ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC REBORN] Precious treasure (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 02 : คิบาระ ยูกิโตะ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 64


    คำเตือน
    แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มีการอ้างอิงจากอนิเมะเรื่อง Reborn 
    เป็นแนว Yaoi ตัวละครเป็น OC ที่สมมุติขึ้นมา
    มีหลายเรือสามารถเหยียบได้มากกว่า 3 เรือนะคะ
    อาจมีแนว mpreg บางตอน (ย้ำว่าบางตอนแต่ยังไม่ถึงเวลา)
    ใครรับไม่ได้กดออกแต่อย่ากดแบนนะ ♥
    ปล.ขอแก้สีตาของน้องยูกิจากสีแดงเป็นสีม่วงนะคะ 
    พอดีนอนคิดถึงเด็ก ๆ ภาคอนาคต ตาสีแดงมันไม่เข้ากันซะเท่าไหร่
    เพราะงั้นตาสีม่วงคือโอเคสุด
    (แก้อายุของเจ้าชายเบลด้วยนะ ขอเป็น 8 ขวบละกัน 
    และแก้อายุของสควอโล่ให้แก่กว่าคุณป๋าด้วยนะ)

    EP.02
    คิบาระ ยูกิโตะ
               


    *แก้คำผิดแล้วจ้า*


    ณ ปราสาทวาเรีย


    ..จ้อง..


    ชิ้ง! +_+”


    สายตาห้าคู่ของสมาชิกหน่วยลอบสังหารกำลังนั่งจ้องเด็กน้อยที่ถูกนำตัวมาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา ตามคำสั่งแสนเอาแต่ใจของบอสสุดโฉดที่ไม่รู้ว่ากินอะไรผิดสำแดงถึงได้ช่วยเจ้าหนูนี่ออกมา


    เจ้าหนูน้อยยูกิโตะวัย 5 ขวบก็เอาแต่นั่งส่งสายตาใสแป๋วเหมือนลูกแมวกำลังจ้องมองเจ้าของ ไม่ยอมส่งเสียงร้องหรือพูดอะไรออกมาสักแอะ พอถามอะไรออกไปก็เอาแต่ส่ายหน้าหรือไม่ก็พยักหน้าลูกเดียว


    หรือว่าเจ้าหนูนี่ลืมวิธีการพูดไปแล้ว?


    แม้แต่สีหน้าก็ยังคงรูปเดิมไม่แปรเปลี่ยน


    นี่แกไม่คิดจะพูดอะไรเลยรึไงฟระ” สควอโล่ที่ทนความอึดอัดไม่ไหวก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


    “….”

    แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือความเงียบกับสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม


    แกเป็นใบ้รึไงหาาาาา” พอไม่ได้ดั่งใจก็หัวร้อนพร้อมจะเจื๋อนลูกเดียว เรียกสีหน้าเอือมระอาของคนที่เหลือที่มักจะปลงกับนิสัยโวยวายของพ่อฉลามผมสั้นไปแล้ว


    เอาน่าๆ สควอโล่จัง บางทีเด็กคนนี้อาจจะอยู่ในหลอดแก้วมานานแล้วก็ได้ ไม่แปลกที่จะลืมวิธีการพูดชั่วคราวก็ได้นะฮ้าาา” ลุซซูเลียเข้ามาลูบหลังปลอบพ่อฉลามขาว ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานเยิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้ามองมาม่อนอย่างสนใจ


    อย่าบอกนะว่าพวกเราต้องมาสอนเจ้าหนูให้ออกเสียงพูดงั้นเหรอ ไม่เอาด้วยหรอกสำหรับเลวี่คนนี้บอสคือพระเจ้า!!!”


    ไม่มีใครอยากให้ตาลุงหนวดมาสอนหรอก น่าขยะแขยงจะตายไป ชิชิชิ


    เห็นด้วยกับเบล


    พวกแก!!!”


    ดวงตาสีม่วงจ้องมองภาพชวนน่าปวดหัวตรงหน้าที่มีแต่คนประหลาดๆเต็มไปหมด ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติยู่ลงเล็กน้อยเมื่อคนที่หน้าตาดุๆกำลังตะโกนเสียงดังจนแสบหู ก่อนที่กลุ่มควันตะลุมบอลจะเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเจ้าหนูน้อยที่ยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่ที่เดิม


    หนวกหูจัง


    ใบหน้าหวานเหมือนเด็กผู้หญิงหันซ้ายหันขวา ก่อนจะพาร่างตัวเองออกจากกลุ่มคนประหลาด ก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆเพราะร่างกายที่คุดคู้อยู่แต่ในหลอดแก้วมานานจนกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองได้เท่าไหร่นัก มือน้อยๆเกาะกำแพงมาเรื่อยๆก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้นเต็มแรง


    กึก!!


    รองเท้าบูทสีดำคือสิ่งแรกที่ดวงตาสีม่วงคู่นี้เห็นมันหลังจากที่ล้มลงไปนอนคว่ำอยู่กับพื้น ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองเจ้าของรองเท้าบูทก็พบกับดวงตาสีแดงของคนที่พาออกมาจากห้องทดลองกำลังก้มมองร่างป้อมๆของเจ้าหนูด้วยสีหน้าเรียบเฉย


    ลุกขึ้นมา” เพียงแค่คำสามคำที่เอ่ยสั่ง ร่างที่นอนหมอบอยู่กับพื้นกลับลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ราวกับว่าร่างกายนี้ทำตามคำสั่งของคนตรงหน้าทุกอย่างไม่ว่าอีกฝ่ายจะสั่งอะไรออกมา


    ดีมาก


    ซันซัสกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ร่างสูงก้มตัวต่ำลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเจ้าหนูที่ถูกประกาศิตว่าเป็นของเขา ดวงตาสีแดงเลือดแวววาวเพียงเสี้ยววิก่อนจะจางหายไป ริมฝีปากที่มักจะแสยะยิ้มให้กับสวะเบื้องล่างที่ถูกเก็บกวาดขยับพูดออกมาทีล่ะคำให้เด็กตรงหน้าได้ยิน


    ไม่ว่าฉันจะสั่งให้ทำอะไร แกก็ต้องทำทุกอย่าง


    “….”


    แม้แต่คำสั่งให้แกอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลา แกก็ต้องทำตามเข้าใจไหมยูกิโตะ


    “….”


    เจ้าหนูยูกิโตะพยักหน้าขึ้นลงรับคำสั่งของผู้ช่วยชีวิตอย่างยินยอม ก่อนที่มือขาวซีดจะถูกมือหยาบกร้านของซันซัสกำมันเอาไว้ พร้อมกับสองร่างที่เดินเคียงคู่เข้าไปในห้องที่หากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีทางเข้าไปรบกวนได้เด็ดขาด


    ห้องของชายที่ชื่อว่าซันซัสต่อให้เป็นสควอโล่หรือวาเรียคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ย่างกายเข้ามาได้ตามใจชอบ เพราะถ้ามีใครฝ่าฝืนก็จะถูกเพลิงพิโรธเป่าให้กระจุยกันไปข้าง ทว่าบัดนี้กลับมีเพียงคนเดียวที่ซันซัสอนุญาตให้เข้ามาได้ ซึ่งบุคคลยกเว้นคือ


    เจ้าหนูวัย 5 ขวบที่กำลังนั่งอยู่บนตักฟังพ่อบอสสุดเอาแต่ใจสอนให้เปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูด ซึ่งคำที่สอนให้พูดนั้นคงหนีไม่พ้น


    ซัน---ซัส



     

    Precious treasure

     



    เจ้าตัวจ้อย แกอยู่ที่ไหนวะ!!!!”


    เจ้าหนูยูกิโตะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์วาเรียมาได้ 1 เดือนแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม พวกหัวกะทิที่เอาแต่ทะเลาะกันเองแทบทุกวันโดยเฉพาะบนโต๊ะอาหารที่มีบอสจอมเอาแต่ใจร่วมวงด้วยบางครั้ง ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปคงหนีไม่พ้นเจ้าหนูหน้าตายที่พักนี้ดูจะพูดเก่งขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนนิสัยนั้น...


    มาอยู่นี่เองเหรอแก” ชายหนุ่มผมสีเงินเท้าเอวมองเจ้าตัวจ้อยที่นอนดูเมฆ ดวงตาสีม่วงเหม่อมองทิวทัศน์ด้านบนที่มีเพียงแค่ท้องฟ้าสีครามกับเมฆสีขาวประกบคู่กันไม่ห่างไปไหน


    ต่อให้ท้องฟ้าจะกว้างขวางยิ่งกว่ามหาสมุทรเสียเพียงใด เมฆก็ยังลอยตามท้องฟ้าไปทุกที่ ต่อให้ต้องเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนขนาดไหนก็ไม่เคยเห็นท้องฟ้าไร้เมฆสีขาวห่างกายเลยสักครั้ง


    ไอ้บอสเวรเรียกหา รีบๆลุกขึ้นได้แล้ว” สควอโล่มองเจ้าตัวจ้อยที่พักนี้ชอบปลีกวิเวกมาอยู่เพียงลำพัง ไม่ว่าจะในปราสาทหรือนอกปราสาทก็มักจะเห็นเจ้านี่นอนเหม่อมองท้องฟ้ากับเมฆอยู่ทุกครั้ง


    ถ้าไม่ถูกบอสเวรเรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนในห้อง ก็มักจะมานอนเล่นอยู่ที่สวนหรือห้องตัวเองที่ดันอยู่ติดกับห้องของไอ้บอสเวรอีกต่างหาก


    นี่สควอโล่


    อะไร!!” ชายหนุ่มหันมามองเด็กน้อยข้างกายที่กำลังเดินเคียงคู่ไปกับเขา คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่มีคำตอบตายตัวออกจากปากจิ้มลิ้มนั่น


    ทำไมเมฆต้องอยู่คู่กับท้องฟ้าล่ะ?


    จะไปรู้เหรอฟระ!! อยากรู้แกก็ไปหาคำตอบเองดิ


    เอ่ยกลับไปอย่างประชดประชัน แต่ทว่าสายตากก็คอยลอบมองเจ้าตัวจ้อยข้างกายที่มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนโกรธ ตอนหัวเราะ ตอนเศร้า หรือตอนเจ็บตัวเพราะโดนลูกหลง พวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นสีหน้าอื่นจากเจ้าตัวจ้อยนี่เลยสักครั้ง


    แม้แต่ไอ้บอสเวรอย่างซันซัสก็ไม่เคยได้เห็น


    มาม่อนกับเบลเคยลองเข้าไปตีสนิทและถามเจ้าตัวจ้อยนี่ดูแล้ว แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าเจ้าตัวหลงลืมการแสดงสีหน้าและความรู้สึกไปตั้งแต่ถูกจับมาทดลองตั้งแต่ยังไม่ครบ 1 ขวบ พอพูดจบก็ได้รับอ้อมกอดแห่งความสงสารจากเจ๊กะเทยร่างบึกของลุซซูเลียเป็นรางวัลปลอบใจ ติดหนึบอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะแงะออกได้ต้องไปเรียกบอสเวรมาใช้ปืนมาขู่


    ซันซัสเหมือนกับท้องฟ้า


    หา?” สควอโล่มองเจ้าตัวจ้อยที่หยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องของไอ้บอสเวร ดวงตาสีม่วงหันกลับมาสบกับดวงตาสีเดียวกับเส้นผมของชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจกับประโยคเมื่อสักครู่


    เป็นท้องฟ้าสีหม่นชวนไม่น่าเข้าใกล้ แต่ว่าสควอโล่กับคนอื่นๆก็ชอบท้องฟ้าฝืนนี้มากใช่ไหมล่ะ


    “….”


    ผมก็ชอบเหมือนกันนะ


    “..!!!..”


    สคลอโล่เบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจากเจ้าตัวจ้อยเป็นครั้งแรก หัวใจเจ้ากรรมมันส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากตอนที่เขากำลังสนุกกับการฟาดดาบใส่เรือนร่างของศัตรู เพียงแต่มันดันเต้นแรงมากกว่าครั้งไหนๆ


    ...เจ้าตัวจ้อยนี่...


    พอมายิ้มก็เหมาะกับหน้าหวานๆของมันดีนี่หว่า


    แกร็ก!


    ประตูห้องถูกปิดสนิทด้วยฝ่ามือน้อยๆของยูกิโตะ ดวงหน้าหวานจนแยกไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายจ้องมองเจ้าของห้องที่นั่งไขว่ห้าง ถือแก้วไวท์ยกขึ้นดื่มอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกออกแบบให้เหมือนบัลลังก์ของราชา ดวงตาสีเลือดเปรยมองคนมาใหม่ที่กำลังย่างกายเข้ามาหาเขา รอยยิ้มแสยะกระตุกบนมุมปากหยักพร้อมกับน้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยทักเจ้าหนูอย่างเคยชิน


    มาแล้วเหรอยูกิ


    ความลับหนึ่งอย่างที่เหล่าวาเรียคนอื่นๆไม่รู้ นอกจากบอสใหญ่กับเจ้าหนูน้อยที่ถูกอุ้มให้นั่งแหมะอยู่บนตักแกร่ง คือสรรพนามการเรียก และอีกอย่างที่ซันซัสมอบให้แก่คิบาระ ยูกิโตะแต่เพียงผู้เดียวนั้นคือ...


    ความอ่อนโยนของท้องนภาสีหม่นผืนนี้


    อื้อ! คุณป๋า!”



    [100/100]

    พอตอนสองมีการพัฒนา~~~~

    ไม่มีใครเห็นมุมอ่อนโยนของป๋านอกจากน้องยูกิค่ะ 

    เนื้อเรื่องจะดำเนินไปเรื่อยๆนะคะ ให้น้องได้อยู่กับพวกวาเรียอีกสัก 4 ตอน

    ก่อนที่ป๋าจะโดนแช่แข็งและน้องหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นอยู่ญี่ปุ่นนะคะ

    พอไปญี่ปุ่นก็จะดำเนินเรื่องตามอนิเมะในรีบอร์นเลยค่ะ 

    (คาดว่าจะหลังจากโกคุยอมรับสึนะเป็นรุ่นที่สิบแล้ว)



    ปล.รูปหน้าปกกับข้อมูลเบี้ยงต้น เป็นเพียงอิมเมจนายเอกของเรื่องนี้เท่านั้นนะคะ

    ไม่ได้มีพลังเหมือนในเกมอย่างใด แต่มีพลังไฟดับเครื่องชนในเรื่องรีบอร์นค่ะ

    ที่นำมาเพราะเป็นนายเอกในอุดมคติของคนแต่งเรื่องนี้เท่านั้นนร้าาาาา




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×