คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 02 : คิบาระ ยูกิโตะ
*แก้คำผิดแล้วจ้า*
ณ ปราสาทวาเรีย
..จ้อง..
“ชิ้ง! +_+”
สายตาห้าคู่ของสมาชิกหน่วยลอบสังหารกำลังนั่งจ้องเด็กน้อยที่ถูกนำตัวมาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา ตามคำสั่งแสนเอาแต่ใจของบอสสุดโฉดที่ไม่รู้ว่ากินอะไรผิดสำแดงถึงได้ช่วยเจ้าหนูนี่ออกมา
เจ้าหนูน้อยยูกิโตะวัย
5 ขวบก็เอาแต่นั่งส่งสายตาใสแป๋วเหมือนลูกแมวกำลังจ้องมองเจ้าของ
ไม่ยอมส่งเสียงร้องหรือพูดอะไรออกมาสักแอะ
พอถามอะไรออกไปก็เอาแต่ส่ายหน้าหรือไม่ก็พยักหน้าลูกเดียว
หรือว่าเจ้าหนูนี่ลืมวิธีการพูดไปแล้ว?
แม้แต่สีหน้าก็ยังคงรูปเดิมไม่แปรเปลี่ยน
“นี่แกไม่คิดจะพูดอะไรเลยรึไงฟระ” สควอโล่ที่ทนความอึดอัดไม่ไหวก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน
“….”
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือความเงียบกับสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม
“แกเป็นใบ้รึไงหาาาาา” พอไม่ได้ดั่งใจก็หัวร้อนพร้อมจะเจื๋อนลูกเดียว
เรียกสีหน้าเอือมระอาของคนที่เหลือที่มักจะปลงกับนิสัยโวยวายของพ่อฉลามผมสั้นไปแล้ว
“เอาน่าๆ
สควอโล่จัง บางทีเด็กคนนี้อาจจะอยู่ในหลอดแก้วมานานแล้วก็ได้
ไม่แปลกที่จะลืมวิธีการพูดชั่วคราวก็ได้นะฮ้าาา” ลุซซูเลียเข้ามาลูบหลังปลอบพ่อฉลามขาว
ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานเยิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้ามองมาม่อนอย่างสนใจ
“อย่าบอกนะว่าพวกเราต้องมาสอนเจ้าหนูให้ออกเสียงพูดงั้นเหรอ
ไม่เอาด้วยหรอกสำหรับเลวี่คนนี้บอสคือพระเจ้า!!!”
“ไม่มีใครอยากให้ตาลุงหนวดมาสอนหรอก
น่าขยะแขยงจะตายไป ชิชิชิ”
“เห็นด้วยกับเบล”
“พวกแก!!!”
ดวงตาสีม่วงจ้องมองภาพชวนน่าปวดหัวตรงหน้าที่มีแต่คนประหลาดๆเต็มไปหมด
ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติยู่ลงเล็กน้อยเมื่อคนที่หน้าตาดุๆกำลังตะโกนเสียงดังจนแสบหู
ก่อนที่กลุ่มควันตะลุมบอลจะเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเจ้าหนูน้อยที่ยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่ที่เดิม
หนวกหูจัง
ใบหน้าหวานเหมือนเด็กผู้หญิงหันซ้ายหันขวา
ก่อนจะพาร่างตัวเองออกจากกลุ่มคนประหลาด
ก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆเพราะร่างกายที่คุดคู้อยู่แต่ในหลอดแก้วมานานจนกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองได้เท่าไหร่นัก
มือน้อยๆเกาะกำแพงมาเรื่อยๆก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้นเต็มแรง
กึก!!
รองเท้าบูทสีดำคือสิ่งแรกที่ดวงตาสีม่วงคู่นี้เห็นมันหลังจากที่ล้มลงไปนอนคว่ำอยู่กับพื้น
ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองเจ้าของรองเท้าบูทก็พบกับดวงตาสีแดงของคนที่พาออกมาจากห้องทดลองกำลังก้มมองร่างป้อมๆของเจ้าหนูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ลุกขึ้นมา” เพียงแค่คำสามคำที่เอ่ยสั่ง ร่างที่นอนหมอบอยู่กับพื้นกลับลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ราวกับว่าร่างกายนี้ทำตามคำสั่งของคนตรงหน้าทุกอย่างไม่ว่าอีกฝ่ายจะสั่งอะไรออกมา
“ดีมาก”
ซันซัสกระตุกยิ้มอย่างพอใจ
ร่างสูงก้มตัวต่ำลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเจ้าหนูที่ถูกประกาศิตว่าเป็นของเขา
ดวงตาสีแดงเลือดแวววาวเพียงเสี้ยววิก่อนจะจางหายไป
ริมฝีปากที่มักจะแสยะยิ้มให้กับสวะเบื้องล่างที่ถูกเก็บกวาดขยับพูดออกมาทีล่ะคำให้เด็กตรงหน้าได้ยิน
“ไม่ว่าฉันจะสั่งให้ทำอะไร
แกก็ต้องทำทุกอย่าง”
“….”
“แม้แต่คำสั่งให้แกอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลา
แกก็ต้องทำตามเข้าใจไหมยูกิโตะ”
“….”
เจ้าหนูยูกิโตะพยักหน้าขึ้นลงรับคำสั่งของผู้ช่วยชีวิตอย่างยินยอม
ก่อนที่มือขาวซีดจะถูกมือหยาบกร้านของซันซัสกำมันเอาไว้
พร้อมกับสองร่างที่เดินเคียงคู่เข้าไปในห้องที่หากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีทางเข้าไปรบกวนได้เด็ดขาด
ห้องของชายที่ชื่อว่าซันซัสต่อให้เป็นสควอโล่หรือวาเรียคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ย่างกายเข้ามาได้ตามใจชอบ
เพราะถ้ามีใครฝ่าฝืนก็จะถูกเพลิงพิโรธเป่าให้กระจุยกันไปข้าง
ทว่าบัดนี้กลับมีเพียงคนเดียวที่ซันซัสอนุญาตให้เข้ามาได้ ซึ่งบุคคลยกเว้นคือ…
เจ้าหนูวัย
5 ขวบที่กำลังนั่งอยู่บนตักฟังพ่อบอสสุดเอาแต่ใจสอนให้เปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูด
ซึ่งคำที่สอนให้พูดนั้นคงหนีไม่พ้น
“ซัน---ซัส”
Precious treasure
“เจ้าตัวจ้อย
แกอยู่ที่ไหนวะ!!!!”
เจ้าหนูยูกิโตะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์วาเรียมาได้ 1 เดือนแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม พวกหัวกะทิที่เอาแต่ทะเลาะกันเองแทบทุกวันโดยเฉพาะบนโต๊ะอาหารที่มีบอสจอมเอาแต่ใจร่วมวงด้วยบางครั้ง ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปคงหนีไม่พ้นเจ้าหนูหน้าตายที่พักนี้ดูจะพูดเก่งขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนนิสัยนั้น...
“มาอยู่นี่เองเหรอแก” ชายหนุ่มผมสีเงินเท้าเอวมองเจ้าตัวจ้อยที่นอนดูเมฆ ดวงตาสีม่วงเหม่อมองทิวทัศน์ด้านบนที่มีเพียงแค่ท้องฟ้าสีครามกับเมฆสีขาวประกบคู่กันไม่ห่างไปไหน
ต่อให้ท้องฟ้าจะกว้างขวางยิ่งกว่ามหาสมุทรเสียเพียงใด
เมฆก็ยังลอยตามท้องฟ้าไปทุกที่
ต่อให้ต้องเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนขนาดไหนก็ไม่เคยเห็นท้องฟ้าไร้เมฆสีขาวห่างกายเลยสักครั้ง
“ไอ้บอสเวรเรียกหา
รีบๆลุกขึ้นได้แล้ว” สควอโล่มองเจ้าตัวจ้อยที่พักนี้ชอบปลีกวิเวกมาอยู่เพียงลำพัง
ไม่ว่าจะในปราสาทหรือนอกปราสาทก็มักจะเห็นเจ้านี่นอนเหม่อมองท้องฟ้ากับเมฆอยู่ทุกครั้ง
ถ้าไม่ถูกบอสเวรเรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนในห้อง
ก็มักจะมานอนเล่นอยู่ที่สวนหรือห้องตัวเองที่ดันอยู่ติดกับห้องของไอ้บอสเวรอีกต่างหาก
“นี่สควอโล่”
“อะไร!!” ชายหนุ่มหันมามองเด็กน้อยข้างกายที่กำลังเดินเคียงคู่ไปกับเขา
คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่มีคำตอบตายตัวออกจากปากจิ้มลิ้มนั่น
“ทำไมเมฆต้องอยู่คู่กับท้องฟ้าล่ะ?”
“จะไปรู้เหรอฟระ!! อยากรู้แกก็ไปหาคำตอบเองดิ”
เอ่ยกลับไปอย่างประชดประชัน
แต่ทว่าสายตากก็คอยลอบมองเจ้าตัวจ้อยข้างกายที่มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นตอนโกรธ ตอนหัวเราะ ตอนเศร้า หรือตอนเจ็บตัวเพราะโดนลูกหลง พวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นสีหน้าอื่นจากเจ้าตัวจ้อยนี่เลยสักครั้ง
แม้แต่ไอ้บอสเวรอย่างซันซัสก็ไม่เคยได้เห็น
มาม่อนกับเบลเคยลองเข้าไปตีสนิทและถามเจ้าตัวจ้อยนี่ดูแล้ว แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าเจ้าตัวหลงลืมการแสดงสีหน้าและความรู้สึกไปตั้งแต่ถูกจับมาทดลองตั้งแต่ยังไม่ครบ 1 ขวบ พอพูดจบก็ได้รับอ้อมกอดแห่งความสงสารจากเจ๊กะเทยร่างบึกของลุซซูเลียเป็นรางวัลปลอบใจ ติดหนึบอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะแงะออกได้ต้องไปเรียกบอสเวรมาใช้ปืนมาขู่
“ซันซัสเหมือนกับท้องฟ้า”
“หา?” สควอโล่มองเจ้าตัวจ้อยที่หยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องของไอ้บอสเวร ดวงตาสีม่วงหันกลับมาสบกับดวงตาสีเดียวกับเส้นผมของชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจกับประโยคเมื่อสักครู่
“เป็นท้องฟ้าสีหม่นชวนไม่น่าเข้าใกล้
แต่ว่าสควอโล่กับคนอื่นๆก็ชอบท้องฟ้าฝืนนี้มากใช่ไหมล่ะ”
“….”
“ผมก็ชอบเหมือนกันนะ”
“..!!!..”
สคลอโล่เบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจากเจ้าตัวจ้อยเป็นครั้งแรก
หัวใจเจ้ากรรมมันส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากตอนที่เขากำลังสนุกกับการฟาดดาบใส่เรือนร่างของศัตรู
เพียงแต่มันดันเต้นแรงมากกว่าครั้งไหนๆ
...เจ้าตัวจ้อยนี่...
พอมายิ้มก็เหมาะกับหน้าหวานๆของมันดีนี่หว่า
แกร็ก!
ประตูห้องถูกปิดสนิทด้วยฝ่ามือน้อยๆของยูกิโตะ
ดวงหน้าหวานจนแยกไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายจ้องมองเจ้าของห้องที่นั่งไขว่ห้าง
ถือแก้วไวท์ยกขึ้นดื่มอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกออกแบบให้เหมือนบัลลังก์ของราชา ดวงตาสีเลือดเปรยมองคนมาใหม่ที่กำลังย่างกายเข้ามาหาเขา
รอยยิ้มแสยะกระตุกบนมุมปากหยักพร้อมกับน้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยทักเจ้าหนูอย่างเคยชิน
“มาแล้วเหรอยูกิ”
ความลับหนึ่งอย่างที่เหล่าวาเรียคนอื่นๆไม่รู้
นอกจากบอสใหญ่กับเจ้าหนูน้อยที่ถูกอุ้มให้นั่งแหมะอยู่บนตักแกร่ง คือสรรพนามการเรียก
และอีกอย่างที่ซันซัสมอบให้แก่คิบาระ ยูกิโตะแต่เพียงผู้เดียวนั้นคือ...
ความอ่อนโยนของท้องนภาสีหม่นผืนนี้
“อื้อ! คุณป๋า!”
[100/100]
พอตอนสองมีการพัฒนา~~~~
ไม่มีใครเห็นมุมอ่อนโยนของป๋านอกจากน้องยูกิค่ะ
เนื้อเรื่องจะดำเนินไปเรื่อยๆนะคะ ให้น้องได้อยู่กับพวกวาเรียอีกสัก 4 ตอน
ก่อนที่ป๋าจะโดนแช่แข็งและน้องหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นอยู่ญี่ปุ่นนะคะ
พอไปญี่ปุ่นก็จะดำเนินเรื่องตามอนิเมะในรีบอร์นเลยค่ะ
(คาดว่าจะหลังจากโกคุยอมรับสึนะเป็นรุ่นที่สิบแล้ว)
ปล.รูปหน้าปกกับข้อมูลเบี้ยงต้น เป็นเพียงอิมเมจนายเอกของเรื่องนี้เท่านั้นนะคะ
ไม่ได้มีพลังเหมือนในเกมอย่างใด แต่มีพลังไฟดับเครื่องชนในเรื่องรีบอร์นค่ะ
ที่นำมาเพราะเป็นนายเอกในอุดมคติของคนแต่งเรื่องนี้เท่านั้นนร้าาาาา
ความคิดเห็น