คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เด๋อกับเด๋อมาเจอกัน : CHAPTER 06 (100/100)
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
“สะ...สะ...สิ่งนี้มันอะไรกันฟระ!!!!!”
เสียงตะโกนโวยวายของเด็กหนุ่มผู้สวมหมวกหัวหมูป่าดังลั่นทั่วชานชาลา โดยด้านหลังมีเด็กหนุ่มสามคนกำลังทำหน้าเอือมใส่คนที่กำลังเรียกพาหนะขนาดใหญ่และยาวตรงหน้าด้วยชื่อชวนเรียกสายตาแปลกๆจากผู้คนรอบข้างได้อย่างน่าอับอาย
“เจ้านี่มันไอ้นั่นสินะ”
“….”
“เจ้าแห่งแผ่นดิน! ผู้ครองแผ่นดิน!!”
“….”ว่าแล้วเจ้าตัวก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มทั้งสามที่ต่างคนต่างยืนส่งลูกตาสีดำจุดเหมือนไข่ป่าให้กับคนที่กำลังสาธยายถึงความแปลกประหลาดของเจ้าพาหนะนี้
“เห็นไหม!! มันยาวมากแค่ไหนอ่ะ ไม่ผิดแน่ๆ เหมือนมันกำลังหลับอยู่อย่าประมาทเชียวล่ะ!!”
“…..”
โชโตะยืนมองเจ้าหมูป่าที่เอาแต่บอกว่าสิ่งตรงหน้าคือเทพเจ้าด้วยสีหน้าเอือมระอาสุดๆ ใบหน้าหล่อหันไปมองทางอื่นราวกับว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้จักเจ้าบ้านี่ ก่อนจะเป็นคนผมเหลืองที่อายุเท่ากับเขาจะเอ่ยขัดจินตนาการอันสูงส่งของเจ้าหมูป่าด้วยใบหน้าเซ็งกะตาย
“ไม่ใช่หรอก นี่นายไม่เห็นรถไฟเหรอ?”ไม่ทันได้เสริมต่อปากของเซ็นนิตสึก็ถูกมือหยาบกร้านของอิโนะสึเกะปิดเต็มหน้า พร้อมกับมืออีกข้างยกขึ้นมาทาบจมูกสีแดงใหญ่ๆเอาไว้
“เงียบก่อน!!”เสียงแข็งกร้าวเอ่ยสั่งเพื่อนสนิทหัวเหลือง “เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเปิดก่อนให้เอง!!!” ก่อนจะเลื่อนมือมาจับดาบทั้งสองที่เหน็บเอาไว้อยู่ข้างเอวเพื่อเตรียมโจมตัวเจ้ารถไฟที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูไปแล้ว
“หยุดก่อนอิโนะสึเกะ!!”ทันจิโร่รีบเข้ามาห้ามปรามเพื่อนหัวรั้นด้วยใบหน้าจริงจัง ต่างจากเซ็นนิตสึที่ยืนคิ้วกระตุกตาเหลือกเหลือแต่พื้นที่สีขาว ส่วนโชโตะที่ยืนดูดนมสตอเบอรี่ที่ตัวเองเก็บเป็นเสบียงเอาไว้ในกระเป๋าด้านหลัง
โชคดีที่ไม่ได้แช่เย็น เลยทำให้ยืดอายุได้อีกหน่อย แต่ทว่านมที่ดูดเข้าไปอึกใหญ่กลับพุ่งออกจากปากยามได้ยินประโยคต่อมาจากคามาโดะคนพี่
“นายคงจะไม่รู้ มันอาจจะเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ของแผ่นดินก็ได้นะ แล้วนายก็ไม่ควรไปจู่โจมมันทันที._.”
พรวดดดดดด!!!!!
“ชะ...โชโตะคุง!! เป็นอะไรไหม!!”
“แค่กๆๆ”โชโตะยกมือห้ามทันจิโร่เอาไว้ โดยที่ตัวเองก็สำลักจนหน้านิ่งๆเหมือนรูปปั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ
ให้ตายเถอะ...เชื่อแล้วว่าโลกนี้มันล้าหลังกว่าโลกของเขาไม่รู้ตั้งกี่ล้านเท่า!!!!
นี่ถ้าเจ้าสองคนนี้ได้ไปเห็นโลกของเขา คงไม่เรียกเครื่องบินว่าเทพแห่งเวหารึไงกัน!!!
“นี่พวกนายไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ บอกว่ามันคือรถไฟไง รถไฟน่ะ ที่เอาไว้ใช้สำหรับขนส่งคนอ่ะ=__=”เซ็นนิตสึอยากจะทึ้งผมตัวเองและขยี้มันแรงๆชะมัด แต่ติดที่ตอนนี้กำลังอยู่ในที่สาธารณะและก็มีคนพลุ่งพล่านเต็มไปหมด ขืนไปทำตัวแปลกๆยิ่งตกเป็นขี้ปากมากกว่านี้แหงมๆ
ดูเหมือนจะมีแค่เขากับคนหัวสองสีที่ชื่อโทโดโรกิที่รู้จักรถไฟน่ะ
ส่วนอีกสองคนที่เหลือนั้น….
“หืม? รถไฟ? อ๋อ...ที่อีกาบอกนั่นเอง”
พวกบ้านอกเอ๊ย =___=
ยืนทำหน้าจุดไข่ปลาสักพัก จู่ๆอิโนะสึเกะก็เริ่มเดินออกห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบก้าวและหันกลับมาประชันหน้ากับรถไฟนิรันดร์ ท่ามกลางสีหน้าสงสัยของนักล่าอสูรผู้ใช้ปราณวารีกับปราณอัสนี ยกเว้าโชโตะที่ตีเนียนเดินออกห่างความวุ่นวายที่จะเกินขึ้นในอีกไม่ช้า แถมยังพิงกำแพงดูดนมรสโปรดมองเพื่อนร่วมภารกิจด้วยใบหน้าไร้อารมณ์สุดๆ
“ว๊ากกกก พุ่งทะยานเข้าไปเลยเฟ้ยยยยย”
โครม!!!
“หยุดนะโว้ยยยเจ้าบ้า!!!!!”
เซ็นนิตสึกรีดร้องลั่นพร้อมกับวิ่งเข้าไปตะครุบตัวเพื่อนหมูป่าที่พยายามเอาหัวโหม่งเข้าใส่รถไฟลูกเดียว และความโกลาหนก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นดาบเหน็บอยู่ที่เอวของเด็กหนุ่มทั้งสามก็ส่งเสียงโวยวายเตรียมจะเรียกตำรวจลูกเดียว และนั่นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสี่ต้องมายืนหลบมุมห่างไกลผู้คนอยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ
“เพราะอิโนะสึเกะแท้ๆเรื่องมันถึงได้ไปกันใหญ่ ขอโทษมาเลยนะเฟ้ย!!!”พอหนีออกมาได้แล้วเจ้าคนขี้โวยวายและขี้แยก็เร่งหาคำขอโทษจากเพื่อนหัวรั้นทันที
“หา!!! แล้วทำไมพวกเราต้องหนีตำรวจด้วยฟระ!!!”
“เพราะพวกนายไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลยังไงล่ะ”โชโตะเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ ร่างโปร่งโยนกล่องนมเปล่าๆไปมาโดยที่ดวงตาสองสีก็จ้องมองรถไฟตรงหน้าไปด้วย
“โชโตะคุงกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”เพราะอยู่ด้วยกันบ่อยๆ (แต่น้อยกว่าพี่ชายจำเป็น) ทำไมให้ทันจิโร่รู้ว่าเพื่อนผมสองสีนั้นกำลังวิเคราะห์เจ้ารถไฟตรงหน้าอย่างละเอียด
“เจ้านี่มันล้าสมัยกว่าที่คิดอีกแฮะ”
“หา? นี่นายกำลังบอกว่ารถไฟตรงหน้ามันบ้านนอกงั้นเหรอ!!!”
“อือ”
“=[]=”
เจ้าบ้านี่!! คิดว่าตัวเองเก่งหรือไงถึงได้มาวิจารณ์เจ้ารถไฟนิรันดร์ที่ถูกโหวตว่าเร็วที่สุดในแผ่นดินนี้กันห๊ะ!!
หยาม!! แบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้ว!!!
“ถ้าเจ้านี่มันล้าสมัย แล้วโลกนายล่ะมีอะไรเร็วกว่าเจ้านี่กัน!!!”
“อืม...”โชโตะยืนคิดสักพัก ก่อนจะหันมาตอบคนผมเหลืองด้วยคำพูดชวนงงหนักกว่าเดิม “ชินคันเซ็น”
“ชิน?”>ทันจิโร่
“คัน?”>เซ็นนิตสึ
“เก็ง(?)”>อิโนสึเกะ
“เซ็นสิเจ้าบ้า! แล้วไอ้ชินคันเซ็นที่ว่ามันคืออะไรกันล๊าาาาาา”เซ็นนิตสึอยากจะเป็นบ้า!! พวกนี้มันสติไม่สมประกอบกันหมดเลยนี่หว่า!!!
แล้วตัวเขาก็ไม่สมประกอบ!!!
เดี๋ยวว่าตัวเองได้ด้วยเหรอเฮ้ย!!!
“รถไฟฟ้าความเร็วสูง”
“หาาาาาาาาาาา”
พระเจ้า...โลกนี้อยู่ยากซะแล้ว
เหนือกว่ารถไฟ คือ รถไฟฟ้า
เพิ่มเติมคือความเร็วสูง
แบบนี้ไม่ใช่เทพเจ้าสายฟ้าไปแล้วรึไง!!!
ปู๊นนนนนนนนน
“ว๊ากกกกก รถไฟมันจะออกแล้ววววววว”
เสียงคำรามของเครื่องจักรที่กำลังเคลื่อนที่ออกจากสถานีอย่างช้าๆ โดยที่พวกเขาทั้งสี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเป็นอิโนะสึเกะที่พุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยทันจิโร่ โชโตะและเซ็นนิตสึเป็นคนสุดท้าย
“ทันจิโร่วววว อิโนสึเก๊ะ!!!!”
หมับ!!!
เจ้าของชื่อคว้าแขนของเพื่อนหัวเหลืองเอาไว้ก่อนจะช่วยกันดึงขึ้นมาอยู่บนรถไฟที่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ โชโตะกวาดสายตามองรอบข้างพร้อมกับความรู้สึกน่าขนลุกลอยตลบอบอวลไปทั่ว สัมผัสอันน่าขยะแขยงทำเอาคุณชายคนเล็กของบ้านโทโดโรกิที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมไม่แพ้บาคุโกเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังงานด้านลบบนรถไฟขบวนนี้
มันเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่รถไฟที่เอาไว้ขนส่งคน
แต่เป็นรถไฟที่หลอกล่อกลืนกินมนุษย์ต่างหาก
“ทันจิโร่”
“หือ?”
“นายแน่ใจแล้วเหรอที่พาเนสึโกะจังมาน่ะ”เซ็นนิตสึมองทิวทัศต์ตรงหน้า โดยที่ปากก็ขยับถามเพื่อนสนิทข้างกายไปด้วย
“ไม่หรอก...แบบนี้แหล่ะดีแล้ว”ทันจิโร่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับกล่องไม้ด้านหลังพร้อมกับประโยคที่ทำเอาโชโตะอดจะชื่นชนความเป็นพี่ชายดีเด่นของเพื่อนคนนี้ไม่ได้
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฉันกับเนสึโกะก็จะอยู่ด้วยกัน พวกเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว”
“งั้นเหรอ”
และแล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเราทั้งสี่ ก่อนจะเป็นทันจิโร่ที่เอ่ยขึ้นให้คนที่เหลือเดินตามหาเสาหลักแห่งเพลิงที่คงอยู่ที่ไหนสักที่บนรถไฟขบวนนี้ ในขณะที่นักล่าอสูรวัยผลิบานกำลังเดินเข้าไปด้านในอยู่นั้น ทันจิโร่ที่สังเกตเห็นเพื่อนผมสองสีไม่ได้เดินตามมา ก็อดจะถามออกไปไม่ได้
“โชโตะคุง พวกเราจะไปหาคุณเร็นโกคุกันแล้วนะ”
“พวกนายไปก่อนเลย”
“เอ๋?”
ทันจิโร่ถึงกับหยุดเดินโดยที่เซ็นนิตสึและอิโนะสึเกะก็พลอยหยุดชะงักไปด้วย สีหน้าสงสัยของทั้งสามที่จ้องมองมาไม่ได้ทำให้โชโตะสนใจหรือเดินตามพวกเขาเข้าไปด้านใน มีเพียงประโยคสั้นๆประโยคเดียวตอบกลับทั้งสามไปเท่านั้น
“ฉันขอสำรวจอะไรนิดหน่อย เดี๋ยวตามไป”
“แต่ว่า…”
“ไปก่อนเถอะ”ดวงตาสองสีหันมามองเพื่อนผมแดงเป็นการบอกว่าไม่ต้องห่วงเขา ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปข้างในทิ้งไว้เพียงเขาที่กำลังเงยหน้าจ้องมองท้องฟ้าด้านบนอยู่เพียงลำพัง
อันที่จริงโทโดโรกิ โชโตะไม่ได้จ้องมองท้องฟ้าหรอก
แต่เขากำลังจ้องมองด้านบนของรถไฟขบวนนี้ต่างหาก
“ดูเหมือนพวกเราจะติดกับตั้งแต่ก้าวขาถึงมาแล้วสินะ”
ไม่ผิดแน่...เจ้ารถไฟนี่กำลังจะกลายเป็นฝันร้ายของทุกคนที่อยู่บนนี้
คงต้องรีบไปสมทบกับพวกทันจิโร่แล้วสิ
Different world
ทางด้านทันจิโร่ที่ถูกปลุกจากฝันนิรันดร์ซึ่งเป็นมนต์อสูรของหนึ่งในอสูรจันทรากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เช่นเดียวกับเซ็นนิตสึ อิโนสึเกะ เนซึโกะและเร็นโกคุ ที่ต้องคอยฟันเจ้าก้อนเนื้อน่าขยะแขยงที่พยายามกลืนกินพวกเขา ทว่ามันไม่ง่ายนักเพราะไม่ว่าจะทำลายมันไปมากเท่าไหร่เจ้าก้อนเนื้อพวกนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาได้พักหายใจกันบ้างเลยน่ะสิ
“เนสึโกะ!!!”
“อู!!”เด็กสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะถูกก้อนเนื้อจับเข้าที่แขนของเธอเข้าอย่างจัง ก่อนมันจะหายไปด้วยอัสนีสีเหลืองที่ฟาดใส่อย่างรวดเร็ว
“อย่าอยู่ห่างจะผมล่ะเนซึโกะจัง”
“เซ็นนิตสึ!!”
“โว้ยยย ไอ้บ้านี่ทำมันไม่หายไปซะทีฟระ!!!”อิโนะสึเกะโวยวายเสียงดัง โดยที่ขาและมือก็เอาแต่กระทืบก้อนเนื้อเพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเองไปด้วย
“ดูเหมือนคนต้องไปจัดการตัวต้นเหตุสินะ มันถึงจะหายไป”เร็นโกคุเอ่ยกับเด็กหนุ่มทั้งสาม โดยที่มือก็ตวัดดาบนิจิรินที่มีประกายไฟแผดเผาก้อนเนื้อน่าขยะแขยงนี่ไปด้วย
ดูเหมือนอีกาของเขาจะบอกว่าเจ้าหนูไฟน้ำแข็งมาด้วยนี่หน่า
แล้วตอนนี้เจ้าหนูนั่นหายไปไหน
“นี่..!!!.”
ไม่ทันได้เอ่ยถามหาน้องชายของเสาหลักวารีที่เขาอยากจะขโมยมาอยู่ตำหนักเพลิง จู่ๆบรรยากาศรอบข้างก็รู้สึกเย็นยะเยือกพร้อมกับพื้นและผนังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งก่อนมันจะลามไปทั่วทั้งขบวนในเวลารวดเร็ว รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วหยุดชะงักอยู่กับที่เพราะน้ำแข็งที่เกาะกินล้อจนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ นอกจากจะถูกผู้เป็นเจ้าของละลายมันด้วยไฟข้างซ้าย
ตึก ตึก ตึก
รองเท้าบูทสีขาวที่ถูกออกแบบเพื่อเดินบนน้ำแข็งโดยเฉพาะ กำลังเหยียบลงพื้นส่งเสียงกังวานไปทั่ว กลุ่มผมสีขาวแดงพลิ้วไหวไปตามจังหวะการเดิน ลมหายใจเย็นชืดถูกพ่นออกจากปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เจ้าของร่างสูงโปร่งกับใบหน้าที่มีแผลเป็นด้านซ้ายจะหยุดนิ่ง เมื่อพบเจอเป้าหมายที่ต้องการเรียบร้อย
“ชะ...โชโตะคุง”
“นะ...หนาวอ่ะ แงงงงง เนซึโกะจังขอผมกอด...แอร๊ก!!!”
“สุดยอดดดดด หมอนี่แหล่ะคือเจ้าแห่งความแข็งแกร่ง!!!”
“สมกับเป็นเจ้าหนูไฟน้ำแข็ง มาเป็นน้องชายอีกคนของฉันเถอะ!!!”
โชโตะยืนมองกลุ่มคนตรงหน้านิ่ง โดยที่มือก็คอยลูบผมของเนซึโกะที่วิ่งเข้ามากอดเขาพร้อมกับถูไถใบหน้าไปมาอย่างออดอ้อน ดวงตาสองสีเมินรังสีแห่งความอิจฉากับปราณอัสนีที่กำลังส่งเสียงเปรียะเปรียะ ไม่รวมถึงดาบนิจิรินที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเพื่อตวัดฟาดใส่เขาอย่างเคียดแค้น
“นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมกันหรอกนะ”เสียงราบเรียบเอ่ยกับนักล่าอสูรทั้งสี่ ดวงตาสองสีเรืองรองพร้อมกับอุณหภูมิติดลบกำลังแผ่กระจายไปทั่ว ใบหน้าจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทำเอาคนที่กำลังชื่นชมรู้สึกถึงภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาในไม่ช้า
“ศัตรูอยู่ตรงหัวขบวนรถไฟ”
ไม่ต้องสุ่มหาก็ได้รับที่อยู่ของอสูรจันทราจากปากของเด็กหนุ่มผู้มีสีผมประหลาด ดวงตาสองสีตวัดมองเสาหลักแห่งเพลิงกับเพื่อนผมแดงพร้อมกับคำฝากฝังให้ทั้งสองพยักหน้ารับและพุ่งตัวไปยังสถานที่ที่เขาบอกอย่างรวดเร็ว
“ฝากพวกนายจัดการด้วยล่ะ”ส่วนทางเขากับสามคนที่เหลือคงต้องจัดการเจ้าพวกก้อนเนื้อชุดใหม่ที่กำลังรวมตัวเป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเก่า แต่หน้าตายังหน้าขยะแขยงเหมือนเดิม
หวังว่าพวกนายจะจัดการเจ้านั่นได้เร็วๆนะ
เพราะตัวเขาก็มีขีดจำกัดอยู่เหมือนกัน
“เอาล่ะ...มาตีตัวตุ่นกับดีกว่า”
[100/100]
#ฟิคเด๋อกับเด๋อมาเจอกัน
เรารู้ว่าพวกเธอคิดถึงพวกเด๋อกันน่ะ
ขอโทษที่หายไปนานนร้าาาาาาาาาา
เรื่องนี้เราจะไม่ยอมให้เสาหลักตายเด็ดขาด
ใครขัดใจขอโทษด้วยนะคะ มันทำใจไม่ได้จริงๆ
เม้นให้หายคิดถึงกันหน่อยเร็ววววววววว
ความคิดเห็น