ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sinful Prophecy

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่1 นักทำนายผู้มีดวงตาของพระเจ้า

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 48


    เสียงหวีดจากแรงดันไอน้ำของรถไฟยังคงดังกังวานระหว่างที่ถ่านหินคุกโชนเป็นสีแดง

    แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันสาดส่องลอดประตูหน้าต่างบ้านซึ่งสร้างจากอิฐ

    กองฟืนที่วางสุมข้างตัวบ้านยังแอบมีเดซี่ดอกเล็กๆผลิบานอยู่

    กลางคืนอันเงียบสงัดต่างจากกลางวันซึ่งกึกก้องไปด้วยเสียงกรีดร้อง

    นี่คือ...ยุคแห่งการปฏิวัติ








    ตอนที่ 1 นักทำนายผู้มีดวงตาของพระเจ้า





    การปฏิวัติอันยาวนาน  ภายใต้อาณาบริเวณที่ถูกปกครองโดยทหาร  ชาวบ้านอยู่กันตามมีตามเกิด  บ้างแร้นแค้นขัดสน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองเมืองว่าจะเมตตาชาวเมืองของตนมากแค่ไหน  แต่ในวิกฤตก็ยังไม่สิ้นไร้หนทางเสมอไป  ผู้เอื้อเฟื้อยังมีอยู่ทุกที่ในนามของนักบุญ  กลุ่มคนของโบสถ์คอยหยิบยื่นความช่วยเหลือ  กระจายตัวไปในทุกเมือง  พวกเขาทำหน้าที่เป็นที่พึ่งแห่งสุดท้ายในยามทุกข์ยากนี้  แม้ว่านั่นอาจเป็นการแสวงหาอำนาจจากจิตใจอันอ่อนแรงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ก็ตามที





    “ จับไว้เร็ว!!  จับไอ้เด็กนั่นไว้!!! ”  กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนวิ่งฝ่าฝูงคนไปตามทางเดินแคบๆในย่านร้านค้า  ชนแผงขายของข้างทางล้มระเนระนาด  พ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงด่าดังโหวกเหวกผสมไปกับเสียงตะโกนของชายฉกรรจ์ซึ่งไล่ต้อนเด็กหญิงตัวเล็กๆข้างหน้า  พวกเขาเหวี่ยงมีดและไม้ในมือไปมาเป็นการขู่ทั้งเด็กน้อยและเหล่าคนค้าขายไม่ให้หวังจะเอาเรื่อง



    เด็กหญิงผมดำ  เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไปด้วยคราบเปื้อนและรอยถลอกวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต  เธอกุมของในมือแน่น  หายใจหอบแรง  สู้กัดฟันหนีทั้งๆที่กลัวแทบขาดใจ  หากเธอไม่ก้าวต่อชีวิตของเธอคงจะจบสิ้นภายใต้ท่อนไม้และคมมีด





    ปึ้กกก..กก!!



    เด็กหญิงตัวน้อยชนเข้ากับคนตรงหน้า  ถึงเธอจะวิ่งมาเร็วขนาดไหนแต่ตัวเธอก็เล็กจนเป็นฝ่ายกระเด็นซะเอง  ของในมือกลิ้งหล่น  เธอไม่สนใจความเจ็บปวดในตอนที่ล้มลงกระแทกพื้น  แต่กลับรีบคลานเพื่อตะครุบเอาของที่หลุดมือไปกลับคืนมา



    ชายฉกรรจ์ตามมาหยุดยืนรอบๆ  พวกเขาหอบถี่ด้วยความเหนื่อยแต่ยังไม่วายยิ้มเยาะ  เด็กน้อยพลาดไปแล้ว  ถึงการที่ตัวเล็กๆของเธอจะได้เปรียบเมื่อหลบซอกซอนเข้าไปในฝูงชน  นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโชคดีหนีรอดได้เสมอไป  เหมือนดั่งในวันนี้ที่สวรรค์ไม่ได้เข้าข้างเธอเอาซะเลย



    แววตาของเด็กหญิงเผยแวววอนขอความช่วยเหลือ  เธอมองชายที่เธอชน  เขาสูงเกือบ 6 ฟุต  หอบขนมปังบาแก็ตแท่งยาว  สวมเสื้อคลุมยาวสีดำซึ่งมีฮูดคลุมผมสีน้ำตาลทองและปกปิดใบหน้าไว้เกือบครึ่ง  สิ่งที่เด็กน้อยสะดุดตากลับเป็นนาฬิกาพกสีเงิน  ตัวเรือนรูปวงกลมขนาดรัศมีเฉียดๆ 1 นิ้ว  นาฬิกาที่เหมือนกันกับสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ  เพียงแต่เรือนที่เธอกำไว้แน่นนั้นเป็นสีทอง



    “ เอาคืนมาซะดีๆ  ไม่อย่างงั้นแกได้กลายเป็นซากแน่!!! ”  หนึ่งในชายที่ล้อมอยู่ตะโกนบอก  ไม่สนใจชายในชุดคลุมสีดำซึ่งยืนอยู่ข้างๆเด็กหญิง  ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว  ถึงจะดูเหมือนรังแกเด็ก  แต่คนนอกก็ไม่ควรยื่นมือเข้ามายุ่ง



    เด็กน้อยหลับตาปี๋  ขดตัวแน่นด้วยความกลัว  ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยนาฬิกาในมือ



    “ อยากเจ็บตัวนักรึไงวะ!!! ”  ชายรูปร่างใหญ่กว่าเพื่อนเดินเข้าหา  กระทุ้งท่อนไม้ลงกับพื้น  เศษอิฐปูพื้นเก่าๆกะเทาะหลุด  กระเด็นบาดแก้มเด็กน้อยเลือดไหลซิบๆ  เขาง้างปลายเท้าขึ้นเตะเด็กหญิงกลิ้งขลุกไปตามพื้น  น้ำตาของเธอไหลปริ่มด้วยความเจ็บปวด  แต่กลับไม่ยอมร้องออกมาซักแอะ  เรื่องแบบนี้สำหรับมนุษย์ที่ฟังเสียงโอดครวญเป็นเสียงดนตรีอันไพเราะมีแต่จะทำให้หงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า



    ชายคนเดิมบดกรามดังครืด  เส้นเลือดที่ขมับกระตุกหนับทันควัน  เขาง้างปลายเท้าเหวี่ยงออกเต็มแรง  หวังระบายอารมณ์ใส่เด็กหญิงตัวน้อยที่เห็นเป็นเพียงแมลงสาบเล็กๆตัวหนึ่ง



    โพล๊ะ!!!!



    ขนมปังบาแก็ตรับลูกเตะนั้นไว้จนแหลกออกเป็นเสี่ยง  กระจายฟุ้งทั่วปลายเท้าของชายร่างยักษ์  ชายในชุดคลุมสีดำสะบัดขนมปังในมือทิ้งแล้วคว้าตัวเด็กน้อยกระโดดถอย  ครู่หนึ่งที่เขาหยุดหยั่งเชิงแต่แล้วก็อุ้มเด็กหญิงวิ่งหนีตัวปลิวไปอย่างว่องไว  ทิ้งให้กลุ่มชายตัวใหญ่ไล่ๆนักมวยปล้ำงงเป็นลูกกระบือเพิ่งเกิด



    “ จับมันไว้  เร็วเข้า!! ”  เสียงตะโกนดังจากชายคนหนึ่งในกลุ่ม  กระตุ้นให้คนอื่นๆตั้งตัวแล้วเร่งฝีเท้าไล่ตามชายชุดคลุมดำ  ซึ่งอุ้มเป้าหมายของพวกเขาหนี



    “ เฮ้ยยยย!!  หยุดนะเว้ยยยย!!!! ”  เสียงชายฉกรรจ์ไล่หลังเข้ามาใกล้  ท่อนไม้ถูกเหวี่ยงขึ้นหน้า  ชายชุดดำหลบพ้นอย่างหวุดหวิด  เขาควักกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า  กระดาษขนาดเท่าฝ่ามือที่มีพื้นหลังสีดำเงาประดับด้วยรูปดาว 12 แฉก...ไพ่ทาร็อตอุปกรณ์สำหรับใช้ทำนาย



    Five  of  Swords…





    “ แค่ 5 เล่มเองเหรอ... ”  ชายชุดคลุมดำบ่นอุบอิบคิ้วขมวดเข้าหากัน  เขาหันมาฉีกยิ้มกว้าง  เล่นสงครามประสาทกับกลุมชายเบื้องหลัง  ความระแวงแล่นพรวดเข้าหาเหล่าชายฉกรรจ์  มันทำให้พวกเขาตระหนักอย่างผิดๆว่า  คนที่พวกเขาไล่ตามอยู่นั้นเห็นการหนีครั้งนี้เป็นแค่เกมวิ่งไล่จับ



    พริบตาที่ชายในชุดคลุมดำหันกลับเพื่อเร่งฝีเท้า  ดาบ 5 เล่มที่แขวนโชว์อยู่หน้าร้านขายอาวุธก็ร่วงหล่นลงมาใส่กลุ่มชายที่ไล่ตามทันที



    กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งแตกฝูง  กระเจิงไปคนละทิศ  เบียดเสียดกันหลบคมดาบซึ่งตวัดฉวัดเฉวียนเฉือนแข้งบาดขาไปทั่ว  ดั่งกับมีมือล่องหนควงมันไปมา  รายหนึ่งถึงกับใบหูขาดไปทั้งข้าง  ถึงอย่างไรก็ยังคงเหลือพวกหนังหนาผิดมนุษย์มนาอยู่ดี  แต่เพียงแค่ดาบ 5 เล่มเก็บกลุ่มชายซึ่งบ่มเพาะร่างกายมาอย่างดีได้เกือบ 10 คน  ก็นับเป็นความบังเอิญอันน่ากลัวเกินกว่าจะคาดคิดแล้ว



    พวกที่เหลือวิ่งไล่เป้าหมายต่ออย่างไม่ลดละ  ชายชุดดำผ่อนฝีเท้าลงหลังจากจวนตัวอีกรอบ  ชายฉกรรจ์ 4 คนวิ่งไล่หลังมาติดๆ



    “ มาทางลัดกันรึไง...!? ”  ชายชุดคลุมดำเปรยอย่างหงุดหงิด  เขาชักปลายเท้าหยุดกะทันหัน  แล้วหยิบไพ่อีกใบออกจากกระเป๋าเสื้อคลุม





    ไพ่หมายเลข 0  The  Fool…ไพ่แห่งความว่างเปล่า



    สามในสี่ของชายที่วิ่งตามมาหล่นวูบลงไปเบื้องล่าง  อีกคนที่เหลือพอหันกลับไปก็ไม่เห็นวี่แววพวกของตนซะแล้ว  เบื้องหลังมีเพียงฝาท่อระบายน้ำเปิดทิ้งไว้เท่านั้น



    ชายคนเดียวที่เหลือหันรีหันขวางหาพรรคพวก  ขณะที่ชายในชุดคลุมสีดำหยิบไพ่อีกหนึ่งใบออกมา  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกไม่ต่างจากอารมณ์ที่แสดงออกทางแววตาสีนิล  มันแฝงไปด้วยความสนุกชั่ววูบก่อนจะหลบหายเข้าไปในเงาของฮูดคลุมศีรษะ



    “ กะ...แก... ”  ชายคนเดียวที่เหลือกัดฟันกรอด  ความน่ากลัวน่ายำเกรงของพวกเขายิ่งใหญ่เพียงตอนจับกลุ่มรวมกันเท่านั้น  ถ้าจะให้ดันทุรังบุกเดี่ยว  เข้าไปเสี่ยงกับคนที่ให้ความรู้สึกอันตรายแบบนี้แล้วล่ะก็ถือว่าไม่คุ้ม  โดยเฉพาะคนตรงหน้าที่แค่ชักไพ่ก็สอยพวกเขาหายไปจนหมด



    “นี่มันไม่ใช่กงการอะไรของแก  เอาตัวไอ้เด็กนั่นคืนมาซะดีกว่า! ”  เขาเอ่ยปากต่อรองพยายามข่มความหวั่นเกรงให้ลึก



    ชายสวมชุดคลุมดำวางเด็กหญิงลง  เปิดฮูดคลุมศีรษะที่เกะกะใบหน้าอยู่ออก  ผมสีน้ำตาลทองแปลกตาถูกเสยขึ้นให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี



    “ คิดจะช่วยใครก็ต้องช่วยให้ตลอดลอดฝั่ง...ผมคิดว่างั้นนะ ”  เด็กหนุ่มเอ่ย  บอกเจตจำนงของตน



    ชายฉกรรจ์เหยียดยิ้ม  เขาควรจะโกรธที่เจ้าชุดดำตรงหน้าไม่ยอมคืนตัวเด็กให้  หรือไม่ก็ขลาดกลัวจนต้องวิ่งหนี  แต่นี่คนตรงหน้ากลับเป็นแค่เด็กวัยรุ่น  ถึงมันจะทำให้เกิดเหตุบังเอิญได้แบบคาดไม่ถึงก็เถอะ  ถ้าเล่นงานตรงๆก็คงไม่ครณามือสักเท่าไหร่...  ใต้เสื้อคลุมสีดำนั่นก็คงเป็นแค่ร่างกายปวกเปียกของเด็กชายธรรมดา  ไหนจะสู้มัดกล้ามที่บ่มเพาะมานานหลายปีได้  จากนี้จะไม่มีโชค  ดวง  หรือความบังเอิญอีกแล้ว  วัดกันด้วยแรงและประสบการณ์เท่านั้น



    ชายฉกรรจ์ชักมีดออก  คมมีดสะท้อนแสงวาบเข้าตาเด็กหนุ่ม  ในจังหวะที่เขากระพริบตาหลบแสงนั้นเอง  ปลายมีดก็พุ่งทะลวงเข้าหา  



    คมมีดแทงผ่านเนื้อ  คราบเลือดเปื้อนติดตามไรมีด  แต่เบื้องหน้ากลับเป็นเพียงความว่างเปล่า  ชายผู้ถือมีดหันซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง  รอบตัวว่างเปล่าและด้านล่างไม่มีอะไร  ที่เหลือก็แค่ด้านบน!



    “ 9 ดาบ ”  เด็กหนุ่มขว้างไพ่ที่หยิบไว้ลงพื้น  ชายฉกรรจ์ดันตัวหลบเข้าหาผนังตึกตามสัญชาตญาณที่คิดว่าสิ่งที่พุ่งลงมานั้นมีอันตราย  ก่อนชะงักหยุดเมื่อมีดเล่มบาง 9 เล่มพุ่งลงมาราวห่าฝน  พร้อมเด็กหนุ่มที่กระโดดตามมาจากเบื้องบน



    มีด 4 เล่มหยุดการเคลื่อนไหวบริเวณขา  อีก 4 เล่มหยุดแขนทั้ง 2 ข้าง  และเล่มสุดท้ายกระทบมีดในมือของชายฉกรรจ์ให้หลุดกระเด็นเข้ามายังฝ่ามือของเด็กหนุ่มผู้มีผมสีน้ำตาลทองอย่างแม่นยำ





    “ โทษทีนับผิด...10 เล่มต่างหาก! ”  



    ใบมีดคมกริบบรรจงจ่อยังคอหอยของชายฉกรรจ์  ตัวของเขาค้างเกร็งไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำลาย  ด้วยระแวงว่าลูกกระเดือกจะกระทบปลายมีดจนฉีกขาด  ความกลัวจากคมมีดพุ่งวาบจนตัวชา  ความอับอายที่อาวุธของตนย้อนกลับมาทำร้ายฉีดเลือดขึ้นใบหน้าจนแดงก่ำ  และที่สำคัญความประหวั่นที่เกิดจากรอยยิ้มของเด็กหนุ่มและไพ่ทาร็อตบนพื้นเบื้องหน้า





    Ten  of  Swords!!!









    ...มันเป็นความโง่ที่แกว่งมือหาหนามชิ้นโตโดยไม่ลืมตาดูให้ดีๆ  หรือเป็นความขลาดเขลาที่จำตัวอันตรายแบบนี้ได้ช้าเกินไปกันแน่







    มีด 9 เล่ม  โรแรนน์  วอลฮาร์ด....นักทำนายผู้มีดวงตาของพระเจ้า



    ตัวหายนะ!!!!!!!



      

























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×