คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ฉากที่1 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง 50%
“หวูด!...หวูด!...”เสียงหวูดของเรือสำราญดังระงมไปทั่วท่าเรือแห่งหนึ่ง มันส่งสัญญาณไปหาผู้คนแถวนั้นว่า อีกไม่นานเรือสำราญลำนี้จะออกแล้ว ได้เวลาบอกลาครอบครับของตนได้แล้วเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันกำหนดการณ์ที่วางไว้
“ลูกรักของแม่ ไปที่นั่นแล้วอย่าลืมโทร.มาหาแม่ด้วยนะ”เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันแฝงไปด้วยความห่วงใยในตัวลูกสาวคนเดียวเป็นอย่างมาก แต่ลูกสาวคนเดียวของเธอนั้นกลับทำหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ ยืนรับฟังในสิ่งที่แม่ของเธอพูดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“พอไปถึงที่นั่นแล้วอย่าลืมจัดของให้เข้าที่ด้วยล่ะ แม่จัดไว้ให้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็น....”คนเป็นแม่ยังคงพล่ามต่อไปเรื่อยๆในขณะที่ลูกสาวจอมบูดบึ่งหรือจะเรียกเธอให้เพราะๆว่า โอเชียน่า นั้นทำใบหน้าของตนเองงอง่ำลงทุกทีๆ
โอเชียน่ารู้สึกเบื่อในการที่แม่ของเธอนั้นยังคงพูดในเรื่องเดิมๆต่อไปโดยไม่ปล่อยให้เธอขึ้นเรือนั่นไปเสียที แต่เธอก็เข้าใจในจิตใจของแม่เพราะเธอเพิ่งจะออกเดินทางไปยังที่ไกลๆแบบนี้เป็นครั้งแรก มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นแม่นั้นต้องเป็นห่วงเป็นใยในตัวลูกเป็นพิเศษ เธอจึงไม่รำคาญในสิ่งที่แม่ของเธอพูดเลยแม่แต่นิดเดียว ดีด้วยซ้ำเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะจากแม่เธอไปเหมือนกัน
“โอเชียน่าจ๊ะ”เสียงของเพื่อนสนิทของโอเชียน่าดังขึ้นพร้อมกับวางมือบนไหล่ของเธอให้เธอรู้สึกตัวว่าเพื่อนคนนี้ได้มาอยู่ข้างหลังเธอแล้วนะ“ได้เวลาขึ้นเรือแล้วนะจ๊ะ”
“อืม”โอเชียน่าตอบรับแล้วหันไปมองเพื่อสาวที่ชื่อ เวเทอร์ หรือ เวเทอร์ มอนซอล ผู้มีผมตรงยาวสีเทารับกับใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตสีเทา คิ้วโก่งราวคันศรและมีริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู ส่วนนิสัยของเวเทอร์นั้นยังอ่อนโยนราวกับนางฟ้า ผิดกับโอเชียน่า ผู้มีผมตรงยาวสีดำแต่กลับรวบมัดถักเป็นเปียเฉิ่มๆสองข้าง ดวงตาสีดำข้างซ้ายและสีเขียวท้องทะเลข้างขวาเวลาสบมองนั้นก็แสนจะเย็นชา ได้ถูกซ้อนไว้หลังแว่นตาหนาที่เจ้าตัวพยายามปกปิดความแปลกประหลาดของมันเอาไว้ มีคิ้วโก่งเรียบ และริมฝีปากสีแดงสดนั้นแทบจะประกบติดกันแน่นตลอดเวลาเพราะเธอไม่อยากพูดอะไรกับใคร ส่วนนิสัยนั้นก็แสนจะเย็นชาจนเพื่อนๆในห้องต่างตีตัวออกห่าง จะมีก็แต่เพื่อนบางคนเท่านั้นที่คบกับโอเชียน่าเพียงเพราะพวกเขาเหล่านี้ก็ประหลาดเหมือนกันจึงคบกันไปรอด
“สวัสดีค่ะ คุณนายมารีน”เวเทอร์หันไปสวัสดีแม่ของโอเชียน่าผู้มีเส้นผมเหยียดตรงแต่หยิกปลายสีฟ้าท้องทะเล และมีดวงตาสีเขียวน้ำทะเล คิ้วโก่งเหมือนโอเชียน่ากับริมฝีปากบางได้รูป โอเชียน่าไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอายุเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่าแม่ของเธอนั้นสวยราวกับวัยรุ่นแรกแย้ม
บางครั้งโอเชียน่าก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมแม่ของเธอถึงต้องไปย้อมสีผมให้เป็นสีแปลกๆแบบนั้นด้วย เอ๊ะ! รึว่าไม่ได้ย้อม
“สวัสดีจ๊ะ เวเทอร์น้อย”แม่ของโอเชียน่าทักทายกลับ
เวเทอร์หันซ้ายหันขวารอบบริเวณนั้นเพื่อหาบุคคลคนหนึ่ง แต่เมื่อหาไม่เจอจึงเอ่ยถามผู้สูงอายุที่สุดว่า“แล้วคุณทัสนานุตริยะอยู่ไหนหรอค่ะ”
คำถามของเวเทอร์เรียกนัยน์ตาสีเขียวทองทะเลของคุณนายมารีนให้กระตุกวูบลง ก่อนที่เจ้าจะตัวจะปรับให้มันสดใสเหมือนเดิม เธอแย้มรอยยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความผิดปกตินั้นแล้วตอบไป “เขาไปทำธุระที่อเมริกาอยู่นะจ๊ะ”
“ไปนานจังเลยนะค่ะ ผ่านมาตั้ง12ปีแล้วก็ยังไม่กลับมาอีก”เวเทอร์ตัดเพ้อพลางนึกถึงวันเวลาเก่าๆ
โอเชียน่ารู้สึกแปลกใจในคำพูดของคุณแม่ ก็ในเมื่อตอนนั้นเมื่อ12ปีก่อน วันที่ฝนตกหนักคุณพ่อได้ทิ้งจดหมายบอกลาไว้เพียงฉบับเดียวแล้วไม่กลับมาอีกเลยแต่ตอนนั้นเนื้อความในใจหมายนั้นบอกว่า พ่อจะไปประเทศไทย ประเทศบ้านเกิดพ่อ ไปทำธุระนิดหน่อย เดี๋ยวจะกลับมา... แต่เมื่อเวลาล่วงเลยจนเธอมีอายุ16ปีแล้วคุณพ่อก็ยังไม่กลับมา คุณพ่อเป็นคนให้ผมและดวงตาข้างซ้ายสีดำแก่เธอ แต่เธอไม่เคยเกลียดมันเลยแม้สีพวกนี้จะทำให้เธอถูกตีตัวออกห่าง เพราะมันเป็นของดูต่างหน้าของพ่อเธอ...
เสียงหวูดดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองที่เรือสำราญลำใหญ่นั่นทันที พบว่ามันกำลังถูกชักบันไดกลับไปในเรือ
“คุณแม่ค่ะ หนูไปก่อนนะค่ะ”โอเชียน่าบอกลาคุณแม่ของเธอโดยที่ยังไม่ได้หันกลับมามองหน้า เพราะกำลังสนใจบันไดเรือแล้วกึ่งลากกึ่งจูงเวเทอร์ให้วิ่งตามไป
“สวัสดีค่ะ คุณนายมารีน”เวเทอร์หันมาบอกลาและรีบวิ่งตามไป
“ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะเด็กๆ”คุณนายมารีนโบกมือลาทั้งสองคน ค่อยๆแย้มรอยยิ้มออกมาส่งเด็กๆ
ทัสนานุตริยะ...ลูกของเรากำลังจะได้รู้ความจริงแล้ว ความจริงที่แสนจะโหดร้าย ถ้าคุณได้ไปที่นั่น ฉันขอฝากคุณดูแลลูกทีนะ...
คุณนายมารีนมีแววตาเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเธอเห็นว่าเรือลำใหญ่ได้จากไปแล้วจึงค่อยๆหันหลังกลับไป ลมทะเลพัดโบกสะบัดเส้นผมสีฟ้าให้ปลิวไสว เสียงนกนางนวลก็ร้องขับขาน ราวกับภาพวาดอันสวยงาม คุณนายมารีนย่างก้าวกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเธอด้วยทวงท่าอันสง่างาม ถ้าเรียกว่านั่นคือบ้านหลังเล็ก เพราะบ้านหลังใหญ่ของเธอนั้นคือที่นี่...ที่ท้องทะเล...
โอเชียน่ามองภาพท่าเรือที่กำลังหดเล็กลงตามระยะทางของเรือสำราญที่จากมา โดยมีฉากหลังเป็นอาคารเรียนขนาดใหญ่ อยู่ด้านหลัง โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของโลก มีชื่อว่า โรงเรียนเมจิเอนิทาสต์ ตั้งอยู่ในประเทศซิลาเดเฟีย ประเทศใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลกลางของโลก ประเทศนี้อยู่ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาติดมหาสมุทรแอตแลนติก
โอเชียน่าได้รับการเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ว่าเธอสอบได้หรือมีเงินมากมายมหาสาร แต่เธอเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง จดหมายฉบับนี้ส่งไปหาโอเชียน่าตอนที่เธออยู่ที่บ้านในประเทศแคนนาดา จดหมายฉบับนี้คือจดหมายลงทะเบียนเข้าเรียน เมื่อพ่อและแม่ของเธอเห็นมันเข้าจึงรีบตอบตกลงทันที และย้ายบ้านมาอยู่ในประเทศซีลาเดเฟีย เพื่อสะดวกในการไปโรงเรียนทุกวัน
โรงเรียนแห่งนี้นั้นจะรับนักเรียนก็ต่อเมื่อมีจดหมายของทางโรงเรียนเป็นเอกสารสำคัญมายื่น ดังนั้นเด็กนักเรียนของที่นี่จึงมีกันหลากหลายเชื้อชาติ พวกเขาต่างใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวเชื่อมไว้ ที่เรียกโรงเรียนนี้ถูกเรียกว่าโรงเรียนอันดับหนึ่งก็เพราะว่า เด็กอายุเพียง15ปีก็สามารถสอบในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้สบายๆ เพราะระบบการเรียนการสอนของที่นี่นั้นมีความเหนือชั้นกว่าโรงเรียนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ลมทะเลพัดเอื่อยเฉื่อย หอบเอาความเค็มของน้ำทะเลขึ้นมาให้ผู้โดยสารที่อยู่ตรงดาดฟ้าของเรือได้รับกันไปเต็มๆ โอเชียน่าละจากภาพของท่าเรือมาสบกับภาพของนักเรียนโรงเรียนเมจิเอนิทาสต์ชั้นเดียวกับเธอ กำลังเดินยั้วเยี้ย ด้วยชุดสีต่างๆจนดูเหมือนฝูงมดสีต่างๆแตกรัง
โอเชียน่ารู้สึกเบื่อหน่าย เธอภาวนาให้เรือลำนี้ไปถึงที่หมายโดยเร็ว ที่หมายที่ว่านั่นก็คือเกาะโรงเรียนเมจิเอนิทาสต์ เกาะที่คุณครูของเธอบอกว่า มีเพียงเรือของโรงเรียนนี้เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ถ้าใช้เรือลำอื่นชาติหน้าก็หามันไม่เจอ ดูจากการพูดแบบนี้แล้ว เธอมีความรู้สึกเหมือนครูเขาดูถูกเทคโนลียีอันล้ำสมัยของยุคนี้ไป เพียงแค่ใช้เรดาร์เท่านั้นก็สามารถหาเกาะนั่นเจอแล้ว แต่เธอยังไม่เคยลอง...
โอเชียน่าเคยสงสัยอยู่บ้างว่า ทำไมพวกเธอทุกคนถึงต้องไปเรียนปี1(ม.4)ที่เกาะนั่นด้วย ทำไมเรียนที่อื่น โรงเรียนอื่นไม่ได้ เหมือนเป็นการบังคับกันอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วทำไมไม่มีใครคัดค้านในเรื่องนี้เลยสักคน ไม่มีผู้ปกครองคนไหนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้เลยกลับเห็นดีเห็นงามไปด้วยอีก เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ แม้ว่าเธอจะสามารถสอบได้ที่1ของระดับชั้นทุกปี แต่ก็ไม่สามารถสรรหาคำอธิบายในเรื่องนี้ได้ ราวกับส่งพวกเธอไปทิ้งไว้ที่เกาะอย่างไรอย่างนั้น
โอเชียน่าสายหน้าน้อยๆให้กับความคิดของตนเองที่ว่า พวกผู้ใหญ่ต้องการให้เราฝึกเอาชีวิตรอดกันเองในเกาะแห่งนั้น โดยใช้ข้ออ้างว่าให้ไปเรียนต่อปี1ที่นั่น
“ไงๆๆ โอเชียน่า”เสียงเล็กๆคล้ายเด็กดังขึ้นทักทายโอเชียน่า โอเชียน่าจึงเบือนสายไปหาคนๆนั้นอย่างเบื่อหน่าย เนื่องจากบุคคลคนนั้นชอบหาเรื่องให้เธออยู่เรื่อยทั้งๆที่เธอเป็นคนรักความสงบ
“หืม...”โอเชียน่าขานรับให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ดูท่าจะจอมแก่นกว่าโอเชียน่าเยอะเลย มีชื่อว่า ไดโอนิซิส เคที่ ดอล์นเลสตั้น ลูกสาวนายแพทย์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ผู้มีผมสีน้ำตาลแดงเป็นลอนด์ยาวสะท้อนเป็นเงางามเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ถูกรวบมัดเป็นแกละสองข้างผู้ด้วยโบสีเขียวมรกต มีดวงตาสีน้ำตาลแดงเว้นแต่ว่าข้างซ้ายกลับเป็นสีเขียวมรกต ไดโอนิซิสคงจะเหมือนกับโอเชียน่า ถ้าไม่ใช่ว่าไดโอนิซิสมีฝาแฝดชายที่ชื่อ ดีมีน์ซิทัส เคต ดอล์นเลสตั้น บุรุษผู้มีผมสีน้ำตาลแดงเหมือนฝาแฝดผู้น้อง และมีดวงตาข้างซ้ายสีเขียวมรกตข้างขวาสีน้ำตาลแดง ดวงตาของทั้งคู่นั้นเป็นแบบ โอต อาย (Odd Eye) ซึ่งหายากมากในโลกของเรา
“รู้ไหมๆ พายุกำลังจะมาแหละ”ไดโอนิซิสบอกโอเชียน่าพลางยิ้มร่าเหมือนเด็กๆ แล้วเข้ามาเกาะแขนเธอราวกับออดอ้อน
โอเชียน่ามีสีหน้างุนงงก่อนถามกลับไปว่า “หมายความว่าไง”
แต่ไม่ทันที่ไดโอนิซิสจะได้ตอบ เสียงบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้นแทรก “ก็หมายความว่าพายุกำลังจะมาและให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในห้องพักขอตัวเองไงครับ”
โอเชียน่าหันไปมองฝาแฝดผู้พี่ของไดโอนิซิสแล้วส่งสายตาเบื่อหน่ายไปหาเขา
“ไหงทักทายกันด้วยสายตาแบบนั้นละครับ”ดีมีน์ซิทัสเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะน้อยๆแล้วค่อยๆเดินเข้ามาหา
โอเชียน่าหันไปมองรอบตัวก็พบว่าท้องทะเลนั้นสงบนิ่งผิดปกติเช่นเดียวกับลงที่ยิ่งเงียบลง ผู้คนเริ่มบางตาลงเพื่อเข้าไปหลบพายุข้างในเรือ
“โอเชียน่า คิดอะไรอยู่ๆ ถึงไม่ได้ยินเสียงประกาศ”ไดโอนิซิสเอ่ยและหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก
“ไดโอนิซิสก็เหมือนกันนั่นแหละ ต้องให้เรามาเตือน”ดีมีน์ซิทัสว่าแล้วขยี้หัวน้องสาวเล่นด้วยความเอ็นดู
“โถ่...พี่อ่ะ”ไดโอนิซิสพูดอ้อมแอ้ม ทำแก้มป่อง “ผมเสียทรงหมด”แล้วเจ้าตัวก็หยิบหวีในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาหวีผมด้วยความทะนุทะหนอมยิ่ง
โอเชียน่าแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ให้กับความรักสวยรักงามของคนตัวเล็ก แต่เธอก็มองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเอ็นดูแกมขบขัน
ไดโอนิซิสเกาะแขนโอเชียน่าอีกครั้งเมื่อเธอหวีผมให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว
“ไปข้างในกันเถอะๆ พายุกำลังจะมาแล้วนะ”ไดโอนิซิสเอ่ยขึ้นแล้วช้อนสายตามองโอเชียน่าด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ และออกแรงดึงแขนโอเชียน่าให้เดินตามเข้าไปเข้าในเรือสำราญ โอเชียน่าหยุดรั้งตัวเองไว้เล็กน้อยเมื่อสงสัยอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นจึงหันไปถามดีมีน์ซิทัสซึ่งกำลังจะเดินไปหากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ชมวิวเพลินเหมือนโอเชียน่าที่คิดอะไรเพลิน
“เดี๋ยวก่อน ดีมีน์ซิทัส...”โอเชียน่าร้องเรียก ทำให้เจ้าของชื่อต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมา “นายจะไปไหนน่ะ ทำไมไม่ไปหลบพายุข้างในด้วยกัน แล้วก็...เรือลำนี้จะฝ่าพายุไปได้หรอ...”แม้เธอจะตะโกนพูด แต่น้ำเสียงของเธอนั้นยังคงเบาราวกับเสียงคนพึมพำ
ดีมีน์ซิทัสไหวไหล่เล็กน้อยก่อนตอบไปว่า “ก็ผมยังต้องทำหน้าที่ประธานนักเรียนนี่ครับ ซึ่งผมต้องเรียกนักเรียนทุกคนให้กลับเข้าไปข้างในเรือเพื่อหลบพายุ เมื่อเสร็จแล้วผมถึงจะกลับเข้าไปข้างในได้บ้าง แล้วก็ อย่าดูถูกเรือสำราญลำนี้สิครับ ไม่งั้นอาจารย์ที่มาด้วยคงไม่พูดเรื่องพายุด้วยสีหน้าระรื่นใจหรอกครับ”จากนั้นเขาก็เดินจากไป ส่วนโอเชียน่า ถูกไดโอนิซิสลากเข้าไปในเรือเรียบร้อยแล้ว
โอเชียน่านึกถึงน่าที่ของดีมีน์ซิทัสแล้วเธออยากจะพูดคำว่าขอโทษแก่เขาเป็นล้านครั้ง เพราะอะไรนะหรอ ก็เพราะว่าไอตำแหน่งประธานนักเรียนนั่นมันเป็นของเธอเอง ตอนเธออยู่ ม.1 ทางสภาของคณะกรรมการนักเรียนได้มีความเห็นให้โอเชียน่ารับช่วงต่อจากประธานนักเรียนคนเก่าเนื่องจากเธอสอบได้ที่1ของระดับชั้นทุกปี แล้วเธอก็ได้ปฎิเสธให้กับความหวังดีนั้น เพราะเธอไม่ต้องการรับผิดชอบใดๆให้กับคนที่เกลียดเธอ หวาดกลัวเธอแม้แต่นิดเดียว และเหตุผลข้อสำคัญที่ทำให้ปฎิเสธไปนั่นก็คือ เมื่อเธอได้เป็นประทานนักเรียนแล้วไซร้ เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเธอก็จะถูกขุดคุ้ยทันที โดยเฉพาะสีดวงตาอันแปลกประหลาดนี้ กับ...ความสามารถพิเศษอันแปลกพิสดารของเธอ
และการปฎิเสธของโอเชียน่าทำให้ดีมีน์ซิทัส ผู้ซึ่งสอบได้ที่2ต้องรับกรรมนี้ไปโดยปริยาย
“เลี้ยวซ้ายๆ”เสียงของไดโอนิซิสเรียกสติของโอเชียน่าให้กลับมา โอเชียน่าพบว่าตอนนี้เธอกำลังถูกพาไปยังห้องพักของเธอ
“ไม่กลับห้องตัวเองหรอ...”โอเชียน่าเอ่ยถามอันตัวเล็ก เมื่อเห็นว่าได้เดินผ่านห้องของไดโอนิซิสไปแล้ว
“ไม่ๆ ไดโอนิซิสจะไปเล่นที่ห้องของโอเชียน่า”คนตัวเล็กเอ่ยพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย
เล่นในห้องฉัน! โอเชียน่ากรีดร้องในใจแล้วถลึงตามองไดโอนิซิส ซึ่งตอนนี้ยังคงเดินต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆว่าใครบางคนหมายหัวตัวเองอยู่
ห้องพักฉันไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ! โอเชียน่าเริ่มรายการบ่นภายในใจ แล้วถ้าเกิดข้าวของเครื่องใช้ของห้องนั้นแตกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบห๊า! ห้องนั้นมันชื่อฉันนะ ไม่ใช่ชื่อของเธอ โอ๊ย เธออยากจะบ้า อยากเล่นนักก็ไปเล่นในห้องตัวเองสิโน่น ไปเลยไป ชิ่วๆ ยิ่งไกลยิ่งดีเลยเจ้าจอมยุ่ง รู้ไหมว่าฉันต้องการเวลาอ่านหนังสือ เข้าใจไหม!
.
..บ่นไปก็เท่านั้นในเมื่อเธอไม่ได้คิดอะไรจริงจังเสียเท่าไหร่...
ไดโอนิซิสหยุดเดินลง ตอนนี้พวกเธอได้หยุดอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือประตูห้องพักของโอเชียน่านั่นเอง
ทำไมมันถึงเมื่อยขาแบบนี้นะ โอเชียน่าครางขึ้นมา ทั้งๆที่ใช้ทางเดินที่ใกล้ที่สุดแท้ๆ
“รู้ไหมๆ นอกจากไดโอนิซิสจะมาเล่นในห้องนี้แล้ว เวทอร์กับดีมีน์ซิทัสก็มาด้วยล่ะ”ไดโอนิซิสเหลือบมองสีหน้าของโอเชียน่าแวบหนึ่งพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ เธอเปิดประตูเข้าในไปโดยยังไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย และเดินเข้าไป
แต่เมื่อโอเชียน่าก้าวเท้าข้ามธรณีประไปบ้าง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น มันฟังดูคล้ายเสียงประทัดดังแล้วตามมาด้วย
“สุขสันต์วันเกิดนะโอเชียน่า(จัง)!”
โอเชียน่าสะดุ้งเล็กน้อย ผงะถอยหลังไปหน่อยๆ ตกใจในสิ่งที่เพื่อนๆทั้งสามกำลังทำอยู่นี้
“นี่มันอะไรกัน...”เธอครางออกมาเบาๆ ตกตะลึงกับห้องพักของตัวนี้ที่กลายสภาพเป็นงานปาร์ตี้ย่อยๆไป มันถูกประดับประดาไปด้วยสายรุ้งสีสวยมากมาย และเค้กก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งถูกวางอยู่ตรงกลางห้อง
“งานวันเกิดไง งานวันเกิด โอเชียน่าดูไม่ออกรึยังไง”ไดโอนิซิสตอกกลับ
รู้จ๊ะรู้ โอเชียน่าตอบตัวเอง เพียงแต่เธอไม่อยากเชื่อสายตาตนเองก็เท่านั้น
“สุขสันต์วันครบรอบ16ปีนะจ๊ะ”เวเทอร์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญกล่องน้อยให้
โอเชียน่ารับมันมาโดยที่ไม่ตอบอะไร เธออึ้งจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนจัดงานวันเกิดให้ตนด้วย ยกเว้นแม่...
“ร้องสิๆ”ไดโอนิซิสเอ่ยขึ้น เรียกแววตาสงสัยจากโอเชียน่าได้ดี
เมื่อไดโอนิซิสเห็นสีหน้านั้น จึงยิ้มแหย่ “โอเชียน่า ’ไมไม่ร้องไห้อ่า ฉากซึ้งแบบนี้คนปกติเขามีน้ำตากันนา”
“โทษทีนะที่ไม่มีน้ำตา...”โอเชียน่าประชด
“เอ้า พักยก นี่ขอขวัญครับ”ดีมีน์ซิทัสยื่นกล่องของขวัญน้อยให้บ้าง ซึ่งโอเชียน่าก็รับมันมาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละครับ”ดีมีน์ซิทัสเอ่ยถามพลางเกาหัวตนเอง
“ก็แล้วทำไมนายมาถึงห้องฉันก่อนฉัน...”โอเชียน่าถามบ้าง คำถามนี้ดีมีน์ซิทัสขำเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“ผมก็ควรถามโอเชียน่าเหมือนกันว่าทำไมมาช้าจัง”
“มาช้า...”โอเชียน่าเอ่ยทวน เธอเดินกลับห้องพักด้วยทางที่ใกล้ที่สุด แล้วทำไมถึงช้ากว่าดีมีน์ซิทัส อีกอย่างเธอนั้นเดินมากับได...ไดโอนิซิส! พลัน สมองก็ประมวลได้ผลลัพธ์อันน่าเชื่อถือบางอย่างได้ คำตอบที่ว่านี้เรียกสายตาเหี้ยมจากโอเชียน่าดี
“ได..โอ..นิ..ซิส..”โอเชียน่าเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยเสียงครางต่ำ “ฉันว่าฉันเมื่อยขานัก ถ้าเธอไม่มีคำอธิบายอันน่าเชื่อถือพอ รู้นะว่าจะเจอกับอะไร...”
“ก็ๆ ก็แค่ถ่วงเวลาโอเชียน่าโดยการพาไปทัวร์รอบเรือเล่นก็เท่านั้น เพื่อให้ดีมีน์ซิทัสมาช่วยจัดงานให้ทัน”ไดโอนิซิสเอ่ยพลางหลบสายตาอย่างคนสำนึกผิด
เวเทอร์เดินไปหาไดโอนิซิสพร้อมกับลูบหลังของคนริอาจเป็นไกด์นำเที่ยวตัวน้อย “โถ่ โอเชียน่าอย่าโกรธอะไรมากมายเลย ไดโอนิซิสเขาหวังดีนะ”เวเทอร์หันมาแก้ตัวให้ไดโอนิซิส
“ก็ได้ๆ...”โอเชียน่าเอ่ยขึ้น ตอนนี้เธอยังไม่อยากใช้กำลังเท่าไหร่เนื่องจากปวดขา
ความคิดเห็น