คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 01 : ดวงตาสีแดงกับห้องทดลองที่ถูกทำลาย
*แก้คำผิดแล้วจ้า*
ตู้มมมมมม
“โว้ยยยยยย
ไม่มีอะไรที่มันแข็งแกร่งกว่านี้เลยเหรอฟระ!!!!!”
เสียงตะโกนโวยวายดังลั่นทั่วสารทิศพร้อมกับฉากระเบิดประกอบอยู่ด้านหลัง
กลุ่มผมสีเงินซอยสั้นกับดาบในมือที่ตวัดใส่ศัตรูตรงหน้าอย่างบ้าระห่ำ
เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วกำแพงดั่งประติมากรรมชั้นสูงที่ไม่มีโอกาสได้เห็นที่ไหนนอกจากที่นี่อีกแล้ว
“ชิชิชิ
เจ้าชายยังเชือดไม่พอใจเลยอ่ะ” น้ำเสียงแหลมเล็กของเด็กชายผมสีบลอนด์ทองที่มีมงกุฎสวมเอาไว้ข้างซ้าย
เป็นภาพที่ดูน่ารักสำหรับเด็กอายุ 8
ขวบหากตามตัวไม่มีเลือดประดับตกแต่งอยู่ล่ะก็นะ
“ยุ่งยากจัง
คิดเงินเพิ่มดีไหมนะ?” ด้านบนของเด็กน้อยผมทองมีร่างทารกจิ๋วบ่นงำงัมฟังไม่ได้ศัพท์
ในขณะที่สายตาก็สอดส่องศัตรูรอบข้างไปด้วย
“บอสครับ
ให้ผมเป็นคนจัดการ-”
“หุบปากไปซะไอ้สวะ”
ไม่ทันได้กล่าวจบประโยค
น้ำเสียงแข็งกร้าวเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงโปร่งเดินก้าวผ่านซากศพที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
บางศพก็เป็นร่างของคนสวมชุดสีขาวที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ชอบทดลองอย่างไม่สนศีลธรรมของความเป็นมนุษย์ และศพพวกนั้นก็ถูกฆ่าตายโดยเหล่านักฆ่าที่ถูกทางเบื้องบนสั่งให้มาเก็บกวาดแฟมมิลี่สวะนี่ให้หายไปจากโลกนี้ซะ
เพราะมีข่าวลือว่าพวกนี้กำลังทดลองอะไรบางอย่างที่เป็นอันตรายเพื่อต่อกรกับวองโกเล่แฟมมิลี่
มาเฟียที่มีอิทธิพลและยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี
ไม่มีใครไม่รู้จักหรือกล้าเข้าไปแหย่หนวดเสือประกาศกร้าวว่าเป็นศัตรูกันตรงๆ
สิ่งที่พอทำได้คือการลอบกัดไปวันๆก็เท่านั้น
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรให้หนักหัวหรอก
เพราะเขามีเพียงแค่ความสนุกในการฆ่าพวกสวะนี่ให้หายหงุดหงิดจากตาแก่นั่น แต่พอเห็นตัวทดลองในโหลแก้วที่กลายเป็นศพ
มันก็อดให้รู้สึกแปลกๆขึ้นมาไม่ได้
“ต๊ายตายยย
ทำไมถึงมีแต่เด็กน้อยทั้งนั้นเลยนะ แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้วนะฮ้าาาา” เสียงที่พยายามดัดให้แหลมเหมือนผู้หญิงของชายร่างสูง ที่กำลังมองศพของเหล่าคนถูกทดลองที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่อายุไม่เกิน
10 ขวบทั้งนั้น
“เด็กพวกนี้อายุรุ่นเดียวกับนายเลยนี่เบล”
“อย่าเอาเจ้าชายไปเทียบกับสามัญชนพวกนี้สิมาม่อน
เดี๋ยวก็เชือดซะเลย” เบลยกมีดเปื้อนเลือดขึ้นขู่คู่หูตัวจิ๋ว
ก่อนจะสำรวจศพที่อยู่ในโหลแก้วอย่างเงียบๆ
มันก็จริงอย่างที่มาม่อนว่าแฮะ
แต่ล่ะคนอายุใกล้เคียงกับเขาทั้งนั้น
และน่าเสียดายที่ดันตายก่อนจะได้ถูกช่วยเหลือ
แต่ยังไงขึ้นชื่อว่าวาเรียแล้วไม่มีทางที่บอสจะช่วยเหลือเด็กพวกนั้นออกมาหรอก!
เพราะวาเรียเป็นกลุ่มนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่นนี่
“ดูเหมือนจะไม่มีคนรอดชีวิต
ส่วนไอ้พวกนักทดลองเวรก็โดนฆ่าหมดแล้ว” เจ้าของเสียงตะโกนโวยวายเมื่อสักครู่
กลับลดระเบิดเสียงลงเพื่อเอ่ยบอกผู้เป็นนายที่ยังคงก้าวเดินเข้าไปในข้างหน้า
แถมยังเมินเขาราวกับธาตุอากาศอีกต่างหาก
ไอ้บอสเวรเอ๊ย!!!
ร่างสูงของเด็กหนุ่มอายุ
15 ปีที่มีตำแหน่งเป็นบอสของกลุ่มนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อายุยังน้อย
แน่นอนว่าความโหดเหี้ยมในการกำจัดเป้าหมายนั้นมันมีมากกว่าหน่วยอื่นไม่รู้ตั้งกี่เท่า
จนมีฉายาว่าปีศาจจากพวกศัตรูที่มักถูกเพ่งเล็งว่าเป็นภัยกับวองโกเล่
รองเท้าบูทสีดำเดินเหยียบย่ำซากศพของนักทดลองราวกับเหยียบเศษขยะอันไร้ประโยชน์ที่นอนเกลี่ยนกลาดอยู่บนถนน
ใบหน้าดุดันกับดวงตาสีโกเมนดั่งเลือดยังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อดวงตาสีแดงคู่นี้เห็นหลอดแก้วสีใสตรงหน้าที่มีร่างของเด็กผู้ชายอายุ
5 ขวบกำลังกอดตัวเองเอาไว้
ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงเครื่องวัดชีพจรจากคอมพิวเตอร์ด้านข้างดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
พร้อมกับแสดงกราฟอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่าเด็กน้อยในหลอดแก้วนั้นยังไม่ได้กลายเป็นศพ แถมดูเหมือนจะเป็นเด็กคนเดียวที่รอดชีวิตอีกด้วย
“การทดลองไฟดับเครื่องชนสองธาตุในร่างกายงั้นเหรอ?” มาม่อนลอยไปหยิบแฟ้มประวัติขึ้นมาอ่าน
ก่อนจะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าจุดประสงค์ของพวกนั้นคืออะไร
การทดลองมนุษย์โดยการนำไฟดับเครื่องชนสองธาตุมาอยู่ในร่างเดียวกัน
ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากที่จะดึงพลังทั้งสองออกมาใช้อย่างเท่าเทียมกัน
เพราะมนุษย์ถูกกำหนดมาให้มีเพียงแค่ธาตุเดียวเป็นหลัก
อาจจะมีบางคนที่ใช้ได้มากกว่าสองธาตุแต่ไม่สามารถนำมาประยุทธ์เป็นพลังระดับเดียวกับไฟดับเครื่องชนที่เป็นตัวหลักได้
ซึ่งดูจากประวัติในการทดลองของเด็กคนนี้แล้ว…
‘การทดลองสำเร็จ’
“ชิชิชิ
น่าสนใจจัง”
“กำจัดเลยเถอะครับบอส
หากเด็กนี่ตื่นขึ้นมาล่ะก็มันจะเป็นเรื่องใหญ่”
“แต่เดี๊ยนชอบจังเลยค่า
หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยอ้า!!”
“เอาไปขายแล้วจะได้เงินเท่าไหร่นะ?”
“โว้ยยยยย
รีบๆจัดการให้มันเสร็จๆซะทีเถอะ เหม็นจะแย่อยู่แล้วโว้ยยยย”
เสียงตะโกนโวยวายด้านหลังทำเอาเด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเลือดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
มือข้างขวาถูกยกขึ้นมาพร้อมกับแสงสีส้มอร่ามเรืองรองออกมาเป็นสัญญาณให้คนด้านหลังรับรู้ว่า หากยังคิดจะยืนส่งเสียงน่ารำคาญออกมาอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำให้หายไปด้วยเพลิงพิโรธในมือข้างขวาแน่นอน
เพราะฉะนั้นเหล่าลูกน้องผู้ชอบส่งเสียงครื้นเครงเป็นอันต้องรูดซิปปากตัวเองเอาไว้เพื่อนรักษาชีวิตให้รอดจากน้ำมือของปีศาจตรงหน้า
“เอาประวัตินั่นมา”
“นี่ครับ
บอส” เลวี่ฉกแฟ้มในมือของมาม่อนมาไว้ในมือตัวเอง
ก่อนจะยื่นให้กับบอสผู้เคารพรักอย่างนอบน้อม
สร้างความหมั่นไส้ให้กับคนที่เหลือจนอยากจะจับมาเสียบให้กลายเป็นลุงหนวกล่อนจ้อนชะมัด
ดวงตาสีแดงเลือดกวาดสายตาอย่างคร่าวๆ
ก่อนจะโยนแฟ้มในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี สองขาขยับเข้าไปใกล้หลอดแก้วพร้อมกับประโยคราบเรียบที่แฝงไปด้วยอำนาจดั่งราชสีห์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
“คิบาระ
ยูกิโตะ”
พรึบ!!
เพียงแค่เอ่ยชื่อนั้นออกมา
ร่างที่กอดตัวเองเอาไว้กลับลืมตาขึ้นจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้า
ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์มีสีสันที่สดใสและเปล่งประกายจนทุกคนรอบข้างเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ เพราะตกอยู่ในห้วงภวังค์อัญมณีสีม่วงอันแสนงดงามตรงหน้า และเด็กน้อยผู้มีดวงตาม่วงก็กำลังจ้องมองคนที่มีดวงตาสีแดงนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว
“หึ!” เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มแสยะแสดงถึงความพอใจกับปฏิกิริยาของเด็กตรงหน้า
นอกจากจะไม่หลบสายตาของเขาแล้วยังจ้องมองกลับมาเหมือนนกน้อยที่สงสัยใคร่รู่ว่าเมื่อไหร่มันจะบินออกจากรังได้เหมือนกับแม่ของมัน
ตอกแรกก็กะจะฆ่าทิ้งและบอกตาแก่ไปว่าไม่มีผู้รอดชีวิตอยู่หรอก
แต่พอเห็นแววตาและสีหน้าของเด็กนี่แล้ว…
ฆ่าทิ้งไปมันก็น่าเสียดาย
“ไอ้ฉลามสวะ”
“ไรฟระ!!”
“เอาเด็กนี่ออกมา”
“หา!!!!” สควอโล่ถึงกับยกมือแคะขี้หูตัวเองซ้ำๆอย่างไม่เชื่อว่าจะได้ยินประโยคที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา(?)ออกมาจากปากไอ้บอสเวรที่เอะอะก็ปล่อยเพลิงพิโรธใส่ลูกเดียว
มันต้องกินอะไรผิดสำแดงมาแน่ๆ
แต่ไม่ทันได้ทำตามคำสั่ง
ไอ้คนชอบเสนอหน้าอย่างเลวี่ก็จัดการพังหลอดแก้วพร้อมกับคว้าคอเสื้อของเด็กที่ชื่อคิบาระ
ยูกิโตะออกมาให้บอสที่เคารพรักของมันอย่างสรรพเสร็จ
“แค่กๆ”
คนที่พึ่งได้ออกมาจากหลอดแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสารเคมีถึงกับสำลักหน้าแดง
ดวงตาสีม่วงรับกับใบหน้าหวานเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย
กลุ่มผมสีดำสนิทคลอเคลียไปตามแก้มกลมย้วยที่มันเหมือนกับหนูแฮมเตอร์ชวนให้เบลที่อายุใกล้เคียงอดจะยกมือขึ้นมาบีบแก้มนุ่มนิ่มนั่นไม่ได้
“ชิชิชิ
เหมือนเยลลี่เลย เจ้าชายชอบอ่ะ!!” รอยยิ้มฉีกกว้างกับเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กน้อยเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับสร้างความแปลกใจสำหรับทุกคนบริเวณนี้เป็นอย่างมาก
ปกติเด็กมันต้องส่งเสียงร้องไห้โวยวายน่ารำคาญไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมเด็กนี่ถึงได้จ้องมองพวกเขาตาแป๋วแบบนี้ล่ะ
เฮ้ย! ไม่กลัวพวกเขาจริงดิ?
แต่ไม่ทันที่คนอื่นๆจะได้เข้ามาสำรวจเด็กน้อยผู้แปลกประหลาดที่ไม่กลัวพวกเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
คอเสื้อที่ถูกหิ้วโดยลุงหนวกหมึกก็เปลี่ยนเป็นเจ้าของใบหน้าดุดันกับดวงตาสีแดงที่วาวโรจน์ที่จ้องมองมาในระยะประชิด
“….”
“….”
ต่างคนต่างจ้องมองไร้ซึ่งคำพูด มีเพียงบรรยากาศกดดันที่ถูกปล่อยออกมาให้รู้สึกอึดอัดจนอยากจะหนีออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกเต็มทน รอยยิ้มแสยะถูกประดับบนใบหน้าอีกครั้งพร้อมกับประโยคที่เปรียบดั่งสัญญาผูกมัดร่างของเด็กน้อยที่ถูกช่วยเหลือโดยบอสของกลุ่มนักฆ่าวาเรีย
พ่วงตำแหน่งลูกชายของวองโลเล่รุ่นที่เก้า
"แกเป็นของฉัน”
[100/100]
เจอกันครั้งแรกก็ตีตราเป็นเจ้าของเลยนะป๋าาาาา
น้องแค่ 5 ขวบเองเด้ออออออออ
ภาษาอาจไม่สวยเท่าไหร่ อย่าว่ากันนร้าาา
ชอบก็เม้น ถูกใจก็ติดตามจ้า
ใครชอบเหยียบเรือมากกว่าสองเรือเชิญทางนี้~~~~~
ปล.รูปหน้าปกกับข้อมูลเบี้ยงต้น เป็นเพียงอิมเมจนายเอกของเรื่องนี้เท่านั้นนะคะ
ไม่ได้มีพลังเหมือนในเกมอย่างใด แต่มีพลังไฟดับเครื่องชนในเรื่องรีบอร์นค่ะ
ที่นำมาเพราะเป็นนายเอกในอุดมคติของคนแต่งเรื่องนี้เท่านั้นนร้าาาาา
ความคิดเห็น