คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 06 : ลาก่อนอิตาลีที่น่าคิดถึง
*ยังไม่แก้คำผิด*
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอคลอไปกับเสียงน้ำที่กำลังหยดลงอย่างเชื่องช้า
ร่างเล็กของเด็กน้อยอายุ 12 ปีกำลังเดินอยู่ใต้ปราสาทของวองโกเล่ อันเป็นสถานที่จองจำราชสีห์ผู้มีดวงตาสีแดงฉานราวกับเลือดและมีความร้ายกาจจนทำให้วองโลเล่ปั่นป่วนมาแล้ว
ยูกิยืนมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงยืนหลับตานิ่งดั่งเช่นทุกวัน
ไม่มีวันไหนที่เปลือกตาสีแทนของคนตรงหน้าจะลืมขึ้นมาจ้องมองเลยสักวัน
น้ำแข็งที่ปกคลุมร่างยังคงแผ่ไอเย็นออกมาให้รู้สึกหนาวเย็นยะเยือกไม่ต่างจากความรู้สึกของยูกิในตอนนี้
มันทั้งหนาว
โดดเดี่ยว และอ้างว้างเสียเหลือเกิน
“คุณป๋า”เสียงหวานเอ่ยเรียกผู้ปกครองตนเองแผ่วเบา
ดวงตาสีแดงฉายแววหม่นหมองเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างไม่ปิดบัง
“นี่มัน
5 ปีแล้วนะ”มือเล็กทาบลงบนน้ำแข็งตรงหน้า
ก่อนจะลูบไล้มันไปมา “ทำไมคุณป๋าถึงยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาทีล่ะ?”
5 ปีที่ต้องเห็นคนสำคัญถูกแช่แข็งต่อหน้าต่อตา
5
ปีที่เห็นพี่เลี้ยงหมายเลขหนึ่งพยายามฝ่าพันกลุ่นคนชุดดำเพื่อพาเขากลับไปยังสถานที่แห่งความสุข
5
ปีที่ต้องอยู่ในปราสาทใหญ่ๆที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า
5
ปีที่มันทั้งอ้างว้าง ทั้งเหงา และอยากจะร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่เพียงลำพัง
และ
5 ปีที่คิบาริ ยูกิโตะเฝ้ารอชายหนุ่มตรงหน้าตื่นขึ้นมาอย่างลมๆแล้งๆ
ไม่ว่าจะพยายามส่งเสียงเรียกขนาดไหน
คุณป๋าก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาหายูกิซะที
“วันนี้ผมหลงป่าด้วยล่ะ”ร่างน้อยทรุดตัวนั่งพิงกำแพงอยู่ข้างๆก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่ตัวเองพบเจอมาในวันนี้
เหมือนทุกครั้งที่ยูกิมักจะมาอยู่เป็นเพื่อนซันซัสไม่ว่าจะตอนอยู่วาเรียหรือตอนนี้
เด็กน้อยก็ยังไม่เคยลืมคำประกาศิตแรกของชายหนุ่มเลยสักครั้ง
“ตอนแรกผมก็ลังเลที่จะตอบตกลงเขานะ
เพราะผมมีความหวังว่าคุณป๋าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่า…”
“….”
“ก็ยังผิดหวังอยู่เหมือนเดิม”
ผิดหวังซ้ำๆซากๆ
ผิดหวังจนอยากจะแหกกรงที่คลอบอยู่ออกไปสู่โลกภายนอกสักครั้ง
“นี่คุณป๋า
ผมตัดสินใจแล้วล่ะ”ยูกิลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเป่าดินออกจากเสื้อผ้าของตนเอง
ร่างน้อยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ผมจะไปจากที่นี่”
“….”
“ผมจะเดินทางไปกับเขา
ไปยังโลกภายนอกที่มีสิ่งที่ผมอยากจะเรียนรู้และอยากเห็นมันด้วยตาสักครั้ง”
“….”
“และผมก็จะไม่บอกด้วยว่าจะไปที่ไหน
ถ้าคุณป๋าได้ยินแล้วตื่นขึ้นมาแล้วอาละวาดถามพวกสคลอโล่หรือคุณปู่ทิโมล่ะก็
อย่าได้หวังเลยเพราะผมจะไม่บอกใครทั้งนั้น”ยูกิยู่ปากใส่คุณป๋าจอมขี้เซา
ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวงอนมากขนาดไหน
หึ!
ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่เชื่อเลยว่าเจ้าตัวต้องออกตามหาเขาแน่ๆ
เพราะฉะนั้นยูกิจะเอาคืนคุณป๋า!!!
ถือว่าเป็นบทลงโทษที่ปล่อยให้เขารออีกฝ่ายมานานก็แล้วกัน
ดวงตาสีแดงจ้องมองใบหน้าของผู้ปกครองคนสำคัญเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็น
เขาพยายามเก็บรายละเอียดของอีกฝ่ายและจดจำเอาไว้ให้มากที่สุดเพราะต่างจากนี้ยูกิคงไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของคุณป๋าอีกต่อไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่
แต่คำประกาศิตครั้งสุดท้ายนั่นคิบาระ
ยูกิโตะยังคงยึดมั่นอยู่เสมอ
“ผมจะรอวันที่ได้พบกับคุณป๋าอีกครั้งนะ”รอยยิ้มที่ดูสดใสที่สุดแต่งแต้มบนใบหน้าหวานพร้อมกับประโยคสุดท้ายที่แผ่วเบาลงและเลือนหายไปตามกาลเวลา
“อย่าลืมออกตามหาผมล่ะซันซัส”
Precious treasure
“ผมนึกว่าคุณจะไม่มาตามนัดเสียอีก”
พอมาถึงป่าที่พบเจอกันครั้งแรก
เสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพและอ่อนโยนก็เอ่ยทักขึ้นอย่างหยอกล้อ
โดยบนกลุ่มผมสีดำมีเจ้าจ๋อนั่งกินลูกท้ออย่างเอร็ดอร่อย
เช่นเดียวกับบนหัวของยูกิที่มีเจ้านกตัวป้อมสีขาวนามว่าจีโน่กำลังนอนหงายขี้มูกโป่งอย่างสบายอารมณ์
“ก็ผมตัดสินใจแล้วนี่หน่า”ยูกิกระชับเป้ด้านหลังของตัวเองเอาไว้มั่น ก่อนจะหันมาถามผู้ดูแลคนใหม่ว่า
“แล้วเราจะนอกประเทศยังไง
ในเมื่อต้องมีการตรวจหนังสือเดินทาง”
ตอนแรกก็คิดว่าทารกตรงหน้าคงเตรียมหนังสือเดินทางหรือไม่ก็แผนดีๆเอาไว้รออยู่ก่อนแล้ว
แต่พอได้ยินจากปากเท่านั่นแหล่ะ
“เราก็แอบขึ้นเครื่องไปยังไงล่ะครับ”
“เอ๋!!!”
อยากจะจับมายืดแก้มนั่นให้ฉีกออกจากกันชะมัด!!!
แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากที่มาม่อนกับเบลชอบใช้กันเลยนี่!!
“ก็แหม...พวกเรากำลังจะหนีไปด้วยกันนะครับ
ขืนเปิดเผยตัวออกไปก็ถูกจับได้กันพอดี”
แต่ก็ไม่ใช่จะแอบขึ้นไปเหมือนคนต่างด้าวหนีเข้าประเทศแบบนี้เซ่!!!
เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันไหมนะ?
ฟงที่เห็นคนเด็กกว่ากำลังยืนพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ก็ถึงกับยกชายเสื้อปิดปาก
กลั้นเสียงหัวเราะกับท่าทางตลกๆปนน่ารักของคนตรงหน้า
รอยยิ้มที่หาได้ยากจากชายหนุ่มในร่างเด็กฉายประดับบนใบหน้า
ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนกลุ่มผมสีดำที่มันทั้งนุ่มทั้งนิ่ม
แถมยังมีการดันเจ้านกตัวป้อมให้ล่วงลงไปข้างล่าง
สร้างความไม่พอใจให้กับจีโน่ที่กำลังตีปีกส่งเสียงแหลมเล็กกับประโยคซ้ำๆใส่ทารกบนหัวของผู้เป็นเจ้านาย
“ขโมย~...ขโมย~...นิสัยไม่ดี~”
“แฮ่มๆ
ผมว่าเรารีบออกเดินทางกันดีกว่า”ฟงรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเอ่ยบอกคนที่กลายมาเป็นเบาะนั่งให้กับเขา
ซึ่งสีหน้าของยูกิตอนนี้มันทั้งเหนื่อยใจกับการกระทำของอีกคนสุดๆ
เห็นเป็นคนสุภาพ
อ่อนโยน อบอุ่นแบบนี้ ก็มีด้านมืดร้ายๆเหมือนกันแฮะ
เอาเถอะ...ตอนนี้ทั้งยูกิและฟงก็ร่วมหัวจมท้ายกลายเป็นคู่หูตัวติดกันไปแล้ว
คงต้องอยู่กับอีกฝ่ายให้รอดพ้นจากหูตาของวองโกเล่จนไปถึงญี่ปุ่นด้วยเถอะ
“ก่อนอื่นผมจะพาคุณไปที่จีนก่อนจะไปญี่ปุ่น”
“ทำไมล่ะ?”เสียงหวานถามกลับไปทันที พร้อมกับความไม่พอใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายผิดคำพูด แต่พอได้ฟังเหตุผลแล้ว
“ไปรับลูกศิษย์น่ะครับ
ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นอยู่ที่นั่นคนเดียว”
หายงอนก็ได้ -3-
“เห~ไม่คิดว่าคนอย่างฟงจะมีลูกศิษย์กับเขาด้วย”
“มันแปลกเหรอครับ?”
“ก็ไม่นี่”ยูกิส่ายหน้าไปมา
ขนาดมาม่อนยังมีลูกน้องแล้วทารกบนหัวของเขาจะมีลูกศิษย์มันก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แล้ว
อันที่จริงยูกิเลิกแปลกใจตั้งแต่เห็นนิสัยประหลาดๆของเหล่าพี่เลี้ยงพวกนั้นตั้งนานแล้วล่ะ
“เห็นแบบนี้ผมก็อายุมากกว่าคุณหลายปีเลยนะครับ”
“จริงเหรอ?
ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ฟงก็ต้องมีภรรยากับลูกแล้วน่ะสิ”ยูกิก็แค่แหย่อีกฝ่ายเล่นๆเท่านั้นแหล่ะ
แต่คำตอบที่ได้กลับมาสร้างความงุนงงให้กับเด็กน้อยอายุ 12
คนนี้ที่ยังไม่รู้ทันคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย
“ผมโสดครับ
แต่อีกไม่นานก็น่าจะมีแล้วล่ะ แค่รอให้เติบโตพ้นข้อหาจากกฎบ้านเมืองซะหน่อย”
“หืม???”
“รีบไปกันดีกว่าครับ”
“อื้อ!!!”
และแล้วการเดินทางใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น
และหลังจากปราสาทวองโกเล่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
พร้อมกับเหล่าคนชุดดำจำนวนมากพุ่งออกจากปราสาทเพื่อค้นหาคุณหนูตัวน้อยที่บัดนี้ไร้วี่แววอยู่บนเตียงนอน
กว่าจะรู้ตัวอีกที....
คิบาระ
ยูกิโตะก็หนีออกนอกประเทศไปเสียแล้ว
ลาก่อนอิตาลีที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
คงอีกนานกว่าจะได้กลับมา
และเวลานี้เกมซ่อนหาระหว่างยูกิกับเหล่าวาเรียก็เริ่มต้นขึ้น
////แถมอีกนิด////
ปราสาทวาเรีย
ซิ้ง!!!!
“เป็นอะไรไปน่ะเบล?”
เพราะจิตสังหารที่รุนแรงของเด็กหนุ่มผมทองที่สวมมงกุฎเอาไว้บนหัวก็พาเอาบรรยากาศรอบข้างติดลบในเวลารวดเร็ว
มีดสีเงินที่ควงอยู่บนนิ้วเรียวกลับถูกขว้างออกไปเสียบลงบนเป้าที่อยู่ห่างจากจุดที่ยืนยิ่งอย่างแม่นยำ
“ชิชิชิ
เจ้าชายสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง แถมยังแย่มากด้วย”
“หืม?
อะไรล่ะ?”มาม่อนเลิกสนใจเงินในมือเพื่อฟังคู่หูที่กำลังอยู่ในสภาพไม่ปกติดเท่าไหร่นัก
มันนานมากแล้วที่เบลจะเกิดอาการลุกลี้ลุกลน
จิตใจไม่เข้าจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าหญิงที่แสนหวงแหน
ไม่มีทางที่เบลจะมีอาการแบบนี้ได้
และความคิดของมาม่อนก็ถูกต้องทุกประการ
เพียงแต่…
“ศัตรูหัวใจของเจ้าชาย!! หมอนั่นกำลังจ้องจะงาบเจ้าหญิงตอนโตอยู่แน่ๆ!!!”
“=___=”
ได้ข่าวว่านายเองก็จ้องจะงาบยูกิตอนอายุ
18 สดๆร้อนๆเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
และไม่ได้มีแค่นาย
ทั้งสคลอโล่และบอสก็คิดแบบเดียวกันอีกด้วย
แต่ก่อนอื่น…
“ฉันมีรูปยูกิใส่หูกระต่ายตอนวันเกิด
10 ขวบในปราสาทวองโกเล่ นายสนใจมันไหม ราคากันเองในฐานะคู่หู”
“ชิชิชิ
เอาเลขบัญชีของเจ้าชายไปเลยมาม่อน เจ้าหญิงต้องเป็นของเจ้าชายคนเดียวเท่านั้น!!!”
ไม่อ่ะ...ก่อนหน้านี้ฉันก็ขายให้สคลอโล่ไปแล้ว
และคิดว่าถ้าบอสตื่นขึ้นมาก็จะขายให้บอสด้วย
ประโยคนี้มาม่อนได้แต่คิดในใจเงียบๆ
ก่อนจะตาลุกวาวยามเห็นตัวเลขบัญชีของคุณเจ้าชายวิปลาสกำลังจะกลายมาเป็นของตนในไม่ช้า
สงสัยต้องเจียกเงินไปซื้อกล้องใหม่ซะแล้วสิ
เวลาแอบถ่ายยูกิจะได้โก่งราคาเจ้าพวกนี้มากขึ้น
ความคิดไม่เลว...
[100/100]
แต่ล่ะคนจ้องจะงาบน้อยตอน 18 เหมือนกันหมดเลยนี่หว่า
ตอนนี้จะดำเนินเรื่องตามอนิเมะแล้วนะคะ
ไม่อยากจะเร่งรัดแต่จะดำเนินไปเรื่อยๆหน้า
ปล.เริ่มตอนที่ 3 เลยนะคะ (หลังจากโกคุเดระมาเรียนที่นามิโมริ)
ความคิดเห็น