช่ก้อนเนื้อน่าขยะแขยงครั้งแล้วครั้งเล่า
ดวงตาสองสีกวาดมองคนรอบข้างที่เริ่มเหนื่อยล้าจากการใช้กำลังกำจัดพวกก้อนเนื้อนี่ทุกที
มือข้างซ้ายปล่อยเปลวเพลิงเผาไหม้หนึ่งในก้อนเนื้อที่ทำท่าจะกลืนกินตัวเขาจนเนื้อก้อนนั้นไม่ต่างจากสเต๊กที่พร้อมเสริ์ฟถึงที่
ในระหว่างที่โชโตะกำลังง่วนอยู่กับการแช่แข็งและเผาไหม้ก้อนเนื้อในโบกี้รถไฟ
ทางด้านทันจิโร่กับเร็นโกคุก็มุ่งไปยังหัวขบวนที่มีร่างของอสูรข้างแรมลำดับที่หนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว
รอยยิ้มอันเสแสร้งมอบให้แก่นักล่าอสูรทั้งสองพร้อมกับการต่อสู้ที่เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
เปลวเพลิงที่ไม่ต่างจากด้านซ้ายของโทโดโรกิลุกโชกช่วงอย่างงดงาม
และเพราะมัวแต่ชื่นชมความงามนั่นจนลืมไปแล้วว่ารอบข้างของโชโตะตอนนี้กำลังมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อ้าปากเตรียมงับเขาเข้าไปทั้งตัว
“อู้วววว!!!!”
“เนซึโกะจัง!!!”
เซ็นนิสึตตะโกนเรียกสาวน้อยอสูรอย่างตกใจ
ครั้นจะพุ่งเข้าไปช่วยก็ดันถูกขวางด้วยก้อนเนื้อน่ารำคาญพวกนี้ แต่ก็ได้อิโนะซึเกะที่กระโดดเข้ามาฟันก้อนเนื้อน่าขยะแขยงพวกนั้นขาดออกเป็นสองท่อน
“อย่ามัวแต่เหม่อเซ่เจ้าโทโกรากิ!!!”
“โทโดโรกิต่างหากเล่าเจ้าบ้า!!!”
เซ็นนิสึหันมาตบมุขเพื่อนหัวหมูป่าอย่างลืมตัว
ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างจดจ่อกับศัตรูรอบข้างอีกครั้ง
โชโตะที่เกือบจะทำให้สาวน้อยอสูรที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวบาดเจ็บก็พลอยรู้สึกกังวลขึ้นมาว่าหากพวกเรายังต่อสู้ยืดยื้อไปมากกว่านี้มันคงไม่ดีแน่
โดยเฉพาะกับเขาที่เอาแต่ใช้ซีกขวามาตลอดจนตามแขนเริ่มมีน้ำแข็งกัดกินผิวหนังทีล่ะนิด
ขืนปล่อยไว้นายกว่านี้ทุกคนต้องแพ้ให้กับก้อนเนื้อน่าขยะแขยงแน่ๆ
“ทะ...ทำไมมันถึงสั่นแบบนี้ล่ะ!!!” ในขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น รถไฟนิรันดร์ก็เกิดการสั่นไปมาอย่างรุนแรงเหมือนกับกำลังจะตกจากรางอย่างงั้นแหล่ะ
ตกจากรางงั้นเหรอ?
“หาที่เกาะเร็วเข้า!!”
โชโตะตะโกนบอกทั้งสองคน ก่อนจะคว้าเนซึโกะเอาไว้และสร้างฐานน้ำแข็งขนาดใหญ่โอบล้อมรอบตัวพวกเขาเอาไว้
และมันก้จริงอย่างที่คิดทันทีที่สร้างความปลอดภัยให้แก่บุคคลทั้งสี่เสร็จ
รถไฟนิรันดร์ก็เกิดการพลิกคว่ำหลุดออกจากรางพร้อมกับการต่อสู้สุดท้ายที่ทันจิโร่กับเร็นโกคุสามารถเอาชนะศัตรูที่อยู่ตรงหัวขบวนได้สำเร็จ
“ทันจิโร่กับคุณเร็นโกคุจัดการศัตรูได้แล้วสินะ”
เซ็นนิซึกล่าวขึ้นในขณะที่สองมือพยายามช่วยผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บจากรถไฟตกรางออกมา
ก่อนที่สติที่เหลือของเขาจะหมดลงพร้อมกับเด็กชายหญิงที่ช่วยเอาไว้อยู่บนตัว
ส่วนอิโนซึเกะที่ยังเหลือแรงอยู่ก็พยายามลากคนอื่นๆออกมาทีล่ะคนตามคำสั่งของโชโตะที่หยุดนิ่งมองไปยังที่มาของเพลิงสีส้มที่ลุกโชนเหมือนดวงตะวัน
“นั่นมันอะไรกัน” ดวงตาสองสีจ้องมองภาพตรงหน้านิ่ง
ก่อนที่จะเห็นเจ้าเด็กหัวหมูป่าวิ่งพรวดพราดไปทางนั้นโดยทิ้งให้เขารับหน้าที่ช่วยเหลือคนเจ็บกับน้องสาวอสูรเพียงสองคน
“จะตามไปด้วยพี่ชายของเธอก็ได้นะ”
โชโตะหันไปบอกเนซึโกะที่ยืนอยู่ข้างๆ
ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์แต่เขาดันเข้าใจนี่น่ะสิ
“อู้วๆๆ”
“จะอยู่ช่วยฉันก่อนไปหาพวกนั้นสินะ”
“อู้ววววว”
“งั้นมาช่วยกันเถอะเนซึโกะ”
“อู้ว!!!”
และแล้วสองพี่น้องไม่แท้ก็ช่วยกันทยอยคนบาดเจ็บออกจากรถไฟที่เหมือนกลับรังของก้อนเนื้อน่าขยะแขยงออกมาทีล่ะคนสองคน
แถมทั้งคู่ก็หลงลืมไปแล้วว่าอีกฝากนั้นกำลังเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือดมากขนาดไหน
โดยเฉพาะกับการพบเจออสูรข้างขึ้นที่ทั้งเก่งกาจและมากประสบการณ์จนแม้แต่ทันจิโร่ก็สู้ไม่ได้
มีเพียงเร็นโกคุ
เคียวจูโร่เท่านั้นที่มีพลังต่อกรกับอีกฝ่ายได้อยู่สูสี
อันที่จริงอสูรตนนี้มาเพื่อปะทะฝีมือกับหนึ่งในเสาหลักของนักฆ่าอสูรอยู่แล้ว
สำหรับนักฆ่าอสูรในตำแหน่งอันน้อยนิดอย่างทันจิโร่และอิโนะซึเกะไม่อยู่ในสายของอสูรผมชมพูผู้นี้หรอก
เป็นเพียงแค่มดปลวดที่บี้ครั้งเดียวก็ตายแล้วแบบนั้นไม่เห็นน่าสนใจเลยสักนิด
“ทำให้ข้าสนุกกว่านี้เซ่เคียวจูโร่!!!”
หลังจากที่ปะทะกันด้วยมนต์อสูรกับปรานเพลิงแล้ว
คนที่ได้รับบาดแผลจนเลือดอาบกลับเป็นเสาหลักเพลิงผู้เก่งกาจ ส่วนอสูรผู้นั้นกลับไร้บาดแผลราวกับพลังทำลายล้างเมื่อกี๊ไม่สามารถอะไรอสูรข้างขึ้นตอนนี้ได้
และยิ่งเห็นท่าทางของอีกฝ่ายมันยิ่งทำให้ความกระหายในชัยชนะของอสูรผู้นี้เพิ่มสูงขึ้นจนแทบจะอดใจรอเวลาที่มือคู่นี้พุ่งทะลุล่างของเสาหลักเพลิงคนนั้นไม่ไหว
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางตายตราบใดที่ยังไม่ฟันโดนคอของเจ้า” เร็นโกคุเอ่ยกับอสูรตรงหน้า
แม้ร่างกายของเขาจะยืนแทบไม่พ้นเพราะเสียเลือดจากบาดแผล
แต่ยังไงซะในฐานะเสาหลักผู้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดย่อมต้องคิดถึงชีวิตของคนด้านหลังที่ยังสามารถเติบโตขึ้นไปได้อีก
โดยเฉพาะเด็กสองคนด้านหลังที่กำลังมองมาทางนี้ด้วยความกังวลเกี่ยวกับอาการของเสาหลักเพลิงคนนี้
แต่หากเขาไม่ยืนหยัดต่อสู้กับอสูรตรงหน้า
ตำแหน่งเสาหลักแห่งเพลิงมันก็แค่ชื่อเสียงที่ไร้ซึ่งความศักดิ์ที่เขายึดถือ!!
ต่อให้ต้องตายก็ไม่เป็นไร
หากทำให้เด็กพวกนั้นปลอดภัยเขาก็ไม่เกี่ยง!!!
“เจ้านี่เหมาะจะเป็นอสูรจริงๆเคียวจูโร่”
อสูรจันทร์ข้างขึ้นอันดับสามนามว่าอาคาซะเอ่ยกับชายหนุ่มที่เขาอยากได้มาเป็นอสูรเหมือนกับตน
โดยเฉพาะแววตาที่ไม่หวั่นไหวนั่นแม้ตัวจะตายก็ยังไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย
อยากได้...อยากได้เจ้านั่นมาเป็นพวก!!
ถ้าได้เจ้านั่นมาเป็นพวกล่ะก็…
“ข้าก็จะสู้กับเจ้าได้ตลอดไปยังไงล่ะ!!!!”
กล่าวด้วยสีหน้าปรีดาก่อนที่ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจะพุ่งเข้ามาเสาหลักเพลิงด้วยความรวดเร็วจนพวกทันจิโร่ไม่สามารถมองมันด้วยตาเปล่าได้
“เร็วโกคุซัง!!!” ทันจิโร่ตะโกนเรียกเสาหลักที่ตนนับถือไม่ต่างจากเสาหลักวารีเสียงดังลั่น
ทว่าความหวาดกลัวของเขากลับถูกหยุดด้วยพลังที่มีความร้อนสูงไม่แพ้ปรานเพลิงพุ่งผ่านหน้าเข้าไปยังอสูรข้างขึ้นลำดับสามนั่นอย่างรวดเร็ว
เพลิงสีส้มที่มีอุณหภูมิสูงพุ่งเข้าใส่ร่างของอสูรหัวสีชมพูจนต้องหลบหลีกจากเหยื่อที่เกือบจะโดนมนต์อสูรอยู่ในไม่ช้า
เร็นโกคุเบิกตากว้างมองเพลิงสีส้มลุกโชนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเพลิงอันตรายที่กำลังใช้ดวงตาสองสีจ้องมองมาทางนี้
เจ้าหนูนั่นช่วยเขาเอาไว้งั้นเหรอ?
“เจ้าเป็นใคร
ทำไมถึงมีพลังนั่นได้!!” เสียงเกรี้ยกราดของอสูรข้างขึ้นลำดับที่สาม
ตะโกนออกมา
ดวงตาจ้องมองมนุษย์แปลกหน้าอย่างโกรธแค้นก่อนจะชะงักเมื่อขาทั้งสองข้างถูกน้ำแข็งจับกุมเอาไว้แน่น
เจ้ามนุษย์ประหลาดนั่นมีพลังเหมือนกับมนต์อสูร!!!
“โชโตะคุง”
“ขอโทษด้วยที่ต้องมาขัดจังหวะ” น้ำเสียงราบเรียบของเด็กหนุ่มผมสองสีเอ่ยขึ้นในขณะที่ข้างกายก็มีร่างของสาวน้อยเนซึโกะยกกำปั้นไปมาเพื่อบอกว่าสู้ๆอย่าแพ้ศัตรูเด็ดขาด
และเพราะรู้ว่าศัตรูหัวชมพูแปลกตานั่นเป็นอสูรที่แข็งแกร่งมากกว่าอสูรตนอื่นที่ผ่านมา
เพลิงในมือซ้ายก็พวยพุ่งออกมาเพื่อโจมตีศัตรูที่อันตรายมากกว่าวิลเลินในโลกของเขา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่วายร้ายแต่เป็นอสูรที่กินมนุษย์
เพราะฉะนั้นต้องกำจัดหรือไล่ไปให้พ้นจากที่นี่
“ผมคงปล่อยให้เสาหลักคนนั้นตายไม่ได้
เพราะฉะนั้น...”
ความเย็นยะเยือกจากข้างขวาที่สร้างสันน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมาครอบคลุมพื้นที่แห่งนี้เป็นวงกว้างชวนน่าขนลุกในสายตาของพวกทันจิโร่กับเร็นโกคุที่พึ่งได้เห็นพลังน่าพิศวงนี่ใกล้ชิดขนาดนี้
ภาพตรงนั้นมันทั้งสวยงามและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกันจนเผลอคิดว่าถ้าหากโลกนี้มีมนุษย์ที่มีพลังพิเศษเหมือนกับโทโดโรกิ
โชโตะอีกคนสองคนมันจะเกิดอะไรขึ้น
เหล่าอสูรจะหายไปและโลกกลับมาสงบสุข
หรือหากอยู่ฝั่งอสูรเหล่ามนุษยชาติที่เหลือจะสูญสิ้นหรือไม่
นับเป็นโชคดีของพวกเขาที่ได้เด็กคนนี้มาเป็นพวกเดียวกัน
มิเช่นนั้นคงกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าคิบุตสึจิ
มุซัน
“เจ้าก็เป็นคนที่แข็งแกร่งเหมือนกันสินะ!!!!”
อาคาซะที่มีนิสัยชอบสู้กับคนแข็งแกร่งก็อดจนฉีกยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวแหลมคมของตัวเองขึ้นมาไม่ได้
ความกระหายกำลังกลืนกินอสูรตนนี้ให้กลายเป็นอสูรร้ายกาจมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะการตั้งท่าเพื่อใช้มนต์อสูรอีกครั้ง
ถูกชะตา...เขารู้สึกถูกชะตากับเจ้าเด็กในชุดประหลาดนั่น
หากจับไปให้ท่านมุซันและขอร้องให้เปลี่ยนเป็นอสูร
จะต้องกลายเป็นอสูรที่แข็งแกร่งและเขาก็จะสู้กับอีกฝ่ายได้ทุกเวลา
จากที่เคยต้องการให้เร็นโกคุเป็นอสูร
ดันเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเด็กหนุ่มผมสองสีที่กำลังเปลี่ยนมือซ้ายให้เป็นเพลิงดาวหางเพื่อสร้างระเบิดลูกใหญ่เหมือนกับเมื่อตอนนั้น
และอนุภาพมันต้องรุนแรงยิ่งกว่าตอนเวทีระเบิดเป็นจุลไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ใช่แล้ว...โทโดโรกิ
โชโตะกำลังทำแบบเดียวกับที่เคยสู้กับมิโดริยะในงานกีฬายูเอย์
“มาเป็นอสูรกับข้าดีกว่าเจ้าหนู!!!”
“โชโตะคุง!!!!”
ทันจิโร่ตะโกนเรียกเพื่อนที่ตนนับถือเหมือนพี่น้อง
ก่อนที่เขาและคนอื่นๆจะหมอบลงกับพื้นยามที่เพลิงดาวหางนั่นกำลังรวมเป็นหนึ่งกับน้ำแข็งมหึมา
ก่อนที่เสียงกัมปนาทอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างอันแสนร้ายกาจจะดังขึ้นพร้อมแรงสั่นสะเทือนยิ่งกว่าแผ่นดินไหวและแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปไม่รู้ตั้งกี่กิโล
ตู้มมมมมมมมม!!!!!!!!!
ระเบิดลูกใหญ่แสดงอิทธิฤทธิ์ก่อนจะเผยให้เห็นร่างสมส่วนของเด็กหนุ่มผมสองสีที่กำลังยืนมองศัตรูที่ถูกระเบิดปลิวกระเด็นไปไกลในสภาพเสื้อด้านบนขาดไปครึ่งหนึ่ง
“สำเร็จไหม??”
เอ่ยพึมพำกับตนเองแต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่ออสูรหัวชมพูที่โดนพลังของเขาไปเต็มๆดันมีสภาพแค่แขนขาดกับแผลฉกรรจ์บางส่วนเท่านั้น
และมันก็กำลังถูกรักษาให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
เป็นอมตะจริงๆด้วย
ถ้าไม่บั่นคอก็ไม่อาจฆ่าได้สินะ
แต่โทโดโรกิ
โชโตะผู้นี้ดันใช้ดาบไม่เป็นเนี่ยน่ะสิ
หรือไปยืมของทันจิโร่มาและเหวี่ยงมั่วๆดีนะ?
“แข็งแกร่ง
เจ้านี่แข็งแกร่งจริงๆ”
อาคาซะที่กำลังฟื้นร่างกายกลับมาเป็นปกติก็ยิ่งต้องการพาอีกฝ่ายกลับไปมากขึ้น
และหากเขาไม่ได้เจ้าเด็กหัวประหลาดนั่นกลับไปล่ะก็ เขาไม่ยอมเด็ดขาด!!!
ทว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย
ในเมื่อเสาหลักเพลิงอย่างเร็นโกคุและทันจิโร่กลับพุ่งตัวเข้ามาเพื่อหวังบั่นคอของอีกฝ่าย
โดยมีน้ำแข็งของโชโตะตีแผ่เป็นวงกว้างเพื่อจับอสูรนั่นให้หยุดอยู่กับที่
ทว่าอสูรตนนั้นดันฉลาดเกินไปถึงได้หนีถอยห่างและตัดสินที่จะยอมแพ้กับการพาตัวเขากลับไปเสียก่อน
หากยังดิ้นรนต่อไปก็มีแต่จะถูกฆ่าเร็วยิ่งขึ้น
“ครั้งหน้าข้าจะมาพาเจ้าไปเจ้าเด็กประหลาด
ข้าจะให้ท่านมุซันเปลี่ยนเจ้าให้เป็นเหมือนกับข้า
บังคับให้เจ้าสู้กับข้าต่อให้ข้าฆ่าเจ้าหรือตัดแขนตัดขาเจ้า เจ้าก็จะไม่มีวันตาย
น่าสนุก!! มันน่าสนุกจริงๆ!! อ๊ากกกกเจ็บบบบ!!!!!”
เพราะความรำคาญหรือเหนื่อยจนอยากจะพักและนอนอยู่บนเสื่อทาทามิ
โชโตะเลยตัดสินใจคว้าดาบในมือของทันจิโร่ก่อนจะขว้างมันไปทะลุหน้าอกของอสูรหัวชมพูจนส่งเสียงร้องลั่นป่า
ครั้นจะสร้างระเบิดลูกเล็กขึ้นมาเพื่อไล่คนน่ารำคาญนั่นไปให้พ้นๆอีกรอบ
อีกฝ่ายก็ไม่ยอมอยู่ให้เห็นหัวชมพูๆนั่นอีกแล้วดันแผ่นแนบหายไปอย่างไร้ร่องรอยซะได้
“ดะ...ดาบของฉัน”
ทันจิโร่แทบหลั่งน้ำตาออกเป็นสายเลือดยามที่เห็นดาบของตนถูกเสียบคาตัวอสูรข้างขึ้นหายไปไม่เหลือทิ้งไว้ให้บอกลาเลยแม้แต่น้อย
ครั้งจะหันไปต่อว่าคนข้างกายก็ดันเห็นสีแววตาหงุดหงิดกับใบหน้ารูปปั้นมองกลับมาตาขวางจนต้องสงบปากสงบคำไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก
สงสัยคงต้องโดนดุชุดใหญ่อีกแล้วแน่ๆ
และคงถูกจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่านักล่าอสูรหน้าใหม่อย่างคามาโดะ ทันจิโร่เป็นผู้ใช้ดาบนิจิรินสิ้นเปลืองที่สุด!!
กิยูซังครับ....น้องชายของท่านนี่มันปีศาจในคราบเทพบุตรชัดๆ
[100/100]
น้องเด๋อกลับมาแล้วค่าาาาาาา
อีก 10 วันก็ครบ 4 เดือนที่ปล่อยดองไว้ 5555555555555
เอาเป็นว่ากลับมาแล้วเนอะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะต่อกับตอนที่แล้วไหม
อาจจะมึนๆ งงๆ ก็ได้เดี๋ยวจะเรียบเรียงใหม่อีกครั้งนะคะ
ถ้าแจ้งเตือนและทุกคนอ่านแล้วก็เม้นให้กำลังใจกันหน่อยเด้อออออ
ความคิดเห็น