ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Angel of Death] พวกเรา คือ ยมทูต!!

    ลำดับตอนที่ #3 : งานแรก&ห่วง

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 50


    บทที่ 2

                    ยมทูตฝึกหัดสะดุ้งเฮือก   เป็นเสียงแรกที่ทำให้ซาเฟียร์ตกใจได้   มันดังสนั่นราวกับระเบิด   ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของมนุษย์มากมายและความวุ่นวายเหลือจะคณา   ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้นเสียงของออนก็ลอยแว่วเข้ามาในโสตประสาท  

                    นั่นคืองานแรกของเจ้า   ซาเฟียร์สายตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังเครื่องบินที่ตอนนี้สภาพไม่ต่างจากเศษเหล็กที่กระจัดกระจาย   หมอกสีมัวหลายกลุ่มลอยขึ้นเหนือโศกนาฏกรรมนั้น  

                    ใครล่ะ   ที่ข้าจะต้องช่วย?สิ้นคำถามเจ้าแมวน้อยก็กระตุกรอยยิ้ม  

                    เจ้าจะรู้ได้ด้วยตนเอง...ซาเฟียร์หันสบตากับออนชั่วครู่ก่อนจะดีดตัวไปยังกลุ่มวิญญาณเหล่านั้น   นัยน์ตาสีนิลกาฬกวาดมองเหล่าวิญญาณด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ปะปนกันไป   เธอเห็นใจ   สงสาร   สมเพชในความอ่อนแอของมนุษย์   สิ่งมีชีวิตที่แสนเปราะบาง

                    ช่างเป็นช่วงชีวิตที่สั้นยิ่งนัก...

                    คราบเลือดและเศษเนื้อกระจายไปทั่วบริเวณ   แลดูน่าสะอิดสะเอียน   ศพของเด็กชายตัวเล็กไม่ครบชิ้นส่วน   จากที่ซาเฟียร์ประมาณดู   อายุของเด็กคนนั้นไม่น่าจะเกิน   9   ปี   แต่ทว่าตัวเธอสามารถอยู่มาได้หลายสิบปีและอยู่ต่อได้อีกหลายร้อยปีด้วยซ้ำ  

                    วินาทีที่ร่างใสของหญิงสาวคนหนึ่งลอยผ่าน   อะไรบางอย่างก็สะดุดใจเสียจนต้องเหลียวตามโดยอัตโนมัติ   ลึกลงไปภายใต้ใบหน้าหวานปนโศกนั้นซาเฟียร์มองเห็นร่องรอยแห่งความกังวลได้อย่างชัดเจน   ทั้งที่การสังเกตความรู้สึกของผู้คนรอบข้างไม่ใช่สิ่งที่เธอกระทำได้ดีนัก   ถ้าจะพูดกันตรงๆซาเฟียร์แทบไม่เคยสนใจคนรอบข้างเสียด้วยซ้ำ  

                    นี่กระมัง...   สิ่งที่ออนบอกเธอ

                    ซาเฟียร์เองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าตนต้องทำอย่างไร   เพราะนี่เป็นงานแรก   เธอจึงได้แต่ลอยตามหญิงคนนั้นไปเรื่อยๆ   วิญญาณหญิงสาวลอยออกไปอย่างไร้จุดหมาย   ทะลุผ่านทุกสิ่งที่ขวางหน้า   ภาพในอดีตผุดขึ้นมาราวหับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำโดยปราศจากเสียง  

                    ภาพตัวเธอเองตอนกำลังตั้งครรภ์ลูกสาวคนเดียว   -   ตอนที่เธอได้เห็นใบหน้าน่ารักนั่นเป็นครั้งแรก   -   ตอนที่เด็กคนนั้นเริ่มคลาน   -   ภาพทุกอย่างโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีวันจบ   -   ลูกสาวของเธอโตขึ้นพร้อมความร่าเริงแจ่มใสและความอ่อนโยน...

                    นัยน์ตาสีนิลกาฬเรืองแสงอ่อนๆ...   สิ่งที่วิญญาณตนนั้นเห็น   คือสิ่งที่ซาเฟียร์เห็น
                    นั่นคือห่วงของเจ้าเหรอซาเฟียร์เปรยแผ่วเบาแต่ก็พอจะทำให้หญิงคนนั้นหันหน้ามาสบตาแล้วพยักหน้าเบา

                    ลูกสาวฉัน...   เธอต้องอยู่คนเดียวหลุบนัยน์ตาลงต่ำแล้วเงยมองไปยังฟ้าไกลสุดสายตา   อย่าให้เธอเดียวดาย...เสียงอ่อนโยนว่าราวขอร้อง   ยมทูตสาวพยักหน้าเบาๆ

                    อย่าห่วงเลย..   นำทางข้าไปสิ

     

                ในที่สุดโนเอลก็กลับถึงร้านกาแฟที่เธอแสนรัก   ภายในร้านปิดไฟเงียบเชียบ   ซึ่งก็สมควรจะเป็นเช่นนั้น   เมื่อมันไม่มีใครอาศัยอยู่   เด็กสาวไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไร้เสียงก่อนจะลงล็อคกลอนที่ประตูกระจกนั้น

                    เงียบเกินไป...

                    เธอเพิ่งจะเคยรู้จัก   ความวังเวงเมื่อต้องอยู่คนเดียว   ดังนั้นจึงหาทางแก้ไขโดยให้เสียงจากโทรทัศน์กลบความเงียบนั้นให้สิ้น   เมื่อเปิดแล้วก็หายเข้าไปหลังร้านเพื่อหาอะไรมาทานเป็นของว่าง  

                    กิ๊ง   ก่องเสียงกริ่งดังขึ้น   ทำให้โนเอลชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว  

                    ใครกันนะ?

                    ผ้ากันเปื้อนถูกถอดออกพร้อมกับร่างบางที่เดินออกมาโดยถือแก้วกาแฟหอมกรุ่นและของว่างง่ายๆอย่างโรลช็อคโกแล็ต   เจ้าของบ้านวางของเหล่านั้นไว้บนเคาท์เตอร์แล้วตรงรี่เข้าไปไขกุญแจเปิดประตูให้ผู้มาเยือน....

     

                จ๊ะเอ๋!!” เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกระโดดแผล่วเข้ามาในร้าน   โนเอลเผลอถอยหลังไปก้าวก่อนเอ็ดเพื่อนตัวป่วน

                    เล่นเป็นเด็กๆไปได้เมื่อโดนเอ็ดเจ้าตัวก็หน้างอ   ลงไปนั่งยองๆแล้วบ่นงุงิบ   จับใจความได้ประมาณว่า   คิดว่าเหงาก็เลยอุตส่าห์มาหา   ดันมาดุกันอีก   โนเอลจึงยิ้มบางพลางชวนให้เพื่อนสาวเข้ามานั่งในร้านก่อน   แต่ทว่าคนงอนก็ยังงอนไม่หาย   เด็กสาวผมแดงจึงงัดไม้ตายที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ใช้ได้ผลกับลัดดาเสมอ

                    โรลช็อคโกแลตรออยู่ข้างใน   ไม่อยากทานก็ตามใจน้า

     

                อืมมม   อร่อย.. นี่แหละรสชาติของชีวิต!!” ลัดดาว่า   แต่โนเอลหัวเราะ

                     ทำเว่อไปได้

                     เฮ่   ไม่ได้เว่อนา   กลั่นออกมาจากความรู้สึกของกระเพาะอาหารเลยล่ะลัดดาหันควับมาเถียง   ก่อนตามด้วยคำถาม นี่โนเอล วันนี้ไม่เปิดร้านเหรอโนเอลเดินลงมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับลัดดา   ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ   เด็กสาวยกแก้วนมเย็นขึ้นดื่ม  

                    ถึงตอนเย็นๆจะมีลูกค้าเยอะก็เถอะ

                    แต่ว่าวันนี้น่ะ   ไม่มีอารมณ์ทำอะไรให้ใครกินหรอก...  

                    ประโยคหลังเพียงแต่อยู่ในใจมิได้เอื้อนเอ่ยไปให้เพื่อนสาวได้ยิน   เห็นแบบนี้แต่ลัดดาเป็นพวกชอบเดือดร้อนแทนคนอื่น   เธอไม่อยากให้ลัดดาไม่สบายใจ... หรืออีกนัยหนึ่ง   ยังไม่อยากได้เพื่อนคนนี้มานอนเป็นเพื่อนเนื่องจากกลัวเธอเหงา      

                    ถ้าเธอเอ่ยปากว่าเหงา   ลัดดาจะทำแบบนั้นจริงๆนะ...     

                    โนเอลเสียงเรียกที่ทำให้เธอเงยหน้าขึ้น   ดวงตาสีมรกตมองไปยังผู้เอ่ยนามเหมือนจะตั้งคำถาม

                    ชื่อโนเอลนี่แปลว่าอะไรนะ?ลัดดายกแก้วขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยต่อ   เหมือนว่าเคยรู้   แต่จำไม่ได้แล้วแฮะ

                    Noel..” เจ้าของชื่อเอ่ยนามตนเองเบาราวกระซิบให้สายลมยลยิน   พลัน.. เสียงบางเบาของใครคนหนึ่งก็แว่วเข้าหู

     

                ” Noel แปลว่า Christmas...   เพราะลูกสาวแม่เกิดในคืนวันคริสต์มาสไงล่ะ

     

                    วันนี้.. วันคริสต์มาสนี่นะ

                    พรึบ!!

                    ไฟในร้านดับไป   ทิ้งไว้เพียงความมืด   โนเอลกระชากใบหน้าของตนขึ้นมองรอบด้านเพื่อจะพบกับเงาดำลางๆที่ประตูทางเข้าออก   นัยน์ตาคู่สวยมีแววตระหนกก่อนร้องเรียกเพื่อนที่ควรจะอยู่ข้างๆกัน

                    ลัดดา!!” แต่ก่อนที่จะได้ส่งคำถามออกไป   มือของใครคนหนึ่งก็เอื้อมขึ้นปิดตา   สร้างความตกใจยิ่งแก่เด็กสาวที่ระลึกได้ว่า   ตอนให้ลัดดาเข้ามาเธอไม่ล็อคประตู

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    แฮปปี้เบิร์ดเดย์!!!” เสียงของคนหลายคนประสานขึ้นพร้อมเพรียง   มือที่ปิดตาค่อยๆคลายออก...   ในสายตาของเธอ   แสงเปลวเทียนบนปอนด์เค้กช่างสว่างไสวเหลือเกิน   โนเอลตะลึงจนพูดไม่ออก   กลุ่มเพื่อนในห้องมาจัดงานวันเกิดให้เธอ?

                    พูดไม่ออกเลยเหรอยะเพื่อนสนิทเจ้าของแผนการแซวขึ้นพร้อมฉีกยิ้มกว้างและหัวเราะร่า   แน่นอนว่าเพื่อนคนอื่นก็หัวเราะตามๆกันไป   แต่ละคนส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เด็กสาว

                    เอ้านี่... สมุดจดของเธอหมดแล้วใช่ไหมล่ะสมุดโน้ตจากเอม   สาวหมวยช่างฝัน

                    ช็อคโกแล็ตยี่ห้อนี้แพงนา   กินให้อร่อย (แต่อย่าลืมแบ่ง!?)ห่อสีเงินๆถูกยื่นให้โดนเปิ้ล   เพื่อนตัวน้อย   เปิ้ลคนนี้ตัวเล็กที่สุดในห้องเลย

                    อ่ะ.. แผ่นเสียงเพลงที่คนนิยมเปิดกันในวันคริสต์มาสมาจากคีน   สาวห้าวที่พูดน้อยแต่ต่อยหนัก   และสุดท้ายก็คือ ลัดดาเพื่อสนิทที่สุด   เธอให้พวงกุญแจกรอบรูปเล็กจิ๋วที่ใส่รูปของเธอกับโนเอลเอาไว้  

                    แต่ยังไม่หมดน้า~” ลัดดาว่า   โนเอลเลิกคิ้ว

                    นอกจากนี้แล้วยังจะมีใครอีกล่ะ? ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม เจ้าของเรือนผมสีทองก็เฉลยพร้อมผายมือไปทางบานประตูทางเข้า   ประกาศอย่างขี้เล่น

                    ยังมีใครอีกคนที่เป็นเจ้าของเค้กก้อนโตชิ้นนี้ด้วย

                    เด็กหนุ่มในชุดไปรเวทสีเข้ม   เดินเข้ามาเหมือนรอคิวอยู่แล้ว ผมสีเข้มถูกหวีอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าดูดีส่งยิ้มมาให้เจ้าของวันเกิดอย่างคุ้นเคยกันพอสมควร   ร่างสูงก้าวเข้ามาหาโนเอลอย่างผึ่งผาย

                    ดวงตาสีมรกตของโนเอลสบกับนัยน์ตาสีม่วงขุ่นชั่วครู่ก่อนหลุบลงมองพื้นร้าน   เจ้าของเรือนผมแดงกลืนก้อนเหนียวๆที่คอลงไปอย่างยากลำบาก   ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มขึ้นมาทั้งๆที่ในใจอยากกระโดดบีบคอลัดดาที่ยิ้มเริงร่าอยู่ข้างๆ

                    ให้ตาย...

                    หวัดดีครับ... โนเอลทักทายอย่างสุภาพและตามมาด้วยการมอบช่อดอกไม้ในมือ   โนเอลรับไว้ตามมารยาทที่ดี   คำขอบคุณแทบไม่พ้นคอของเด็กสาว   จึงเป็นได้แค่เสียงพึมพำ   แล้วความเงียบก็โรยตัว...

                    เอ่อ...ลัดดาเห็นบรรยากาศอึดอัดแล้วก็พยายามดำเนินเรื่องต่อ   เรามาเป่าเค้กกันดีกว่ามา   อย่าลืมอธิฐานนะโนเอล  

                    แล้วเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ก็กลายเป็นเพลงประสานเสียงโดยคนกลุ่มเล็กๆ   คืนที่โนเอลคาดว่าจะเงียบเหงาก็สดใสครื้นเครง   เช่นเดียวกันกับบรรยากาศนอกประตูบานใส   ไฟสีต่างๆที่ถูกพันรอบต้นคริสต์มาสกระพริบเป็นจังหวะ   แม้นเสียงรอบข้างจะดังมากมายเพียงใด   แต่หากเงี่ยหูฟังให้ดี...   ก็จะได้ยินเสียงแห่งความสุขกระซิบแผ่วเบา...  

                    ... เช่นเดียวกับเสียงแห่งความโศกเศร้าที่คร่ำครวญ...

     

                งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา... เพื่อนๆของเธอกลับไปหมดแล้วทิ้งไว้แต่จานที่เปื้อนครีมเค้กกับแก้วน้ำห้าหกใบ   เด็กสาวเก็บจานขึ้นมาทีละใบทีละใบอย่างประณีตก่อนจะเดินเข้าไปในครัว   โดยไม่ลืมแวะเปิดโทรทัศน์เพื่อปัดเป่าความเงียบงัน

                    ยังเหลือแก้วน้ำอีก...

                    เจ้าของบ้านเดินกลับออกมาอีกครั้ง   เธอเหลียวมองผู้ประกาศข่าวในจอแก้วที่ทำหน้าตาเรียบเฉยไปพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจากโต๊ะ

                    ตำรวจยังคงทำการสอบสวนสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ต่อไป   เบื้องต้นคาดว่า   เป็นความเสื่อมสภาพของเครื่องบิน…” ถึงตรงนี้คิ้วเรียวขมวดและรับฟังข่าวอย่างตั้งใจ

                    ความเสื่อมสภาพของเครื่องบิน?   ระเบิด?

                    ทั้งนี้... แรงระเบิดมีมากพอจะทำให้ไฟล์บิน OP 289ไม่มีผู้รอดชีวิต...

                    เสียงแก้วใสๆแตกกระจายก็ดังขึ้น   เด็กสาวเผลอปล่อยแก้วในมือร่วงหล่นเมื่อได้ฟังข่าว   น้ำใสๆไหลลงจากดวงตาทันที!!

                    บางที... บางทีเธออาจจะฟังผิดเอง   นั่นต้องไม่ใช่ไฟล์บินของแม่สิ!  

                    ต้องไม่ใช่แน่ๆ!!

                    ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ   มือเรียวกำแน่นก่อนจะยกขึ้นปิดหน้า   แล้วเสียงสะอื้นก็ดังผะแผ่วแทรกไปกับเสียงของโฆษณา...

     

                เด็กคนนั้นเอง...

                    ซาเฟียร์คิด   เมื่อได้เห็นร่างน้อยที่ทรุดลงกับพื้นโดยไม่กลัวว่าแก้วจะบาดตัว   วิญญาณตรงหน้าเธอลอยไปทั่วเมือง   ตั้งแต่สถานที่เกิด   บ้านที่เติบโตไปจนถึงห้างที่เคยไปเที่ยวก่อนจะมาสิ้นสุดลง ณ ร้านกาแฟแห่งนี้

                    สถานที่ที่มีห่วง...

                    โนเอล...วิญญาณบางใสของนาราแม่ของโนเอลเอ่ยขึ้นหลังจากลอยทะลุเข้ามาในร้าน

                    เด็กสาวสะบัดหน้าขึ้นมาทางต้นเสียงทันที   เมื่อได้เห็นบุพการีน้ำก็ยิ่งพาลไหลมากขึ้น   นัยน์ตาคู่สวยนั้นดูจะทั้งตระหนกและดีใจระคนกัน  

                    ร่างของแม่บางใสเหมือนวิญญาณที่เคยเห็น...  

    .

    .

                    เป็นไปไม่ได้!!

                    แม่… ” โนเอลลุกพรวดก่อนจะเดินเข้ามาช้าๆ   แม่!!” เด็กสาวเรียกย้ำอีกครั้งก่อนจะโถมร่างเข้ากอดเหมือนที่เคยทำประจำ   แต่ทว่า.. สิ่งที่แตกต่างกันนั้นก็คงจะเป็นการที่เธอไม่สามารถแตะต้องแม่ได้   และนั่นยิ่งย้ำให้เธอแน่ใจว่า   เธอฟังไม่ผิด...

                    ถึงตรงนี้เธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายหญิงสาวชุดดำและแมวตัวน้อย

                    อยู่กับลูกสาวฉันที   อย่าปล่อยให้เธอเดียวดาย...

                    เสียงร้องขอของนาราทำเอาเจ้าแมวน้อยตาโต   แต่ก่อนที่จะได้ทักท้วงอะไรออกไป   ยมทูตฝึกหัดก็พยักหน้าตกลงพร้อมให้คำสัญญา  

                    ได้...   ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเดียวดายถ้าออนไม่ได้หูฝาดไป   เขารู้สึกถึงความอ่อนโยนในน้ำเสียงนั้น   สิ้นคำพูดของซาเฟียร์   แสงสีขาวนวลตาก็สว่างจ้าขึ้นเป็นลำสู่ฟ้าเบื้องบน   วิญญาณบางของนาราก็ลอยขึ้นไปตามลำแสงนั้นโดยไม่ลืมที่จะหันกลับมายิ้มให้ลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย

                    เฮ้!!   เจ้าแมวดำส่งเสียงประท้วง   คำขอครั้งสุดท้ายของวิญญาณกับการตกปากรับคำของยมทูตถือเป็นสัตย์สาบานที่ไม่ว่าใครจะละเมิดมิได้   และสัญญานั่น เท่ากับว่าซาเฟียร์จะต้องอยู่ที่นี่   ต้องดูแลยัยเด็กหัวแดงที่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังตรงนั้น!   และแน่นอนว่าเขาเองก็ต้องจมปลักอยู่ที่นี่เช่นกัน!!

                    ให้ตายเถอะ!

     

                เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า.. ซาเฟียร์มองเด็กสาวอย่างเก็บงำความคิด   ส่วนออนก็เดินไปเดินมาอย่างที่เขาทำประจำเมื่อเกิดอาการหงุดหงิด   เสียงสะอื้นเริ่มแผ่วลง   และในที่สุดเด็กสาวก็นั่งนิ่ง   นั่นทำให้ออนเหลือบมอง

                    คงไม่ใช่ว่าร้องไห้จนขาดใจตายไปแล้วหรอกนะ?

                    แต่ในขณะที่กำลังสงสัย   เด็กสาวก็เงยหน้ามองคนแปลกหน้าทั้งสองคน   ไม่สิ... คนแปลกหน้าหนึ่งคนกับแมวดำอีกหนึ่งตัวต่างหาก  

                    พวกคุณอีกแล้ว...เสียงกระซิบแผ่วเบาเต็มไปด้วยความเศร้า คุณเป็นใครกันคะเด็กสาวถามคำถามนี้โดยไม่มองหน้าซาเฟียร์ด้วยซ้ำ   ยมทูตฝึกหัดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถาม

                    ยมทูต เสียงเรียบ   แต่โนเอลเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยทวนความคิดในใจอย่างเลื่อนลอย

                    คุณฆ่าแม่ฉันเหรอ?โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบ   โนเอลก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว  

                คุณฆ่าแม่ฉันทำไมกัน!!”

                    ซาเฟียร์เพียงแต่นิ่งเฉย ไม่ได้ตอบคำถามนั้น และอาการนั้นก็ทำให้เด็กสาวผมเพลิงถามย้ำอีกครั้ง

                     ซาเฟียร์ไม่ได้ฆ่าแม่ของเธอ และไม่เคยฆ่าใครด้วย เสียงเย็นดังมาจากออน   แต่เด็กสาวก็เอ่ยต่ออย่างไม่สนใจคำพูดของแมวดำ   หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินอีกครั้ง

                    แต่แม่ของฉันตาย   แม่ของฉันตายเพราะเจอพวกคุณ!   ถ้าพวกคุณไม่มาแม่ของฉันคงไม่ตาย!!” ความเศร้าโศกทำให้โนเอลกลายเป็นคนไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง   ซาเฟียร์ขมวดคิ้ว

                    แหงล่ะ!   ถ้าไม่ถึงคาด   เธอจะมาทำไม  

                    ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังเสียใจ   แต่ว่าพวกเราน่ะ   มาเพียงเพื่อนำทางวิญญาณไปสู่ดินแดนแห่งนั้น   ไม่ได้มาเพื่อฆ่าใครหญิงสาวผมดำถอนหายใจเล็กน้อย   เธอขมวดคิ้วอีกครั้งพร้อมนึกหาคำพูดปลอบใจ    

                    ข้าล่ะสงสัยจริงๆ   ในเมื่อแม่ของเจ้าไปดีแล้ว   ทำไมเจ้าไม่ดีใจ(สาบานได้ว่านี่คือคำพูดปลอบใจ!!)

                    คำพูดที่ตรงทะลุโลกของซาเฟียร์ทำเอาเด็กสาวอึ้ง   ส่วนเจ้าแมวดำแทบกุมขมับ

                    เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่า   ถ้าเป็น อีกคนก็คงจะดี   หน้าตาอย่างนั้นคงรู้จักการพูดจาถนอมน้ำใจคนมากกว่าซาเฟียร์   ไม่สิ.. ไม่ว่าใครก็ถนอมน้ำใจคนเป็นมากกว่าซาเฟียร์ทั้งนั้น   (อาจจะยกเว้นเขาคนหนึ่ง   แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น)

                    จะว่าไป.. นี่ก็ได้เวลาแล้ว

     

                ข้าล่ะสงสัยจริงๆ   ในเมื่อแม่ของเจ้าไปดีแล้ว   ทำไมเจ้าไม่ดีใจ

                    โนเอลกัดริมฝีปากอิ่มของตนจนช้ำเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น   แม่ไม่อยู่แล้ว...   เธอไม่มีวันได้รับรอยยิ้มที่อบอุ่นจากแม่อีกแล้ว   ไม่มีวันได้ยินเสียงเรียกที่อ่อนโยนอีกแล้ว   ถึงอย่างนั้น   ผู้หญิงตรงหน้าเธอบอกให้เธอดีใจ!  

                    ให้ดีใจเหรอ...?   จะให้ดีใจได้อย่างไร!!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++

    22/03/50


    10/03/50
    แอบดีใจเล็กน้อยที่ยังมีคนแวะมาอ่าน =w=
    อีก 15 วันจะสอบแล้ว~~ 

    หายไปนานมากกก  คงมาอัพได้ไม่บ่อยนะคะ  เพราะว่ากำลังเตรียมสอบเข้าม.4  ขอโทษจริงนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×