คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 ~ คำสั่งของพ่อและเงื่อนไขที่ตามมา
Chapter 2
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องผู้ป่วย เพิ่มระดับอุณหภูมิจากความเย็นเยือกให้ค่อยๆอบอุ่นขึ้น หญิงสาวบนเตียงเริ่มขยับตัวนิดๆก่อนแพขนตาหนาจะค่อยๆปรือขึ้นอย่างอ่อนล้า ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือเพดานสีขาวอันแปลกตาไปจากปกติ แต่ใช่ว่าไม่คุ้นเคยกับมันเสียทีเดียวสำหรับคนที่คลุกคลีกับโรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็กอย่างเธอ ไอยเรศค่อยๆรวบรวมความทรงจำจากภาพที่ตกค้างอยู่ในสมองแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างเลือนราง ทว่าคนที่ให้คำอธิบายแก่เธอได้มากกว่าคงเป็นชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกเจ้าตัวยกมาวางข้างเตียง
" พี่ชาย..."
เมื่อได้ยินเสียงใสๆที่บัดนี้มีร่องรอยของความอ่อนเพลียเรียก ร่างชายหนุ่มผู้งีบหลับในท่านั่งก็ค่อยขยับตัวก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นอย่างตื่นๆ ไอยเรศมองพี่ชายของเธอกุลีกุจอเอาเครื่องมือนั่นนี่มาวุ่นวายกับเธออย่างเงียบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของอีกฝ่ายเธอจึงค่อยเริ่มต้นพูด
" พี่ชายพาไอมาที่นี่เหรอคะ แล้วเมื่อคืนไอ..." ไอยเรศเริ่มต้นแต่ก็ถูกสายตาดุๆปรามมาเสียก่อน
" อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ คุณหนูพักผ่อนก่อนดีกว่า " รัชตะยังคงเรียกเธอเช่นเดิมด้วยความเคยชินทำเอาคนถูกเรียกทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ
" ขอโทษครับ...ไอ แต่ตอนนี้รีบพักผ่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะโทรไปลาที่คณะให้ "
" ไม่ต้องมาทำพูดดี พี่ชายเป็นหมอคงรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ไอเองก็รู้เพราะงั้นบอกมาเถอะค่ะว่าไอเป็นโรคหัวใจใช่มั้ยคะ " น้ำเสียงหวานเจือแฝงต่อต้าน ทว่าก็เงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของอีกฝ่าย ไอยเรศเผลอจ้องมองพี่ชายของเธออีกครั้งราวกับไม่เคยเห็นเขามาก่อน
" พี่ชายอย่าบอกคุณพ่อนะคะ ขืนบอกต้องให้ไอหยุดเรียนแน่ๆ ไออยากเรียนต่อให้จบ " หญิงสาวเอ่ยพลางจ้องมองความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของคนเป็นพี่ชาย รัชตะยังคงเงียบ
" ไอมีอาการมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ "
" ประมาณอาทิตย์นึงได้ค่ะ ตอนแรกคิดว่าเพราะความเครียดเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องงาน แต่พอสังเกตอาการไปแล้วก็นึกรู้ว่าไม่ใช่ น่าแปลกจังนะคะทั้งๆที่ตอนตรวจสุขภาพประจำปียังไม่มีอะไรผิดปกติสักนิด " ไอยเรศเอ่ยราวกับว่าไม่กังวลอะไรเลย ขณะที่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด
" ยังไงพี่ก็ต้องขอให้ไอดร็อปเรียนไปก่อน เดี๋ยวพี่ทำเรื่องให้เอง...อ้างเรื่องอะไรก็ได้ " รัชตะพูดราวกับจิตใจไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว เขาลุกขึ้นเดินหมายจะออกไปจากห้องก่อนจะได้ยินเสียงเรียกที่ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้าลง
" สัญญานะคะ...พี่ชายต้องไม่บอกใครว่าไอป่วยเป็นอะไร แล้วก็..." เธอเว้นวรรคเล็กน้อยรอให้อีกฝ่ายหันกลับมา " พี่ชายอย่าคิดมากนะคะ " รัชตะถึงกับอึ้งไป ความจริงประโยคนี้เขาควรเป็นคนพูดกับเธอด้วยซ้ำ นี่เขาดูแย่ถึงขนาดต้องให้คนป่วยมาปลอบเชียวหรือเนี่ย
" ครับ...ไอเองก็นอนพักอยู่นี่อย่าดื้อล่ะ เดี๋ยวพี่จะให้พยาบาลมาดูแลนะครับ " น้ำเสียงและสายตาอันอ่อนโยนที่ทอดมองมาชวนให้รู้สึกอุ่นใจ ไอยเรศพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆเลื่อนตัวลงนอนพักผ่อนโดยไม่อิดเอื้อนอีกต่อไป
...........................................................
" ลูกไอ...!! "
ตอนสายๆปฐวีก็ผลุนผลันมาโรงพยาบาลทันทีที่ได้ทราบเรื่องจากรัชตะ เสียงดังสนั่นปานฟ้าจะถล่มนั่นทำเอาไอยเรศตกใจตื่น หลังจากนั้นก็ถูกผู้เป็นพ่อคว้าตัวไปกอดก่อนที่จะทันรู้ตัวด้วยซ้ำไป หญิงสาวได้แต่มองตาปริบๆอย่างขวยเขิน คงเพราะเธอกับพ่อไม่ค่อยได้แสดงความรักกันออกนอกหน้าให้รัชตะเห็นบ่อยๆก็เป็นได้จึงรู้สึกไม่ค่อยชินกับสายตาที่มองมาอยู่ อีกฝ่ายคงจะรู้ตัวจึงเบือนสายตาไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
กว่ารัชตะจะช่วยพูดให้ปฐวีสงบสติอารมณ์ได้ก็เล่นเอาไอยเรศรู้สึกว่าตัวเองคงหน้าแดงอย่างนี้ตลอดไป หลังจากได้ฟังคำอธิบายอีกครั้งจากปากลูกสาว คนเป็นพ่อจึงค่อยๆยอมรับขึ้นมาทีละน้อย
" ก็บอกแล้วไงคะว่าเพราะเรียนหนักไปหน่อยก็เลยเหนื่อยแค่นั้นเอง " ไอยเรศรีบย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าปฐวียังตั้งท่าจะปักหลักอยู่เฝ้าเธอไปทั้งวัน ตัวเขาเองก็เคยเป็นหมอมาก่อนที่จะรับสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ ถ้าเกิดไอยเรศแสดงอาการแปลกๆออกไป เธอไม่คิดว่าปฐวีจะลืมความรู้ที่เคยมีแล้วเดาอาการของเธอไม่ออก
" เรียนหนักจนเป็นลมเป็นแล้งไปแบบนี้พ่อไม่เอาด้วยแล้วนะ ลูกไม่ต้องเรียนแล้ว ให้รัชตะหัดงานในโรงพยาบาลไปเลย "
" โธ่...คุณพ่อคะ แพทย์ก็ต้องเรียนหนักอยู่แล้วนี่คะ ยิ่งขึ้นปีสี่ต้องขึ้นชั้นคลีนิกด้วย..." ไอยเรศรีบส่งสายตาไปทางพี่ชายของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
" ไม่เอา...พ่อไม่ให้เรียนแล้ว " ปฐวียังคงดึงดันเจตนารมย์เดิมอย่างดื้อดึง
" งั้นให้ผมเป็นแอดไวเซอร์ให้คุณหนูดีไหมครับ จะได้เรียนพร้อมทั้งหัดงานไปด้วย " เสียงสวรรค์ของรัชตะดังขึ้น ไอยเรศรู้สึกเหมือนอยากโผไปกอดพี่ชายของเธอเสียตอนนี้เลย ปฐวีทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบ...
" เอาตามนั้นก็ได้...ยังไงก็เป็นคนคุ้มกันอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นอาจารย์เพิ่มไปด้วยคงไม่หนักหนาอะไรหรอก...เอาเป็นว่าฝากน้องด้วยละกัน พ่อไปนะ...ต้องไปประชุมฝ่ายบริหารต่อ " ปฐวีเอ่ยตอบรัวเร็วราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้ว ก่อนจะหอมแก้มลูกสาวเบาๆแล้วบอกลาออกจากห้องไปพร้อมกับภมรที่รออยู่หน้าห้อง
"............"
" อาการเป็นยังไงบ้างครับ " เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งสองชั่วครู่ก่อนรัชตะจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน ไอยเรศขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล เห็นดังนั้นรัชตะจึงเข้าไปช่วยประคองอย่างเกร็งๆ
" พี่ชายเป็นอะไรไปคะ ดูท่าทางเกร็งๆชอบกล " ไอยเรศกล่าวพลางกลั้นยิ้ม
" เปล่าครับ...เดี๋ยวขอพี่ตรวจอาการดูอีกรอบนะครับ " รัชตะเลี่ยงที่จะตอบคำถาม อาการห่างเหินอย่างแปลกๆนั่นทำให้หญิงสาวหงุดหงิดยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
ตอนพักกลางวันพวกเพื่อนที่คณะแห่กันมาเยี่ยมไอยเรศทั้งทีม นำโดยมินวดีเพื่อนสนิทเป็นผู้นำขบวน เพราะอาจารย์รัชตะไม่ได้เข้าสอนทั้งหมดจึงได้ทราบว่าเขามาดูแลไอยเรศที่ป่วยอยู่
" โอ๋ๆๆ คราวหลังจะไม่ใช้ให้ทำงานให้แล้วล่ะ ดูสิหน้าตายังดูเซียวๆอยู่เลย " มินวดีวาพลางมานั่งลูบๆหัวไอยเรศที่เตียง
" ไม่ใช่แค่ของมิ้น ของแพม ของตาลและก็ของพจน์ไอก็ขอแคนเซิลนะคะ " ไอยเรศได้ทีโยนงานคนอื่นที่ยัดมาให้ทำทิ้ง เจ้าของคดียิ้มแห้งๆคนอื่นๆพากันฮาครึน ขณะที่รัชตะยืนเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่บนหัวเตียง (เหมือนเจ้าที่เจ้าทางยังไงก็ไม่รู้)
" แล้วแกป่วยเป็นอะไรล่ะ เมื่อวานยังกระดี้กระด๊าอยู่เลยว่า..." พรพิมลหรือแพมเอ่ยถามพลางจะแซวแต่เดินไอยเรศถองเสียก่อนเพราะเห็นรัชตะยังมองอยู่
" เมื่อไหร่จะได้กลับไปเรียนล่ะครับ " สุพจน์ชายหนุ่มผิวขาวแสนสุภาพเอ่ยถามอย่างกลัวๆกล้าๆ
" นั่นสิ...ไม่มีไอแล้วใครจะแข่งเป็นที่หนึ่งกับฉันล่ะ " มินวดีว่าพลางลูบผมคนป่วยแรงๆอีกครั้ง คราวนี้ไอยเรศเงียบไปอย่างรอให้ความอยากรู้ของทุกคนพุ่งถึงขีดสุดก่อน...
" คุณพ่อไอท่านไม่ให้เรียนต่อแล้วล่ะ แต่จะให้ฝึกงานโนโรงพยาบาลเลยแล้วให้อาจารย์รัชตะเป็นแอดไวเซอร์ให้ " ไอยเรศบอกเสียงอ่อยๆ รับรู้ได้ถึงกระแสความตกใจระคนประหลาดใจของเพื่อนๆ ทุกคนสูดลมหายใจเข้าพร้อมกันเฮือกหนึ่งก่อนจะพร้อมใจกันมองไปทางอนุสาวรีย์ที่อยู่บนหัวเตียงอย่างขอคำตอบ พวกเขาพอจะรู้อยู่ว่าสมัยเรียนอาจารย์รัชตะได้คะแนนสูงสุดในชั้นปีทุกครั้งซ้ำยังจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอีกด้วย แต่ไม่นึกว่าพ่อของไอยเรศจะไว้วางใจขนาดฝากลูกสาวคนเดียวที่สุดรักสุดหวงให้เป็นลูกศิษย์ชนิดตัวต่อตัวได้
" จริงเหรอครับ...อาจารย์ " สุพจน์กลั้นใจถาม รัชตะพยักหน้าตอบเงียบๆทำเอาทั้งหมดกลั้นหายใจอย่างตกตะลึงอีกครั้ง
" โชคดีเป็นบ้าเลยว่ะแก..." ญาดาแอบถองไอยเรศเข้าแรงๆทีหนึ่ง เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาสาวที่แอบปลื้มอาจารย์หนุ่มมาดขรึมอย่างรัชตะอยู่ โดยเฉพาะเธอแอบปลื้มมาตั้งแต่สมัยเป็นรุ่นพี่คณะแพทย์แล้ว ไอยเรศทำหน้าปุเลี่ยน
" เสียใจด้วยนะเฟ้ย...ตาล อาจารย์รัชตะสุดหล่อของแกน่ะ..." มินวดีกระซิบเสียงไม่ค่อยนักอย่างลืมไปสนิทว่าคนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นชื่อรัชตะ
" คุณไอยเรศต้องพักผ่อนนะครับ ถ้าพวกคุณไม่มีธุระอะไรมากไปกว่านี้ก็ขอเชิญกลับ " รัชตะกระแอมขัดจังหวะขึ้นมาอย่างเสียมิได้ เหล่านักศึกษาแพทย์ต่างลอบสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากผลของคำว่า ' อาจารย์รัชตะสุดหล่อ ' แต่ก็เห็นผู้เป็นอาจารย์มีท่าทีเป็นปกติ
" งั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ...หายเร็วๆนะไอ " มินวดีเป็นตัวแทนกล่าวคำอำลา ก่อนกองทัพย่อมๆของเหล่าว่าที่แพทย์ทั้งหลายจะเคลื่อนพลออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
" พี่ไม่ยักรู้ว่าไอมีเพื่อนมากมายขนาดนี้ " รัชตะอ้อมมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมของตนที่ถูกสุพจน์ครอบครองไปเมื่อครู่ จ้องมองคนป่วยบนเตียงด้วยแววตาที่เดาความรู้สึกไม่ถูก
" ก็เพื่อนๆที่คณะน่ะค่ะ พวกเรามีอุดมการณ์เดียวกันเลยเข้ากันได้ดีทุกคน " ไอยเรศว่าด้วยท่าทีปลาบปลื้ม ทั้งๆที่คณะแพทย์มักมีอัตราการแข่งขันสูงทำให้นักศึกษาพลอยจะหมางเมินกันไปหน่อย แต่เธอดีใจเหลือเกินที่พวกเขากลับสนิทกันขนาดนี้
" ก็ดีแล้วครับ " รัชตะว่าพลางถอนหายใจ
" อ้าว...นึกว่าจะโกรธซะอีก " ไอยเรศเอ่ยยิ้มๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรอีกเธอก็เลือกที่จะเงียบแทน
" พี่ชาย...ไอขอถามอะไรอย่าง "
" ครับ " คนถูกเรียกเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบรับ
" เมื่อไหร่พี่ชายจะเริ่มเทรนงานให้ไอ " ไอยเรศกลั้นใจถามทั้งๆที่แทยจะเดาคำตอบล่วงหน้าอยู่แล้ว ทว่า...
" ไม่เมื่อไหร่อะไรทั้งนั้นล่ะครับ...ทั้งหมดนั่นพี่จงใจบอกเพื่อไม่ให้คุณท่านสงสัย " คำตอบที่ได้กลับพลิกความคาดหมายไปอีกโข
" พี่ชาย ! "
" ลำพังงานปกติก็ยุ่งแทบแย่อยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาอีกล่ะครับ "
" พี่ชาย ! " น้ำเสียงหวานเริ่มปนกระแสไม่พอใจ ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีไม่รู้ไม่ชี้เสียแบบนั้นก็ยิ่งชวนให้อารมณ์เสีย
" ไม่รู้ล่ะ อย่าลืมหาอะไรมาล่ามไว้ด้วยละกัน เพราะไอจะหนีไปเรียน "
เมื่อได้ยินคำขาดเช่นนั้นรัชตะก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกระอาในความเอาแต่ใจของหญิงสาวก่อนจะกลับไปสนใจกับหนังสือที่อ่านค้างอยู่ต่อ...
ความคิดเห็น