คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรเดียส
บท
บทที่ 3
ภาพแรกที่ผ่านเข้ามาในดวงตาคมนั้นแสนพร่าเลือน แต่เมื่อหลับตาแล้วเพ่งมองอีกครั้ง มันก็ดูชัดขึ้น เขาอยู่ในร้านกาแฟที่ตกแต่งสวยงามด้วยโทนสีน้ำตาลขาว นัยน์ตาคมมองเห็นแผ่นหลังของเด็กสาวผมแดงซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางเศษแก้วที่แตกกระจาย ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ไกลจากนั้นแมวดำที่ไม่คุ้นเคยนักก็จ้องกลับมาเขม็ง สายตานั้นเหมือนจะสั่งให้เขาปลอบใจเด็กสาว ซึ่ง...
ผมไม่จำเป็นต้องทำตามนี่ครับ..?
มุมปากถูกยกขึ้นเล็กน้อย ยั่วอารมณ์ขุ่นเคืองของออนให้กรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มถูกแมวตัวน้อยขู่ฟ่อใส่ เรื่องปกตินะ... สำหรับเขาและคน.. ไม่สิ แมวตัวนี้
แต่ก่อนที่สงครามระหว่างคนและแมวจะเริ่มขึ้น ร่างของเด็กสาวผมแดงก็เริ่มโงนเงน ผู้มาใหม่เห็นดังนั้นจึงกระโจนเข้ามารับร่างบางมิให้ล้มทับเศษแก้วเหล่านั้น เจ้าของเรืองผมสีดำเหลื่อมม่วงมองร่างในอ้อมแขน
“หลับไปแล้ว... ” เด็กหนุ่มว่าเสียงแผ่วหลังจากมองโนเอลอยู่ครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกัน?” เขาว่า นี่ก็ถือเป็นงานแรกซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่อยากให้มันล้มเหลว แล้วก็มั่นใจว่า ‘อีกคน’ ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน
”แม่ของยัยเด็กนี่ตาย” แมวดำว่าสั้นๆ นัยน์ตาสีม่วงเข้มปรากฏความเห็นใจก่อนถามต่อไป
”แล้ว..?”
”จะอะไรซะอีก... ก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังตามฟอร์ม มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้ทุกคน” คราวนี้เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนส่งเสียงว่ากล่าว
”นายมันบ้า...” เสียงต่อว่านั่นทำให้ออนหรี่ตา แต่มีหรือที่เขาจะสน “ทำไร้หัวจิตหัวใจไปได้ แม่เขาตายเขาก็ต้องร้องไห้เสียใจเป็นธรรมดา สิ่งที่ควรจะทำก็คือปลอบโยนไม่ใช่รึไง! นี่อะไร? นั่งมองเขาร้องไห้จนเป็นลม นายยังเป็นคนอยู่รึเปล่า!?” เสียงนุ่มนั้นต่อว่ายาวเหยียด แต่ออนเพียงตอบกลับไม่สะทกสะท้าน
” ถ้าเผื่อนายลืมไปล่ะก็... ฉันจะบอกซ้ำอีกครั้ง” เขาเหลือบตามองเด็กหนุ่มแล้วเอ่ย “ ว่าฉันคือยมทูต ”
”ไม่ใช่มนุษย์เหมือนนาย..!”
ร่างสูงนิ่งงัน ยมทูตที่อยู่มาเป็นร้อยปีอย่างออนมองเห็นความตายผ่านสายตามานับไม่ถ้วน ความโศกเศร้าที่เขาได้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า เกลาจิตใจของออนให้ด้านชา จนกระทั่งไม่ยี่หระต่อเรื่องเช่นนี้อีกต่อไป...
แต่เขาไม่ใช่... จึงไม่อาจมองเห็นความสูญเสียเป็นเรื่องเล็กได้ เจ้าของดวงหน้าหล่อเหลามองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของโนเอลด้วยความเห็นใจ
”ขอโทษ...” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด เขาอุ้มเด็กสาวแล้วยันกายขึ้นยืน ก่อนจะมองหาบันไดขึ้นสู่ชั้นบน เด็กคนนี้ต้องการพักผ่อน... ถ้าลงใช้ชั้นล่างในการประกอบธุรกิจแล้ว.. คงไม่มีใครสร้างห้องนอนไว้ข้างล่างอีกเป็นแน่
เด็กสาวเปิดเปลือกตาของตนขึ้นอย่างช้าๆ เธออยู่ในห้องนอนของตน เธอรู้ว่า ยามเช้ามาเยือน ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง แม้ว่าห้องนอนเธอจะยังมืดมิดก็ตามที เสียงรถราก็ยังพอมีแว่วมาให้ได้ยิน หากแต่เสียงเหล่านั้นมันไม่ได้เข้ามาถึงโสตประสาทของเธอเลยสักนิด
คงฝันไป.. แค่ฝันไปเท่านั้น....
เสียงเปิดประตูอย่างแผ่วเบาทำให้เด็กสาวหันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว หวังจะได้พบคนที่เธอฝันว่า จากไป เธอจะเล่าความฝันประหลาดนั้นให้ฟัง และจะอ้อนแม่ให้มากกว่าที่เคย แต่คนที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่ แสงจากข้างนอกสว่างจ้าส่งผลให้เธอเห็นเพียงเงาคน ถึงอย่างนั้นเธอก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่แม่
เด็กหนุ่มในเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินเข้ามาอย่างเก้กังๆ และนั่นทำให้เธอเด้งตัวออกจากที่นอนทันที โนเอลร้องถามออกไป
“นั่นใคร?” แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบออกไป “ยมทูต... เหรอ?” เสียงหวานเศร้าหมอง น้ำตาขึ้นมารื้นคลอเบ้าอีกครั้ง มือบางกำผ้าห่มผืนหนาแน่น
”ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่” แสงไฟสว่างจ้าขึ้นเมื่อมือหนาของเด็กหนุ่มเอื้อมเปิดสวิตซ์ เด็กสาวหรี่ตาลงเพราะแสบ แต่ก็ยังพยายามลืมตาขึ้น เธอไม่เชื่อใจคนที่เดินเข้ามานี่สักเท่าไหร่ เมื่อคืนเธอจำได้ว่าล็อคประตูแล้ว ถ้าไม่ใช่ยมทูตที่เข้านอกออกในได้สบาย ก็คงไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ เมื่อสายตาเริ่มชินเธอก็เม้มริมฝีปากนิดๆกับภาพที่เห็น
เด็กผู้ชาย..?
”เดี๋ยว!” เธอว่า คนที่กำลังปิดประตูจึงชะงัก “เปิดประตูทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ” นัยน์ตาคู่สวยของโนเอลค่อนข้างแข็งกร้าว แน่ล่ะ... คนตรงหน้าเธอเป็นใครก็ไม่รู้นี่นา
เด็กหนุ่มเดินเข้ามาโดยเว้นระยะห่างระหว่างตนกับเตียงไว้พองาม โนเอลมองคนแปลกหน้าอย่างพิจารณา ตั้งแต่ผมสีดำเหลื่อมม่วง นัยน์ตาสีม่วงคมจนถึงจมูกโด่งได้รูปและผิวขาวๆที่เนียนละเอียด สิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกจากเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือความรู้สึกอบอุ่น... อบอุ่นเหมือนตอนที่เธออยู่กับแม่ไม่มีผิด และนั่นทำให้ดวงตาที่แข็งกร้าวอ่อนลง
เมื่อเห็นดังนั้นใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ระบายด้วยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ใครๆเห็นก็คงเรียกเขาว่า สุภาพบุรุษ เขายื่นแก้วโกโก้ที่ถือวิสาสะเข้าไปชงเองในครัวให้เด็กสาวที่รับมันไว้ แต่ไม่ได้ดื่ม ดวงตาสีมรกตมองของเหลวในนั้นก่อนจะตวัดกลับไปที่ใบหน้าเด็กหนุ่ม ริมฝีปากบางเม้มนิดๆ ดวงหน้าของเธอเหมือนจะตั้งคำถามว่า เขาเป็นใคร? เจ้าของเรือนผมสีเข้มจึงรีบเอ่ยแนะนำตัว
“ผมชื่อ เรเดียส ครับ” เด็กหนุ่มยิ้ม แต่โนเอลนิ่วหน้า
“แค่นี้เหรอ?” เธอว่า เรเดียส พยักหน้าพร้อมกล่าวยืนยัน
”ครับ แค่นี้” และแน่นอนว่ามันทำให้คิ้วของเด็กสาวมุ่นเข้าหากันมากขึ้น จะไม่บอกกันซักหน่อยหรือว่า เป็นใคร มาจากไหน และเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร!? เธอคิด และเรเดียสเองก็เริ่มยิ้มแห้งเมื่อเห็นดวงหน้าของเด็กสาว มือหนายกขึ้นเกาศีรษะ
ถึงเขาอยากจะบอกให้รู้ ก็บอกไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้อะไรนอกจากนี้เช่นกัน...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทั้งๆที่มันเปิดไว้ เจ้าแมวดำที่ตกเป็นเป้าสายตาเดินเข้ามาช้าๆก่อนจะกระโดดขึ้นมายืนบนเตียงนอน โนเอลขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้าหวานหมองลง
”ยังอยู่อีกเหรอ..?” เจ้าของบ้านถาม ออนมุ่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะส่งเสียง เหอะ
”เรียกว่าไปไหนไม่ได้ดีกว่า” แมวดำพูด และเมื่อเห็นว่าโนเอลให้ความสนใจจึงขยายความ
”มันเป็นคำขอสุดท้ายของแม่เธอซึ่งซาเฟียร์ดันตกปากรับคำไปแล้ว” เรเดียสมองนัยน์ตาหวานที่หม่นลงอยู่เงียบๆ
”ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดว่า ฉันอยู่คนเดียวได้” โนเอลพูด เสียงของเธอไม่สั่นเลยสักนิดแม้ว่าน้ำตาจะรื้นขึ้นมาคลอเมื่อนึกถึงแม่ก็ตาม
”ถ้าทำได้ก็คงไม่อยู่ที่นี่... คำขอร้องสุดท้ายของวิญญาณกับการตกลงรับคำของยมทูตถือเป็นสัตย์สาบานที่ไม่ว่าใครก็ละเมิดมันไม่ได้” ออนว่าอย่างฉุนๆ เขาไม่พิศวาสการอาศัยมนุษย์อยู่เลยสักนิด
”จะโมโหใส่เธอไปทำไมกันเจ้าเหมียว จะโทษก็โทษซา.. อะไรนั่นเถอะ” เรเดียสที่ฟังอยู่ขัดขึ้น และนั่นเบี่ยงเบนประเด็นออกไปได้เยอะ เพราะแมวดำโมโหเรเดียสจนตัวสั่น
“จะว่าไปแล้วต้นเรื่องมันก็คือตัวเจ้านั่นแหละ!!” ออนใส่อารมณ์ ดวงตาสีม่วงใสของเด็กหนุ่มหรี่ลง ส่วนเด็กสาวคนเดียวในห้องขยับตัวอย่างอึดอัด
”คำพูดนายน่าสนใจ” เด็กหนุ่มเหยียดรอยยิ้มก่อนถามกลับ “ไหนลองบอกมาหน่อยเถอะ ฉันทำผิดอะไร ถึงได้ถูกขังวิญญาณไว้ในร่างของยมทูตแบบนี้!”
ขังวิญญาณ..? โนเอลมองทั้งสองสลับกันไปมาอย่างงุนงง งั้นเรเดียสก็ไม่ใช่ยมทูตจริงๆน่ะสิ
คนถูกย้อนถามกัดฟันกรอด ออนรู้ตัวว่าตนกำลังพาล ความจริงแล้วเรเดียสก็เป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้นเอง แต่แมวมากทิฐิไม่มีวันเอ่ยคำขอโทษใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่ตนไม่ถูกชะตาด้วยอย่างเรเดียส
”นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เรเดียส” แมวตัวน้อยตอบสั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาพอๆกับดวงเนตร
“กาแฟร้อนๆครับ คุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะดังขึ้นพร้อมแก้วสีใสที่บรรจุของเหลวสีน้ำตาลอ่อนไว้ เด็กหนุ่มส่งมันให้เจ้าของร้านที่เดินลงมานั่งนิ่ง เขาไม่รู้ว่านี่เป็นนิสัยปกติของโนเอลหรือเป็นผลกระทบจากความเศร้า แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยชอบที่จะเห็นใครนั่งซึม เขาจึงใช้เวลาช่วงเช้าในการชวนเด็กสาวคุย
เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวใสยกแก้วขึ้นจิบก่อนมองหน้าคนช่างเจรจา กาแฟแก้วนี้รสชาติไม่เลวเลย หรือจะให้พูดตรงๆ เธอคงต้องบอกว่า มันอร่อยมากด้วยซ้ำ
หลังจากเมื่อเช้าเรเดียสก็ปรับอารมณ์ของตนได้เร็วพอสมควร เมื่อออนออกไปแล้วเขาก็หันมายิ้มแฉ่งใส่เธอพร้อมกับคว้าแก้วโกโก้ลงไปด้วยโดยให้เหตุผลว่า
“มันหายร้อนแล้วน่ะ ขอผมเอาลงไปให้แมวดำแถวนี้กินนะ”
เธอล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย เรเดียสจะเอาลงไปให้ออนจริงๆหลังจากที่ทั้งสองเถียงกันขนาดนั้น แต่โนเอลไม่มีโอกาสเห็นว่าออนกินรึเปล่า เพราะเมื่อเธอลงมาเจ้าแมวดำก็ไม่อยู่เสียแล้ว เจ้าแมวน้อยทิ้งไว้แต่ชามเล็กๆที่ว่างเปล่ากับยิ้มบางๆของเรเดียส
คนช่างคุยมองผ่านกระจกใสพร้อมพร่ำบอกว่าเมืองนี้แปลกตา อยากจะลองออกไปเที่ยวดู เรเดียสถอนสายตาจากภาพถนนโล่งๆก่อนหันมาหาเธอ โนเอลจึงวางแก้วเปล่าในมือลง
ไหนๆ วันนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว... จะนั่งเฉยๆอยู่อย่างนี้ก็น่าเบื่อเกินไป
”วันนี้คิดว่าคงไม่เปิดร้าน” เสียงหวานเปรย เรเดียสเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “อยากจะไปไหนล่ะ?” และคราวนี้เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มสดใส ท่าทางเขาดีใจมากจนโนเอลเองอดยิ้มไม่ได้
“ไชโย!”
“เราจะไปไหน โนเอล?” เด็กหนุ่มถาม เรเดียสอยู่ในเสื้อแขนกุดสีขาวมีหมวกฮู้ดด้านหลังกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม มันเป็นชุดของลูกพี่ลูกน้องเธอที่ตอนนี้ย้ายบ้านไปอยู่แถบชานเมือง โนเอลล็อกประตูบ้านก่อนหันมาย้อนถามคนที่ตอนนี้ยืนไม่อยู่สุขเสียแล้ว
”แล้วอยากจะไปที่ไหนล่ะ” ดวงหน้าหล่อเหลานิ่วนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า
”ไม่รู้ว่าที่นี่มีที่ไหนให้เที่ยวบ้าง”
“อ้อ..” โนเอลว่าพลางเริ่มออกเดินไปตามฟุตบาทพร้อมกับเรเดียส “ถ้างั้นอยากไปไหนระหว่าง เที่ยวห้างกับสวนสาธารณะใกล้ๆนี่” เด็กสาวในชุดวันพีซสีอ่อนถาม ดวงหน้าหวานซึ้งไม่ได้มองคนที่พูดด้วยแต่กวาดสายตาไปทั่ว หากเรเดียสไม่ได้คิดไปเอง เขามองเห็นความไม่พอใจเล็กๆในดวงตาเขียวใสคู่สวย
”งั้น...” เสียงเงียบไปเหมือนกำลังคิด “ไปสวนสาธารณะ!” เมื่อโนเอลได้ฟังคำตอบ รอยยิ้มอย่างพึงใจก็เข้ามาแทนที่ น้อยคนนักที่จะเลือกไปเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ เด็กวัยรุ่นปัจจุบันมักจะหลงระเริงไปกับความเจริญด้านวัตถุ ไปเที่ยวต้องห้างดัง ใช้ของต้องแบรนด์เนม ตอนแรกก็คิดว่าคนข้างๆนั่นเธอจะเป็นแบบนั้น แต่สงสัยคงต้องดูเรเดียสใหม่
โนเอลหยุดตรงทางม้าลาย เด็กหนุ่มผมดำก็หยุดตามเขาค่อนข้างงุนงงนิดหน่อยกับท่าทีของเด็กสาว แต่ก็ยังชวนคุยต่อไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จักเบื่อ
“เธอออกมาเดินเล่นแบบนี้บ่อยๆเหรอ?” รถหลากสีแล่นผ่านโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดให้คนเดินข้าม โนเอลจึงย่นจมูกกับความไร้น้ำใจของคนขับ
”ไม่บ่อยเท่าไหร่” เธอว่า “ไม่ค่อยได้ออกมาหรอก” เรเดียสเลิกคิ้วก่อนถามกลับ
”ทำไมล่ะ?”
”ก็... ส่วนใหญ่จะต้องช่วยงานที่ร้านน่ะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้ “แต่อยู่ที่ร้านก็สนุก” ประโยคเสริมมาพร้อมรอยยิ้มน่ารัก โนเอลชอบที่จะนั่งทำขนุกขนมและชงกาแฟอยู่ในห้องครัว อยู่กับแม่...
นัยน์ตาสดใสเมื่อครู่หม่นลงมากจนเรเดียสไม่อาจไม่สังเกตเห็น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาทำให้เธอนึกถึงแม่ ใบหน้าดูดีจึงหมองลงตามไปด้วย พวกเขาข้ามถนนและเดินต่อไปตามทาง
”โทษที... โนเอล”
”เรื่องอะไร?” เด็กสาวถามแผ่วเบาแม้จะรู้ลางๆว่าเด็กหนุ่มขอโทษเธอเรื่องใด เรเดียสไม่ได้ตอบแต่ลดฝีเท้าลงเพื่อไปอยู่ข้างหลังเด็กสาว ถนนช่วงนี้เป็นเขตชุมชน ผู้คนเพ่นพล่านที่เดินสวนมาทำให้ทั้งสองต้องเดินเรียงเดี่ยวไป โนเอลเดินลำบากเสียหน่อย ร่างบางถูกคนเบียดมาเสียคนแทบปลิว เรเดียสจึงต้องจับไหล่บางไว้แล้วช่วยดันเบาๆให้ไปข้างหน้าพลางตอบคำถาม
“เรื่องแม่ของเธอ...” เขาพูด
”ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย...” เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ “มันไม่ใช่ความผิดของนาย หรือกระทั่งยมทูตพวกนั้น เมื่อคืนฉันก็พาลไปหน่อย
” เสียงหวานหยุดลงพร้อมๆกับที่เธอหยุดเดิน ตอนนี้ตรงหน้าพวกเขาคือสวนขนาดย่อม ต้นหญ้าอ่อนๆปกคลุมพื้นดินได้มิด ไม้ยืนต้นถูกปลูกเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ไม้ประดับก็ถูกจัดเป็นลวดลายสวยงาม กลางสวยหย่อมนั่นมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ น้ำพุโปรยละอองน้ำสะท้อนแสงแดด
เรเดียสรู้สึกประหลาดใจ ทั้งที่สวนนี่สวยขนาดนี้แต่กลับมีคนเข้ามานั่งเล่นเบาบางเหลือเกิน ผู้คนที่เดินเบียดกันมามุ่งหน้าต่อไปยังตึกสูง เขาเดาว่ามันคือห้างสรรพสินค้า เด็กหนุ่มชะเง้อมองคนพวกนั้นแล้วหันหน้ากลับมายังสวนสาธารณะ โนเอลมองสวนสวยแล้วส่งยิ้มให้คนข้างตัว
”สวยใช่ไหมล่ะ?” เด็กสาวมองนัยน์ตาเป็นประกายของเรเดียส เด็กหนุ่มพยักหน้า “เข้าไปลึกกว่านี้หน่อยมีลานนกด้วยนะ ไปไหม?” เจ้าของเรือนผมสีเพลิงชวน และแน่นอนว่าเรเดียสไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ
”แน่นอนครับผม”
”สองค่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวใสเอ่ยตอบคุณป้าวัยกลางคน เธอมาซื้ออาหารนกกับร้านที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ เดินอีกนิดก็จะถึงลานนก เมื่อก่อนที่นี่มักจะมีคนมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดแต่เดี๋ยวนี้น้อยคนนักที่จะมาให้อาหารนกที่นี่ แม่เธอเล่าให้ฟังแบบนั้น และเธอก็เห็นว่ามันจริง
“นี่จ๊ะหนู” คนขายส่งยิ้มให้โนเอล “แปลกจริงนะ นึกว่าคนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้จะไปเห่อห้างใหม่กันหมด” โนเอลยิ้มส่วนเรเดียสหัวเราะนิดๆ
”ผมว่าที่นี่สวยแล้วก็น่าเดินเล่น เสียดายคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของธรรมชาติ” เด็กหนุ่มว่า หญิงวัยกลางคนยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนเอ่ยถาม
”พวกหนูสองคนเป็นคนต่างชาติ?” เด็กทั้งสองมองหน้ากันนิดๆ คนขายอาหารนกคงรู้สึกสะดุดกับสีผมสีตาของทั้งสอง
”คุณแม่หนูเป็นคนไทยค่ะ แต่คุณพ่อไม่ใช่” โนเอลว่า แต่เรเดียสไม่ได้ตอบไป เขาก็ยังยิ้มละไมเช่นเดิม หญิงคนขายจะคิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันจึงไม่ได้คั้นเอาคำตอบ โนเอลตัวค่อนข้างเล็กในขณะที่เรเดียสตัวสูงกว่าเกือบครึ่งฟุต
“อ้อ... ไม่น่าล่ะ” เธอว่าก่อนจะส่งถุงหนังสีน้ำตาลใบเล็กให้สองถุง โนเอลจ่ายเงินค่าอาหารนกแล้วบอกลาหญิงคนขาย เด็กสาวเหลือบมองใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้มของคนข้างตัว
เรเดียสจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตน... มันเป็นความจริงที่เธอได้รู้เมื่อเช้า เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เธอคิดว่าการที่ต้องเป็นแบบนั้นแย่กว่าการที่เธอสูญเสียแม่ไปเสียอีก เพราะอย่างน้อยความทรงจำที่มีค่าต่างๆก็จะไม่เลือนหาย ยังจำได้ว่าตนเองเคยสุขเคยทุกข์มามากขนาดไหน แต่เรเดียสที่จำอะไรไม่ได้ก็ยังยิ้มเสมอ ยังยิ้มตลอดมา มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอคิดว่า เธอเองก็ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเช่นกัน
“อะไรครับ?” เด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่าโนเอลจ้องตนอยู่จึงถามพลางเลิกคิ้ว ดวงหน้าคมคายบ่งความสงสัย
”อ้อ! เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
พวกเขาเดินมาถึงทางแยก โนเอลเลี้ยวไปทางซ้าย เรเดียสเดินตาม พวกเขาเดินออกมาสู่ลานกว้างสีอิฐซึ่งเต็มไปด้วยนกน้อยหลายสิบตัว เมื่อพวกเขาเดินผ่านนกเหล่านั้นก็พร้อมใจกันกระพือปีกบินขึ้น เสียงพรึบพรับมาพร้อมกับขนนกหลากสีสันที่ปลิวว่อน โนเอลยิ้มกว้างเช่นเดียวกับเรเดียสที่ตาเป็นประกาย
“มาเร็วโนเอล!” เด็กหนุ่มชวนพลางเร่งเดินเข้าไปอย่างเริงร่า ทิ้งให้อีกคนเร่งรีบตามเสียงหัวเราะที่แสนสดใสเข้าไปยังกลางลาน
โนเอลให้อาหารพวกมันอย่างคุ้นเคย ผิดกับเรเดียสที่ดูเก้ๆกังๆ ถุงอาหารนกสีน้ำตาลอ่อนๆของเด็กหนุ่มเป็นเป้าหมายของนกรอบตัว และเรเดียสคงไม่มีปัญหาถ้าไม่ใช่พวกมันกรูเข้ามาพร้อมกันเยอะขนาดนั้น!
“หวา!!” เด็กหนุ่มร้องเสียงดังแม้ใบหน้าจะยังมีรอยยิ้ม โนเอลจึงหันไปหัวเราะให้กับท่าทางที่เหมือนเด็กสิบขวบของเรเดียส เด็กหนุ่มนั่งลงกับพื้นลาน ผมสีดำประกายม่วงยุ่งเหยิงและแซมด้วยขนนก ก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆกับสภาพที่ดูไม่ได้ของตน
“นกพวกนี้หิวมากน่ะ...” เสียงใสๆเล็กๆดังขึ้น คนได้ยินมองรอบตัวก่อนชะงักเพราะไม่เห็นใคร เด็กหนุ่มเหลียวหน้ามองหลังอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มซีดให้กับสิ่งที่ตนคิดว่าเจอ
ผี!?
“เป็นอะไรรึเปล่า เรเดียส?” โนเอลวางมือจากการให้อาการนกแล้วย่อตัวลงตรงหน้าเรเดียส
”โนเอล.. ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่าฮะ?” คนถูกถามมุ่นคิ้ว ก่อนจะเหลือบไปเห็นเด็กที่ยืนยิ้มเศร้าๆอยู่ข้างหลังเรเดียส เด็กน้อยในเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นหัวเราะฝืนๆ
“ถึงได้ยิน... ก็ไม่มีใครเห็น”
ไม่มีใครเห็น.. วิญญาณ? เด็กสาวคิด ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วเริ่มเดินไปหาเด็กคนนั้น เด็กสาวยิ้มละไม ส่วนเรเดียสมองตามอย่างฉงน
“เห็นสิจ๊ะ... อย่างน้อยพี่ก็เห็นหนูนะ” เด็กสาวว่า และคนที่ไม่ควรมีใครเห็นก็สะดุ้งโหยง ก่อนก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ
เรเดียสสะอึกแล้วเบ้ปาก วิญาณเด็กปล่อยโฮแล้วสวมกอดเด็กสาวตรงหน้า คนถูกกอดสะดุ้งนิดๆเพราะไม่คิดว่าวิญญาณจะจับต้องตัวเธอได้
“ดวงวิญญาณที่สอง” ไม่ไกลจากกลางลาน ร่างของแมวตัวน้อยก็ปรากฏขึ้นใต้ร่มไม้ใหญ่ ดวงตาสีอำพันจับจ้องเหตุการณ์ตรงหน้านิ่ง
ลูกนกตัวน้อยส่งเสียงร้อง รวดร้าวราวเด็กน้อยที่คร่ำครวญหามารดา เสียงนั้นน่ารำคาญสำหรับออน เขาเหลือบตามองสิ่งกวนใจ แล้วก็พบว่าพันธุ์ของมันไม่ใช่พันธุ์ที่จะมาบินเล่นอยู่แถวนี้เลย เจ้าแมวน้อยกระตุกยิ้ม
นกน้อยที่หลงทาง... หากมารดาไม่ตามหาแล้ว เจ้าจะโบยบินกลับรังได้อย่างไร?
++++++++++++++++++++++++
06/04/50
อัพต้อนรับวันจักรีค่า ^o^
01/04/50
อัพวันที่ 1 เอาฤกษ์เอาชัย รู้สึกไม่มั่นใจเล็กๆ ตอนนี้งงรึเปล่าคะ - -?
27/03/50
สอบเสร็จแล้ว ^^ ทีนี้ก็มาอัพได้ตามปกติล่ะ
แอบเครียดเล็กน้อยกับผลตอนเย็นนี้ ToT
ขอให้ติดเถอะ~ สาธุ!
ความคิดเห็น